เริ่มแรก ของบอกก่อนว่าตัวเราเองเป็นคนไม่ค่อยพูดกับคนไม่สนิท เป็นคนพูดตรงจริงใจไม่ชอบคือไม่ และก็ไม่สามารถตี2หน้าเข้าหากันได้
คือเราคบกันแฟนและเริ่มใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันเข้า3ปีนี้ ทางครอบครัวของเราทั้ง 2 ฝ่าย ต่างโอเคไม่ได้มีปัญหาอะไรที่เราอยู่ด้วยกัน แถมยังสนับสนุนค่อยซัพพอร์ตเราทั้งคู่ด้วยซ้ำ แต่ประเด็กมันมีอยู่ว่า พส.ของแม่แฟนเรา เขาไม่รอยกับเรา อาจจะเพราะปากเราด้วย การที่เราอยู่ด้วยกัก่อนแต่งด้วยหรืออะไร หลายๆอย่างก็ตาม เขาจะค่อยสร้างสงครามประสาทกับเราตลอดเวลา ค่อยจับผิดนู้นนี้นั้น อาทิ การที่เราอาบน้ำก็จะค่อยจะจับผิดว่าใช้น้ำเยอะแค่ไหนเวลานานแค่ไหนและจะค่อยพูดสอดเสียดเราเสมอ เราจะมีพื้นที่ส่วนตัวของเรา และเราเองก็จะไม่ไปก้าวก่ายพื้นที่ของใคร ช่วงแรกๆที่เราเข้ามาอยู่ในบ้านนี้เราก็พยายามทำทุกอย่างให้เหมือนที่เราทำให้คนที่บ้านเราไม่ว่าจะเป็นการทำความสะอาดดูแลทำกับข้าว บลาๆ แบบแม่บ้านคนหนึ่ง (แต่เรามีงานทำและเรียนในเวลาเดียวกัน) เรื่องมันก็เกิดขึ้นประหนึ่งว่า ญาติผู้ใหญ่บ้านนี้เขาคงไม่ชอบสิ่งที่เราทำมันดูข้ามหน้าตาเข้าไปในบ้างที เพราะเขาๆกันก็มีงานที่ต้องทำในบ้านก็จะมีญาติผู้ใหญ่ที่ต้องอยู่บ้านคนเดียว กว่าลูกๆเขาจะกลับมาก็ 8-9 โมเช้ากว่าจะได้กินข้าวเช้า เราเองก็อยากทำให้ไม่ได้คิดอะไร คือ เราจะทำกับข้าวให้ทุกเช้าและหาไปไว้ให้ใกล้ๆ (เพราะเขาแก่แล้วเดินไม่ค่อยไหว) แต่ขอบอกก่อนว่าเช้าของเราคือ 6.30 น-7.10 น เพราะเราเองนอนดึกเนื่องจากมีภาระที่ต้องรับผิดชอบ ก่อนออกไปเรียนหรือทำงานก็แล้วแต่ ประเด็นมันมีอยู่ว่า พส.ของแม่แฟนเราอ่า ไม่พอใจ ญาติผู้ใหญ่คนนั้นเขาก็มาต่อว่าเรา เราจำคำนั้นได้ดีมาก "เป็นใคร ถึงมาทำให้กู กูไม่ต้องการ ขนาดลูกกูยังไม่เคยทำให้กูเลย เป็นใคร " นับตั้งแต่ตอนนั้นเราก็เริ่มลดสิ่งที่เราทำให้เขาลงมาเรื่อยๆ เพราะเราคิดว่า เราคงข้ามหน้าเขาไป เขาเป็นผู้ใหญ่กว่าเราเยอะ ตลอดเวลาตั้งแต่ตอนนั้นยังตอนนี้ก็ไม่มีใครชอบเราหรอก นอกจากคนใกล้ตัวเราจริง ๆ ด้วยที่เราเองมีภาวะซึมเศร้าที่ยังต้องได้รับการรักษา เวลาที่มีอะไรมากระทบความรู้สึกเราก็จะอ่อนแอมาก เรารู้สึกน้อยใจมากตอนที่เราอยู่บ้านเรา ไม่เคยลำบากใจขนาดนี้เลย ที่เล่ามาทั้งหมด ตลอดเวลาที่เรากับแฟนอยู่ด้วยกันดูแลหางานด้วยกัน เราก็มีปัญหากับพส.