เทคนิคเลือกผ้าปูที่นอนเพื่อสัมผัสสุดฟิน นุ่มสบายทุกสัมผัส
1. ขนาดของผ้าปูที่นอน
ปัจจัยแรกในการเลือกซื้อ คือ ขนาดของผ้าปูที่นอนต้องสัมพันธ์กับขนาดฟูกที่นอน ทั้งนี้ก็เพื่อช่วยให้ปูที่นอนออกมาแล้วตึงเรียบและสวยงาม หากใช้ผ้าปูที่นอนที่มีขนาดเล็กหรือใหญ่กว่าฟูกที่นอน เวลานอนอาจทำให้เกิดปัญหาผ้าปูที่นอนอาจหลุดออกจากฟูกที่นอน ร่น หรือยับ ทำให้รู้สึกไม่สบายตัวเวลานอนครับ
ผ้าปูที่นอนขนาด 3.5 ฟุต (42 X 78 นิ้ว) เหมาะกับที่นอน 3.5 ฟุต หรือที่นอนแบบเตียงเดี่ยว
ผ้าปูที่นอนขนาด 5 ฟุต (60 X 78 นิ้ว) เหมาะกับที่นอน 5 ฟุต หรือที่นอนแบบเตียงควีนไซส์ (Queen size)
ผ้าปูที่นอนขนาด 6 ฟุต (72 X 78 นิ้ว) เหมาะกับที่นอน 6 ฟุต หรือที่นอนแบบเตียงคิงส์ไซส์ (King size)
2. เนื้อผ้าของผ้าปูที่นอน
เนื้อผ้านั้นเป็นอีกปัจจัยที่กำหนดคุณภาพของผ้าปูที่นอน เพราะเวลานอนหลับพักผ่อน เนื้อผ้าปูที่นอนจะเป็นส่วนที่สัมผัสกับผิวโดยตรง หากเลือกใช้ผ้าปูที่นอนที่ผลิตจากวัสดุคุณภาพต่ำ หรือใช้ผ้าปูที่นอนที่เนื้อผ้าที่มีความหยาบมาก ๆ ก็อาจทำให้เกิดความรู้สึกไม่สบายตัวขณะนอนหลับได้ครับ
ผ้าฝ้าย หรือผ้าคอตตอน (Cotton) เป็นผ้าปูที่นอนจากใยธรรมชาติ 100% ให้สัมผัสนุ่ม ถ่ายเทความร้อน ระบายอากาศได้ดี ทำให้เย็นสบายขณะนอนหลับ มีความยืดหยุ่นสูง ดูแลทำความสะอาดง่าย ยิ่งซักยิ่งนุ่ม จึงเป็นที่นิยมมาก ๆ ครับ
ผ้าฝ้ายผสมใยสังเคราะห์ คล้ายกับผ้าฝ้ายธรรมชาติ แตกต่างกันตรงที่ระบายอากาศได้ไม่ดีเท่า แต่จะยับยากกว่า และมีราคาที่ถูกกว่าผ้าฝ้ายธรรมชาติครับ
ผ้าซาติน เป็นผ้าที่ทอมาจากเส้นใยโพลีเอสเทอร์ 100% ให้สัมผัสที่นุ่ม เรียบลื่น และเย็น อีกทั้งยังดูหรูหรา สวยงาม แต่ขณะเดียวกันก็ค่อนข้างดูแลรักษายาก ไม่ค่อยทนทานเท่าเนื้อผ้าประเภทอื่น ๆ ครับ
ผ้าสักหลาด ผลิตจากขนสัตว์ผสมกับใยสังเคราะห์หรือฝ้าย จึงให้ความอบอุ่นได้มากกว่าผ้าแบบอื่น ๆ เหมาะสำหรับใช้งานช่วงหน้าหนาวครับ
3. จำนวนเส้นด้ายที่ใช้ในการทอผ้าปูที่นอน
อีกหนึ่งปัจจัยในการพิจารณาเลือกซื้อผ้าปูที่นอนที่หลายคนอาจมองข้ามไป คือ จำนวนเส้นด้ายในการทอผ้าปูที่นอน ซึ่งแสดงถึงความหนาแน่นของเนื้อผ้า และส่งผลต่อเรื่องของคุณภาพและเรื่องราคาของผ้าปูที่นอนรุ่นนั้น ๆ ซึ่งผ้าปูที่นอนโดยทั่วไปจะมีจำนวนเส้นด้ายอยู่ที่ประมาณ 180-300 เส้น/ตร.นิ้ว การเลือกใช้ผ้าปูที่นอนที่ยิ่งมีเส้นใยที่ได้มาตรฐานมากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งมีความนุ่มสบายมากขึ้นเท่านั้นครับ
4. สีสันและลวดลายของผ้าปูที่นอน
นอกจากเรื่องคุณภาพแล้ว เรื่องความสวยงามก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ควรใส่ใจในการเลือกซื้อผ้าปูที่นอนเช่นกัน นั่นเพราะผ้าปูที่นอนสามารถช่วยเพิ่มบรรยากาศการพักผ่อนให้ห้องนอนน่าอยู่ได้ไม่แพ้เฟอร์นิเจอร์ชิ้นอื่น ๆ เลย การเลือกสีสันและลวดลายของผ้าปูที่นอนจึงต้องเลือกให้ดูเข้ากันกับโทนการแต่งห้องด้วยครับ
