เราเเปลกใจมากเลยพ่อเราเป็นคนเก่งหาเงินได้จากธุรกิจเยอะ เเต่ทำไมถึงเล่นหุ้นจนหมดตัวหมดเงิน9ล้านบาท

สวัสดีครับ ผมอายุ26 ตอนนี้ทำงานบริษัทเอกชนเเห่งหนึ่ง เงินเดือน3หมื่น ตอนนี้เราเลี้ยงครอบครัวเเล้ว เเล้ว เมื่อก่อนบ้านผมฐานะดี  พ่อผมมีบริษัทตั้งเเต่ปี38 เเล้วมาบูมช่วงปี 2545-2549 พ่อได้ปันผลเดือนละ3.5เเสน ได้เงินเดือนเดือนนึงได้เเสนห้า รายได้รวมบริษัทอยู่ที่ปีละ40ล้าน ตอนนั้นพ่อใช้เงินเยอะมาก เเบบอารมณ์เงินหาง่ายมาก ตอนปี 48 พ่อกู้ซื้อบ้าน7ล้าน1หลัง(เเต่ตอนนี้ขายไปเเล้วมาอยู่ทาวโฮมราคาประหยัดเอา) พ่อเข้าวงการหุ้นปี45  เราสงสัยว่าทำไมย่าบ่นว่าเราอย่าเล่นหุ้น ถ้าไม่อยากชีวิตพังเหมือนพ่อ เราเลยเเอบไปดูพอรต์หุ้น พ่อเรามีบันทึกบัญชีหุ้นไว้ตกใจมาก ปี45-64 ขาดทุนไป9ล้านบาท เเม่เราเล่าให้ฟังว่าพ่อเราถูกหุ้นส่วนโกงตอนปี51 ประกอบวิกฤตsubprime  เลยเสียรายได้ไป4เเสนห้าต่อเดือน เหลือเงินใช้เเค่เดือนละ5หมื่น โดยที่4ปีเเรกในช่วงที่บริษัทกำไรดี ขาดทุนหุ้นไป6ล้าน ช่วงปี51 ที่บริษัทล้มใหม่พ่อเรามีเงินอยู่2ล้านเป็นเงินสดเเต่ตอนนี้ไม่มีเเล้ว เอาตรงผมไม่เคยคิดเลยว่าทุกอย่างจะลงเอยเเบบนี้ เราเลยสงสัยว่าเกี่ยวกับหุ้นไหมที่ทำให้ชีวิตเค้าไม่ค่อยมีเงินเก็บ พ่อเราเป็นอาจารย์หุ้นในpantipด้วยช่วงปี55 เเต่เราก็งงนะปี 55 ช่วงที่พ่อเป็นอาจารย์ก็ขาดทุนหนักนะ เเเต่เรายังโชคดีเเม่ยังมีที่ดินอยู่อีก 12 ล้านบาท เเต่ขอถามหน่อยทำไมพ่อเราถึงกลับมาหาเงินได้ไม่เท่าปี45-49 ทั้งที่พ่อเราเก่งทำธุรกิจเก่ง
แก้ไขข้อความเมื่อ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 5
ผมในฐานะที่ทำธุรกิจ และ ลงทุนจนมีพอร์ต 100 ล้าน

ขอตอบให้ครับว่า สองอย่างนี้หลักการในการประสบความสำเร็จ
มันขัดกันครับ
ถ้าไม่เข้าใจ ก็สำเร็จยากครับ

