ชื่อเดียวเอี่ยวทุกเรื่อง….วางแผน

กระทู้สนทนา

.

              
               บรรยายพิเศษ หัวข้อ : ชีวิตกับการวางแผน & ใช้ชีวิตอย่างไรให้ใจเป็นสุข

               ผู้บรรยาย  : ศ.ดร. อานนท์ ธรรมเมธีกุล (อาจารย์นนท์)
                                 : อาจารย์ สุกุมาลย์ วิริยะ (อาจารย์เรย์)

                  ตั้งแต่เวลา  09.00-15.00 น.


                ณ หอประชุมทานตะวันของโรงเรียน แผ่นโฟมถูกแกะเป็นตัวหนังสือ ระบายด้วยสีแดงติดไว้กับผ้าม่านบนเวทีอย่างสวยงาม วันนี้ทางโรงเรียนได้เชิญวิทยากรพร้อมทีมงาน มาบรรยายเกี่ยวกับการใช้ชีวิตประจำวันของเรา นักเรียนทุกคนตื่นเต้นมาก เพราะ หากมีกิจกรรมฟังบรรยายแบบนี้ จะไม่มีการเรียนการสอนใด ๆ ทั้งสิ้น ยิ่งเป็นการฟังบรรยายตลอดทั้งวันยิ่งดี ทว่าอาจจะดูน่าเบื่อสำหรับใครหลายคน แต่ สำหรับวันรพีไม่เบื่อเลยสักนิด กลับชอบมากกว่า

                 หลังเคารพธงชาติเสร็จ คุณครูได้มูฟทุกคนเข้ามานั่งรอในหอประชุมเรียบร้อย รอวิทยากรทั้งสองท่านมาถึง ขณะนี้ภายในหอประชุมเสียงดังไปด้วยการพูดคุยของนักเรียน คุณครูก็ปล่อยตามสบายเนื่องจากวิทยากรทั้งสองท่านยังมาไม่ถึง

                “หากว่าเรากำลังสบายจงปรบมือพลัน หากว่าเรากำลังมีสุข หมดเรื่องทุกข์ใด ๆ ทุกสิ่ง จะมัวประวิงอะไรกันเล่าจงปรบมือพลัน” ตามด้วยเสียงเฮฮา พร้อมเสียงปรบมือเปาะแปะของนักเรียนบางคน เพราะไม่มีใครตั้งตัวกับการมาของวิทยากรเลย กลายเป็นเรียกเสียงฮาเสียมากกว่า อานนท์กับสุกุมาลย์เดินร้องเพลงขึ้นมายังบนเวที เพื่อทำหน้าที่วิทยากรบรรยายสำหรับวันนี้

              “ไม่มีใครสนใจเราเลยอ่ะอาจารย์” สุกุมาลย์พูดพร้อมหัวเราะ หันไปพูดกับอานนท์อย่างมืออาชีพ ทั้งสองคนเป็นวิทยากรมืออาชีพที่สุด เดินสายบรรยายมาเป็นเวลาหลายปีแล้ว

              “น้อยใจนะเนี่ย ! ฮา “อานนท์พูด “อ่ะทักทายกันก่อนครับ ขอเช็กเรตติ้งได้มั้ยอาจารย์เรย์” หันหน้ามาถามสุกุมาลย์คู่ขา ก่อนจะหันไปมองน้อง ๆ นักเรียนที่นั่งอยู่ตรงหน้า “ใครดีใจที่ได้เข้ามาฟังบรรยายวันนี้ ยกมือขึ้นครับ”

              “โหอาจารย์เพียบเลยอ่ะ ยกมือขึ้นทุกคนเลย เรย์ดีใจมาก ซึ้ง ๆ ค่ะ“ สุกุมาลย์พูดพร้อมหัวเราะ เมื่อเห็นน้อง ๆ นักเรียนพากันยกมือขึ้น งานที่เธอรักมาก กับการได้มาบรรยายแบบนี้ รักในการพูดจริง ๆ

