Part 2 " ถ้าสามีไม่ให้เงินเราเลย "

อยากจะมาอัพเดทเรื่องราวตอนนี้ว่าเป็นยังไงบ้างนะคะ ตอนนี้เราก็เริ่มขายของออนไลน์กลับแล้วค่ะ เพราะตอนที่เราทำงานเราก็ขายของออนไลน์ไปด้วย แล้วก็รับออเดอร์ทำเค้กด้วยค่ะก็เลยมีลูกค้าที่รู้จักอยู่พอสมควร แต่ตอนนี้ขายของออนไลน์อย่างเดียวไม่ได้รับออเดอร์ทำเค้กนะคะ เพราะว่าตอนนี้ลูกวัยกำลังซนเลยค่ะกลัวว่าสมองจะแตกก่อนที่เค้กจะเสร็จถึงลูกมือค้า 😂

( ถ้าใครกลัวว่าเราจะเหนื่อยไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ เพราะว่าเราอายุยังไม่เยอะ ตุลาคมก็เพิ่งจะ 27 เองค่ะแล้วก็เป็นคนที่บ้าพลังมากอยู่แล้วค่ะ ทำอะไรได้หลายๆอย่างก็เลยไม่ได้รู้สึกเหนื่อยสักเท่าไหร่ค่ะ )​

ถ้าเรื่องเงินทุนเอามาจากที่ไหน เราเอาเงินค่าสินสอดมาเป็นทุนค่ะ เพราะตอนนั้นไม่ได้จัดงานแต่งงานค่ะก็เลยเอาเงินจากตรงนั้นมาเป็นทุนให้กับตัวเองค่ะ ( ตอนแรกเงินสินสอดก็เกือบจะไม่เหลือสักบาทแล้วเหมือนกันค่ะ เพราะตอนที่สามีมาสู่ขอเขาก็เอาเงินสินสอดให้แม่เราค่ะเราก็เลยไม่ได้ขอจากแม่ พออยู่ไปสักพักแม่เราก็อยากให้สามีซื้อรถเป็นของตัวเองเขาก็เลยเอาเงินตรงนั้นไปให้แม่สามี พอเรารู้เราก็ไปเอากลับจากแม่สามีเลยค่ะ เราก็บอกเขาไปว่าเราจะให้ลูก 50% นะและอีก 50% เราจะเก็บไว้เผื่อในกรณีฉุกเฉิน แม่สามีก็ให้เรากลับมาครบทุกบาททุกสตางค์เลยค่ะ)​

( เราก็เป็นคนเห็นแก่ตัวพอสมควรเหมือนกันนะคะ😅 ไม่ได้ดีอย่างที่คิดหรอกค่ะ)​

คนที่อยากให้เราออกไปหางานทำ เราอยากบอกว่าคงต้องรอให้ลูกเข้าอนุบาลก่อนค่ะถึงจะออกไปหางานทำ ตอนนี้จะหา nursery หรือพี่เลี้ยงเด็กก็ยากค่ะ เพราะในมาเลเซียตอนนี้คนติดเชื้อเยอะมากเลยค่ะ เฉลี่ยคนติดเชื้อในมาเลเซีย 18,000-21,000 ค้นเลยค่ะ ( ต่อวัน)​

คนที่อยากให้เราเลิกกับสามี เราก็เคยคิดที่จะเลิกกับสามีนะคะแต่อยากรอให้ลูกโตอีกสักนิดให้คุยกันรู้เรื่องเราจะได้บอกว่าทำไมพ่อกับแม่ถึงเลิกกันเพราะอะไรลูกจะได้เข้าใจค่ะ แล้วเรากับสามีก็จะได้เลิกกันแบบไม่ต้องมาเกลียดกันทีหลังค่ะ ถ้าพ่อแม่เลิกกันแบบคุยกันรู้เรื่องมันก็จะดีกับตัวเด็กด้วยค่ะ