ผ้าปูที่นอนสีโทนร้อน เช่น สีเหลือง สีแดง สีส้ม จะให้ความรู้สึกมีชีวิตชีวา กระฉับกระเฉง และกระตือรือร้น แต่ทั้งนี้ก็ไม่ควรเลือกใช้เฉดสีโทนร้อนที่ดูฉูดฉาดจนเกินไป แต่ควรดรอปโทนสีลงเพื่อความสบายตาเวลาพักผ่อนนั่นเองครับ
ผ้าปูที่นอนสีโทนเย็น เช่น สีฟ้า สีเขียว สีม่วง จะให้ความรู้สึกผ่อนคลาย สดใส เหมาะกับการพักผ่อนและยังช่วยใหเห้องนอนดูกว้างขึ้นด้วยครับ
5. คุณสมบัติพิเศษที่มีในผ้าปูที่นอนแต่ละรุ่น
ผ้าปูที่นอนหลาย ๆ รุ่น หลาย ๆ ยี่ห้อในปัจจุบัน ไม่ได้มีดีแค่เรื่องผ้านุ่มสบาย สีสันและลวดลายสวยงาม หรืออายุการใช้งานยาวนานเท่านั้น แต่ยังมีนวัตกรรมใหม่ ๆ ที่นอกจากจะช่วยให้นอนหลับสบายแล้ว ยังช่วยแก้ปัญหาในเรื่องต่าง ๆ เช่น ช่วยป้องกันไรฝุ่นที่เป็นสาเหตุของโรคภูมิแพ้ หรือช่วยรักษาอุณหภูมิร่างกายและความชุ่มชื้นของผิวขณะนอนหลับพักผ่อน เป็นต้น
HomeGuru by HomePro
อุ่นใจทุกเรื่องบ้านไปกับโฮมโปร และติดตามเคล็ดลับดีๆ เพื่อบ้านได้ทาง
http://bit.ly/HomeGuru_Homepro
และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นปัญหาเรื่องบ้านกับ HomeGuru เพิ่มเติมได้ทาง
https://bit.ly/3dQm4XE
เทคนิคเลือกผ้าปูที่นอนเพื่อสัมผัสสุดฟิน นุ่มสบายทุกสัมผัส
เทคนิคเลือกผ้าปูที่นอนเพื่อสัมผัสสุดฟิน นุ่มสบายทุกสัมผัส
1. ขนาดของผ้าปูที่นอน
ปัจจัยแรกในการเลือกซื้อ คือ ขนาดของผ้าปูที่นอนต้องสัมพันธ์กับขนาดฟูกที่นอน ทั้งนี้ก็เพื่อช่วยให้ปูที่นอนออกมาแล้วตึงเรียบและสวยงาม หากใช้ผ้าปูที่นอนที่มีขนาดเล็กหรือใหญ่กว่าฟูกที่นอน เวลานอนอาจทำให้เกิดปัญหาผ้าปูที่นอนอาจหลุดออกจากฟูกที่นอน ร่น หรือยับ ทำให้รู้สึกไม่สบายตัวเวลานอนครับ
ผ้าปูที่นอนขนาด 3.5 ฟุต (42 X 78 นิ้ว) เหมาะกับที่นอน 3.5 ฟุต หรือที่นอนแบบเตียงเดี่ยว
ผ้าปูที่นอนขนาด 5 ฟุต (60 X 78 นิ้ว) เหมาะกับที่นอน 5 ฟุต หรือที่นอนแบบเตียงควีนไซส์ (Queen size)
ผ้าปูที่นอนขนาด 6 ฟุต (72 X 78 นิ้ว) เหมาะกับที่นอน 6 ฟุต หรือที่นอนแบบเตียงคิงส์ไซส์ (King size)
2. เนื้อผ้าของผ้าปูที่นอน
เนื้อผ้านั้นเป็นอีกปัจจัยที่กำหนดคุณภาพของผ้าปูที่นอน เพราะเวลานอนหลับพักผ่อน เนื้อผ้าปูที่นอนจะเป็นส่วนที่สัมผัสกับผิวโดยตรง หากเลือกใช้ผ้าปูที่นอนที่ผลิตจากวัสดุคุณภาพต่ำ หรือใช้ผ้าปูที่นอนที่เนื้อผ้าที่มีความหยาบมาก ๆ ก็อาจทำให้เกิดความรู้สึกไม่สบายตัวขณะนอนหลับได้ครับ
ผ้าฝ้าย หรือผ้าคอตตอน (Cotton) เป็นผ้าปูที่นอนจากใยธรรมชาติ 100% ให้สัมผัสนุ่ม ถ่ายเทความร้อน ระบายอากาศได้ดี ทำให้เย็นสบายขณะนอนหลับ มีความยืดหยุ่นสูง ดูแลทำความสะอาดง่าย ยิ่งซักยิ่งนุ่ม จึงเป็นที่นิยมมาก ๆ ครับ