แม่ของแฟนเรามาโดยตลอด อะไรอดได้ก็นับ1-100 ทุกอย่าง มันก็ยังเกิดปัญหาขึ้นมาอีก เนื่องจากช่วงนี้มันโควิดอะเนอะ ทำงานที่บ้านเรียนที่บ้าน เวลาเราทำงานส่วนใหญาก็จะเลี่ยงการเปิดไมค์เพราะมันจะรบกวนคนอื่น และเราก็จะใส่หูฟังซะส่วนใหญ่ บอกก่อน ด้วยที่บ้านนี้มันไม่ได้มีพื้นที่ที่เยอะ ทุกคนก็จะแบ่งโซนเป็นพื้นที่ส่วนตัว แต่ด้วยพื้นที่เราอะมันอยู่หลังโทรทัศน์ ลูกชายของพส.แม่แฟนเราอะ ด้วยความที่เป็นเด็กที่สุดในบ้านทุกคนจะค่อยเอาใจ แต่เราอะเฉย ๆ วันนั้นเป็นวันที่เรามีพรีเซ็นงานพิเศษ เราก็ขอให้ลดเสียงให้หน่อยเพราะเรากำลังจะพรีเซ็น สรุปไม่ลงค่ะ แต่เขากับทำตรงข้ามตอนที่เรากำลังพูดพอดี สรุปงานพรีไม่ได้ แถมมีปัญหากับญาติผู้ใหญ่ของเขาอีก เขาก็ด่าเราเสียๆหายๆ สารพัด ลามถึงแฟนเราบอกว่าเราเอากระโปรงไปครอบหัว บวชมาเสียผ้าเหลือง อะไรประมาณนี้ บอกว่าเราเป็นคนนอกแต่ใหญ่กว่าคนในบ้าน สรุปเป็นประเด็นใหญ่ ไปเลย ข้าว กับข้าวเราก็ใช้ของเขาน้อยลง ส่วนใหญ่เราก็ซื้อของเรากินกันทุกๆมื้อ อาจจะมีซื้อของมาฝากตู้เย็นไว้ทำบ้าง เพราะกันไม่ให้เขาว่าเราว่ามาใช้ของเขาไม่ทำอะไรให้เขามาอยู่บ้านเขา มานอนบ้านเขาฟรี ๆ แต่เอาจริงๆ ครอบครัวเรามีบ้านอีก 1 หลังที่ซื้อไว้ แต่เราจะไปที่นั้นกันเสาร์อาทิตย์หรือวันหยุดเท่านั้น เพราะญาติผู้ใหญ่ที่นี่เขาอยู่คนเดียวซะส่วนใหญ่ เวลาแกเป็นอะไรก็จะไม่มีใครรู้ เราในครอบครัวก็เลือกที่จะอยู่ที่นี่เพื่อค่อยดูและอยู่เป็นเพื่อน พอเกิดเรื่องนี้ เราในครอบครัวก็คุยกันว่าจะย้ายไปบ้านเรา แต่จะทยอยย้ายเพราะก็ไม่ได้อยากมีปัญหาอีก สรุปแล้ว แม่ของแฟนเรากับติดโควิด ทุกคนกักตัวแยกตัวกันหมด เราในครอบครัวก็คุยกันว่า คงยังไม่ย้ายเพราะเหตุผลหลายๆอย่างแบบเดิม จนตอนนี้เองเราก็กลับมาคิดคนเดียวว่า เราอยู่บ้านเราเอง ครอบครัวเราก็มี ย่าพ่อเราก็ยังอยู่ อยู่บ้านเราแสนสุขสบายมีความรักรอบตัว กลับไปอยู่บ้านเราไหม แต่แน่นอนถ้าหากเรากลับบ้านเรากับแฟนต้องเลิกกันทันที เพราะพ่อเราเองเป็นคนห่วงลูกมาก ถ้าดูแลไม่ได้เขาก็จะไม่ยอม พ่อพูดเรื่องนี้กับพวกเราบ่อยมาก เราก็ห่วงความรู้สึกพ่อเรา ตอนนี้เราอึดอัดมาก เราเรียนหนักมากงานเราก็อีกอย่าง แต่ พส.ของแม่เรานั้นก็จะค่อยสร้าวสงครามประสาทกับเราตลอด เราคิดว่า ถ้ามันเป็นปัญหาแก้อะไรไม่ได้แบบนี้ักวันต่อให้เรากัแฟนห่วงกันแค่ไหนรักกันผูกพันแค่ไหน อย่างไงก็คงต้องเลิก เรารู้สึกว่า เราเองต้องการพลังบวกบ้าง ทุกวันนี้เหมือนเราได้ด้านลบๆมาจากสภาพแวดล้อมคนรอบตัวอะไรหลายๆ อย่าง เราเริ่มเหนื่อยเริ่มท้อ บ้างทีเราก็นึกคิดว่า ทำไมเราต้องทนอยู่กับอะไรแบบนี้มันแทบจะไม่ได้อะไรกลับมาแถมทำร้ายตัวเราเองด้วยซ้ำ ทั้งหมดนี้เราอยากจะขอคำแนะนำการใช้ชีวิตในถ่วงเวลานี้ของเราหน่อย เราควรเป็นแบบไหน หรือช่วยบอกเราทีวิธีที่จะทำให้เราสบายใจได้บ้าง
