วันต่อมาเซธถูกเรียกไปห้องสันทนาการของพนักงานที่มีคอมพิวเตอร์พร้อมใช้ เรื่องพื้นฐานอย่างการเปิดปิดเขาทำได้แค่ใช้โปรแกรมสำนักงานไม่เป็นเท่านั้น แฟ้มเอกสารงานนอกถูกนำขึ้นมาอ่านฆ่าเวลารอคนที่ได้รับการว่าจ้างมาสอน เป้าหมายสังหารคือนายทุนเหมืองแร่ในพื้นที่
ประตูห้องเปิดออกให้รวิกานต์เดินเข้ามาพร้อมคอมพิวเตอร์แล็ปทอป พนักงานอีกคนบอกว่าหญิงสาวมาสอนเรื่องการใช้โปรแกรมสำนักงานสามชั่วโมงต่อวันเป็นเวลาห้าวัน
เซธผู้ไม่เชื่อเรื่องบังเอิญสาดคำถามทางสายตาใส่พนักงานทันที
“คุณรวิกานต์รับสอนคอมพิวเตอร์ตามบ้านเราจึงจ้างมาตามคำสั่งของคุณผู้ช่วยประธานาธิบดี”
พนักงานคนดังกล่าวไม่สามารถให้คำตอบที่พอใจได้เซธจึงเอ่ยถามถึงท่านผู้นั้น
“การจ้างงานเป็นหน้าที่ของเลขานุการตามคำสั่งจากคุณผู้ช่วยอีกต่อหนึ่ง หากคุณเซธไม่อยากให้เธอคนนี้สอนทางเราจะเปลี่ยนคนให้ตามความพอใจ” พนักงานสาวหน้าเจื่อนลงจนรวิกานต์จับสังเกตได้ว่านางเคารพเซธจนผิดปกติ
เพราะเรื่องการปูทางชีวิตของท่านผู้นั้นทำให้เซธระแวงเสียทุกอย่าง เขาจึงเอ่ยถามหญิงหน้าเหมือนว่าจริงหรือไม่
“นอกจากร้านคัดลอกกับแปลภาษาแล้วฉันยังรับสอนคอมพิวเตอร์ที่บ้านด้วย ฉันได้รับการว่าจ้างให้มาสอนคนที่นี่ อาทิตย์นี้มีฉันคนเดียวที่ว่างพอรับงานนี้ได้ ไม่มีการบังคับหรือเจาะจงใด ๆ ทั้งสิ้น”
ผู้เป็นอมตะเห็นว่าเค้นถามต่อคงไม่ได้เรื่องจึงยอมตามน้ำไปก่อน พนักงานหญิงเสริมว่ารวิกานต์มีเวลาเตรียมตัวอีกครึ่งชั่วโมง เซธกล่าวขอบคุณพลางคิดว่าจะต้องคุยกับท่านผู้นั้นตัวจริงและตัวปลอมเรื่องเส้นบาง ๆ ของความถูกผิดทางศีลธรรม
พนักงานหญิงเห็นว่าเซธยอมสงบโดยดีจึงปล่อยให้เตรียมตัวสอนตามสบาย รวิกานต์สงสัยการกระทำของเซธต่อพนักงานคนดังกล่าวจึงมองด้วยแววตาตำหนิว่าอีกฝ่ายประสงค์ดี นั่นทำให้เขารู้ตัวว่ากำลังสำคัญตนผิดแล้วเสียมารยาทกับคนอื่นไปทั่วเหมือนเด็กถูกตามใจจนเสียคน ผู้เป็นอมตะสาบานกับตัวเองว่าจะกลับไปทำตัวนอบน้อมเหมือนเดิมและจะไปขอโทษที่เสียมารยาทภายหลัง
“นึกไม่ถึงว่าต้องมาสอนนายจ้างตัวเองแบบนี้ ถ้าคุณอยากเปลี่ยนคนสอนก็เข้าใจได้นะ”
ความคิดหลายอย่างพันกันวุ่นวายในหัวของเซธ ยามรวิกานต์อยู่ใกล้ทำให้ความคิดถึงโซลาน่าบรรเทาลง อย่างไรความจริงนางคือคนหน้าเหมือนเท่านั้น แม้ภายนอกจะเหมือนกันหากวิญญาณข้างในเป็นคนอื่น ท่านผู้นั้นกับ ‘เขา’ คงไม่พอใจแน่ และถ้าเกิดความรู้สึกรักชอบคำสาปจะทำงาน ถ้าเขาขอเปลี่ยนคงเสียมารยาทมากขึ้นและสร้างภาระให้ผู้ติดต่อเรื่องนี้โดยไม่จำเป็น
“ไม่ต้องเปลี่ยนหรอก แค่นี้ก็เกรงใจจะแย่” เซธตอบสั้น ๆ ตามนิสัยเดิม ตัวรวิกานต์ก็ผ่อนคลายขึ้นเมื่อเซธกลับเป็นคนเดิม
