ฯ นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺสฯ
ขุทฺทกนิกาเย จริยาปิฏกปาฬิ ๑. อกิตฺติวคฺโค
ขอนอบน้อมพระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ขุททกนิกาย จริยาปิฎก ๑. อกิตติวรรค หมวดว่าด้วยอกิตติดาบสเป็นต้น
________________________
๑.
‘‘กปฺเป จ สตสหสฺเส, จตุโร จ อสงฺขิเย;
เอตฺถนฺตเร ยํ จริตํ, สพฺพํ ตํ โพธิปาจนํฯ
ใน ๔ อสงไขยแสนกัป ความประพฤติใดในระหว่างนี้ ความประพฤตินั้นทั้งหมด เป็นเครื่องบ่มพระโพธิญาณ
๒.
‘‘อตีตกปฺเป จริตํ, ฐปยิตฺวา ภวาภเว;
อิมมฺหิ กปฺเป จริตํ, ปวกฺขิสฺสํ สุโณหิ เมฯ
เราจักเว้นความประพฤติในภพน้อยภพใหญ่ในกัปที่ล่วงแล้วเสีย จักบอกความประพฤติในกัปนี้ เธอจงฟังเรา
๓.
‘‘ยทา อหํ พฺรหารญฺเญ, สุญฺเญ วิปินกานเน;
อชฺโฌคาเหตฺวา วิหรามิ, อกิตฺติ นาม ตาปโสฯ
เราเป็นดาบสมีนามว่าอกิตติ เข้าไปอาศัยอยู่ในป่าใหญ่ที่ว่างเปล่า สงัดเงียบปราศจากเสียงอื้ออึงในกาลใด
๔.
‘‘ตทา มํ ตปเตเชน, สนฺตตฺโต ติทิวาภิภู;
ธาเรนฺโต พฺราหฺมณวณฺณํ, ภิกฺขาย มํ อุปาคมิฯ
ในกาลนั้น ด้วยเดชแห่งความประพฤติตบะของเรา ท้าวสักกะผู้เป็นใหญ่ในดาวดึงสเทวโลก ทรงร้อนพระทัย แปลงร่างเป็นพราหมณ์ เข้ามาหาเราเพื่อภิกษา
๕.
‘‘ปวนา อาภตํ ปณฺณํ, อเตลญฺจ อโลณิกํ;
มม ทฺวาเร ฐิตํ ทิสฺวา, สกฏาเหน อากิรึฯ
เราได้เห็นอินทพราหมณ์มายืนอยู่ใกล้ประตูบรรณศาลาของเรา จึงหยิบใบหมากเม่าที่เรานำมาจากป่า ซึ่งไม่มีน้ำมันทั้งไม่มีรสเค็ม มอบให้จนหมดพร้อมทั้งภาชนะ
๖.
‘‘ตสฺส ทตฺวานหํ ปณฺณํ, นิกฺกุชฺชิตฺวาน ภาชนํ;
ปุเนสนํ ชหิตฺวาน, ปาวิสึ ปณฺณสาลกํฯ
เราครั้นให้ใบหมากเม่าแก่อินทพราหมณ์นั้นแล้ว จึงคว่ำภาชนะ ละการแสวงหาใหม่ เข้าไปยังบรรณศาลา
๗.
‘‘ทุติยมฺปิ ตติยมฺปิ, อุปคญฺฉิ มมนฺติกํ;
อกมฺปิโต อโนลคฺโค, เอวเมวมทาสหํฯ
แม้ในวันที่ ๒ ที่ ๓ อินทพราหมณ์ก็เข้ามายังสำนักของเรา เราไม่หวั่นไหว ไม่ยึดมั่น ได้ให้ไปเหมือนอย่างนั้น
๘.
‘‘น เม ตปฺปจฺจยา อตฺถิ, สรีรสฺมึ วิวณฺณิยํ;
ปีติสุเขน รติยา, วีตินาเมมิ ตํ ทิวํฯ
ในสรีระของเรามีผิวพรรณไม่เปลี่ยนแปลง เพราะการอดอาหารนั้นเป็นปัจจัยเลย เรายับยั้งอยู่ตลอดวันนั้นๆ ด้วยปีติ สุข และความยินดี
๙.
‘‘ยทิ มาสมฺปิ ทฺเวมาสํ, ทกฺขิเณยฺยํ วรํ ลเภ;
อกมฺปิโต อโนลีโน, ทเทยฺยํ ทานมุตฺตมํฯ
ถ้าเราพึงได้ทักขิไณยบุคคลที่ประเสริฐ แม้เดือนหนึ่ง สองเดือน เราก็ไม่หวั่นไหว ไม่ท้อใจ พึงให้ทานอันอุดม
๑๐.
