ตัวแทน 19 มหาวิทยาลัย จ่อร่วมประชุม กมธ.พัฒนาการเมือง หาข้อเท็จจริงสลายชุมนุม จนท.รัฐรุนแรงกว่าเหตุ
https://www.matichon.co.th/politics/news_2935873
ตัวแทน 19 มหาวิทยาลัย จ่อร่วมประชุม กมธ.พัฒนาการเมือง หาข้อเท็จจริงสลายชุมนุม-จนท.รัฐรุนแรงกว่าเหตุ
จากกรณีที่คณะกรรมาธิการ (กมธ.) การพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน และการมีส่วนร่วมของประชาชน สภาผู้แทนราษฎร กำหนดให้มีการประชุมเพื่อพิจารณาข้อเรียกร้องขอให้ปกป้องสิทธิและคุ้มครองประชาชนจากการกระทำความรุนแรงของเจ้าหน้าที่รัฐ และขอให้ตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่อันเข้าข่ายเกินกว่าเหตุของเจ้าหน้าที่รัฐ ในวันพุธที่ 15 กันยายน 2564 เวลา 13.30 น. ที่ห้องประชุมกรรมาธิการ N 410 ชั้น 4 อาคารรัฐสภา
องค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ระบุว่า ในการนี้ เพื่อให้การพิจารณาของคณะกรรมาธิการเป็นไปด้วยความรอบคอบ ได้รับทราบข้อมูล ข้อเท็จจริง และความเห็นเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวอย่างครบถ้วนรอบด้าน จึงได้เชิญภาคประชาชน อันได้แก่ ผู้แทนองค์การและสโมสรนิสิตนักศึกษา 19 มหาวิทยาลัย
1. องค์การบริหารสโมสรนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
2. องค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
3. องค์การบริหาร องค์การนิสิต มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
4. สโมสรนักศึกษามหาวิทยาลัยมหิดล
5. สโมสรนักศึกษามหาวิทยาลัยศิลปากร
6. สโมสรนักศึกษามหาวิทยาลัยเชียงใหม่
7. องค์การบริหาร องค์การนักศึกษา มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่
8. องค์การนิสิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
9. องค์การนักศึกษาสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้า เจ้าคุณทหารลาดกระบัง
10. องค์การบริหาร องค์การนักศึกษา มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี
11. องค์การนิสิตมหาวิทยาลัยนเรศวร
12. สโมสรนักศึกษามหาวิทยาลัยอุบลราชธานี
13. องค์การนิสิตมหาวิทยาลัยบูรพา
14. องค์การนิสิตมหาวิทยาลัยมหาสารคาม
15. องค์การบริหาร องค์การนักศึกษา มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง
16. องค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี
17. สโมสรนักศึกษามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา
18. องค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้า พระนครเหนือ
และ 19. องค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช
และผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง คือผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และเลขาธิการคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ จะเข้าร่วมประชุมกับ กมธ.ในวันและเวลาดังกล่าว
‘หมอธีระ’ ถอดบทเรียนการบริหารของต่างชาติ ดีใจกับปชช.ในปท.ที่มีสวัสดิภาพในชีวิตโดยไม่ต้องแก่งแย่ง
https://www.matichon.co.th/politics/news_2935851
‘หมอธีระ’ถอดบทเรียนการบริหารประเทศ-ระบบสาธารณสุขต่างชาติ ดีใจกับปชช.ในปท.ที่มีสวัสดิภาพในชีวิตโดยไม่ต้องแก่งแย่ง
เมื่อวันที่ 12 กันยายน นพ.