“ยังมีเวลาอีกนิดหน่อย เมื่อวานฉันเจอเรื่องประหลาดข้างที่ทำงานด้วย” รวิกานต์ชวนคุยระหว่างเปิดคอมพิวเตอร์พกพา หญิงสาวนั่งบนโต๊ะข้าง ๆ เพื่อสอนการใช้โปรแกรมสำนักงานโดยตรง “คุณรู้ไหมว่าห่างจากร้านของฉันสองช่วงตึกเป็นพื้นที่ร้างขนาดใหญ่ ไม่รู้ว่าใครเป็นเจ้าของ ไม่มีประกาศขาย เป็นแค่รั้วลวดหนามแต่ไม่มีใครสามารถเข้าไปยุ่มย่ามข้างในได้สักคน มักมีเรื่องประหลาดหันเหความสนใจจากคนที่คิดเข้าไปตลอดเวลา”
เซธรับคำอย่างใจลอย เขากำลังซึมซับความรู้สึกดีเหมือนมีโซลาน่าอยู่ข้าง ๆ อีกครั้ง
“เมื่อวานฉันตื่นแต่เช้ารีบไปต่อคิวซื้อพายสูตรพิเศษจำกัดจำนวน เจ้านายคุณเดินคุยกะหนุงกะหนิงกับผู้หญิงคนหนึ่งก่อนจะหายไปในพื้นที่นั้นเหมือนเดินผ่านม่านบังตา ตรงนั้นไม่มีผู้คุ้มกันฉันเลยคิดว่าตาฝาด พอซื้อของเสร็จฉันก็เห็นสองคนนั่นอีกครั้งก่อนพวกเขาใช้เวทมนตร์หายตัวไป”
“ฝ่าบาทหรือ” เซธเพิ่งตื่นจากการเคลิ้มถึงอดีตถามขึ้น
“คุณเรียกผู้ช่วยประธานาธิบดีว่าฝ่าบาทหรือ” รวิกานต์ยกเสียงตามความสงสัย มือก็ทดสอบโปรแกรมที่จะสอนตามหน้าที่ “ผู้หญิงผมแดงที่อยู่กับเขาน่ารักมากบางทีอาจเป็นแฟนหรือภรรยา ก็แค่ความสงสัยเพราะไม่มีใครรู้เรื่องเกี่ยวกับผู้ช่วยคนที่ว่าเลย...พร้อมแล้วเรามาเริ่มกันดีไหม คุณรู้จักโปรแกรมพวกนี้มากแค่ไหน”
เซธกดเปิดโปรแกรมสำนักงานขึ้นมาเพื่อเรียนรู้วิธีใช้อย่างถูกต้อง ในหัวคิดว่าจะไปคุยกับท่านผู้นั้นตัวปลอมเรื่องนี้แทนเรื่องจ้างรวิกานต์มาเป็นครูสอน...
“เราไม่รู้ว่าเขาไปทำอะไรที่นั่น ส่วนหญิงผมแดงคงเป็นนักรบเทพตนที่หก สองคนนี้ไม่กินเส้นกันมากว่าสามร้อยปีและใช้เวลาเกือบห้าสิบปีเป็นแค่เพื่อนร่วมงานจนหันมาคบกันในที่สุด ความจริงพวกเสาค้ำจุนห้ามสร้างครอบครัวตอนที่เป็นนักรบเทพนี้แต่นายก็รู้จักอิกริด เขาโดนสั่งพักงานคงไปอยู่กับแม่นั่นฆ่าเวลา...จำได้ไหมเราบอกว่าเขาก้มหัวขอร้องคนที่ไม่ถูกกันที่สุด เขาปฏิเสธเรื่องชู้สาวทั้งที่มีหลักฐานปลิวว่อนไปทั่ว ยังคงมีปัญหากันบ้างเหมือนช่วงแรก ๆ เพื่อไม่ให้เสาค้ำจุนสงสัย นายคงเดาได้แน่ว่าทุกคนรู้หมดแล้ว”
ผู้แฝงตัวเล่าเรื่องท่านผู้นั้นอย่างเนือย ๆ เหมือนไม่สนใจเรื่องซุบซิบพวกนี้ เซธได้ฟังก็อยากขอบคุณที่คอยช่วยเหลืออยู่เบื้องหลัง เขาเรียนโปรแกรมสำนักงานมาสามวันจนไปขอให้เลขานุการของท่านผู้นั้นพิมพ์รายงานผ่านเครื่องพิมพ์ได้ในที่สุด เมื่อถึงเวลาการเรียนเสร็จสิ้นเขาก็ต้องทำงานลอบสังหารซึ่งรอเพียงวันดำเนินการเท่านั้น