‘‘น ตสฺส ทานํ ททมาโน, ยสํ ลาภญฺจ ปตฺถยํ;
สพฺพญฺญุตํ ปตฺถยาโน, ตานิ กมฺมานิ อาจริ’’นฺติฯ
อกิตฺติจริยํ ปฐมํฯ
เมื่อเราให้ทานแก่อินทพราหมณ์นั้น เราจะได้ปรารถนายศและลาภก็หามิได้ แต่เราปรารถนาพระสัพพัญญุตญาณเท่านั้น จึงได้ประพฤติกรรมเหล่านั้น ฉะนี้แล
อกิตติจริยาที่ ๑ จบ
อ่านเฉพาะพระบาลี ฉบับฉัฏฐสังคายนา ในสปอย >>>
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ฯ นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺสฯ
ขุทฺทกนิกาเย
จริยาปิฏกปาฬิ
๑. อกิตฺติวคฺโค
๑. อกิตฺติจริยา
๑.
‘‘กปฺเป จ สตสหสฺเส, จตุโร จ อสงฺขิเย;
เอตฺถนฺตเร ยํ จริตํ, สพฺพํ ตํ โพธิปาจนํฯ
๒.
‘‘อตีตกปฺเป จริตํ, ฐปยิตฺวา ภวาภเว;
อิมมฺหิ กปฺเป จริตํ, ปวกฺขิสฺสํ สุโณหิ เมฯ
๓.
‘‘ยทา อหํ พฺรหารญฺเญ, สุญฺเญ วิปินกานเน;
อชฺโฌคาเหตฺวา {อชฺโฌคเหตฺวา (สี. สฺยา.)} วิหรามิ, อกิตฺติ นาม ตาปโสฯ
๔.
‘‘ตทา มํ ตปเตเชน, สนฺตตฺโต ติทิวาภิภู;
ธาเรนฺโต พฺราหฺมณวณฺณํ, ภิกฺขาย มํ อุปาคมิฯ
๕.
‘‘ปวนา อาภตํ ปณฺณํ, อเตลญฺจ อโลณิกํ;
มม ทฺวาเร ฐิตํ ทิสฺวา, สกฏาเหน อากิรึฯ
๖.
‘‘ตสฺส ทตฺวานหํ ปณฺณํ, นิกฺกุชฺชิตฺวาน ภาชนํ;
ปุเนสนํ ชหิตฺวาน, ปาวิสึ ปณฺณสาลกํฯ
๗.
‘‘ทุติยมฺปิ ตติยมฺปิ, อุปคญฺฉิ มมนฺติกํ;
อกมฺปิโต อโนลคฺโค, เอวเมวมทาสหํฯ
๘.
‘‘น เม ตปฺปจฺจยา อตฺถิ, สรีรสฺมึ วิวณฺณิยํ;
ปีติสุเขน รติยา, วีตินาเมมิ ตํ ทิวํฯ
๙.
‘‘ยทิ มาสมฺปิ ทฺเวมาสํ, ทกฺขิเณยฺยํ วรํ ลเภ;
อกมฺปิโต อโนลีโน, ทเทยฺยํ ทานมุตฺตมํฯ
๑๐.
‘‘น ตสฺส ทานํ ททมาโน, ยสํ ลาภญฺจ ปตฺถยึ;
สพฺพญฺญุตํ ปตฺถยาโน, ตานิ กมฺมานิ อาจริ’’นฺติฯ
อกิตฺติจริยํ ปฐมํฯ
https://tipitaka.org/thai/
ส่วนนิทานกถา คือทูเรนิทาน นิทานมีในที่ไกล อวิทูเรนิทาน นิทานมีในที่ไม่ไกล สันติเกนิทาน นิทานมีในที่ใกล้ จักนำมาแสดงโดยลำดับต่อไป
>>
https://ppantip.com/topic/42308907/comment10
อกิตติจริยา ว่าด้วยจริยาของอกิตติดาบส อกิตติวรรค จริยาปิฎก ขุททกนิกาย พระสุตตันตปิฎก พระพุทธศาสนา สวากขาตธรรม
‘‘กปฺเป จ สตสหสฺเส, จตุโร จ อสงฺขิเย;
เอตฺถนฺตเร ยํ จริตํ, สพฺพํ ตํ โพธิปาจนํฯ
ใน ๔ อสงไขยแสนกัป ความประพฤติใดในระหว่างนี้ ความประพฤตินั้นทั้งหมด เป็นเครื่องบ่มพระโพธิญาณ
๒.
‘‘อตีตกปฺเป จริตํ, ฐปยิตฺวา ภวาภเว;
อิมมฺหิ กปฺเป จริตํ, ปวกฺขิสฺสํ สุโณหิ เมฯ
เราจักเว้นความประพฤติในภพน้อยภพใหญ่ในกัปที่ล่วงแล้วเสีย จักบอกความประพฤติในกัปนี้ เธอจงฟังเรา
๓.
