ผู้ปกครองทหารเกณฑ์อยากร้องเรียนใจแทบขาด....

เป็นผู้ปกครองทหารเกณฑ์แบบสมัครใจร้องขอออนไลน์อายุระหว่าง 18-20 ปีค่ะ

3-4 วันที่ผ่านมานี้อยากจะเดินทางไปกระทรวงกลาโหมและร้องเรียนหน่วยงานทหารที่ลูกสังกัดอยู่จนตัวสั่นกินไม่ได้นอนไม่หลับ

เพี้ยนรมเสีย

สาเหตุคือลูกอยากเป็นทหาร ตั้งใจเลือกเรียน ม.6 สายวิทย์-คณิต แล้วตรงดิ่งไปสมัครทหารทันทีในหน่วยส่วนกำลังรบที่ตัวเองอยากเป็น
ตอนมีชื่อขึ้นกองร้อยหนึ่งก็เหมือนสมใจอยาก แต่พอตอนได้รับหน้าที่นี่อกผู้ปกครองจะแตก
ข่าวประกาศกระทรวงเขาก็ให้เว้นในหน้าที่เหล่านี้ (งานที่ไม่เกี่ยวกับส่วนกำลังรบเลย) แล้วทำไมในเมื่อมีทหารจับใบแดงมีมากกว่าครึ่งร้อย กลับต้องให้ทหารสมัครใจ 2 ปี เพื่อขอโควต้าต่อนายสิบซึ่งมีกันแค่ 3-4 คนไปทำด้วยเล่า

แต่.........ช้าก่อน

ในภาพลบย่อมมีสิ่งที่เป็นบวกแฝงอยู่

เหตุการณ์นี้ได้สอนให้เราได้รู้ว่า ในสถานการณ์ที่เราไม่อาจคาดคิดหรือเกิดวิกฤตที่ไม่มีทางเลือก เราต้องปรับตัวและอยู่กับมันให้ได้
นี่คือบททดสอบจิตใจบทหนึ่ง ถ้าใจคุณผ่านสามารถก้าวข้ามทำในสิ่งที่ไม่อยากทำแต่ต้องทำและทำมันได้ คุณคือ "ผ่าน"
ดังเช่นว่า สักวันหนึ่งคุณได้เป็นทหารจริงๆแล้วต้องไปช่วยสาธาณะประโยชน์ให้กับชาวบ้านที่เดือดร้อน วิชาที่คุณกำลังไปฝึกอยู่นี้ มันได้ใช้ช่วยเหลือชาวบ้านมากกว่าวิชาที่ใช่ในสนามรบเสียอีก

ส่วนกระแสสังคมที่ว่า เป็นทหารเกณฑ์ที่อยู่ค่ายฝึก 3 เดือน แล้วเวลาที่เหลือไร้ประโยชน์ เสียโอกาส บอกเลยว่านั่นเป็นเรื่องส่วนบุคคล ส่วนตัวเชื่อว่าไม่เกี่ยวกับระบบทหาร

จะแยกเป็นข้อๆ นะคะ ว่าควรเอาเวลาไปทำอะไร (นี่คือสิ่งที่เราแนะนำลูกไปค่ะ)

1.ดูแลรักษาสุขภาพกายสุขภาพใจ
   ค่ายทหารบางที่บรรยากาศอย่างกับรีสอร์ทหรือบ้านพักตากอากาศ มีสนามกีฬา สวนสาธารณะ สนามยิงปืน สระว่ายน้ำ สนามกอฟท์ สถานพยาบาล ครบสรรพถูกใจคนวัยเกษียณที่ฝันจะไปอยู่ในวาระสุดท้ายของชีวิต บางที่ติดทะเลอากาศดีอีกต่างหาก แค่คุณหาเวลาและลองเลือกกิจกรรมทำดูเพื่อสุขภาพกายที่แข็งแรงและสุขภาพใจที่สดใส มันก็โอเคอยู่นะ