“เรื่องต่อไป อิกริดรู้เรื่องคำสั่งลอบสังหารจึงเข้ามาขอร้องว่าไม่อยากให้ฆ่าแกงกัน น่าขำนะ กลุ่มก้อนความชั่วร้ายมากราบกรานนางฟ้าปีกขาวขอให้ละเว้นชีวิตมนุษย์ พอบอกไม่สนเขาก็เสนอว่าควรให้นายทำหน้าที่พิพากษาแทน เขาอยากให้สิ่งกำหนดโทษทัณฑ์เป็นมนุษย์ด้วยกัน...ในเมื่อน้องชายผู้น่ารักน่าปวดหัวมาขอก็ต้องให้ นั่นทำให้คำสั่งเปลี่ยนไปเล็กน้อย เข้าหาตัวพวกนั้นแล้วข่มขู่ให้สละธุรกิจทั้งหมด หากยอมก็ถอยทางนี้จะส่งคนไปจับตามอง หากต่อต้านก็ทำตามความเหมาะสม สั่งสอนให้พิการหรือดับลมหายใจก็ได้ สัญญาว่าจะไม่บ่นทีหลัง”
คำสั่งใหม่ทำให้เซธโล่งใจว่าอาจไม่ต้องกลับไปฆ่าคนอีกครั้ง ไม่ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหนความกลัวของมนุษย์ยังคงคล้ายกันทำให้งานนี้ง่ายกว่าการปลิดชีพ พอเปลี่ยนเรื่องคุยท่านผู้นั้นตัวปลอมก็หยิบบางสิ่งในลิ้นชักออกมาโยนให้เขา มันคือโทรศัพท์มือถือรุ่นเก่าสีดำเหมือนกล่องดินสอขนาดเหมาะมือ เซธเชื่อว่าเคยเห็นมันในโฆษณาเมื่อกว่าสิบปีก่อน
“เราหงุดหงิดกับพวกนายสองคนสักพักแล้ว เทคโนโลยีนำผู้คนไปไหนต่อไหนยังทำตัวเหมือนเมื่อห้าร้อยปีก่อนไม่มีผิด!” ผู้ปลอมตัวสบถสาบานเรื่องการทำตัวโบราณของเซธกับท่านผู้นั้น “แทนคำขอโทษที่ไม่บอกเรื่องเปลี่ยนตัวและใช้ทำงานสกปรก เครื่องมือสองราคาถูกเหมาะสำหรับมือใหม่ เดี๋ยวจะให้คนพิมพ์วิธีใช้ขั้นต้นให้ทันทีถ้าหาได้ จะได้กลืนกับรอบข้างได้มากกว่านี้”
เซธไม่คิดเปลี่ยนตัวเองเร็วนักเพราะตนอายุมากถึงหกร้อยปี ทุกอย่างมันเป็นมากกว่านิสัยจนแก้ยากเสียแล้ว กระนั้นเขาก็กล่าวขอบคุณแล้วเก็บมันไว้อย่างดี
“แล้วมีข้อมูลเกี่ยวกับมังกรพวกนั้นเพิ่มหรือไม่ฝ่าบาท”
“อิกริดกำลังหารือกับพวกนักรบเทพเรื่องมังกรพวกนั้น เมื่อตัวหนึ่งตายก็จะส่งพลังทุกสิ่งอย่างสู่พวกที่เหลือนั่นทำให้งานยากขึ้นโดยใช่เหตุ หากหาทางออกได้ก่อนอวาร์ริเทียเปิดปากเรื่องตัวถัดไปเราก็สบายขึ้น”
“ฝ่าบาทตัวจริงถูกสั่งพักงานไม่ใช่หรือ” เซธเอ่ยถึงท่านผู้นั้นที่น่าจะมีเวลาว่างแสนสุข
“นิสัยเขาเป็นอย่างนี้แหละ เราบอกว่าจะไปเองก็อ้างว่าไม่ควรทิ้งนายให้เป็นเหยื่อของเจ้าผ้าคลุมสกปรกคนเดียว เขาจะถือโอกาสสังสรรค์เฮฮากับพวกนั้นตามประสาคนไม่เจอกันนานด้วย อายุกว่าสองพันปีแล้วแต่เหมือนเด็กที่คอยหาโอกาสเล่นสนุกในเวลางานเสมอ”
เซธสัมผัสสิ่งแปลก ๆ จากคำพูดของผู้ปลอมเป็นท่านผู้นั้น มันคล้ายการเบี่ยงประเด็นของตัวจริงแต่ไม่ใช่ ทั้งหมดที่ว่ามาคือสิ่งที่เขารู้อยู่แล้วเพียงถูกขยายออกเท่านั้น ทั้งเรื่องการส่งถ่ายพลังของเหล่ามังกร นิสัยทีเล่นทีจริงของท่านผู้นั้นก็ถูกต้อง บางอย่างบอกชัดว่ามีบางสิ่งซ่อนอยู่แต่เขาไม่เห็นแม้แต่เงา เหมือนเสียงสัตว์ร้องหลังดงไผ่ ดูเป็นเรื่องปกติแค่มันน่าสงสัยชอบกล
“ฝ่าบาทบอกแผนกับข้าได้ไหม” เซธเสี่ยงถามขึ้น หากเป็นท่านผู้นั้นตัวจริงคงแถว่าไม่มีอะไรเกินกว่าที่บอกไป
