เมื่อคุณพ่อเป็นมะเร็งไทรอยด์ชนิดอะนาพลาสติก(Anaplastic Thyroid Cancer)

กระทู้คำถาม
การโพสต่อไปนี้เพื่อเป็นประโยชน์และความรู้ในการรักษา อาศัยประสบการณ์จากการได้เห็นและสัมผัสมาจากคุณพ่อ และเพื่ออุทิศบุญกุศลนี้ให้คุณพ่อ

เริ่มแรกคุณพ่อตรวจพบก้อนมะเร็ง บริเวณลำคอฝั่งขวา จากการอาบน้ำในช่วงปลายเดือนธันวาคมปี 2563 
และได้รับการตรวจวินิจฉัยจาก รพ.เอกชน ย่านฝั่งธน จากผลเอ็กซ์เรย์(X-RAY) ผลคือพบก้อนที่คอประมาณ 3-4 เซนติเมตร และพบจุดที่หน้าสงสัยเล็กน้อยบริเวณปอด จากการตรวจอย่างละเอียดพบว่าเป็นมะเร็งไทรอยด์ชนิดอะนาพลาสติก ซึ่งเป็นชนิดที่พบได้น้อยและเป็นชนิดที่มีความรุนแรงมาก ซึ่งเมื่อคุณพ่อได้ทราบจึงตัดสินใจเปลี่ยนที่รักษาและการผ่าตัด เป็น รพ.รัฐริมแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งก็มีคิวที่ต้องรอในการผ่าตัดพอสมควรแต่ก็แรกมาด้วยบุคคลากรทางการแพทย์ที่มีประสบการณ์สูงและทางครอบครัวก็มีความเชื่อมั่นที่สูง  คุณพ่อได้คิวผ่าตัดช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งระยะเวลาที่รอก็พอสมควร ระหว่างที่รอสังเกตก้อนที่คอมีอัตราการโตที่สูงมาก จากที่ไม่สังเกตเห็นได้ช่วงธันวาคม เป็นเห็นได้ชัดเจนมากและใหญ่ออกมาจนเห็นได้ชัด
เมื่อก่อนถึงวันที่ผ่าตัด 1 วัน คุณพ่อมีก้อนคล้ายก้อนเลือดอุดที่หลอดลม ช่วงกลางดึกแต่โชคดีที่คุณพ่อไอจนเอาก้อนนั้นออกมาได้ ไม่อย่างงั้นอาจเสียชีวิตที่เรียกว่าก้อนเลือดอุดตันในหลอดลมเสียชีวิต คุณหมอจากที่วางแผนผ่าไทรอยออกทั้งหมด 2 ข้าง กลายเป็นผ่าไม่หมด และต้องทำการเจาะคอเพื่อให้พ่อมีชีวิตรอดใช้ในการหายใจ ซึ่งสิ่งที่ตามมาคือเสมหะจะมีการผลิตจำนวนมาก และต้องใช้เครื่องดูดเสมหะทุกวัน จากการสอบถามคุณหมอเบื้องต้น บอกว่ามีเชื้อมะเร็งลามไปหลอมลมและปอด ต้องทำการฉายแสงจำนวน 20 ครั้ง และให้คีโม 6 เข็ม ซึ่งเป็นการรักษาแบบประคับประครอง เพื่อให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
จากการอ่านงานจัยและค้นคว้าหาข้อมูลจากต่างประเทศของครอบครัว พบว่า มะเร็งไทรอยด์ชนิดอะนาพลาสติก เป็นชนิดที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษาทั้งการฉายแสงและคีโม อีกทั้งอัตราการรอดชีวิตหลังจากตรวจพบเจอมีแค่ 10% ระยะเวลาการมีชีวิตอยู่ 3-6 เดือน ซึ่งมาถึงจุดนี้ทำใจครับ แต่เราก็ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ หลังจากการผ่าตัด 1 สัปดาห์คุณพ่อก็เข้ารับการฉายแสงต่อเลย 20 ครั้ง หยุดเสาร์อาทิตย์ และกลับมาอยู่บ้านระหว่างการฉายแสงไปกลับโรงพยาบาล มาถึงตรงนี้สำคัญครับ เพราะทางครอบครัวได้รับคำแนะนำจากพยาบาล ให้ซื้อเครื่องดูดเสมหะ และเครื่องพ่นน้ำเกลือ ซึ่งอยากจะบอกว่า( สำคัญ )มากที่สุดในโลก เพราะถ้าไม่มี 2 เครื่องนี้คุณพ่ออาจเสียชีวิตจากก้อนเลือดที่ดันขึ้นมาติดหลอดลมเป็นช่วงๆ เครื่องดูดเสมหะนี้บางครั้งคุณแม่ดูดมาเป็นก้อนเลือด และพยายามนำก้อนออกมาจากท่อที่เจาะที่คอ (ภาษาแพทย์เรียกว่า คิ้ว ) ซึ่งก้อนมาอุดตลอด ต้องดูดให้เร็วและเอาก้อนออกมาให้ได้ ไม่งั้นก้อนเลือดอุดในคิ้วพ่อหายใจไม่ได้เสียชีวิต 