หลักการในการทำธุรกิจ คือ ห้ามยอมแพ้

หลักการในการลงทุนในตลาดหุ้น คือ ต้องแพ้ให้เป็น
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 9
แม้ มีความฉลาดหลักแหลม วิเคราะหุ้นมาดี ซื้อหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งเกร่ง ในราคาที่เหมาะสม แต่อาจแพ้ใจตนเอง...
เพราะหลายคนที่เริ่มต้นด้วย อุดมการณ์อยากลงทุนในหุ้นจริงจังจะเป็นviคนนึง
แต่ในจังหวะที่กอดหุ้นอยู่ในมือ   ก็หลงกล การทำราคาในแต่ละวัน ที่ขึ้นลงมีส่วนต่างจนรู้สึกอยากได้อยากคว้าโอกาสนี้ เช่น เรามีหุ้นใดๆอยู่แสนหุ้นในราคา10บาท   ในแต่ละวัน เจ้ามือ หุ้นนั่นๆ จะแกล้งทำราคา ให้ หุ้นนี้ มีการขึ้นลง อยู่ในช่วง8-12บาท
การขึ้นลงของความต่างราคานี้ ทำให้คนที่กอดหุ้นหมายจะเป็นvi จริงจังหุ้นกลายเป็นคนเล่นหุ้น  ใจแตก เพราะ รู้สึกเสียโอกาส ที่หลงคิดไปว่า ถ้าเราขายที่11-12บาทให้ได้  แล้วลงมารับที่8-9บาท เราจะได้ส่วนต่างฟรีๆทำเงินได้วันละหลายแสน  และยังมีหุ้นในมือเท่าเดิมอยู่ในแต่ละวัน    รูปแบบการทำราคานี้
ไม่เป็นไปตามกลไกที่แท้จริง  เพราะจะมีเจ้ามือ คอยโยนทำราคาอยู่ โดยที่เราไม่อาจซื้อหรือขายในราคาที่หวังไว้
จึงเหมือนซื้อขายผิดทางไปหมด   ทุนก็น้อยลงๆไป    ดังนั่นเมื่อทุกอย่างถูกต้องแล้ว    การจะชนะตลาด ก็คือห้ามหวั่นไหว กับการหลอกล่อ ทำราคาในแต่ละวันเด็ดขาด   ให้มองเป็นการลงทุน หวังปันผล อย่างเดียว  หรืออาจจับจังหวะดีๆที่ราคาขึ้นเพราะปัจจัยเปลี่ยนกระทันหัน เช่น อุบัติเหตุต่างๆแล้วทำให้สินค้าของหุ้นเรามีราคาขึ้นมา   ก็สามารถขายในรอบใหญ่ๆแบบนี้ไปก่อนได้ เพราะ เมื่อสภาวะปกติ ราคา คงมาที่เดิมและมีรูปแบบอินไซอื่นๆ ที่มีผลต่อการขึ้นลง  เราสามารถเกาะกระแส เป็นรอบๆอย่างรอบคอบในการซื้อขายได้(แม้ยังเสี่ยงก็ยังน้อยกว่า ซื้อขาย ในทุกๆวัน)
และอีกเหตุผลนึง ที่ขาดทุนกันเยอะ คือพวกทุนน้อย มีเงินแค่หลักแสน หรือไม่กี่ล้าน  การจะซื้อ เพื่อลงทุน รอปันผล  จะรู้สึกว่าคิดเป็น%ในแต่ละปีได้น้อยไป  การจะได้เยอะๆคือต้องเสี่ยงปั่นรอบซื้อๆขายๆหลายๆครั้งหวังช่องสองช่อง เก็บเล็กผสมน้อย หรือกะหาเงินพอกินพอใช้แต่ละวันในรูปแบบนี้
การมีทุนน้อยหวังผลเยอะแบบนี้
จึงเข้าทาง ของเจ้ามือที่คอยปั่นราคา หลอกล่ออยู่  โดยที่เรา ชนะได้ยากมากๆ
   สรุป การลงทุนในตลาดหลักทรัพ จะกลายเป็นตลาดหลอกทรัพทันที   ถ้าเราไม่จริงจังลงทุนจริงๆ เพราะต่อให้เราดูครบ8ทิศ กราฟ.แท่งเทียน.โปรแกรม.ราคาล่วงหน้าจากต่างประเทศ.ข่าววงใน และอื่นๆ ที่ควรขับเคลื่อนราคาให้เป็นไปตามกลไกนั่นๆตามจริง    ปัจจัยตามจริงนั่น   กลับไม่ทำให้หุ้นขึ้นลงได้แบบนั่นจริงๆ(เรารู้เจ้ามือรู้)
จึงมีการควบคุมบิดเบือนราคาโดยมีเหตุผลอีก108มารองรับการบิดเบือนนี้..แต่การบิดเบือน จะใช้ได้ผลในระยะสั้น (ไว้กินพวกเล่นสั้น)เมื่อ ปัจจัยพื้นฐานเปลี่ยนจริงๆ ยังไงราคาก็ต้องสะท้อน ความจริงออกมาในระยะยาว  หุ้นจึงไม่ควรเล่น ต้องจริงจังกับมันจริงๆดีที่สุด ครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่