ไม่กี่วันมานี้....มีไลน์เด้งแต่เช้า....ถึงสายที่ไม่ได้รับ....ผมรู้สึกแปลกใจ....รีบโทรกลับไป....ปลายสายคือพี่สาวผม....ร้องไห้โฮพร้อมคำสั้นๆ...คนรักเค้าเสียแล้ว....ผมก็อึ้งไป 2 วินาที....พอตั้งสติได้...ก็รับฟังเรื่องราวต่างๆได้ซักพัก...แล้วเค้าก็ขอวางสายไป....
เมื่อเวลาผ่านไป....ต่อสายคุยกันอีกครั้ง
การจากไปกระทันหัน...ทั้งสูญเสียคนที่รัก...สูญเสียทั้งความหวังในชีวิต...ปลายสายเล่าไป...ยังคงร้องไห้ไป...บ่งบอกถึงความเศร้า....ผมได้แต่รับฟัง....และไม่มีธรรมะใดๆออกจากปากผมเลย....ที่จะบรรเทาทุกข์จากความสูญเสียนัน....
แต่หลังวางสาย...ผมเลือกที่จะส่งเพลงนี้ไปแทน....
ผมคิดว่า...บางครั้ง..บางคน..บางสถานะการณ์...เพลงบางเพลง...อาจเป็นธรรมะทางเลือก...ที่ให้แก่ผู้สูญเสีย...ได้ดีทางหนึ่งเลย
เพลงบางเพลง...อาจทำให้คนๆหนึ่ง....ปล่อยวางความทุกข์ในใจได้....เมื่อไหร่คนๆหนึ่ง...เข้าใจธรรมชาติ...อย่างที่มันควรจะเป็น....ธรรมชาติที่ไม่เคยมีอะไรคงที่...หรือคงทน...เมื่อนั้นความทุกข์...ก็จะบรรเทาลง...และเลือนหายไป
การปล่อยวาง...จึงไม่ใช่การผลักไสความรู้สึกทุกข์นั้นให้ออกไป....แต่มาจาก...ความเข้าใจธรรมชาติว่า...."มันเป็นเช่นนั้นเอง"....ท่ามกลางสภาพทุกข์....สภาพที่ไม่มีอะไรคงทน...
ชีวิตเราๆ...ช่วงเวลาที่สุขสมหวัง...อาจคิดว่าธรรมะ...ไม่ได้จำเป็นอะไร....เราก็อยู่สุขสบายดี...มักเข้าใจไปว่า...ชีวิตดีๆที่มีความสุขนี้...จะอยู่กับเราไปตลอด....ทั้งที่ความจริง...ปัจจัยแวดล้อมต่างๆนั้นไม่มีอะไรคงที่เลย....ชีวิตที่ดีมีความสุขนั้น...อาจเปลี่ยนแปลงเป็นความผิดพลาด....เปลี่ยนเป็นความสูญเสีย...ได้เสมอ...ความเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ว...และพลิกผันนั้น...ใจเราอาจรับมันไม่ไหว...อาจไปสู่การคิดสั้นได้...
แต่เมื่อเราเข้าใจธรรมชาติ...ความเป็นไปของทุกสรรพสิ่ง...ไม่มีอะไรยั่งยืน...คงทนอยู่ตลอดไป...การเข้าใจก็เหมือนเรามี "วัคซีนป้องความทุกข์"....เมื่อเราต้องเจอความเปลี่ยนแปลงในชีวิต....เราจะเข้าใจว่า"มันก็เป็นเช่นนั้นเอง"...ทุกข์จึงเป็นแค่สภาพ...แต่ใจไม่ทุกข์ไปกับสภาพนั้นได้
เช่นเดียวกับเพลงนี้....ถ้าเข้าใจว่า...ทุกสรรพสิ่ง...ล้วนเปลี่ยนแปลง....เป็นแค่ปรากฎการณ์ของธรรมชาติ...มันจะไม่มี"เรา"หรือ"ใคร"ไปเป็นทุกข์กับปรากฏการณ์นั้นๆ...เพลงนี้จึงแสดงถึงแก่นธรรม...ผ่านเสียงดนตรี...อาจทำให้ใครบางคน...ปล่อยวางความทุกข์ใจได้...ไม่ต่างจากธรรมะในรูปแบบอื่นเลยครับ
"ธรรมะ" กับ "เสียงเพลง"
เมื่อเวลาผ่านไป....ต่อสายคุยกันอีกครั้ง
การจากไปกระทันหัน...ทั้งสูญเสียคนที่รัก...สูญเสียทั้งความหวังในชีวิต...ปลายสายเล่าไป...ยังคงร้องไห้ไป...บ่งบอกถึงความเศร้า....ผมได้แต่รับฟัง....และไม่มีธรรมะใดๆออกจากปากผมเลย....ที่จะบรรเทาทุกข์จากความสูญเสียนัน....
