สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 4
ถ้าจะมองว่าผิด ผิดทั้งคู่ก็ได้
หรือจะมองอีกมุม ไม่มีใครผิดเลยก็ได้
_กรณีของคุณในสายตาเขา
พฤติกรรมของคุณเอง น่ารำคาญ
คือถ้าอยากไปจากเขาจริงๆ เขาก็ไม่ง้อ ไปก็ไปสิ
แต่คุณร้องไห้จะเป็นจะตาย แล้ว “อ้างว่า” อยากไป “เพื่อให้เขามีความสุข”
คนได้ฟังก็ไม่ปลื้มค่ะ เพราะไม่อาจสัมผัสได้เลย ถึงความปรารถนาดี
หรือความต้องการให้เขามีความสุขในกระแสคำพูดนั้น
คนที่ “ยอมได้” กระทั่งเลิกกันก็ได้ เพียงแค่ขอให้อีกฝ่ายมีความสุขนั้น
จะไม่ใช่คนที่งี่เง่าเลย จะไม่น้อยใจง่าย จะไม่เรียกร้อง
คนแบบนี้ รักเพื่อรักจริงๆ คือบอกตัวเองเอาไว้แล้วว่า แค่ให้มีคนนี้อยู่ในชีวิต เราจะยอมทุกอย่าง
จะไม่ทำเรื่องขัดใจเขา จะไม่ทำให้เขาอึดอัดใจ จะไม่ทำในสิ่งที่เขาไม่ชอบ
_กรณีของเขา ในสายตาคุณ
คุณต้องการให้เขาดีกับคุณ แบบคนเดิม ที่คุณเคยตกหลุมรักเมื่อสี่ปีที่แล้ว
ยิ่งนานไป เขายิ่งเปลี่ยน คุณจึงรู้สึกไม่มั่นคง และ หวาดหวั่น กลัวว่าวันหนึ่ง รักดีๆที่เคยมี จะหายไป
เมื่อทะเลาะกัน ที่คุณเงียบไม่ใช่เพราะ ”ยอม” แต่เพราะ “ทน”
ขีดจำกัดมันจึงมี
เมื่อมากขึ้นเรื่อยๆ คุณจึงรู้สึกเหมือนจะทนไม่ไหว
เมื่อย้อนไปมองที่ต้นเหตุ คุณก็รู้สึกว่า คุณเป็นฝ่ายถูกกระทำอยู่ฝ่ายเดียว
ยิ่งตอกย้ำ ว่า เขาเปลี่ยนไป
ยิ่งสงสัยในตัวเอง หรือคุณจะไม่ใช่ ความสุขของเขาอีกต่อไปแล้ว
ความน้อยใจ จึงออกมาในคำที่ว่า ขอจากไป เพื่อให้เขามีความสุข
...
คำถามว่า ใครผิด ใครถูก จึงไม่ใช่สาระสำคัญอีกต่อไป
ควรจะถามตัวคุณ และเขา ว่าความสัมพันธ์ต่อจากนี้ จะมีความสุขร่วมกันได้อย่างไร
หากยังทำตัวน่ารำคาญในสายตาเขา เขาจะไม่มีวันกลับมารัก และดีด้วยเหมือนเดิม
(หรือต่อให้ทำดี เขาก็อาจจะไม่รัก และดีด้วยเหมือนเดิม เพราะมีปัจจัย “เบื่อ” มาแทนที่ความเสน่หา)
ความน้อยใจน่ะ จะเป็นอาวุธชนะใจเขาได้ ก็ตอนใหม่ๆ ที่เขายังไม่ได้ครอบครองเท่านั้น
ได้มาแล้ว เก่าแล้ว เขาไม่รู้สึก ว่าจะต้องเอาใจไปเพื่ออะไร เขาไม่อยากเหนื่อยใจตรงนี้
จุดนี้แหละ ที่คุณต้องถามตัวเอง ว่าจะทนอยู่แบบนี้ไหวไหม
ซื่อสัตย์กับความรู้สึกตัวเอง ... ว่ายังอยากอยู่กับคนนี้ไหม คุณจะมีความสุขไหม ?