               “เสียใจเอามือลง ! “ นักเรียนหลงกลเอามือลงกันเพียบ ก่อนจะรีบยกมือขึ้นอีก เรียกเสียงหัวเราะได้เป็นอย่างดี “เฮ้ยอะไรครับเนี่ย น้อง ๆ ไม่จริงใจกับเราเลยอ่ะอาจารย์เรย์ น้อง ๆ ไม่มีความจริงใจกับวิทยากรเลย เมื่อกี้บอกดีใจ พอถามว่าใครเสียใจที่ได้ฟังบรรยาย พากันเอามือลงเพียบเลยอ่ะ ฮา ท่านอาจารย์ครับนักเรียนของท่านไม่จริงใจกับผมเลย” อานนท์หันไปพูดกลั้วหัวเราะกับคณะคุณครูของของโรงเรียน

                  “เราก็อุตส่าห์ดีใจนะอาจารย์นะ ฮา” สุกุมาลย์พูดปนหัวเราะเช่นกัน มันเป็นมุกตลก ๆ ที่พวกเธอสองคนนำมาใช้ในการบรรยายแบบนี้เสมอ เพื่อจะได้ไม่ซีเรียสน่าเบื่อจนเกินไป ก่อนจะพาพวกเขาเหล่านั้นเข้าสู่เนื้อหาก็ต้องพามาฮา ๆ แบบนี้ก่อน

                   “เอาใหม่ครับเอาใหม่ จริงจังแล้วคราวนี้ ยกมือก่อนนะ ดีใจเอามือลงได้ครับ” นักเรียนก็ยังยกมือค้างไว้อยู่อย่างนั้น เพราะไม่ทันมุกของเขาอีกแล้ว “เอ๊า ! เอามือลงถะแม๊ ฮ่วย ! ฮา ตกลงดีใจหรือไม่ดีใจกันแน่เนี่ย ฮา“ คราวนี้นักเรียนทุกคนก็พากันเอามือลงพร้อมหัวเราะกันทั้งหอประชุมอีก

                   “น้อง ๆ เริ่มระแวงเราแล้วอาจารย์นนท์ ฮา “ สุกุมาลย์พูด “นี่อาจารย์เมื่อกี้เรย์เห็นน้อง ๆ สะกิดกัน เมื่อกี้อาจารย์พูด ‘เอามือลงถะแม๊’ น้อง ๆ สะกิดกัน จารย์นนท์คนที่ไหนวะ สำเนียงเป๊ะเหลือเกิน ฮา “ พวกเธอทั้งสองคนช่วยกันพูดให้ความบันเทิง เข้าขากันเป็นอย่างดี

                  “สวัสดีอย่างเป็นทางการอีกครั้งนะคะน้อง ๆ รู้จักพวกพี่กันแล้วหรือยังคะ เอ่อ อาจารย์นนท์อนุญาตให้น้อง ๆ เรียกพี่ได้มั้ยคะ” หันมาถามอานนท์หัวหน้าของเธอเอง ทำงานร่วมกันมาเกือบสิบปีกับการบรรยายแบบนี้

               “รู้ค่า / ครับ” นักเรียนตอบอย่างพร้อมเพรียงกัน

               “อนุญาต ๆ ครับ เรียกพี่ได้ ห่างกันไม่กี่ปีเอง แหม ! ใช่มั้ยเธอ” อานนท์ก็ยังตบมุกอย่างไม่ย่อท้อ  “รู้จักเพราะอ่านบนเวทีใช่มั้ยฮะ” อานนท์ผายมือไปยังฉากด้านหลัง ที่มีชื่อของตนเองกับสุกุมาลย์ติดอยู่ นักเรียนทุกคนตอบเสียงดังฟังชัดว่าใช่ ! เขาหัวเราะร่วนทันที

               “น้อง ๆ รู้จักพวกเราแล้ว แต่ พี่ก็อยากจะแนะนำอย่างเป็นทางการอีกครั้งเหมือนเดิมค่ะ หล่อสมาร์ชมาดแมน ดีกรีไม่ธรรมดา“ คนถูกพูดถึงกระแอมเสียงหล่อ จัดคอเสื้อเน็กไทให้เข้าที่ออกมายืนด้านหน้าเวที เรียกเสียงหัวเราะทั้งหอประชุมได้อีก