เป็นสะใภ้ในครอบครัวไม่มีปัญหา แต่คนนอก(ญาติ)ค่อยเล่นสงครามประสาท
คือเราคบกันแฟนและเริ่มใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันเข้า3ปีนี้ ทางครอบครัวของเราทั้ง 2 ฝ่าย ต่างโอเคไม่ได้มีปัญหาอะไรที่เราอยู่ด้วยกัน แถมยังสนับสนุนค่อยซัพพอร์ตเราทั้งคู่ด้วยซ้ำ แต่ประเด็กมันมีอยู่ว่า พส.ของแม่แฟนเรา เขาไม่รอยกับเรา อาจจะเพราะปากเราด้วย การที่เราอยู่ด้วยกัก่อนแต่งด้วยหรืออะไร หลายๆอย่างก็ตาม เขาจะค่อยสร้างสงครามประสาทกับเราตลอดเวลา ค่อยจับผิดนู้นนี้นั้น อาทิ การที่เราอาบน้ำก็จะค่อยจะจับผิดว่าใช้น้ำเยอะแค่ไหนเวลานานแค่ไหนและจะค่อยพูดสอดเสียดเราเสมอ เราจะมีพื้นที่ส่วนตัวของเรา และเราเองก็จะไม่ไปก้าวก่ายพื้นที่ของใคร ช่วงแรกๆที่เราเข้ามาอยู่ในบ้านนี้เราก็พยายามทำทุกอย่างให้เหมือนที่เราทำให้คนที่บ้านเราไม่ว่าจะเป็นการทำความสะอาดดูแลทำกับข้าว บลาๆ แบบแม่บ้านคนหนึ่ง (แต่เรามีงานทำและเรียนในเวลาเดียวกัน) เรื่องมันก็เกิดขึ้นประหนึ่งว่า ญาติผู้ใหญ่บ้านนี้เขาคงไม่ชอบสิ่งที่เราทำมันดูข้ามหน้าตาเข้าไปในบ้างที เพราะเขาๆกันก็มีงานที่ต้องทำในบ้านก็จะมีญาติผู้ใหญ่ที่ต้องอยู่บ้านคนเดียว กว่าลูกๆเขาจะกลับมาก็ 8-9 โมเช้ากว่าจะได้กินข้าวเช้า เราเองก็อยากทำให้ไม่ได้คิดอะไร คือ เราจะทำกับข้าวให้ทุกเช้าและหาไปไว้ให้ใกล้ๆ (เพราะเขาแก่แล้วเดินไม่ค่อยไหว) แต่ขอบอกก่อนว่าเช้าของเราคือ 6.30 น-7.10 น เพราะเราเองนอนดึกเนื่องจากมีภาระที่ต้องรับผิดชอบ ก่อนออกไปเรียนหรือทำงานก็แล้วแต่ ประเด็นมันมีอยู่ว่า พส.ของแม่แฟนเราอ่า ไม่พอใจ ญาติผู้ใหญ่คนนั้นเขาก็มาต่อว่าเรา เราจำคำนั้นได้ดีมาก "เป็นใคร ถึงมาทำให้กู กูไม่ต้องการ ขนาดลูกกูยังไม่เคยทำให้กูเลย เป็นใคร " นับตั้งแต่ตอนนั้นเราก็เริ่มลดสิ่งที่เราทำให้เขาลงมาเรื่อยๆ เพราะเราคิดว่า เราคงข้ามหน้าเขาไป เขาเป็นผู้ใหญ่กว่าเราเยอะ ตลอดเวลาตั้งแต่ตอนนั้นยังตอนนี้ก็ไม่มีใครชอบเราหรอก นอกจากคนใกล้ตัวเราจริง ๆ ด้วยที่เราเองมีภาวะซึมเศร้าที่ยังต้องได้รับการรักษา เวลาที่มีอะไรมากระทบความรู้สึกเราก็จะอ่อนแอมาก เรารู้สึกน้อยใจมากตอนที่เราอยู่บ้านเรา ไม่เคยลำบากใจขนาดนี้เลย ที่เล่ามาทั้งหมด ตลอดเวลาที่เรากับแฟนอยู่ด้วยกันดูแลหางานด้วยกัน เราก็มีปัญหากับพส.แม่ของแฟนเรามาโดยตลอด อะไรอดได้ก็นับ1-100 ทุกอย่าง มันก็ยังเกิดปัญหาขึ้นมาอีก เนื่องจากช่วงนี้มันโควิดอะเนอะ ทำงานที่บ้านเรียนที่บ้าน เวลาเราทำงานส่วนใหญาก็จะเลี่ยงการเปิดไมค์เพราะมันจะรบกวนคนอื่น และเราก็จะใส่หูฟังซะส่วนใหญ่ บอกก่อน ด้วยที่บ้านนี้มันไม่ได้มีพื้นที่ที่เยอะ ทุกคนก็จะแบ่งโซนเป็นพื้นที่ส่วนตัว แต่ด้วยพื้นที่เราอะมันอยู่หลังโทรทัศน์ ลูกชายของพส.