เล่าต่อ ตอนอยู่ โยโกฮาม่า

หายไปสองวันครับ  เคยเล่าตอนอยู่โตเกียว แว๊บๆยังสำรวจได้แค่เศษหนึ่งส่วนร้อยเอง เอาเป็นว่า AOTS เขาเอารถบัสมาขนไปเทไว้ที่ YKC  Yokohama Kenshu Center ที่เป็นทั้งสถาบันศึกษาและมีหอพักระดับน้องๆโรงแรมสี่ดาวอยู่ในบริเวณ ใกล้เคียงกันด้วย  ณ.ที่นี่ หลังรับการปฐมนิเทศน์และ โดโชไค กันอีกรอบ อย่างละเอียด ก็มีโอกาสได้รู้จักกับบรรดาเพื่อนร่วมทีมครบ 26 นาย ที่หลังเรียนและจบการฝึกงานแล้วเราจะไปร่วมกันเริ่มก่อตั้งสร้างองค์กร ด้วยกันตามสายงานและสาขาต่างๆตามที่เล่ารียนกันไปจากญี่ปุ่นเที่ยวแรก 26 นายนี้ (หลังกลับไปทำงานที่ไทยแล้ว เกือบทุกนาย ได้มีโอกาสกลับมาญี่ปุ่นเติมความรู้กันคนละหลายรอบ แล้วแต่สาขาที่ต้องใช้ technology ใหม่เพิ่มเติม)    ที่นี่เราได้ พี่สมศักดิ์ ลูกคหบดีสิงห์บุรี ที่จบโตเกียว ยูฯ เพิ่มเข้ามาล่าสุด ที่เป็นสต๊าฟกินเงินเดือนญี่ปุ่น ต่างจากพวกเราที่กินเบี้ยเลี้ยงแบบนักศึกษา ทั้งอุดมศึกษาและอาชีวะ 18,000 เย็น รวดทุกนายเท่ากันหมด  พี่สมศักดิ์จะทำหน้าที่ดูแลบรรดาพี่ระดับอุดมศึกษาทั้งหมด  ส่วนพวกเราสายอาชีวะ บริษัทจัดล่ามชาวญี่ปุ่น ทราบว่าจบโตเกียว ยูฯ  2  นาย มาร่วมกินนอนอยู่กับเราที่YKC และติดตามอยู่กับพวกเราไปทุกหนทุกแห่ง ตลอดเกือบ สองปี ล่ามสองคนนี่ได้ความรู้ภาษาไทยเพิ่มจากพวกเราไปมาก เช่นเดียวกันพวกเราก็ได้เรียนภาษาจากเขาได้มากเช่นเดียวกันโดยเฉพาะ mechanic technical term ที่เรียนรู้แตกต่างกันออกไปจากภาษาที่ใช้ปกติ
5 สัปดาห์แรก เคี่ยวเรียนสนทนาภาษาญี่ปุ่นแบบ โหดๆ  เจ็ดโมงเช้า กินอาหาร และ เจ็ดโมงครึ่งเริ่ม เข้าคลาส หะจิเมเตะ นิฮงโงะ / ภาษาญี่ปุ่นแรกเริ่ม  สวมหูฟัง เฮ็ดโฟน ไม่ต้องพูดไม่ต้องเขียน เงียบ แล้วฟังเพียงอย่างเดียว......โอไฮโย่ โงไซมาส...วาตาชิโนะ นาไมวะ(ผมชื่อ)....อะนาตะโนะโอนาไมวะ นันเดสึก๊ะ(คุณชื่ออะไรครับ)...โกฮังโอะคึดาไซ(ขอข้าวด้วยครับ)....ให้ฟังภาษาที่จำเป็น ต้องใช้สนทนาทั่วๆไป กับให้พูดขอข้าวกินได้ก่อน ยังไม่มีให้เรียนลึกๆ ทุกเช้า 1 ชั่วโมงต้องฟังให้ซึมซับเข้าสมองโดยอัตโนมัติ ซึ่งบางวันยังงัวเงียง่วงอยู่ จำไม่ได้ว่าฟัง token เดียวกันแบบนี้อยู่น่าจะสองสามอาทิตย์ ก็เริ่มกล้าพูดจาทักทายกันคนญี่ปุ่นและนักศึกษาอีกหลายชาติที่รับทุนมาและอยู่ YKC ด้วยกัน มันก็เริ่มแตกฉาน
จากคลาสเรียนด้วยวิธีออสโมซีส รุ่งอรุณแล้ว ตามด้วย คลาส สะกด ผสมเสียง สระ พยัญชนะ เขียน ที่ โอ่ยโย่ยโย๊ เลยครับ เริ่มจาก  โรมาญิ/เขียนเลียนเสียงด้วยอักษรอังกฤษ เช่น o haiyo/โอไฮโย่(สวัสดี-ใช้แค่ช่วงเช้า)....แบบที่สองคือ   ฮิระคะนะ/เขียนอักษรเฉพาะเด็กเท่านั้นที่ใช้....แบบที่สามคือ   คะตาคะนะ อักษรญี่ปุ่นแบบนี้เขียนแทนการออกเสียงภาษาต่างประเทศ เช่นจะออกเสียงว่า อเมริกา ก็ต้องเขียนด้วยอักษรใช้แบบตะตาคะนะ เท่านั้น .....แบบที่สี่เป็นสุดท้ายคือ  คันญิ/เขียนด้วยตัวอักษร จีน เลย ออกเสียงต่างจากจีน แต่ความหมายเดียวกันทั้ง จีนกับญี่ปุ่น !!  ขอคั่นนิดหนึ่งว่า ญี่ปุ่นเนี่ยจริงๆแล้ว ก็คือคนจีนนั่นเองละ(แต่ญี่ปุ่น ไม่ยอมรับและไม่ชอบ ให้ใครฟื้นฝอยว่า ดั้งเดิมหนีแยกตัวมาจากจีน....ครั้งผมไปเที่ยวตอนใต้สุดของเกาะกิวชิว ขึ้นไปบนยอดเขา ฟ้าใสเคลียร์ จะมองเห็นแผ่นดินใหญ่จีน ชัดเจนมาก)  ขอกลับมาเรื่องเรียนภาษาจีน(ญี่ปุ่น) ภาคบังคับ ทั้งผมและนักเรียนระดับมัธยมของญี่ปุ่นเอง จะต้อง เรียน ตัวอักษร คันญิ อ่านออก เขียนได้ ครบ 1,850 ตัวอักษรคันญิ ต้องสอบให้ผ่านภาคบังคับนี้ด้วย เอาเป็นว่า อ่าน/เขียน คันญิ  นี้ได้ คุณสามารถอ่าน นสพ. ภาษาญี่ปุ่นได้เลย ซึ่ง นสพ. จะใช้ครบ ทั้งอักษร คันญิ+คะตาคะนะ ที่คุณเรียนมาจากภาคบังคับตามที่เล่าเอาไว้แล้ว........ผมขอพักไว้แค่นี้ก่อน เอาเป็นว่า จบตอนกำลังเรียนภาษาญี่ปุ่นกะละกัน   แล้วพบกันอีก / สวัสดีครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่