                 “นี่คือศาสตราจารย์ ด็อกเตอร์ อานนท์ ธรรมเมธีกุล หรือ เรียกพี่นนท์หรืออาจารย์นนท์ก็ได้ค่ะ ขอเสียงปรบมือให้อาจารย์นนท์หน่อยค่า” สุกุมาลย์ผายมือให้เจ้าของชื่อ พร้อมเสียงปรบมือต้อนรับอย่างอุ่นหนาฝาคั่ง

                 “ส่วนพี่ ! เรียกพี่เหมือนกันนะ ชื่อ สุกุมาลย์ วิริยะ ชื่อเล่นเรย์ เรียกพี่เรย์ก็ได้ค่ะ” จากนั้นเสียงปรบมือก็ดังกระหึ่มอีกครั้ง

                   “พี่เรย์น้อง ๆ ถามเกิดที่ไหนครับ ชื่อคล้าย ๆ อำเภอในจังหวัดแถบอีสานเลย” อานนท์ถาม เล่นตลกก่อนจะเข้าสาระจริงในอีกไม่กี่นาทีที่จะถึงนี้

                “อ้อ พี่เรย์เกิดที่จังหวัดสงขลาหาดใหญ่ เกิดที่ใต้พ่อแม่ตั้งชื่อให้เป็นทะเล พอเข้ามหาลัยก็เลยเปลี่ยนเป็นเรย์เฉย ๆ สระเอรอเรือยอการัน เรย์ “

               “จะได้ทันสมัยว่างั้น” อานนท์พูดเสริม พยักหน้าหงึก ๆ เข้าใจ

               “ใช่ค่ะ เป็นคนใต้นิ ชื่อเรย์เป็นคนสงขลา  เอ๊อะไมค์ดูด ฮาขั่วมันหนิ !” สุกุมาลย์อุทาน แกล้งทำไมค์ร่วงเล่นมุกไมค์ดูด และก็เรียกเสียงหัวเราะจากคนในหอประชุมได้อีกเช่นกัน

                “เดี๋ยว ๆ เอ๊อะพะนะ ! “ อานนท์ทำหน้าทึ่ง “น้อง ๆ ครับ น้อง ๆ เชื่อมั้ยว่าพี่เรย์ หรือ อาจารย์เรย์เป็นคนสงขลา ที่สงขลามีเอ๊อะด้วยเหรอครับ ฮามันขั่วหนิไปอี๊ก ! ” พูดกลั้วหัวเราะ

                “ไม่เชื่อค่ะ / ครับ” นักเรียนตอบอย่างพร้อมเพรียงกัน

                 “สำเนียงไม่เหมือนคนสงขลาเลยอ่ะ สำเนียงเหมือนคนแถว ๆ กาฬสินธุ์ร้อยเอ็ดสารคามอ่ะ ฮา “ อานนท์พูดแซวคู่ขา ส่วนเจ้าตัวหัวเราะชอบใจใหญ่

                วันรพีและเพื่อน ๆ พี่ ๆ ทุกคนนั่งหัวเราะจนกรามจะค้างตายอยู่แล้ว หัวเราะตั้งแต่วิทยากรทั้งสองท่านมาถึง จนตอนนี้ก็ยังฮาเรื่อย ๆ หัวเราะจนท้องขดท้องแข็งกันแล้ว วันรพีชอบการฟังบรรยายแบบนี้มาก สนุก ไม่ได้เรียนด้วยเพราะการบ้านยังทำไม่เสร็จเลย

                เธอนั่งติดกับเพื่อนซี้คือวันวิสา ฟังบรรยายไปด้วย แอบชายตามองไปยังแถวผู้ชายด้วย แอบมองแฟนหนุ่มที่คบหากันอยู่เป็นระยะ ๆ มันมีความสุขที่สุดในการเข้าฟังบรรยายสำหรับวันนี้นั้นเอง

                “มาน้อง ๆ ถึงเวลาเริ่มกันแล้ว ช่วงเช้าพบกับพี่เรย์ก่อนนะ ในหัวข้อชีวิตกับการวางแผน ส่วนช่วงบ่ายค่อยพบกับอาจารย์อานนท์ในหัวข้อใช้ชีวิตอย่างไรให้ใจเป็นสุข” เมื่อถึงเวลาอันสมควรแก่การบรรยายแล้ว ทั้งสองคนก็เริ่มเข้าสู่พิธีการ อานนท์นั่งลงที่เก้าอี้รับรอง ให้สุกุมาลย์บรรยายฉายเดี่ยวไป