สุดท้ายแล้วก็อยากจะขอบคุณทุกคนค่ะ ที่คอยเป็นกำลังใจให้ที่คอยแนะนำทางออกดีๆให้ รู้สึกสบายใจมากขึ้นแล้วค่ะที่ได้ระบายอะไรออกไปบ้างเพราะก่อนหน้านี้ก็ไม่เคยพูดกับใครได้เลยค่ะ

( อยากจะฝากถึงผู้ชายที่บอกว่าเมียทำงานเป็นแม่บ้านแล้วเกาะผู้ชายกินนะ ไม่อยากให้ไปพูดแบบนั้นกับแม่บ้านคนไหนอีกค่ะ คนอื่นอาจจะไม่ได้อ่านผ่านๆเหมือนเรานะคะ เขาอาจจะเก็บเอาไปคิดมากก็ได้ เขามีเรื่องเครียดมีเรื่องให้คิดมากอยู่แล้วค่ะ ถ้าไม่มีคำแนะนำก็อย่าไปเพิ่มภาระให้เขาคิดมากเลยนะคะ )​
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 22
เข้ามาให้กำลังใจค่ะ   ชีวิตเหมือนกัน   แต่ผ่านมาแล้ว

ไม่อยากจะบอกว่า แต่งงานมา 21 ปี  สามีเคยให้เงินเดือนใช้เพียงแค่ 1 ปี!!!
ที่สำคัญ  ไม่ยอมให้เราไปทำงาน  จะให้อยู่บ้าน ทำงานบ้าน เลี้ยงลูก

ดูถูกดิฉันสารพัด   แม่สามียิ่งหนัก  แม่สามี น้องสามี นี่ด่าดิฉันเป็นตัวเงินตัวทอง!!!  ไม่พอใจก็ด่า ไล่ให้ออกจากบ้าน

จริงๆ  การตัดสินใจเลิก  ออกจากบ้าน ง่ายนิดเดียว  แต่ที่อดทนทุกอย่าง เพราะ "ลูก"

เด็กยังไงก็คือเด็ก   ไปโรงเรียนแล้ว  ถึงวันพ่อ วันแม่ ก็อยากให้พ่อ ให้แม่ ไปร่วมงาน
ยังไงก็อยากไปเที่ยวพร้อมหน้า พร้อมตา  

อดทนมากมายมหาศาล  อย่าถาม ว่ามีปัญหาทางจิตไหม    แค่ตอบว่า "ไม่ฆ่าตัวตายสำเร็จ" ก็บุญโขแล้ว

ดิฉันหนักกว่าคุณอีก   สามีไม่ให้เงินเดือนใช้    ไปกินข้าวนอกบ้าน  ก็ไม่ให้ดิฉันสั่ง  เค้ากินอิ่มแล้ว คือ จบ  
ไม่เหลืออะไรให้ดิฉันกิน   ดิฉันต้องอด  หิว  กลับบ้าน!!!  

ไม่ให้เงินเดือนไม่ว่า  ค่านมลูก ไม่เคยจ่าย   ค่าอาหาร  ค่าขนมลูก ก็ไม่จ่าย  ค่าอาหารในครอบครัว ก็ไม่จ่าย
ตอนลูกเล็กๆ  ไป supermarket   เค้าบอกว่า ให้ดิฉันจ่ายเอาเอง!!!  เค้าหยิบของ ขนมของเค้า  แล้วเค้าก็จ่ายแค่นั้น
ที่เหลือทุกอย่างส่วนกลางในบ้าน  ดิฉันจ่ายค่ะ

ถึงตอนนี้  งงกันไหมคะ    ไม่ให้ไปทำงาน  แต่ก็ไม่ให้เงินเดือน  ไม่จ่ายค่าใช้จ่ายในครอบครัว!!!  
ดิฉันรอดมาได้  ก็บุญโขแล้ว   กินเงินเก่า เกลี้ยง ไม่เหลือ  แถมต้องพึ่งพาพ่อแม่ตัวเองเสียอีก

ลูกเรียนว่ายน้ำ ก็ดิฉันจ่าย  ลูกเรียนดนตรี ก็ดิฉันจ่าย   
จ่ายจนไม่ต้องทำบัญชี   เพราะทำบัญชีรับ-จ่าย แล้วปวดกบาล