“บางครั้งเราก็ต้องเล่นละครเพื่อเป้าหมายสำคัญ” ผู้ปลอมแปลงมองเซธด้วยแววตาคาดหวัง “นายคือตัวละครสำคัญ เป็นหมากเพียงตัวเดียวของเสาค้ำจุน เรากับอิกริดกำลังเลื่อนขั้นนายจากเบี้ยเป็นควีน ตัวละครอย่างนายมีหน้าที่ทำตามคำสั่งผู้กำกับโดยไม่โต้แย้ง ส่วนเป้าหมายของเราคือการสังหารซูเปอร์เบียให้ได้”
เซธจำได้ว่านั่นคือชื่อของหนึ่งในมังกรทั้งเจ็ด ท่านผู้นั้นตัวปลอมทำให้เซธนึกถึงตอนแฝงตัวในกองทัพ ทหารเลวต้องทำงานตามมอบหมายจากผู้บังคับบัญชาโดยไร้คำถาม ทุกอย่างต้องมีแผนและยุทธวิธีชัดเจน ส่วนเรื่องเลื่อนขั้นคงหมายถึงการสะสมพลังเวทจากอากาศกระมัง แต่แค่นั้นจะพอเพียงกับการกำจัดเหล่ามังกรจริงหรือ
ผู้เป็นอมตะมองท่านผู้นั้นตัวปลอมด้วยความเคลือบแคลงเต็มหัวใจ
“เราทุกคนรู้ว่าการหลอกลวงเป็นสิ่งไม่ดี แต่บางเรื่องก็ถูกแทรกแซงได้ง่ายจนไม่อยากเชื่อ หากทำได้แนบเนียนพอถึงฉากท้ายสุดก็จะรู้ว่าทุกอย่างพร้อมอยู่ในฝ่ามือแล้ว” ท่านผู้นั้นตัวปลอมชี้ประเด็น “หมดเรื่องคุยแค่นี้ รีบเรียนรู้การใช้โทรศัพท์มือถือเสีย อีกร่วมสัปดาห์กว่าอิกริดจะกลับมาเผื่อมีเรื่องสำคัญจะได้ไม่ต้องใช้เวทมนตร์ เราไม่ใช่ผู้ใช้เวทมนตร์แท้ ๆ จึงทำอย่างเขาไม่ได้”
ผู้ปลอมตัวบ่นเรื่องการใช้ชีวิตในสังคมยุคใหม่อีกครั้งก่อนให้เซธกลับไปพักได้...
วันดำเนินการเซธเตรียมพร้อมด้วยชุดรัดกุม ผลึกแก้วเคลื่อนย้ายถูกห่อเย็บในเสื้อส่วนหน้าอกแค่ออกคำสั่งก็ทำงานได้ เขาดูแผนที่ปัจจุบันอีกครั้งพลางถามความเห็นกับซาเรียว่าพวกเขาน่าจะไปปรากฏตัวที่จุดใด ละอองแสงสีขาวจากท่านผู้นั้นตัวปลอมลอยมาติดตัวของเขาเป็นสายเหมือนผ้าคลุมระยิบระยับชั่วลมหายใจหนึ่ง
“ผงไฟฟ้าความเข้มสูงเหล่านี้จะรบกวนการทำงานของเทคโนโลยีสมัยใหม่ พวกกล้องจะบันทึกภาพนายเป็นภาพบิดเบือนจากความเป็นจริง มันมีผลกับเครื่องจักรความซับซ้อนสูงด้วยต้องระวังให้ดี เราจะฝากนางวิญญาณป่าช่วยพาเคลื่อนย้ายไปจัตุรัสกลางเมือง ชื่อซาเรียใช่ไหม”
ซาเรียรับคำด้วยเสียงสดใสว่าคราวนี้จะเว้นระยะจะได้ไม่พลาดอย่างคราวอินวิเดีย ครั้งนี้เซธก็นำผ้าแทนตัวโซลาน่าเก็บไว้ที่ห้องเหมือนตอนไปปะทะเหล่ามังกร จากการต่อสู้กับลักซูเรียกับอินวิเดียทำให้เขาเชื่อว่าระยะห่างเป็นเรื่องสำคัญเช่นกัน
“จัดการให้เร็วที่สุด นี่ยังไม่ดึกมาก คนน้อยแต่ดึงความสนใจง่าย เสร็จแล้วก็ต้องเขียนรายงานเหมือนคราวก่อน”
ผู้ปลอมแปลงถอยห่างเมื่อซาเรียเริ่มใช้มนตร์เคลื่อนย้าย กรงแสงสีทองครอบร่างของเซธเอาไว้แล้วดับวูบ จากห้องทำงานในรัฐสภาเปลี่ยนเป็นสวนของบ้านคนข้างจัตุรัส แม้พระอาทิตย์จะตกไปนานแล้วแต่รอบด้านยังหม่นหมองราวแสงจันทร์เสี้ยวบนฟ้าส่งลงมาไม่ถึง อากาศทวีความร้อนมากขึ้นเมื่อเข้าสู่หน้าร้อนอย่างเต็มตัว ชาวบ้านเงยหน้ามองมนตร์เคลื่อนย้ายอย่างสนใจแล้วก้มหน้าทำธุระของตนต่ออย่างเหนื่อยล้า กลิ่นธาตุดินแรงกล้าจนนึกวิตกหากต้องใช้อาวุธธาตุดิน