เมื่อถามตัวเองตรงๆ ด้วยคำถามที่ถูกจุด
มันจะคลายความคับข้องใจที่คุณมี และ ทางออกจะเด่นชัดขึ้นมาในใจเองค่ะ
หรือจะมองอีกมุม ไม่มีใครผิดเลยก็ได้
_กรณีของคุณในสายตาเขา
พฤติกรรมของคุณเอง น่ารำคาญ
คือถ้าอยากไปจากเขาจริงๆ เขาก็ไม่ง้อ ไปก็ไปสิ
แต่คุณร้องไห้จะเป็นจะตาย แล้ว “อ้างว่า” อยากไป “เพื่อให้เขามีความสุข”
คนได้ฟังก็ไม่ปลื้มค่ะ เพราะไม่อาจสัมผัสได้เลย ถึงความปรารถนาดี
หรือความต้องการให้เขามีความสุขในกระแสคำพูดนั้น
คนที่ “ยอมได้” กระทั่งเลิกกันก็ได้ เพียงแค่ขอให้อีกฝ่ายมีความสุขนั้น
จะไม่ใช่คนที่งี่เง่าเลย จะไม่น้อยใจง่าย จะไม่เรียกร้อง
คนแบบนี้ รักเพื่อรักจริงๆ คือบอกตัวเองเอาไว้แล้วว่า แค่ให้มีคนนี้อยู่ในชีวิต เราจะยอมทุกอย่าง
จะไม่ทำเรื่องขัดใจเขา จะไม่ทำให้เขาอึดอัดใจ จะไม่ทำในสิ่งที่เขาไม่ชอบ
_กรณีของเขา ในสายตาคุณ
คุณต้องการให้เขาดีกับคุณ แบบคนเดิม ที่คุณเคยตกหลุมรักเมื่อสี่ปีที่แล้ว
ยิ่งนานไป เขายิ่งเปลี่ยน คุณจึงรู้สึกไม่มั่นคง และ หวาดหวั่น กลัวว่าวันหนึ่ง รักดีๆที่เคยมี จะหายไป
เมื่อทะเลาะกัน ที่คุณเงียบไม่ใช่เพราะ ”ยอม” แต่เพราะ “ทน”
ขีดจำกัดมันจึงมี
เมื่อมากขึ้นเรื่อยๆ คุณจึงรู้สึกเหมือนจะทนไม่ไหว
เมื่อย้อนไปมองที่ต้นเหตุ คุณก็รู้สึกว่า คุณเป็นฝ่ายถูกกระทำอยู่ฝ่ายเดียว
ยิ่งตอกย้ำ ว่า เขาเปลี่ยนไป
ยิ่งสงสัยในตัวเอง หรือคุณจะไม่ใช่ ความสุขของเขาอีกต่อไปแล้ว
ความน้อยใจ จึงออกมาในคำที่ว่า ขอจากไป เพื่อให้เขามีความสุข
...
คำถามว่า ใครผิด ใครถูก จึงไม่ใช่สาระสำคัญอีกต่อไป
ควรจะถามตัวคุณ และเขา ว่าความสัมพันธ์ต่อจากนี้ จะมีความสุขร่วมกันได้อย่างไร
หากยังทำตัวน่ารำคาญในสายตาเขา เขาจะไม่มีวันกลับมารัก และดีด้วยเหมือนเดิม
(หรือต่อให้ทำดี เขาก็อาจจะไม่รัก และดีด้วยเหมือนเดิม เพราะมีปัจจัย “เบื่อ” มาแทนที่ความเสน่หา)
ความน้อยใจน่ะ จะเป็นอาวุธชนะใจเขาได้ ก็ตอนใหม่ๆ ที่เขายังไม่ได้ครอบครองเท่านั้น
ได้มาแล้ว เก่าแล้ว เขาไม่รู้สึก ว่าจะต้องเอาใจไปเพื่ออะไร เขาไม่อยากเหนื่อยใจตรงนี้
จุดนี้แหละ ที่คุณต้องถามตัวเอง ว่าจะทนอยู่แบบนี้ไหวไหม
ซื่อสัตย์กับความรู้สึกตัวเอง ... ว่ายังอยากอยู่กับคนนี้ไหม คุณจะมีความสุขไหม ?
เมื่อถามตัวเองตรงๆ ด้วยคำถามที่ถูกจุด
มันจะคลายความคับข้องใจที่คุณมี และ ทางออกจะเด่นชัดขึ้นมาในใจเองค่ะ
ความคิดเห็นที่ 14
พอกันทั้งคู่ค่ะ
เค้าอารมณ์แรง พูดแรง
ส่วนคุณ ขี้น้อยใจ และคุณบอกเองว่าคุณจะเป็นต้นเหตุทำให้เค้าโกรธ
ทีนี้มองมุมคุณ คุณก็จะบอกว่าตามที่เขียนไว้ ทำไมเค้าต้องหงุดหงิดง่าย โมโหง่าย
มองมุมเค้า เค้าก็คงไม่เข้าใจว่าทำไมคุณต้องทำให้เค้าโกรธบ่อยๆ
เราว่า สาเหตุที่ทำให้เค้าโมโห น่าจะแก้ไขง่าย กว่าอารมณ์หงุดหงิดของเค้าค่ะ
เรื่องราวของคุณทั้งคู่เราว่ามันยังไม่ถึงขั้นแตกหักอะไร. เพียงแต่ว่าคุณต้องมาพิจารณาตัวเองก่อนว่าแต่ละครั้งทำอะไรให้เค้าหงุดหงิดโมโหบ้าง
พอรู้ปัญหาแล้ว ค่อยมาคุยกับเค้าว่าคุณรู้ปัญหาแล้วนะ จะปรับตรงไหนบ้าง 1 2 3 4.
