อายุ15 ปัจจุบันสูงประมาณ165-167 อยากสูง175+ ได้ไหมครับ?

ครับก็ตามหัวข้อกระทู้เลยครับ ปัจจุบันผมอยู่ม.4 อายุ15 สูง165-167 แต่อยากสูงซัก175+ หรือ180ก็ดีเลยครับคุณพ่อสูง170คุณแม่157 ที่ผมเตี้ยเป็นเพราะกรรมพันธุ์หรือว่าพฤติกรรมการกินอาหาร+การนอนของผมหรอครับ ช่วงตอนผมอายุ13-14ส่วนมากอาหารผมจะกินแค่1-2มื้อต่อวันส่วนใหญ่ก็จะเป็นมาม่ากับไข่ครับเพราะกินง่ายดี แต่พอผม15เริ่มเข้าสู่วัยรุ่นมากขึ้นผมเริ่มเปลี่ยนอะไรหลายๆอย่างครับตอนนี้กินข้าวเฉลี่ย3มื้อต่อวัน(ไม่ใช่มาม่ากับไข่แล้วนะครับ55) นมไวตามิลค์(ถั่วดำ)3กล่องต่อวันเช้า,กลางวัน,ก่อนนอน แล้วก็มีออกกำลังกายยืดส่วนสูง(คือมันมีแอปในplay storeครับผมก็ทำตาม)ด้วยครับอันนี้ทำทุกวันเลย ส่วนเรื่องการนอนปกติเมื่อก่อนนอนตี2-4ตอนนี้ไม่เกินเที่ยงคืนครับแต่ถ้าวันไหนหลับไวได้หน่อยก็3ทุ่ก็นอนแล้ว

-แล้วพอมีอะไรแนะนำให้ผมหน่อยมั๊ยครับ อยากสูงมากเลยครับ ใครมีอะไรพอแนะนำก็บอกได้นะครับ

#คือพวกApp ออกกำลังกายในplay storeที่มันจะมีท่าให้ทำตามทุกวันอะไรพวกนี้ หากเราทำตามแล้วคิดว่ามันได้ผลจริงมั๊ยครับ

ปล. ผมอาจจะเขียนอะไรที่มันงงๆหน่อยนะครับ เพิ่งลองใช้พันทิปเป็นครั้งที่สอง ขอบคุณครับ^^



ลืมบอกครับ ตอน.2เทอม2ใกล้ปิดเทอมผมสูงแค่150 แต่พอขึ้นมาม.3 จู่ๆส่วนสูงก็พุ่งเป็น165ตอนไหนก็ไม่รู้ หรือว่าช่วงนั้นเป็นช่วงวัยเติบโตสำหรับผมหรอครับ?55;-;   ผมเป็นคนที่น่าจะค่อนข้างโตช้ามั้งครับ หน้าไม่ค่อยมีสิว มีก็มีนิดหน่อย
แก้ไขข้อความเมื่อ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 3
อย่านอนดึกสำคัญที่สุดครับ เพราะแม้ว่าการออกกำลังกายที่ทำหรืออาหารการกินที่กินนั้นจะถูกต้อง แต่นอนดึก ร่างกายก็จะไม่หลั่ง Growth Hormone หรือหลั่งน้อย ก็จะทำให้ร่างกายเจริญเติบโตได้ไม่เต็มที่ ถ้าเป็นไปได้ควรนอนก่อน 2 ทุ่ม

ถ้ากระดูกยังไม่ปิดก็จะมีโอกาสสูงขึ้นครับ

อาหารการกิน เช่น กินไข่มื้อละ 1 ฟอง ผัก ธัญพืช เนื้อสัตว์ เป็นต้น และพยายามลดของหวานและน้ำอัดลม น้ำอัดลมไม่กินเลยดีที่สุด

ข้อมูลเพิ่มเติมตามด้านล่าง เผื่อท่านไหนทำตามได้ ถ้าทำตามไม่ได้หรือทำตามได้บางส่วน ให้เน้นนอนให้ไว Growth Hormone จะหลั่งมากร่างกายก็จะเจริญเติบโตครับ