ธีระ วรธนารัตน์ อาจารย์คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า
“12 กันยายน 2564 บทเรียนจากต่างประเทศในเรื่องของการบริหารประเทศ และบริหารระบบสาธารณสุขให้ดำเนินไปได้ โดยที่ประชาชนทุกคนมีสวัสดิภาพและความปลอดภัยในชีวิต ลดความสูญเสียทั้งจากเจ็บป่วย เสียชีวิต และผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคม
หนึ่ง สื่อสารข้อมูลสถานการณ์จริง มีรายละเอียดชัดเจน โปร่งใส ตรวจสอบได้ให้แก่ประชาชน ไม่ปิดบัง ไม่บิดเบือน วิกฤติก็บอกวิกฤติ ไม่ใช่ขมหรือเปรี้ยวแต่บอกว่าหวาน
สอง วงการเมืองสุจริต วงนโยบายซื่อสัตย์ และวงวิชาการมีจริยธรรม
สาม เจอปัญหาระบาด รีบจัดการเข้มข้นทันท่วงที เจ็บแต่ระยะสั้น เจอจำนวนไม่มากต้องรีบหยุดการเคลื่อนไหวและปูพรมตรวจ เพื่อแยกตัวผู้ติดเชื้อไปรักษาและนำผู้สัมผัสเสี่ยงสูงไปกักตัวเฝ้าสังเกตอาการ แยกจากคนอื่น
สี่ ระบบตรวจคัดกรองโรคต้องมีศักยภาพสูง ทำได้มาก และต่อเนื่อง เข้าถึงได้ฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย ครอบคลุมทุกพื้นที่
ห้า นโยบายด้านระบบการดูแลรักษาต้องได้รับการวางแผนล่วงหน้าเพื่อรับมือสถานการณ์แบบ worst case scenario มีคนเงินของที่เพียงพอ ที่สำคัญคือหยูกยาต่างๆ ได้รับการจัดหา เลือกใช้ยาที่เป็นมาตรฐาน ไม่ปล่อยให้วิกฤติจนต้องหันไปพึ่งพาน้ำเขย่า พืชผักสวนครัวหลังบ้าน หรือยาถ่ายพยาธิ ที่หลักฐานเชิงประจักษ์ยังไม่เพียงพอหรือไม่ชัดเจน
หก วัคซีนป้องกันเป็นอาวุธสำคัญ เลือกใช้สิ่งที่ได้รับการพิสูจน์ตามหลักมาตรฐานสากล ไม่อาศัยสนามรบเป็นสนามทดลอง
เจ็ด สถานการณ์ระบาดรุนแรง ย่อมไม่เปิดศึกหลายด้าน เพราะรู้ดีว่าไม่มีทางเอาอยู่
แปด แสดงออกซึ่งความรับผิดชอบต่อผลลัพธ์จากนโยบายและมาตรการที่ตัดสินใจดำเนินการไป หากเกิดความสูญเสียมากมาย หลายต่อหลายประเทศล้วนแสดงให้เห็นว่า กลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการบริหารนโยบายและมาตรการต่างๆ ก็แสดงความรับผิดชอบด้วยการออกจากตำแหน่งด้วยตนเองหรือได้รับการปรับเปลี่ยน
…เห็นบทเรียนจากประเทศต่างๆ แล้ว คงต้องชื่นชมยินดี ดีใจไปกับประชาชนในประเทศที่มีสวัสดิภาพและความปลอดภัยในชีวิต ไม่ต้องแก่งแย่งช่วงชิงบริการที่จำเป็นต่อชีวิต ไม่ต้องโหลดแอพจนล้นมือถือ และมีโอกาสเห็นชัยชนะที่แท้จริงในแต่ละช่วงเวลาที่ต่อสู้กับโรคระบาด
เค้าชนะ เราชนะ เธอชนะ ฉันชนะ หรือใครชนะกันนะ? ด้วยรักและห่วงใย”
https://www.facebook.com/thiraw/posts/10223107453747210
เตือน “กรุงเก่า”เตรียมรับมือน้ำท่วม ฝนตกหนักต่อเนื่อง!เร่งระบายลงท้ายเขื่อน
https://www.dailynews.co.th/news/263163/
ชลประทานเตือนพื้นที่อยุธยาเตรียมรับมือระดับน้ำในแม่น้ำน้อยสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว หลังเกิดฝนตกหนักในพื้นที่ภาคเหนือตอนบนและภาคกลาง ขณะแม่น้ำเจ้าพระยาช่วงนครสวรรค์สูงขึ้นต่อเนื่อง
เมื่อวันที่ 12 ก.ย. นาย