(มีต่อ)
สัญญาอมตะ ตอนที่ 13
ประตูห้องเปิดออกให้รวิกานต์เดินเข้ามาพร้อมคอมพิวเตอร์แล็ปทอป พนักงานอีกคนบอกว่าหญิงสาวมาสอนเรื่องการใช้โปรแกรมสำนักงานสามชั่วโมงต่อวันเป็นเวลาห้าวัน
เซธผู้ไม่เชื่อเรื่องบังเอิญสาดคำถามทางสายตาใส่พนักงานทันที
“คุณรวิกานต์รับสอนคอมพิวเตอร์ตามบ้านเราจึงจ้างมาตามคำสั่งของคุณผู้ช่วยประธานาธิบดี”
พนักงานคนดังกล่าวไม่สามารถให้คำตอบที่พอใจได้เซธจึงเอ่ยถามถึงท่านผู้นั้น
“การจ้างงานเป็นหน้าที่ของเลขานุการตามคำสั่งจากคุณผู้ช่วยอีกต่อหนึ่ง หากคุณเซธไม่อยากให้เธอคนนี้สอนทางเราจะเปลี่ยนคนให้ตามความพอใจ” พนักงานสาวหน้าเจื่อนลงจนรวิกานต์จับสังเกตได้ว่านางเคารพเซธจนผิดปกติ
เพราะเรื่องการปูทางชีวิตของท่านผู้นั้นทำให้เซธระแวงเสียทุกอย่าง เขาจึงเอ่ยถามหญิงหน้าเหมือนว่าจริงหรือไม่
“นอกจากร้านคัดลอกกับแปลภาษาแล้วฉันยังรับสอนคอมพิวเตอร์ที่บ้านด้วย ฉันได้รับการว่าจ้างให้มาสอนคนที่นี่ อาทิตย์นี้มีฉันคนเดียวที่ว่างพอรับงานนี้ได้ ไม่มีการบังคับหรือเจาะจงใด ๆ ทั้งสิ้น”
ผู้เป็นอมตะเห็นว่าเค้นถามต่อคงไม่ได้เรื่องจึงยอมตามน้ำไปก่อน พนักงานหญิงเสริมว่ารวิกานต์มีเวลาเตรียมตัวอีกครึ่งชั่วโมง เซธกล่าวขอบคุณพลางคิดว่าจะต้องคุยกับท่านผู้นั้นตัวจริงและตัวปลอมเรื่องเส้นบาง ๆ ของความถูกผิดทางศีลธรรม
พนักงานหญิงเห็นว่าเซธยอมสงบโดยดีจึงปล่อยให้เตรียมตัวสอนตามสบาย รวิกานต์สงสัยการกระทำของเซธต่อพนักงานคนดังกล่าวจึงมองด้วยแววตาตำหนิว่าอีกฝ่ายประสงค์ดี นั่นทำให้เขารู้ตัวว่ากำลังสำคัญตนผิดแล้วเสียมารยาทกับคนอื่นไปทั่วเหมือนเด็กถูกตามใจจนเสียคน ผู้เป็นอมตะสาบานกับตัวเองว่าจะกลับไปทำตัวนอบน้อมเหมือนเดิมและจะไปขอโทษที่เสียมารยาทภายหลัง
“นึกไม่ถึงว่าต้องมาสอนนายจ้างตัวเองแบบนี้ ถ้าคุณอยากเปลี่ยนคนสอนก็เข้าใจได้นะ”
ความคิดหลายอย่างพันกันวุ่นวายในหัวของเซธ ยามรวิกานต์อยู่ใกล้ทำให้ความคิดถึงโซลาน่าบรรเทาลง อย่างไรความจริงนางคือคนหน้าเหมือนเท่านั้น แม้ภายนอกจะเหมือนกันหากวิญญาณข้างในเป็นคนอื่น ท่านผู้นั้นกับ ‘เขา’ คงไม่พอใจแน่ และถ้าเกิดความรู้สึกรักชอบคำสาปจะทำงาน ถ้าเขาขอเปลี่ยนคงเสียมารยาทมากขึ้นและสร้างภาระให้ผู้ติดต่อเรื่องนี้โดยไม่จำเป็น
“ไม่ต้องเปลี่ยนหรอก แค่นี้ก็เกรงใจจะแย่” เซธตอบสั้น ๆ ตามนิสัยเดิม ตัวรวิกานต์ก็ผ่อนคลายขึ้นเมื่อเซธกลับเป็นคนเดิม