                 “วันนี้นะคะช่วงท้าย ๆ ก่อนจะแยกย้ายกันไปทานข้าว พี่เรย์มีนิทานมาเล่าให้น้อง ๆ ฟังด้วยนะ นิทานเรื่องเนี่ย มันจะไปเชื่อมโยงกับหัวข้อที่อาจารย์อานนท์จะพูดในช่วงบ่ายน้อ พี่เรย์ก็เลยอยากจะขอความร่วมมือน้อง ๆ ว่าช่วงนั้นตั้งใจฟังนิดหนึ่งนะคะ “

                “ค่า / ครับ” นักเรียนทุกคนตอบกลับมา

                “โห ! น้อง ๆ รับปากด้วย ชื่นใจจังเลยค่ะอาจารย์” สุกุมาลย์หันไปพูดกับอานนท์ที่นั่งเก้าอี้ข้าง ๆ ส่วนตัวเองนั้นกำลังยืนพูดอยู่ ก่อนจะเดินออกจากโต๊ะมายืนพูดด้านหน้าเวทีอีกที เพื่อจะได้ออกท่าออกทางได้สะดวก

                “ไหนใครวางแผนในการใช้ชีวิตของตนเองบ้างคะ ยกมือขึ้น ! โหมีหลายคนเลย ไหนใครใช้ชีวิตแบบไปวัน ๆ คะ ฮา ไม่มีนะ “

                 “อาจารย์เรย์ ๆ มีคนแอบยกนะเมื่อกี้ ผมเห็นอยู่ ฮา “ อานนท์พูดแทรก นักเรียนทุกคนก็หัวเราะลั่นหอประชุมอีก สนุก ๆ กันไปล่ะวันนี้ รวมทั้งวันรพีและวันวิสาด้วย หัวเราะจบก็ชำเลืองไปมองแฟนหนุ่มอยู่ร่ำไป

               “นี่ไงอาจารย์ เรย์กำลังจะบอกว่า การใช้ชีวิตไปวัน ๆ ก็คือการวางแผนแล้วนะคะ ก็วางแผนเอาไว้ว่าทั้งชีวิตนี้ฉันจะไม่ทำอะไรเลย ! ฉันจะใช้ชีวิตไปวัน ๆ ยังไงล่ะคะ”

                 “อ้อ เป็นเช่นประการฉะนี้” อานนท์ตอบ

                “ไม่ได้นะทุกคนทุกท่าน เราต้องมีเป้าหมายในชีวิต และ เป้าหมายเกิดจากการวางแผนนะ รู้มั้ย ! ถ้าเราไม่วางแผนวางขั้นตอน เราจะไปถึงเป้าหมายได้ยังไง เราจะประสบผลสำเร็จได้ยังไงถูกมั้ย การทำงานก็ต้องมีการวางแผน เราเคยได้ยินคำนี้มั้ย แผนหนึ่งไม่สำเร็จก็ต้องเอาแผนสอง เห็นมั้ยเราจะพบว่าในชีวิตเราอ่ะ มันเกิดจากการวางแผนนะน้อง ๆ

                เงียบ ! เงียบกริบเลยอาจารย์ ฮา มันอาจจะไกลตัวเราไปใช่มั้ย เพราะเรายังเป็นนักเรียนอยู่ ขยับมาใกล้ ๆ ตัวนิดหนึ่ง อย่างตื่นเช้าอาบน้ำแต่งตัวมาเรียนแบบนี้ มานั่งเรียนง่วงเหงาหาวนอนแล้วก็กลับบ้านไป นี่ก็คือการวางแผนแล้วนะคะน้อง ๆ มีมั้ยวันนี้ฉันตื่นนอนไม่ทำอะไรเลย อย่างน้อยก็ต้องเดินไปล้างหน้าแปรงฟันล่ะค่ะ นี่ก็คือการวางแผนแล้วนะ วางแผนแบบเราไม่รู้ตัวเองเลย เป็นกลไกของสมองและร่างกายที่วางแผนเอง คือ คล้าย ๆ นามอธรรม