ที่สำคัญ  พีคสุดๆ  เวลาโกรธ  โมโหร้าย   ตบตีดิฉันอีกตะหาก   
ดรามาหนักขนาดนี้   ที่ยึดผู้ชายคนนี้ไว้  เพราะคำว่า  "เขาเป็นพ่อของลูก"   
ถ้าไม่มีลูก  คงเฉดหัวทิ้ง ไปนานแสนนานแล้วค่ะ  5555

แต่ก็คุ้มค่า   ลูกก็เติบโตมา  เป็นเด็กปกติ  ร่าเริง แจ่มใส ตามวัย

และในวันที่ลูกโต  เรียนประถมศึกษาตอนปลาย  ดิฉันก็ถึงได้มีโอกาส  กลับไปทำงานอีกครั้ง  
ตอนนี้ ลูกเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนต้น และตอนปลายแล้ว   

แสงสว่างที่ปลายอุโมงค์เริ่มมองเห็น  ลูกๆ อยากไปเรียนต่อต่างประเทศ!!!   

ดิฉัน เมื่อทำงานแล้ว  รายได้ดีกว่าผู้ชายที่เป็นสามีมาก     
ที่เขามีกิน มีใช้ มีบ้าน  ได้ไปเที่ยวยุโรป  ทุกปี   ก็เป็นดิฉัน  ที่ยอมจ่าย ให้ครอบครัวไปเที่ยวด้วยกัน

เมื่อแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ เริ่มมีแสงรำไร   
ดิฉันอดทนอีกแค่ไม่กี่ปี     เมื่อลูกเรียนจบมัธยมปลายทั้ง 2 คน   ลูกดิฉันจะไปเรียนต่อต่างประเทศ  พร้อมดิฉัน

และเมื่อถึงวันนั้น  จะเป็นวันที่ดิฉันจะประกาศอิสรภาพ  เฉดหัว มนุษย์สามี ออกจากชีวิต  
ถึงเวลานั้น  ถ้าหากคุณอยากอยู่เป็นครอบครัว   คุณต้องมากราบขอโทษดิฉัน   ในเวรกรรมที่คุณก่อ

เพราะว่า ดิฉันจะไม่จ่ายเงินให้คุณไปอยู่ต่างประเทศอย่างสุขสบาย  โดยไม่มีคำขอโทษ อย่างเด็ดขาด
อยากอยู่เป็นชายวัยทอง สูงวัย อารมณ์สับสน โดดเดี่ยวเดียวดาย  ก็เรื่องของคุณ!!

ปล. ทุกวันนี้ ความงี่เง่าเริ่มน้อยลง   เพราะมีทริปไปฝรั่งเศส  งี่เง่านัก  แกก็อยู่เมืองไทยไป  ฉันไม่เอาแกไปด้วย  ฉันไปกับลูกก็ได้  555
และแล้วนางเริ่มรู้สึกตัว   ว่าแม่ลูก  อยู่กันได้ โดยไม่มีนาง

อดทนไว้ค่ะ  ตั้งใจเลี้ยงลูก  ทำในสิ่งที่ดีดี  แล้วสิ่งดีดี จะบังเกิดกับตัวคุณและลูก
ความคิดเห็นที่ 2
ตกลงสามัเป็นชาวมาเล หรือครับ
น้าไม่เคยว่า ภรรยาที่อยู่ดูแลบ้าน จะเกาะ สามีกิน
สำหรับน้าแล้ว การที่เราไปขอผู้หญิงแต่งงานแสดงว่า เราสามาถดูแลเธอได้
น้าเป็นคนรุ่นเก่า พอแต่งงานแล้ว เลยใช้เมียซะให้เข็ด
ให้ดูแล เงินรายได้ ที่น้าทำงานมาซะให้เข็ด
แล้วเราค่อยแบมือขอเงินเมีย
ตอนนี้ กลับกัน เมียทำงาน น้าช่วยเหลือ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่