แต่หลังวางสาย...ผมเลือกที่จะส่งเพลงนี้ไปแทน....
ผมคิดว่า...บางครั้ง..บางคน..บางสถานะการณ์...เพลงบางเพลง...อาจเป็นธรรมะทางเลือก...ที่ให้แก่ผู้สูญเสีย...ได้ดีทางหนึ่งเลย
เพลงบางเพลง...อาจทำให้คนๆหนึ่ง....ปล่อยวางความทุกข์ในใจได้....เมื่อไหร่คนๆหนึ่ง...เข้าใจธรรมชาติ...อย่างที่มันควรจะเป็น....ธรรมชาติที่ไม่เคยมีอะไรคงที่...หรือคงทน...เมื่อนั้นความทุกข์...ก็จะบรรเทาลง...และเลือนหายไป
การปล่อยวาง...จึงไม่ใช่การผลักไสความรู้สึกทุกข์นั้นให้ออกไป....แต่มาจาก...ความเข้าใจธรรมชาติว่า...."มันเป็นเช่นนั้นเอง"....ท่ามกลางสภาพทุกข์....สภาพที่ไม่มีอะไรคงทน...
ชีวิตเราๆ...ช่วงเวลาที่สุขสมหวัง...อาจคิดว่าธรรมะ...ไม่ได้จำเป็นอะไร....เราก็อยู่สุขสบายดี...มักเข้าใจไปว่า...ชีวิตดีๆที่มีความสุขนี้...จะอยู่กับเราไปตลอด....ทั้งที่ความจริง...ปัจจัยแวดล้อมต่างๆนั้นไม่มีอะไรคงที่เลย....ชีวิตที่ดีมีความสุขนั้น...อาจเปลี่ยนแปลงเป็นความผิดพลาด....เปลี่ยนเป็นความสูญเสีย...ได้เสมอ...ความเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ว...และพลิกผันนั้น...ใจเราอาจรับมันไม่ไหว...อาจไปสู่การคิดสั้นได้...
แต่เมื่อเราเข้าใจธรรมชาติ...ความเป็นไปของทุกสรรพสิ่ง...ไม่มีอะไรยั่งยืน...คงทนอยู่ตลอดไป...การเข้าใจก็เหมือนเรามี "วัคซีนป้องความทุกข์"....เมื่อเราต้องเจอความเปลี่ยนแปลงในชีวิต....เราจะเข้าใจว่า"มันก็เป็นเช่นนั้นเอง"...ทุกข์จึงเป็นแค่สภาพ...แต่ใจไม่ทุกข์ไปกับสภาพนั้นได้
เช่นเดียวกับเพลงนี้....ถ้าเข้าใจว่า...ทุกสรรพสิ่ง...ล้วนเปลี่ยนแปลง....เป็นแค่ปรากฎการณ์ของธรรมชาติ...มันจะไม่มี"เรา"หรือ"ใคร"ไปเป็นทุกข์กับปรากฏการณ์นั้นๆ...เพลงนี้จึงแสดงถึงแก่นธรรม...ผ่านเสียงดนตรี...อาจทำให้ใครบางคน...ปล่อยวางความทุกข์ใจได้...ไม่ต่างจากธรรมะในรูปแบบอื่นเลยครับ