               เห็นมั้ยชีวิตเราจะปราศจากการวางแผนไม่ได้เลย แต่ถ้าจะให้ชัดเจนยิ่งขึ้นอีก เห็นภาพเข้าใจง่ายก็เช่น น้อง ๆ ม.3 ยกมือขึ้นค่ะ”

               วิทยากรออกคำสั่ง ชั้น ม.3 ทุกคนยกมือขึ้น รวมทั้งวันรพีกับวันวิสาและแฟนหนุ่มด้วย พวกเธอเรียนอยู่ชั้น ม.3 พอดี

             เธอคิดตามที่พี่วิทยากรพูดก็ถูก ตัวเธอเองก็วางแผนชีวิตเอาไว้แล้วเหมือนกันว่าจะทำอย่างไร จะต่อ ม.4 ที่ไหน สายอะไร วางแผนล่วงหน้าไปถึงตอนเรียนมหาวิทยาลัยนู่นแหนะ มิพอวางแผนชีวิตการแต่งงานไปอีก ว่าจะแต่งงานตอนไหน ฮา แค่คิดก็ตลก ไม่รู้ว่าถึงตอนนั้นยังจะเป็นคนปัจจุบันนี้หรือเปล่านะ

                   “พี่ ม.6 ยกมือค่ะ” สุกุมาลย์ถามต่อ นักเรียนชั้น ม.6 ต่างยกมือขึ้น “น้อง ม.3 กับพี่ ม.6 ก็ต้องวางแผนชีวิตกันแล้วนะคะว่า น้อง ๆ ม.3 จะเรียน ม.ปลายสายไหนดี จะต่อที่เดิมไหมหรือจะย้ายโรงเรียน พี่ ม.6 จะเข้าคณะอะไร มหาลัยอะไร เห็นมั้ยคะ ชีวิตเรามีการวางแผนทั้งสิ้น

                 การไปเดินห้างก็เหมือนกัน มีมั้ยใครว่าจะไปเดินห้างชิว ๆ ไม่วางแผนจะซื้ออะไร ก็การที่จะไม่ซื้ออะไรก็คือการวางแผนนั่นแหละค่ะ เราได้วางแผนเอาไว้แล้วไงว่าเราจะไปเดินเฉย ๆ เราจะไม่ซื้ออะไร ถูกมั้ย ! “

                สุกุมาลย์บรรยายเรื่องชีวิตกับการวางแผนไปเรื่อย ๆ จนเวลาเลยมาถึงชั่วโมงสุดท้ายก่อนจะปล่อยนักเรียนไปทานข้าวเที่ยง ก็เป็นเวลาที่เหมาะสมแล้วที่จะต้องเล่านิทานให้น้อง ๆ นักเรียนได้ฟัง

                นิทานเรื่องนี้เธอวางแผนเอาไว้นานแล้วเหมือนกัน คิดว่าจะใช้บรรยายไปเรื่อย ๆ ซึ่งมันเกิดกับตัวเธอเอง จะเอามาเป็นวิทยาทานในการเผยแพร่ให้ทุกคนได้รับรู้ ทีแรกเธอคิดว่ามันจะเหมาะสมหรือไม่ มันจะเกิดปัญหาอะไรขึ้นหรือไม่ ทว่ามันเกิดเหตุการณ์บางอย่างซ้ำแล้วซ้ำอีกกับเธอ ไม่จบไม่สิ้น เธอก็ได้คำตอบว่า ควรพูด ! ควรที่จะพูด ให้ทุกคนได้รับรู้ หลังจากที่เงียบมาโดยตลอด แต่ เขายังไม่ยอมหยุด ! ทั้งที่เธอหยุดไปนานแล้ว ปล่อยให้เขาได้พูดอยู่ฝ่ายเดียว

               “น้อง ๆ คะ มาถึงชั่วโมงสุดท้ายแล้ว พี่มีนิทานเรื่องการวางแผนมาเล่าให้น้อง ๆ ฟังค่ะ เหรียญมีสองด้านฉันใด ทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกใบนี้ย่อมมีสองด้านฉันนั้น การวางแผนก็เหมือนกันทุกคนทุกท่าน”
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่