ทวีศักดิ์ ธนเดโชพล รองอธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า ฝนที่ตกหนักในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาในพื้นที่ภาคเหนือตอนบน และภาคกลาง ส่งผลให้มีน้ำท่าไหลหลากลงสู่แม่น้ำสายหลักต่างๆ ก่อนจะไหลลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยา ทำให้ระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง คาดการณ์ว่าจะมีปริมาณน้ำไหลผ่านสถานีวัดน้ำ C.2 จังหวัดนครสวรรค์ เพิ่มขึ้นในเกณฑ์ประมาณ 1,300-1,400 ลบ.ม./วิ มีการตัดยอดน้ำเข้าระบบชลประทานทั้ง 2 ฝั่งรวม 400 ลบ.ม./วิ และควบคุมปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยาในเกณฑ์ 800-1,200 ลบ.ม./วิ ซึ่งจะส่งผลให้ระดับน้ำด้านท้ายเขื่อนเจ้าพระยา โดยเฉพาะพื้นที่ตลิ่งต่ำบริเวณริมแม่น้ำน้อย ตั้งแต่บริเวณตำบลบ้านกระทุ่ม ตำบลหัวเวียง อำเภอเสนา และตำบลท่าดินแดง อำเภอผักไห่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นจากปัจจุบันประมาณ 1.50 เมตร ในช่วงวันที่ 13-16 กันยายน 2564
ทั้งนี้ กรมชลประทานจะควบคุมการระบายน้ำผ่านเขื่อนเจ้าพระยาให้อยู่ในเกณฑ์ดังกล่าว พร้อมกับบริหารจัดการน้ำเต็มศักยภาพของพื้นที่ โดยมิให้มีผลกระทบต่อพื้นที่การเกษตร หากมีปริมาณน้ำหลากเพิ่มขึ้นที่จะส่งผลให้มีปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยามากกว่า 1,200 ลบ.ม./วิ จะแจ้งให้ทราบต่อไป อย่างไรก็ตาม ได้สั่งการให้โครงการชลประทานในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา ประสานแจ้งไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนประชาชนให้ทราบถึงสถานการณ์น้ำแล้ว จึงขอให้ประชาชนติดตามสถานกาณ์น้ำในระยะนี้อย่างใกล้ชิด หากต้องการความช่วยเหลือติดต่อได้ที่โครงการชลประทานใกล้บ้านหรือโทรฯสายด่วนกรมชลประทาน 1460 ได้ตลอดเวลา.
JJNY : 4in1 19 ม.จ่อร่วมประชุมกมธ.│หมอธีระถอดบทเรียนต่างชาติ│เตือนกรุงเก่ารับมือน้ำท่วม│‘อนุสรณ์’เสนอนำเงินจากIMFเยียวยา
https://www.matichon.co.th/politics/news_2935873
ตัวแทน 19 มหาวิทยาลัย จ่อร่วมประชุม กมธ.พัฒนาการเมือง หาข้อเท็จจริงสลายชุมนุม-จนท.รัฐรุนแรงกว่าเหตุ
จากกรณีที่คณะกรรมาธิการ (กมธ.) การพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน และการมีส่วนร่วมของประชาชน สภาผู้แทนราษฎร กำหนดให้มีการประชุมเพื่อพิจารณาข้อเรียกร้องขอให้ปกป้องสิทธิและคุ้มครองประชาชนจากการกระทำความรุนแรงของเจ้าหน้าที่รัฐ และขอให้ตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่อันเข้าข่ายเกินกว่าเหตุของเจ้าหน้าที่รัฐ ในวันพุธที่ 15 กันยายน 2564 เวลา 13.30 น. ที่ห้องประชุมกรรมาธิการ N 410 ชั้น 4 อาคารรัฐสภา
องค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ระบุว่า ในการนี้ เพื่อให้การพิจารณาของคณะกรรมาธิการเป็นไปด้วยความรอบคอบ ได้รับทราบข้อมูล ข้อเท็จจริง และความเห็นเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวอย่างครบถ้วนรอบด้าน จึงได้เชิญภาคประชาชน อันได้แก่ ผู้แทนองค์การและสโมสรนิสิตนักศึกษา 19 มหาวิทยาลัย
1. องค์การบริหารสโมสรนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
2. องค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
3. องค์การบริหาร องค์การนิสิต มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
4. สโมสรนักศึกษามหาวิทยาลัยมหิดล
5. สโมสรนักศึกษามหาวิทยาลัยศิลปากร
6. สโมสรนักศึกษามหาวิทยาลัยเชียงใหม่