2.มุ่งมั่นฝึกฝนกับหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย
   คิดเสียว่าฝึกอาชีพใหม่ๆ เผื่อเป็นทางเลือกให้กับชีวิต หรือไม่ก็เก็บสกิลติดตัวไปสอนให้ภรรยาหรือลูกหลานได้ฝึกทำเพื่อไม่ให้เกิดภาวะเสาหลักต้นเดียวหักแล้วตายทั้งบ้าน
   ยกตัวอย่าง งานบริการ ก็ถือว่า ฝึกอาชีพการจัดการหรืองานโรงแรม งานสูทกรรมก็คิดเสียว่าฝึกไปเป็นเชฟ งาน บก.ก็คิดเสียว่าฝึกเป็นพนักงานออฟฟิศ ใครได้ไปเป็น งานรับใช้ก็ถือเสียว่าซ้อมโดนจับไปเป็นเชลยละกัน (555+ อันนี้หยอกๆ)

3.ศึกษาต่อ
   เป็นโชคดีของทหารเกณฑ์ที่ใครไม่จบการศึกษาภาคบังคับ ทางกองทัพผลักดันให้เรียนกศน.จนจบ ใครอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้ก็ฝึกจนอ่านได้เขียนคล่อง และยังมีมหาวิทยาลัยเปิดให้ทหารได้เรียนผ่านระบบออนไลน์ ทั้งปริญญาตรี ปริญญาโท เอาเวลาตรงนี้ไปลงเรียนได้อย่างชิลเลยนะ ไม่มีภาระทางสังคมอื่นคอยกวน ยิ่งถ้าใครจะสอบต่อนายสิบด้วยยิ่งดี มีครู มีสถานที่ มีรุ่นพี่นายสิยคอยแนะนำอีกต่างหาก

4.ทำอาชีพเสริม
  อาชีพทางออนไลน์เริ่มเป็นอาชีพที่นิยมมากขึ้นในปัจจุบัน ถ้ามีเวลาเยอะแยะขนาดนั้นลองหยิบสักสกิลหนึ่งที่มีมาทำเป็นอาชีพเสริมออนไลน์ก็ได้ เช่น ค้าขาย ยูทูปเบอร์ เกมออนไลน์ ESPORT หรือไม่ก็ฝึกกีฬาที่ตัวเองถนัดและลงเล่นเป็นอาชีพได้เลย เช่นฟุตบอล และอื่นๆ

ส่วนกลุ่มที่มีลูกเล็กเด็กแดงหรือมีภรรยาที่รอคอย อันนี้ต้องเห็นใจ วัยรุ่นสมัยนี้มีครอบครัวไว ถ้าลดอายุของผู้ที่ถืงวัยเกณฑ์ทหารให้เหลือ สัก 18-19 ได้ ปัญหานี้น่าจะน้อยลง เพราะเด็กพวกนี้บางคนเหมือนจบ ม.6 มาใหม่ๆ ยังไม่ได้วางแผนชีวิต หรืออาจไม่ได้เรียนต่อหรือหางานทำไม่ได้ ก็นำมาฝึกวินัยและอาชีพ สัก 1 ปี น่าจะได้ประโยชน์สูงกว่าพวกอายุ 21 ปี ที่มีครอบครัวและงานประจำกันแล้ว นั่นรวมไปถึงปัญหาการเลี้ยงดูญาติผู้ใหญ่ที่แก่ชราหรือมีโรคประจำตัวด้วย ซึ่งจริงๆทางพัฒนาสังคมเขาก็มีมาตรการช่วยเหลือดูแลคนกลุ่มนี้อยู่

นี่เป็นเพราะเครียดมากจึงใช้เวลาไปหาข้อมูลเพื่อตอบคำถามตัวเองในทุกๆ ด้าน ก็ยอมรับได้และสบายใจขึ้น ยิ่งได้รู้ว่าลูกมีความสุขกับการอยู่กับหน่วยงานที่ตัวเองสังกัดอยู่ก็ดีใจ เห็นเล่าว่าหน่วยงานนี้ดี ครูฝึกเก่งและใจดีมาก ก็เป็นว่า เก็บกุญแจรถและรอคอยลูกกลับมาบ้านอย่างสมกับการฝึกเป็นชายชาติทหารต่อไปละกัน

เพี้ยนลุย
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่