“ยังมีเวลาอีกนิดหน่อย เมื่อวานฉันเจอเรื่องประหลาดข้างที่ทำงานด้วย” รวิกานต์ชวนคุยระหว่างเปิดคอมพิวเตอร์พกพา หญิงสาวนั่งบนโต๊ะข้าง ๆ เพื่อสอนการใช้โปรแกรมสำนักงานโดยตรง “คุณรู้ไหมว่าห่างจากร้านของฉันสองช่วงตึกเป็นพื้นที่ร้างขนาดใหญ่ ไม่รู้ว่าใครเป็นเจ้าของ ไม่มีประกาศขาย เป็นแค่รั้วลวดหนามแต่ไม่มีใครสามารถเข้าไปยุ่มย่ามข้างในได้สักคน มักมีเรื่องประหลาดหันเหความสนใจจากคนที่คิดเข้าไปตลอดเวลา”
เซธรับคำอย่างใจลอย เขากำลังซึมซับความรู้สึกดีเหมือนมีโซลาน่าอยู่ข้าง ๆ อีกครั้ง
“เมื่อวานฉันตื่นแต่เช้ารีบไปต่อคิวซื้อพายสูตรพิเศษจำกัดจำนวน เจ้านายคุณเดินคุยกะหนุงกะหนิงกับผู้หญิงคนหนึ่งก่อนจะหายไปในพื้นที่นั้นเหมือนเดินผ่านม่านบังตา ตรงนั้นไม่มีผู้คุ้มกันฉันเลยคิดว่าตาฝาด พอซื้อของเสร็จฉันก็เห็นสองคนนั่นอีกครั้งก่อนพวกเขาใช้เวทมนตร์หายตัวไป”
“ฝ่าบาทหรือ” เซธเพิ่งตื่นจากการเคลิ้มถึงอดีตถามขึ้น
“คุณเรียกผู้ช่วยประธานาธิบดีว่าฝ่าบาทหรือ” รวิกานต์ยกเสียงตามความสงสัย มือก็ทดสอบโปรแกรมที่จะสอนตามหน้าที่ “ผู้หญิงผมแดงที่อยู่กับเขาน่ารักมากบางทีอาจเป็นแฟนหรือภรรยา ก็แค่ความสงสัยเพราะไม่มีใครรู้เรื่องเกี่ยวกับผู้ช่วยคนที่ว่าเลย...พร้อมแล้วเรามาเริ่มกันดีไหม คุณรู้จักโปรแกรมพวกนี้มากแค่ไหน”
เซธกดเปิดโปรแกรมสำนักงานขึ้นมาเพื่อเรียนรู้วิธีใช้อย่างถูกต้อง ในหัวคิดว่าจะไปคุยกับท่านผู้นั้นตัวปลอมเรื่องนี้แทนเรื่องจ้างรวิกานต์มาเป็นครูสอน...
“เราไม่รู้ว่าเขาไปทำอะไรที่นั่น ส่วนหญิงผมแดงคงเป็นนักรบเทพตนที่หก สองคนนี้ไม่กินเส้นกันมากว่าสามร้อยปีและใช้เวลาเกือบห้าสิบปีเป็นแค่เพื่อนร่วมงานจนหันมาคบกันในที่สุด ความจริงพวกเสาค้ำจุนห้ามสร้างครอบครัวตอนที่เป็นนักรบเทพนี้แต่นายก็รู้จักอิกริด เขาโดนสั่งพักงานคงไปอยู่กับแม่นั่นฆ่าเวลา...จำได้ไหมเราบอกว่าเขาก้มหัวขอร้องคนที่ไม่ถูกกันที่สุด เขาปฏิเสธเรื่องชู้สาวทั้งที่มีหลักฐานปลิวว่อนไปทั่ว ยังคงมีปัญหากันบ้างเหมือนช่วงแรก ๆ เพื่อไม่ให้เสาค้ำจุนสงสัย นายคงเดาได้แน่ว่าทุกคนรู้หมดแล้ว”
ผู้แฝงตัวเล่าเรื่องท่านผู้นั้นอย่างเนือย ๆ เหมือนไม่สนใจเรื่องซุบซิบพวกนี้ เซธได้ฟังก็อยากขอบคุณที่คอยช่วยเหลืออยู่เบื้องหลัง เขาเรียนโปรแกรมสำนักงานมาสามวันจนไปขอให้เลขานุการของท่านผู้นั้นพิมพ์รายงานผ่านเครื่องพิมพ์ได้ในที่สุด เมื่อถึงเวลาการเรียนเสร็จสิ้นเขาก็ต้องทำงานลอบสังหารซึ่งรอเพียงวันดำเนินการเท่านั้น
“เรื่องต่อไป อิกริดรู้เรื่องคำสั่งลอบสังหารจึงเข้ามาขอร้องว่าไม่อยากให้ฆ่าแกงกัน น่าขำนะ กลุ่มก้อนความชั่วร้ายมากราบกรานนางฟ้าปีกขาวขอให้ละเว้นชีวิตมนุษย์ พอบอกไม่สนเขาก็เสนอว่าควรให้นายทำหน้าที่พิพากษาแทน เขาอยากให้สิ่งกำหนดโทษทัณฑ์เป็นมนุษย์ด้วยกัน...ในเมื่อน้องชายผู้น่ารักน่าปวดหัวมาขอก็ต้องให้ นั่นทำให้คำสั่งเปลี่ยนไปเล็กน้อย เข้าหาตัวพวกนั้นแล้วข่มขู่ให้สละธุรกิจทั้งหมด หากยอมก็ถอยทางนี้จะส่งคนไปจับตามอง หากต่อต้านก็ทำตามความเหมาะสม สั่งสอนให้พิการหรือดับลมหายใจก็ได้ สัญญาว่าจะไม่บ่นทีหลัง”