7. องค์การบริหาร องค์การนักศึกษา มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่
8. องค์การนิสิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
9. องค์การนักศึกษาสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้า เจ้าคุณทหารลาดกระบัง
10. องค์การบริหาร องค์การนักศึกษา มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี
11. องค์การนิสิตมหาวิทยาลัยนเรศวร
12. สโมสรนักศึกษามหาวิทยาลัยอุบลราชธานี
13. องค์การนิสิตมหาวิทยาลัยบูรพา
14. องค์การนิสิตมหาวิทยาลัยมหาสารคาม
15. องค์การบริหาร องค์การนักศึกษา มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง
16. องค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี
17. สโมสรนักศึกษามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา
18. องค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้า พระนครเหนือ
และ 19. องค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช
และผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง คือผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และเลขาธิการคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ จะเข้าร่วมประชุมกับ กมธ.ในวันและเวลาดังกล่าว
‘หมอธีระ’ ถอดบทเรียนการบริหารของต่างชาติ ดีใจกับปชช.ในปท.ที่มีสวัสดิภาพในชีวิตโดยไม่ต้องแก่งแย่ง
https://www.matichon.co.th/politics/news_2935851
‘หมอธีระ’ถอดบทเรียนการบริหารประเทศ-ระบบสาธารณสุขต่างชาติ ดีใจกับปชช.ในปท.ที่มีสวัสดิภาพในชีวิตโดยไม่ต้องแก่งแย่ง
เมื่อวันที่ 12 กันยายน นพ.ธีระ วรธนารัตน์ อาจารย์คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า
“12 กันยายน 2564 บทเรียนจากต่างประเทศในเรื่องของการบริหารประเทศ และบริหารระบบสาธารณสุขให้ดำเนินไปได้ โดยที่ประชาชนทุกคนมีสวัสดิภาพและความปลอดภัยในชีวิต ลดความสูญเสียทั้งจากเจ็บป่วย เสียชีวิต และผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคม
หนึ่ง สื่อสารข้อมูลสถานการณ์จริง มีรายละเอียดชัดเจน โปร่งใส ตรวจสอบได้ให้แก่ประชาชน ไม่ปิดบัง ไม่บิดเบือน วิกฤติก็บอกวิกฤติ ไม่ใช่ขมหรือเปรี้ยวแต่บอกว่าหวาน
สอง วงการเมืองสุจริต วงนโยบายซื่อสัตย์ และวงวิชาการมีจริยธรรม
สาม เจอปัญหาระบาด รีบจัดการเข้มข้นทันท่วงที เจ็บแต่ระยะสั้น เจอจำนวนไม่มากต้องรีบหยุดการเคลื่อนไหวและปูพรมตรวจ เพื่อแยกตัวผู้ติดเชื้อไปรักษาและนำผู้สัมผัสเสี่ยงสูงไปกักตัวเฝ้าสังเกตอาการ แยกจากคนอื่น
สี่ ระบบตรวจคัดกรองโรคต้องมีศักยภาพสูง ทำได้มาก และต่อเนื่อง เข้าถึงได้ฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย ครอบคลุมทุกพื้นที่
ห้า นโยบายด้านระบบการดูแลรักษาต้องได้รับการวางแผนล่วงหน้าเพื่อรับมือสถานการณ์แบบ worst case scenario มีคนเงินของที่เพียงพอ ที่สำคัญคือหยูกยาต่างๆ ได้รับการจัดหา เลือกใช้ยาที่เป็นมาตรฐาน ไม่ปล่อยให้วิกฤติจนต้องหันไปพึ่งพาน้ำเขย่า พืชผักสวนครัวหลังบ้าน หรือยาถ่ายพยาธิ ที่หลักฐานเชิงประจักษ์ยังไม่เพียงพอหรือไม่ชัดเจน
หก วัคซีนป้องกันเป็นอาวุธสำคัญ เลือกใช้สิ่งที่ได้รับการพิสูจน์ตามหลักมาตรฐานสากล ไม่อาศัยสนามรบเป็นสนามทดลอง