เมื่อคุณพ่อผ่านกระบวนการรักษาและฉายแสงเสร็จจึงเริ่มคีโมต่อ ครอบครัวก็ได้หาสมุนไพรและปรึกษาแพทย์แผนไทยร่วมด้วย เพราะรู้ว่าไม่หายแน่ก้อนก็ยังโตอยู่แม้จะฉายแสงเสร็จแล้ว การรักษาแผนไทยมีกินน้ำชีวภาพ ต้มรากไม้ ยาขับ ต่างๆ ซึ่งต้องบอกว่าไม่ได้แย่ เพราะมันทำให้ก้อนที่คอพ่อหายและพ่อสามารถพูดได้อีกครั้ง เพราะตั้งแต่เจาะคอพ่อพูดไม่ได้ ต้องเขียนโต้ตอบกัน เหมือนเริ่มเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ การทำการรักษามาเรื่อยๆคุณพ่อไม่ติดเตียงเดินไปห้องน้ำได้ ทำกิจวัตรประจำวันต่างๆได้ แต่ก็นะ...มันเป็นชนิดรุนแรง และออกจากต้นกำเนิดของโรคไปแล้ว มาวันที่ 12 มิถุนายน 2564 คุณพ่ออยู่ๆมีอาการชักเกร็ง ตกใจมาก ช่วงโควิทเรียกรถพยาบาลก็ยาก ชักไป 3 รอบ ระยะเวลาการชัก 5-10 นาที อาการชัก ตาพ่อจะหันไปฝั่งซ้ายมือตลอดตาแข็ง กระตุก พอถึงโรงพยาบาลชักอีกรอบ จนคุณหมอฉีดยากันชัก สาเหตุคือพบก้อนบริเวณสมองด้านขวา มาถึงตรงนี้ช็อกเลย เพราะมันแพร่กระจายไปแล้วตามระบบไงครับ คุณหมอบอกยังไงก็ผ่าให้ไม่ได้ เพราะมีความเสี่ยงที่สูงมาก แต่จะทำการรักษาโดยการฉายแสง สรุป 5 ครั้งที่สมอง พอกลับบ้านก็มีอาการข้างเคียงเล็กน้อย พ่อจะเบลอๆบ้าง แต่มีสติจำได้อยู่ โชคดีมาก ช่วงนี้ก็ดูคุณพ่อให้ดีที่สุด แต่ก็หวังแผนไทยอยู่

มาช่วงปลายเดือนกรกฎาคม 2564 คุณพ่อมีอาการเหนื่อยแน่นหน้าอก เท้าบวม ไม่ฉี่ จึงเข้าไปตรวจที่โรงพยาบาลพบว่ามีน้ำในปอด มาถึงจุดนี้โครตเหนื่อยเลยครับ...เห้อ
ได้รับคำแนะนำจากญาติที่เป็นแพทย์ให้เจาะน้ำในปอดช้าที่สุด จึงไม่ได้เจาะวันนั้น รอไปประมาณ3-4 วัน คุณพ่อไปฉีดวัคซีนโควิทแอสต้า เพราะจัดอยู่ในกลุ่มเสี่ยง หลังจากนั้น2-3 วันพ่อเริ่มแน่น นอนไม่หลับ ต้องนอนท่านั่งตลอดเพราะน้ำท่วมปอด จึงพาคุณพ่อเข้า รพ. วันที่ 2 สิงหาคม 2564 และได้เจาะเอาน้ำออกจากปอดในที่สุด แต่ก็มีน้ำมาเรื่อยๆ หมอให้งดข้าวงดน้ำ ในที่สุด 10 สิงหาคม 2564 คุณพ่อก็ได้จากไปอย่างสงบ โดยให้มอฟีนระงับความเจ็บปวด

สรุปไตไม่ทำงาน น้ำในปอดเยอะ หัวใจล้มเหลวในที่สุดครับ

อยากจะบอกทุกคนว่าถ้าเป็นมะเร็งไทรอยด์ชนิดอะนาพลาสติก (Anaplastic Thyroid Cancer) คุณทำใจไว้เลยครับ
แม้แต่สหรัฐอเมริกา  อังกฤษ หรือมหาวิทยาลัยดังๆในยุโรป ยังไม่สามารถรักษาให้หายได้ จากงานวิจัยมีชีวิต 3-6 เดือน หลังจากตรวจพบ
การรักษาคือประคับประครอง ถ้าถามว่าระยะ 1-4 มีระยะไหม ระยะที่เจอคือ 4 ครับ ไม่มีระยะ ถึงคุณจะตรวจเจอเร็วถ้าเป็นชนิดนี้ ก็ต้องเจาะคอ และรักษาตามอาการครับ สุดท้ายนี้ขอให้ผู้อ่านใช้ชีวิตโดยความไม่ประมาท ทำประกัน หรือวางแผนในการชีวิตให้ดีนะครับ 

ปล.ก า ร ไ ม่ มี โ ร ค เ ป็ น ล า ภ อั น ป ร ะ เ ส ริ ฐ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่