คำสั่งใหม่ทำให้เซธโล่งใจว่าอาจไม่ต้องกลับไปฆ่าคนอีกครั้ง ไม่ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหนความกลัวของมนุษย์ยังคงคล้ายกันทำให้งานนี้ง่ายกว่าการปลิดชีพ พอเปลี่ยนเรื่องคุยท่านผู้นั้นตัวปลอมก็หยิบบางสิ่งในลิ้นชักออกมาโยนให้เขา มันคือโทรศัพท์มือถือรุ่นเก่าสีดำเหมือนกล่องดินสอขนาดเหมาะมือ เซธเชื่อว่าเคยเห็นมันในโฆษณาเมื่อกว่าสิบปีก่อน
“เราหงุดหงิดกับพวกนายสองคนสักพักแล้ว เทคโนโลยีนำผู้คนไปไหนต่อไหนยังทำตัวเหมือนเมื่อห้าร้อยปีก่อนไม่มีผิด!” ผู้ปลอมตัวสบถสาบานเรื่องการทำตัวโบราณของเซธกับท่านผู้นั้น “แทนคำขอโทษที่ไม่บอกเรื่องเปลี่ยนตัวและใช้ทำงานสกปรก เครื่องมือสองราคาถูกเหมาะสำหรับมือใหม่ เดี๋ยวจะให้คนพิมพ์วิธีใช้ขั้นต้นให้ทันทีถ้าหาได้ จะได้กลืนกับรอบข้างได้มากกว่านี้”
เซธไม่คิดเปลี่ยนตัวเองเร็วนักเพราะตนอายุมากถึงหกร้อยปี ทุกอย่างมันเป็นมากกว่านิสัยจนแก้ยากเสียแล้ว กระนั้นเขาก็กล่าวขอบคุณแล้วเก็บมันไว้อย่างดี
“แล้วมีข้อมูลเกี่ยวกับมังกรพวกนั้นเพิ่มหรือไม่ฝ่าบาท”
“อิกริดกำลังหารือกับพวกนักรบเทพเรื่องมังกรพวกนั้น เมื่อตัวหนึ่งตายก็จะส่งพลังทุกสิ่งอย่างสู่พวกที่เหลือนั่นทำให้งานยากขึ้นโดยใช่เหตุ หากหาทางออกได้ก่อนอวาร์ริเทียเปิดปากเรื่องตัวถัดไปเราก็สบายขึ้น”
“ฝ่าบาทตัวจริงถูกสั่งพักงานไม่ใช่หรือ” เซธเอ่ยถึงท่านผู้นั้นที่น่าจะมีเวลาว่างแสนสุข
“นิสัยเขาเป็นอย่างนี้แหละ เราบอกว่าจะไปเองก็อ้างว่าไม่ควรทิ้งนายให้เป็นเหยื่อของเจ้าผ้าคลุมสกปรกคนเดียว เขาจะถือโอกาสสังสรรค์เฮฮากับพวกนั้นตามประสาคนไม่เจอกันนานด้วย อายุกว่าสองพันปีแล้วแต่เหมือนเด็กที่คอยหาโอกาสเล่นสนุกในเวลางานเสมอ”
เซธสัมผัสสิ่งแปลก ๆ จากคำพูดของผู้ปลอมเป็นท่านผู้นั้น มันคล้ายการเบี่ยงประเด็นของตัวจริงแต่ไม่ใช่ ทั้งหมดที่ว่ามาคือสิ่งที่เขารู้อยู่แล้วเพียงถูกขยายออกเท่านั้น ทั้งเรื่องการส่งถ่ายพลังของเหล่ามังกร นิสัยทีเล่นทีจริงของท่านผู้นั้นก็ถูกต้อง บางอย่างบอกชัดว่ามีบางสิ่งซ่อนอยู่แต่เขาไม่เห็นแม้แต่เงา เหมือนเสียงสัตว์ร้องหลังดงไผ่ ดูเป็นเรื่องปกติแค่มันน่าสงสัยชอบกล
“ฝ่าบาทบอกแผนกับข้าได้ไหม” เซธเสี่ยงถามขึ้น หากเป็นท่านผู้นั้นตัวจริงคงแถว่าไม่มีอะไรเกินกว่าที่บอกไป
“บางครั้งเราก็ต้องเล่นละครเพื่อเป้าหมายสำคัญ” ผู้ปลอมแปลงมองเซธด้วยแววตาคาดหวัง “นายคือตัวละครสำคัญ เป็นหมากเพียงตัวเดียวของเสาค้ำจุน เรากับอิกริดกำลังเลื่อนขั้นนายจากเบี้ยเป็นควีน ตัวละครอย่างนายมีหน้าที่ทำตามคำสั่งผู้กำกับโดยไม่โต้แย้ง ส่วนเป้าหมายของเราคือการสังหารซูเปอร์เบียให้ได้”