เจ็ด สถานการณ์ระบาดรุนแรง ย่อมไม่เปิดศึกหลายด้าน เพราะรู้ดีว่าไม่มีทางเอาอยู่
แปด แสดงออกซึ่งความรับผิดชอบต่อผลลัพธ์จากนโยบายและมาตรการที่ตัดสินใจดำเนินการไป หากเกิดความสูญเสียมากมาย หลายต่อหลายประเทศล้วนแสดงให้เห็นว่า กลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการบริหารนโยบายและมาตรการต่างๆ ก็แสดงความรับผิดชอบด้วยการออกจากตำแหน่งด้วยตนเองหรือได้รับการปรับเปลี่ยน
…เห็นบทเรียนจากประเทศต่างๆ แล้ว คงต้องชื่นชมยินดี ดีใจไปกับประชาชนในประเทศที่มีสวัสดิภาพและความปลอดภัยในชีวิต ไม่ต้องแก่งแย่งช่วงชิงบริการที่จำเป็นต่อชีวิต ไม่ต้องโหลดแอพจนล้นมือถือ และมีโอกาสเห็นชัยชนะที่แท้จริงในแต่ละช่วงเวลาที่ต่อสู้กับโรคระบาด
เค้าชนะ เราชนะ เธอชนะ ฉันชนะ หรือใครชนะกันนะ? ด้วยรักและห่วงใย”
https://www.facebook.com/thiraw/posts/10223107453747210
เตือน “กรุงเก่า”เตรียมรับมือน้ำท่วม ฝนตกหนักต่อเนื่อง!เร่งระบายลงท้ายเขื่อน
https://www.dailynews.co.th/news/263163/
ชลประทานเตือนพื้นที่อยุธยาเตรียมรับมือระดับน้ำในแม่น้ำน้อยสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว หลังเกิดฝนตกหนักในพื้นที่ภาคเหนือตอนบนและภาคกลาง ขณะแม่น้ำเจ้าพระยาช่วงนครสวรรค์สูงขึ้นต่อเนื่อง
เมื่อวันที่ 12 ก.ย. นายทวีศักดิ์ ธนเดโชพล รองอธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า ฝนที่ตกหนักในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาในพื้นที่ภาคเหนือตอนบน และภาคกลาง ส่งผลให้มีน้ำท่าไหลหลากลงสู่แม่น้ำสายหลักต่างๆ ก่อนจะไหลลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยา ทำให้ระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง คาดการณ์ว่าจะมีปริมาณน้ำไหลผ่านสถานีวัดน้ำ C.2 จังหวัดนครสวรรค์ เพิ่มขึ้นในเกณฑ์ประมาณ 1,300-1,400 ลบ.ม./วิ มีการตัดยอดน้ำเข้าระบบชลประทานทั้ง 2 ฝั่งรวม 400 ลบ.ม./วิ และควบคุมปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยาในเกณฑ์ 800-1,200 ลบ.ม./วิ ซึ่งจะส่งผลให้ระดับน้ำด้านท้ายเขื่อนเจ้าพระยา โดยเฉพาะพื้นที่ตลิ่งต่ำบริเวณริมแม่น้ำน้อย ตั้งแต่บริเวณตำบลบ้านกระทุ่ม ตำบลหัวเวียง อำเภอเสนา และตำบลท่าดินแดง อำเภอผักไห่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นจากปัจจุบันประมาณ 1.50 เมตร ในช่วงวันที่ 13-16 กันยายน 2564
ทั้งนี้ กรมชลประทานจะควบคุมการระบายน้ำผ่านเขื่อนเจ้าพระยาให้อยู่ในเกณฑ์ดังกล่าว พร้อมกับบริหารจัดการน้ำเต็มศักยภาพของพื้นที่ โดยมิให้มีผลกระทบต่อพื้นที่การเกษตร หากมีปริมาณน้ำหลากเพิ่มขึ้นที่จะส่งผลให้มีปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยามากกว่า 1,200 ลบ.ม./วิ จะแจ้งให้ทราบต่อไป อย่างไรก็ตาม ได้สั่งการให้โครงการชลประทานในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา ประสานแจ้งไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนประชาชนให้ทราบถึงสถานการณ์น้ำแล้ว จึงขอให้ประชาชนติดตามสถานกาณ์น้ำในระยะนี้อย่างใกล้ชิด หากต้องการความช่วยเหลือติดต่อได้ที่โครงการชลประทานใกล้บ้านหรือโทรฯสายด่วนกรมชลประทาน 1460 ได้ตลอดเวลา.