แม่แฟนเราอะ ด้วยความที่เป็นเด็กที่สุดในบ้านทุกคนจะค่อยเอาใจ แต่เราอะเฉย ๆ วันนั้นเป็นวันที่เรามีพรีเซ็นงานพิเศษ เราก็ขอให้ลดเสียงให้หน่อยเพราะเรากำลังจะพรีเซ็น สรุปไม่ลงค่ะ แต่เขากับทำตรงข้ามตอนที่เรากำลังพูดพอดี สรุปงานพรีไม่ได้ แถมมีปัญหากับญาติผู้ใหญ่ของเขาอีก เขาก็ด่าเราเสียๆหายๆ สารพัด ลามถึงแฟนเราบอกว่าเราเอากระโปรงไปครอบหัว บวชมาเสียผ้าเหลือง อะไรประมาณนี้ บอกว่าเราเป็นคนนอกแต่ใหญ่กว่าคนในบ้าน สรุปเป็นประเด็นใหญ่ ไปเลย ข้าว กับข้าวเราก็ใช้ของเขาน้อยลง ส่วนใหญ่เราก็ซื้อของเรากินกันทุกๆมื้อ อาจจะมีซื้อของมาฝากตู้เย็นไว้ทำบ้าง เพราะกันไม่ให้เขาว่าเราว่ามาใช้ของเขาไม่ทำอะไรให้เขามาอยู่บ้านเขา มานอนบ้านเขาฟรี ๆ แต่เอาจริงๆ ครอบครัวเรามีบ้านอีก 1 หลังที่ซื้อไว้ แต่เราจะไปที่นั้นกันเสาร์อาทิตย์หรือวันหยุดเท่านั้น เพราะญาติผู้ใหญ่ที่นี่เขาอยู่คนเดียวซะส่วนใหญ่ เวลาแกเป็นอะไรก็จะไม่มีใครรู้ เราในครอบครัวก็เลือกที่จะอยู่ที่นี่เพื่อค่อยดูและอยู่เป็นเพื่อน พอเกิดเรื่องนี้ เราในครอบครัวก็คุยกันว่าจะย้ายไปบ้านเรา แต่จะทยอยย้ายเพราะก็ไม่ได้อยากมีปัญหาอีก สรุปแล้ว แม่ของแฟนเรากับติดโควิด ทุกคนกักตัวแยกตัวกันหมด เราในครอบครัวก็คุยกันว่า คงยังไม่ย้ายเพราะเหตุผลหลายๆอย่างแบบเดิม จนตอนนี้เองเราก็กลับมาคิดคนเดียวว่า เราอยู่บ้านเราเอง ครอบครัวเราก็มี ย่าพ่อเราก็ยังอยู่ อยู่บ้านเราแสนสุขสบายมีความรักรอบตัว กลับไปอยู่บ้านเราไหม แต่แน่นอนถ้าหากเรากลับบ้านเรากับแฟนต้องเลิกกันทันที เพราะพ่อเราเองเป็นคนห่วงลูกมาก ถ้าดูแลไม่ได้เขาก็จะไม่ยอม พ่อพูดเรื่องนี้กับพวกเราบ่อยมาก เราก็ห่วงความรู้สึกพ่อเรา ตอนนี้เราอึดอัดมาก เราเรียนหนักมากงานเราก็อีกอย่าง แต่ พส.ของแม่เรานั้นก็จะค่อยสร้าวสงครามประสาทกับเราตลอด เราคิดว่า ถ้ามันเป็นปัญหาแก้อะไรไม่ได้แบบนี้ักวันต่อให้เรากัแฟนห่วงกันแค่ไหนรักกันผูกพันแค่ไหน อย่างไงก็คงต้องเลิก เรารู้สึกว่า เราเองต้องการพลังบวกบ้าง ทุกวันนี้เหมือนเราได้ด้านลบๆมาจากสภาพแวดล้อมคนรอบตัวอะไรหลายๆ อย่าง เราเริ่มเหนื่อยเริ่มท้อ บ้างทีเราก็นึกคิดว่า ทำไมเราต้องทนอยู่กับอะไรแบบนี้มันแทบจะไม่ได้อะไรกลับมาแถมทำร้ายตัวเราเองด้วยซ้ำ ทั้งหมดนี้เราอยากจะขอคำแนะนำการใช้ชีวิตในถ่วงเวลานี้ของเราหน่อย เราควรเป็นแบบไหน หรือช่วยบอกเราทีวิธีที่จะทำให้เราสบายใจได้บ้าง