‘‘ยทา อหํ พฺรหารญฺเญ, สุญฺเญ วิปินกานเน;
อชฺโฌคาเหตฺวา วิหรามิ, อกิตฺติ นาม ตาปโสฯ
เราเป็นดาบสมีนามว่าอกิตติ เข้าไปอาศัยอยู่ในป่าใหญ่ที่ว่างเปล่า สงัดเงียบปราศจากเสียงอื้ออึงในกาลใด
๔.
‘‘ตทา มํ ตปเตเชน, สนฺตตฺโต ติทิวาภิภู;
ธาเรนฺโต พฺราหฺมณวณฺณํ, ภิกฺขาย มํ อุปาคมิฯ
ในกาลนั้น ด้วยเดชแห่งความประพฤติตบะของเรา ท้าวสักกะผู้เป็นใหญ่ในดาวดึงสเทวโลก ทรงร้อนพระทัย แปลงร่างเป็นพราหมณ์ เข้ามาหาเราเพื่อภิกษา
๕.
‘‘ปวนา อาภตํ ปณฺณํ, อเตลญฺจ อโลณิกํ;
มม ทฺวาเร ฐิตํ ทิสฺวา, สกฏาเหน อากิรึฯ
เราได้เห็นอินทพราหมณ์มายืนอยู่ใกล้ประตูบรรณศาลาของเรา จึงหยิบใบหมากเม่าที่เรานำมาจากป่า ซึ่งไม่มีน้ำมันทั้งไม่มีรสเค็ม มอบให้จนหมดพร้อมทั้งภาชนะ
๖.
‘‘ตสฺส ทตฺวานหํ ปณฺณํ, นิกฺกุชฺชิตฺวาน ภาชนํ;
ปุเนสนํ ชหิตฺวาน, ปาวิสึ ปณฺณสาลกํฯ
เราครั้นให้ใบหมากเม่าแก่อินทพราหมณ์นั้นแล้ว จึงคว่ำภาชนะ ละการแสวงหาใหม่ เข้าไปยังบรรณศาลา
๗.
‘‘ทุติยมฺปิ ตติยมฺปิ, อุปคญฺฉิ มมนฺติกํ;
อกมฺปิโต อโนลคฺโค, เอวเมวมทาสหํฯ
แม้ในวันที่ ๒ ที่ ๓ อินทพราหมณ์ก็เข้ามายังสำนักของเรา เราไม่หวั่นไหว ไม่ยึดมั่น ได้ให้ไปเหมือนอย่างนั้น
๘.
‘‘น เม ตปฺปจฺจยา อตฺถิ, สรีรสฺมึ วิวณฺณิยํ;
ปีติสุเขน รติยา, วีตินาเมมิ ตํ ทิวํฯ
ในสรีระของเรามีผิวพรรณไม่เปลี่ยนแปลง เพราะการอดอาหารนั้นเป็นปัจจัยเลย เรายับยั้งอยู่ตลอดวันนั้นๆ ด้วยปีติ สุข และความยินดี
๙.
‘‘ยทิ มาสมฺปิ ทฺเวมาสํ, ทกฺขิเณยฺยํ วรํ ลเภ;
อกมฺปิโต อโนลีโน, ทเทยฺยํ ทานมุตฺตมํฯ
ถ้าเราพึงได้ทักขิไณยบุคคลที่ประเสริฐ แม้เดือนหนึ่ง สองเดือน เราก็ไม่หวั่นไหว ไม่ท้อใจ พึงให้ทานอันอุดม
๑๐.
‘‘น ตสฺส ทานํ ททมาโน, ยสํ ลาภญฺจ ปตฺถยํ;
สพฺพญฺญุตํ ปตฺถยาโน, ตานิ กมฺมานิ อาจริ’’นฺติฯ
อกิตฺติจริยํ ปฐมํฯ
เมื่อเราให้ทานแก่อินทพราหมณ์นั้น เราจะได้ปรารถนายศและลาภก็หามิได้ แต่เราปรารถนาพระสัพพัญญุตญาณเท่านั้น จึงได้ประพฤติกรรมเหล่านั้น ฉะนี้แล
อกิตติจริยาที่ ๑ จบ
อ่านเฉพาะพระบาลี ฉบับฉัฏฐสังคายนา ในสปอย >>>
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ส่วนนิทานกถา คือทูเรนิทาน นิทานมีในที่ไกล อวิทูเรนิทาน นิทานมีในที่ไม่ไกล สันติเกนิทาน นิทานมีในที่ใกล้ จักนำมาแสดงโดยลำดับต่อไป
>> https://ppantip.com/topic/42308907/comment10