------

1. อย่านอนดึก ควรนอนก่อน 2 ทุ่ม (ถ้า 1 ทุ่มหรือ 1ทุ่มครึ่งได้ยิ่งดี  แต่ถ้านอนก่อน 2 ทุ่มได้ก็โอเคแล้ว)
2. อาหารการกิน
3. ออกกำลังกาย เช่น วิ่ง กระโดด ฟุตบอล บาส (กระเทือนกระดูกในแนวตรง)

ไม่ควรบริโภคของกินที่มีน้ำตาลมากเกินไป เช่น นมข้นหวาน ชานมไข่มุก นมเปรี้ยว ผลิตภัณฑ์ช็อกโกแลตผสมนมก็ไม่ควร เพราะน้ำตาลเยอะ แต่คนไทยหลายท่านยุคนี้นิยมบริโภค เป็นเพราะเห็นโฆษณาตามสื่อต่างๆ บ่อย

———

ขออนุญาตแชร์ข้อมูลที่รวบรวมมาครับ
ในกรณีที่กระดูกปิดแล้ว ขอไม่รับรองผลนะครับว่าจะสูงขึ้น
แต่ถ้าทำตามนี้ ร่างกายแข็งแรงขึ้นแน่นอนครับ

แนะนำแหล่งแคลเซียมสำหรับทดแทน นมวัว
1. ข้าวกล้องหรือข้าวซ้อมมือ (มีแคลเซียมและสารอาหารที่ดี)
2. ผักที่มีแคลเซียมสูง เช่น คะน้า กะเฉด ถั่วพู ตำลึง หรือ ส้มตำ โดยเฉพาะส้มตำปูปลาร้า*
3. ธัญพืช เช่น งาดำ งาขาว
4. นมจากพืช เช่น นมข้าว นมถั่ว 5 สี นมถั่วพิสตาชิโอ (ที่มีน้ำตาลน้อย) หรือ นมถั่วเหลืองผสมงาดำสูตรน้ำตาลน้อย (เลือกยี่ห้อที่มีน้ำตาลน้อยจริงๆ อย่าลืมดูฉลากอาหารก่อนเลือกซื้อ)
5. เขากวางอ่อน 1 เม็ดก่อนนอน (แหล่ง IGF-1 แทนนมวัว)
6. กินไข่ (ไข่เป็ดหรือไข่ไก่ ถ้าเป็นไปได้ ควรกินอย่างน้อยมื้อละ 1 ฟอง)
7. เต้าหู้ (100 กรัม มีแคลเซียม 350 มก.)
8. ปลาหรือสัตว์น้ำ เช่น ปลาทู กุ้งแห้ง กะปิ* (น้ำพริกกะปิ)
9. ผลไม้
10. แคลเซียมแอล-ทรีโอเนต (แคลเซียมเม็ด)

*ควรกินแต่พอดี เพราะ ปลาร้าและกะปินั้นมีโซเดียมสูง คือเค็มนั้นเอง ถ้ากินมากเกินไปอาจเป็นโรคเกี่ยวกับไตได้ ควรบริโภคเมนูที่มีผักเป็นหลักแล้วเพิ่มปลาร้าหรือกะปิตามสมควร

***ควรใช้น้ำมันหมูหรือน้ำมันมะพร้าวในการประกอบอาหาร (เป็นหนึ่งในเคล็ดลับสำคัญ)
น้ำมันหมูถ้าเป็นไปได้ให้ใช้กับอาหารผัด เช่น ข้าวผัด ผัดผัก เป็นต้น
น้ำมันมะพร้าวให้ใช้กับของทอดที่ใช้น้ำมันเยอะ เช่น ไข่เจียว ไข่ดาว หมูทอด ปลาทอด เป็นต้น

คนยุคน้ำมันหมูจะตัวหนากว่าคนยุคน้ำมันพืชในภาพรวม (ยุคน้ำมันหมูคือเมื่อกว่า 30 ปี+ ที่แล้ว)
เพราะน้ำมันพืชเกิดจากกระบวนการทางเคมี ร่างกายของเราไม่รู้จัก ทำให้ไปขัดขวางการดูดซึมสารอาหารที่เราบริโภคเข้าไปในแต่ละมื้อ และน้ำมันพืชก็ยังมีโทษอื่นๆอีก เช่น เป็นสาเหตุของไขมันอุดตันในเส้นเลือด เป็นต้น