ผ้าฝ้ายผสมใยสังเคราะห์ คล้ายกับผ้าฝ้ายธรรมชาติ แตกต่างกันตรงที่ระบายอากาศได้ไม่ดีเท่า แต่จะยับยากกว่า และมีราคาที่ถูกกว่าผ้าฝ้ายธรรมชาติครับ
ผ้าซาติน เป็นผ้าที่ทอมาจากเส้นใยโพลีเอสเทอร์ 100% ให้สัมผัสที่นุ่ม เรียบลื่น และเย็น อีกทั้งยังดูหรูหรา สวยงาม แต่ขณะเดียวกันก็ค่อนข้างดูแลรักษายาก ไม่ค่อยทนทานเท่าเนื้อผ้าประเภทอื่น ๆ ครับ
ผ้าสักหลาด ผลิตจากขนสัตว์ผสมกับใยสังเคราะห์หรือฝ้าย จึงให้ความอบอุ่นได้มากกว่าผ้าแบบอื่น ๆ เหมาะสำหรับใช้งานช่วงหน้าหนาวครับ
3. จำนวนเส้นด้ายที่ใช้ในการทอผ้าปูที่นอน
อีกหนึ่งปัจจัยในการพิจารณาเลือกซื้อผ้าปูที่นอนที่หลายคนอาจมองข้ามไป คือ จำนวนเส้นด้ายในการทอผ้าปูที่นอน ซึ่งแสดงถึงความหนาแน่นของเนื้อผ้า และส่งผลต่อเรื่องของคุณภาพและเรื่องราคาของผ้าปูที่นอนรุ่นนั้น ๆ ซึ่งผ้าปูที่นอนโดยทั่วไปจะมีจำนวนเส้นด้ายอยู่ที่ประมาณ 180-300 เส้น/ตร.นิ้ว การเลือกใช้ผ้าปูที่นอนที่ยิ่งมีเส้นใยที่ได้มาตรฐานมากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งมีความนุ่มสบายมากขึ้นเท่านั้นครับ
4. สีสันและลวดลายของผ้าปูที่นอน
นอกจากเรื่องคุณภาพแล้ว เรื่องความสวยงามก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ควรใส่ใจในการเลือกซื้อผ้าปูที่นอนเช่นกัน นั่นเพราะผ้าปูที่นอนสามารถช่วยเพิ่มบรรยากาศการพักผ่อนให้ห้องนอนน่าอยู่ได้ไม่แพ้เฟอร์นิเจอร์ชิ้นอื่น ๆ เลย การเลือกสีสันและลวดลายของผ้าปูที่นอนจึงต้องเลือกให้ดูเข้ากันกับโทนการแต่งห้องด้วยครับ
ผ้าปูที่นอนสีโทนร้อน เช่น สีเหลือง สีแดง สีส้ม จะให้ความรู้สึกมีชีวิตชีวา กระฉับกระเฉง และกระตือรือร้น แต่ทั้งนี้ก็ไม่ควรเลือกใช้เฉดสีโทนร้อนที่ดูฉูดฉาดจนเกินไป แต่ควรดรอปโทนสีลงเพื่อความสบายตาเวลาพักผ่อนนั่นเองครับ
ผ้าปูที่นอนสีโทนเย็น เช่น สีฟ้า สีเขียว สีม่วง จะให้ความรู้สึกผ่อนคลาย สดใส เหมาะกับการพักผ่อนและยังช่วยใหเห้องนอนดูกว้างขึ้นด้วยครับ
5. คุณสมบัติพิเศษที่มีในผ้าปูที่นอนแต่ละรุ่น
ผ้าปูที่นอนหลาย ๆ รุ่น หลาย ๆ ยี่ห้อในปัจจุบัน ไม่ได้มีดีแค่เรื่องผ้านุ่มสบาย สีสันและลวดลายสวยงาม หรืออายุการใช้งานยาวนานเท่านั้น แต่ยังมีนวัตกรรมใหม่ ๆ ที่นอกจากจะช่วยให้นอนหลับสบายแล้ว ยังช่วยแก้ปัญหาในเรื่องต่าง ๆ เช่น ช่วยป้องกันไรฝุ่นที่เป็นสาเหตุของโรคภูมิแพ้ หรือช่วยรักษาอุณหภูมิร่างกายและความชุ่มชื้นของผิวขณะนอนหลับพักผ่อน เป็นต้น
HomeGuru by HomePro
อุ่นใจทุกเรื่องบ้านไปกับโฮมโปร และติดตามเคล็ดลับดีๆ เพื่อบ้านได้ทาง http://bit.ly/HomeGuru_Homepro
และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นปัญหาเรื่องบ้านกับ HomeGuru เพิ่มเติมได้ทาง https://bit.ly/3dQm4XE