เซธจำได้ว่านั่นคือชื่อของหนึ่งในมังกรทั้งเจ็ด ท่านผู้นั้นตัวปลอมทำให้เซธนึกถึงตอนแฝงตัวในกองทัพ ทหารเลวต้องทำงานตามมอบหมายจากผู้บังคับบัญชาโดยไร้คำถาม ทุกอย่างต้องมีแผนและยุทธวิธีชัดเจน ส่วนเรื่องเลื่อนขั้นคงหมายถึงการสะสมพลังเวทจากอากาศกระมัง แต่แค่นั้นจะพอเพียงกับการกำจัดเหล่ามังกรจริงหรือ
ผู้เป็นอมตะมองท่านผู้นั้นตัวปลอมด้วยความเคลือบแคลงเต็มหัวใจ
“เราทุกคนรู้ว่าการหลอกลวงเป็นสิ่งไม่ดี แต่บางเรื่องก็ถูกแทรกแซงได้ง่ายจนไม่อยากเชื่อ หากทำได้แนบเนียนพอถึงฉากท้ายสุดก็จะรู้ว่าทุกอย่างพร้อมอยู่ในฝ่ามือแล้ว” ท่านผู้นั้นตัวปลอมชี้ประเด็น “หมดเรื่องคุยแค่นี้ รีบเรียนรู้การใช้โทรศัพท์มือถือเสีย อีกร่วมสัปดาห์กว่าอิกริดจะกลับมาเผื่อมีเรื่องสำคัญจะได้ไม่ต้องใช้เวทมนตร์ เราไม่ใช่ผู้ใช้เวทมนตร์แท้ ๆ จึงทำอย่างเขาไม่ได้”
ผู้ปลอมตัวบ่นเรื่องการใช้ชีวิตในสังคมยุคใหม่อีกครั้งก่อนให้เซธกลับไปพักได้...
วันดำเนินการเซธเตรียมพร้อมด้วยชุดรัดกุม ผลึกแก้วเคลื่อนย้ายถูกห่อเย็บในเสื้อส่วนหน้าอกแค่ออกคำสั่งก็ทำงานได้ เขาดูแผนที่ปัจจุบันอีกครั้งพลางถามความเห็นกับซาเรียว่าพวกเขาน่าจะไปปรากฏตัวที่จุดใด ละอองแสงสีขาวจากท่านผู้นั้นตัวปลอมลอยมาติดตัวของเขาเป็นสายเหมือนผ้าคลุมระยิบระยับชั่วลมหายใจหนึ่ง
“ผงไฟฟ้าความเข้มสูงเหล่านี้จะรบกวนการทำงานของเทคโนโลยีสมัยใหม่ พวกกล้องจะบันทึกภาพนายเป็นภาพบิดเบือนจากความเป็นจริง มันมีผลกับเครื่องจักรความซับซ้อนสูงด้วยต้องระวังให้ดี เราจะฝากนางวิญญาณป่าช่วยพาเคลื่อนย้ายไปจัตุรัสกลางเมือง ชื่อซาเรียใช่ไหม”
ซาเรียรับคำด้วยเสียงสดใสว่าคราวนี้จะเว้นระยะจะได้ไม่พลาดอย่างคราวอินวิเดีย ครั้งนี้เซธก็นำผ้าแทนตัวโซลาน่าเก็บไว้ที่ห้องเหมือนตอนไปปะทะเหล่ามังกร จากการต่อสู้กับลักซูเรียกับอินวิเดียทำให้เขาเชื่อว่าระยะห่างเป็นเรื่องสำคัญเช่นกัน
“จัดการให้เร็วที่สุด นี่ยังไม่ดึกมาก คนน้อยแต่ดึงความสนใจง่าย เสร็จแล้วก็ต้องเขียนรายงานเหมือนคราวก่อน”
ผู้ปลอมแปลงถอยห่างเมื่อซาเรียเริ่มใช้มนตร์เคลื่อนย้าย กรงแสงสีทองครอบร่างของเซธเอาไว้แล้วดับวูบ จากห้องทำงานในรัฐสภาเปลี่ยนเป็นสวนของบ้านคนข้างจัตุรัส แม้พระอาทิตย์จะตกไปนานแล้วแต่รอบด้านยังหม่นหมองราวแสงจันทร์เสี้ยวบนฟ้าส่งลงมาไม่ถึง อากาศทวีความร้อนมากขึ้นเมื่อเข้าสู่หน้าร้อนอย่างเต็มตัว ชาวบ้านเงยหน้ามองมนตร์เคลื่อนย้ายอย่างสนใจแล้วก้มหน้าทำธุระของตนต่ออย่างเหนื่อยล้า กลิ่นธาตุดินแรงกล้าจนนึกวิตกหากต้องใช้อาวุธธาตุดิน
(มีต่อ)