แล้วก็มาถึงเรื่องตัวเค้า ว่าให้ช่วยอารมณ์เย็นลงหน่อย. หรือถ้าวันไหนเค้าหงุดหงิดอีก คุณอัดวีดีโอ หรืออัดเสียงเค้าไว้เลย
ตอนดีๆกัน ก็เปิดให้เค้าดูว่าพูดดีๆได้ไม๊ อย่าใช้อารมณ์แบบนี้ได้ไม๊ (แต่เราว่าเรื่องอารมณ์เปลี่ยนกันยากมากค่ะ)
เค้าอารมณ์แรง พูดแรง
ส่วนคุณ ขี้น้อยใจ และคุณบอกเองว่าคุณจะเป็นต้นเหตุทำให้เค้าโกรธ
ทีนี้มองมุมคุณ คุณก็จะบอกว่าตามที่เขียนไว้ ทำไมเค้าต้องหงุดหงิดง่าย โมโหง่าย
มองมุมเค้า เค้าก็คงไม่เข้าใจว่าทำไมคุณต้องทำให้เค้าโกรธบ่อยๆ
เราว่า สาเหตุที่ทำให้เค้าโมโห น่าจะแก้ไขง่าย กว่าอารมณ์หงุดหงิดของเค้าค่ะ
เรื่องราวของคุณทั้งคู่เราว่ามันยังไม่ถึงขั้นแตกหักอะไร. เพียงแต่ว่าคุณต้องมาพิจารณาตัวเองก่อนว่าแต่ละครั้งทำอะไรให้เค้าหงุดหงิดโมโหบ้าง
พอรู้ปัญหาแล้ว ค่อยมาคุยกับเค้าว่าคุณรู้ปัญหาแล้วนะ จะปรับตรงไหนบ้าง 1 2 3 4.
แล้วก็มาถึงเรื่องตัวเค้า ว่าให้ช่วยอารมณ์เย็นลงหน่อย. หรือถ้าวันไหนเค้าหงุดหงิดอีก คุณอัดวีดีโอ หรืออัดเสียงเค้าไว้เลย
ตอนดีๆกัน ก็เปิดให้เค้าดูว่าพูดดีๆได้ไม๊ อย่าใช้อารมณ์แบบนี้ได้ไม๊ (แต่เราว่าเรื่องอารมณ์เปลี่ยนกันยากมากค่ะ)
แสดงความคิดเห็น
แหนชอบพูดว่าเราแรงๆ แล้วพอเค้านึกได้เค้าก็จะมาขอโทษ ว่าเราไม่ได้ผิดอะไร ว่าเค้าผิดเองที่อารมณ์หงุดหงิดง่าย
เราเคยบอกเค้านะ ว่าเรารู้นะว่าตัวเองไม่ดี ไม่อาจเปลี่ยนแปลงตัวเองได้ แต่เราก็พยายามอย่างที่สุดแล้ว เรารู้นะว่าเราเป็นต้นเหตุทำให้เค้าโมโห เค้าเลยชอบว่าเราแรงๆ แล้วเวลาที่เค้าว่าเราทีไร เราก็ร้องไห้คนเดียวทุกที เค้าไม่เคยดูแลความรู้สึกเราเลย เค้าเอาแต่พูดว่า เค้าทำอะไรผิดมากเหรอ เราถึงร้องไห้เสียใจมากขนาดนี้
เราอยากให้เค้ามีความสุขอ่ะค่ะ เราเคยบอกเค้านะ ว่าเราเดินออกมาจากชีวิตเค้าก็ได้นะ แต่พอเราพูดแบบนี้ เค้าบอกว่า เราอยากไปจากเค้าเอง เค้าไม่เคยพูดหรือไล่ให้เราไป เราเลยเลยรู้สึกว่าเหมือนเรากลายเป็นคนผิดเลย ทั้งๆที่เราแค่อยากทำให้เค้ามีความสุข เพราะเราคิดว่า ถ้าเค้ามีเราต่อไป เราก็เป็นต้นเหตุของความทุกข์ใจของเค้า มีแต่สร้างเรื่องปวดหัวให้เค้า
ปล. เรายังไม่ได้แต่งงานนะ
เราอยากปรึกษาว่าเราผิดมากมั้ยคะ ที่เราเป็นแบบนี้