การปฏิบัติตัวอื่นๆ
1. ออกกำลังกายที่ทำให้สูง เช่น วิ่ง กระโดด ฟุตบอล บาส (กระเทือนกระดูกในแนวตรง)
2. อย่านอนดึก (สำคัญที่สุด)

และควรหลีกเลี่ยงสิ่งที่ทำให้แคลเซียมหายไปจากกระดูก
1. น้ำอัดลม
2. กาแฟ (ไม่ควรดื่มเกิน 2 แก้ว/วัน)
3. นิโคติน (สูบบุหรี่)

อาหารชนิดอื่นๆที่ควรหลีกเลี่ยง เช่น
ผลิตภัณฑ์นมวัวทุกชนิด ข้าวขาว น้ำตาลขัดขาว น้ำอัดลม กาแฟ fast food ของทอด ขนมขบเขี้ยว บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป น้ำมันพืช น้ำหวานที่มีน้ำตาลมากเกินไป และสารให้ความหวานแทนน้ำตาลทุกชนิดยกเว้นหญ้าหวาน เป็นต้น (ถ้าเป็นไปได้ควรลดขนม ของหวานและน้ำตาลให้มากที่สุด เพราะการบริโภคน้ำตาลที่มากเกินไปจะไปกด Growth Hormone ทำให้มีอุปสรรคในการเจริญเติบโตของร่างกาย)


อยากจะแนะนำเพิ่มเติมว่า ไม่ควรกินนมวัว
เพราะคนไทยส่วนใหญ่ 99% ไม่มีน้ำย่อยย่อยนม เรียกว่า Lactose Intolerance
กินแล้วอาจได้โรคเพิ่ม เช่น ภูมิแพ้ ท้องเสีย เป็นต้น

พอไม่มีน้ำย่อยย่อยนม เลยทำให้คนไทย
ดูดซึมแคลเซียมและสารอาหารในนมวัวไม่ได้
ได้แต่ IGF-1 ที่ทำให้สูง เลยทำให้คนไทยสูงแบบผอม กระดูกบาง (ในกรณีที่เน้นรับแคลเซียมจากนมวัวเป็นหลัก)

งานวิจัยระบุคนเอเชียตะวันออก 90-100% ไม่มีน้ำย่อยย่อยนม เรียกว่า Lactose Intolerance
https://en.wikipedia.org/wiki/File:Lactose_Intolerance_by_Ethnicity_and_Region.png

คลิปหมอแอมป์ นาที 17:16 ทำวิจัยแล้วบอกว่า
คนไทย 99% ไม่มีน้ำย่อยย่อยนม

นาที 21:54 คนไทยกินนม(วัว)แล้ว ไม่ได้แคลเซียม

นาที 22:30
แนะนำผักและอาหารที่มีแคลเซียมดูดซึมได้ง่าย
คะน้า กะเฉด ถั่วพู ตำลึง งาดำ ปลาชิ้งชั้ง ปูกะตอย ปลากระป๋อง ปลาแมกเคอเรล ปลาซาดีน ปลากินทั้งเปลือก กุ้งแห้ง กะปิ (อย่ากินเยอะระวังไต) สะเดา ดอกแค
ใบชะพลู ใบยอ มีแคลเซียมสูงมากแต่กินแล้วดูดซึมแคลเซียมไม่ได้ กินมากเป็นนิ่ว

นาที 25:50
พูดถึงแคลเซียมแต่ละชนิด
แคลเซียมคาร์บอเนต ดูดซึมได้แค่ 10%
แคลเซียมซิเตรท ดูดซึมได้ 50%
แคลเซียมแอล-ทรีโอเนต ซึ่งสกัดมาจากข้าวโพด สามารถดูดซึมได้ 95%

นาที 32:48
แคลเซียมแอล-ทรีโอเนต เป็นแคลเซียมที่ได้จากพืช ไม่ต้องใช้วิตามิน D ในการดูดซึมเข้ากระดูก แล้วก็ไม่ต้องอาศัยภาวะการเป็นกรดด้วย

นาที 46:20 อะไรที่ทำให้แคลเซียมหายไปจากร่างกาย
1. น้ำอัดลม
2. กาแฟ (ไม่ควรดื่มเกิน 2 แก้ว/วัน)
3. นิโคติน (สูบบุหรี่)
https://www.youtube.com/watch?v=zMXlEpbKYSU&ab_channel=DrAmpTeam
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่