สองตายายอยู่กันมา 30 ปี ก่อนยายติดโควิดเสียชีวิตคาบ้าน ตาเคาะโลงสั่งลา ไปเผาไม่ได้ ต้องกักตัวต่อ
https://www.matichon.co.th/region/news_2911767
สองตายายอยู่กันมา 30 ปี ก่อนยายติดโควิดเสียชีวิตคาบ้าน ตาเคาะโลงสั่งลา
เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม เจ้าหน้าที่สมาคมอยุธยารวมใจ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สาธารณสุขอำเภอบางบาล ผู้ใหญ่บ้าน เข้าตรวจสอบผู้เสียชีวิตเป็นหญิง อายุ 75 ปี เป็นผู้ติดเชื้อโควิด-19 เสียชีวิตอยู่ภายในบ้านหลังหนึ่งใน ต.บางหลวงโดด อ.บางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา
เจ้าหน้าที่สมาคมอยุธยารวมใจนำร่างผู้เสียชีวิตใส่ถุงพลาสติกบรรจุศพป้องกันการแพร่กระจายเชื้อโควิด-19 ก่อนบรรจุใส่โลงศพและซีลด้วยพลาสติกอีกชั้น จากนั้นเคลื่อนย้ายร่างผู้เสียชีวิตไปประกอบพิธีฌาปนกิจที่วัดไผ่ล้อม อ.บางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่เจ้าหน้าที่กำลังเคลื่อนย้ายศพออกจากบ้านเพื่อนำไปขึ้นรถเจ้าหน้าที่ นายน้อย อายุ 89 ปี สามีของผู้เสียชีวิต ยืนมองด้วยความเสียใจ เดินตามเจ้าหน้าที่ก่อนเคาะที่โลงศพสั่งลาภรรยาครั้งสุดท้าย และไม่สามารถไปร่วมเผาศพภรรยาได้เพราะต้องกักตัว
นายน้อยเล่าให้ฟังว่า ตนเองอาศัยอยู่ในบ้านกับภรรยา 2 คนกว่า 30 ปี ส่วนลูกชายบวชพระอยู่ พระมาเยี่ยมบ่อยๆ ยายทำงานเป็นคนงานของสถานที่ราชการแห่งหนึ่ง ยายได้ตรวจพบเชื้อโควิด-19 ส่วนตนเองตรวจไม่พบเชื้อจึงได้แยกกันอยู่
นายน้อยเล่าอีกว่า ตนเองนอนพักอยู่ด้านล่าง ส่วยยายอยู่บนบ้าน ได้แต่ตะโกนถามอาการ ยายจะบอกว่าไม่เป็นไรตา จนกระทั่งเมื่อคืนเวลาประมาณ 22.00 น. ยายหายใจแรง จึงตะโกนถามยายแต่ยายไม่ตอบ ตอนเช้าขึ้นไปดูพบว่ายายเสียชีวิตแล้ว
‘อังกฤษ’ ปรับสถานะไทยเป็นประเทศกลุ่มสีแดง! ททท.จับตาผลกระทบ-ความรู้สึกทัวริสต์เมืองผู้ดี
https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/957257
“อังกฤษ” ปรับสถานะไทยเป็นประเทศ “กลุ่มสีแดง” เมื่อเดินทางจากไทยเข้าอังกฤษต้องถูกกักตัว 10 วัน และเสียค่าใช้จ่ายเองกว่า 101,000 บาท เริ่มบังคับใช้วันที่ 30 ส.ค.นี้เป็นต้นไป “ททท.” จับตาผลกระทบต่อภาคท่องเที่ยวไทยและความรู้สึกของทัวริสต์ชาวอังกฤษ
นาย
ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า หลังจากเมื่อวันที่ 26 ส.ค.ที่ผ่านมา รัฐบาลสหราชอาณาจักรประกาศผลรีวิวคำแนะนำการเดินทางออกนอกประเทศ โดย “
ประเทศไทย” ถูกปรับสถานะให้อยู่ใน “
Red List” หรือประเทศกลุ่มสีแดง ซึ่งหมายความว่า นักท่องเที่ยวที่เดินทางไปท่องเที่ยวประเทศไทย เมื่อกลับมาในสหราชอาณาจักรจะต้องถูกกักตัวในโรงแรมที่รัฐบาลกำหนดระยะเวลา 10 วัน และจะต้องเสียค่าใช้จ่ายเอง 2,230 ปอนด์ หรือประมาณ 101,000 บาท โดยจะเริ่มมีผลบังคับใช้วันที่ 30 ส.ค.นี้เป็นต้นไป จึงได้มอบหมายให้ ททท. สำนักงานลอนดอน ประเทศอังกฤษ ติดตามผลกระทบต่อการเดินทางท่องเที่ยวประเทศไทย และความรู้สึกของนักท่องเที่ยวชาวอังกฤษ
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากช่วงเวลานี้ไม่ใช่ฤดูกาลท่องเที่ยว (ไฮซีซั่น) ขณะนี้ ททท.จะหล่อเลี้ยงความต้องการเดินทางมาท่องเที่ยวในไทยด้วยการสื่อสารข้อเท็จจริงของโครงการ “
ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์” และสนับสนุนให้เป็นการเลื่อนการเดินทางแทน ไม่ใช่การยกเลิกการเดินทาง
ด้านสถานการณ์จองห้องพักโรงแรมในภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ของเดือน ส.ค.นี้ ตลอดเกือบ 1 เดือนดังกล่าวมีนักท่องเที่ยวเข้ามาประมาณ 10,000 คน เมื่อเทียบกับตลอดเดือน ก.ค.มีประมาณ 14,000 คน เนื่องจากเป็นช่วงปลายฤดูร้อนของยุโรปแล้ว ททท.จึงมองไปถึงไตรมาส 4 ตั้งแต่เดือน ต.ค.-ธ.ค.นี้ที่เป็นช่วงฤดูหนาวในยุโรปและอเมริกา ซึ่งน่าจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามามากขึ้นในช่วงนั้น
“ถ้าสถานการณ์ระบาดของโรคโควิด-19 ในประเทศไทยดีขึ้น มีการฉีดวัคซีนมากขึ้น และกระทรวงสาธารณสุขยืนยันว่าประเทศไทยผ่านจุดสูงสุดไปแล้วและเป็นทิศทางขาลงของการระบาด ทาง ททท.จะเสนอให้ลดจำนวนวันกักตัวนักท่องเที่ยวต่างชาติจาก 14 วัน เหลือ 7 วัน ซึ่งเคยมีมติของศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.)มาแล้วเมื่อวันที่ 19 มี.ค.2564 แต่หลังจากตอนนั้นมีการระบาดของสายพันธุ์เดลต้า รัฐบาลจึงให้กลับมากักตัวที่ 14 วันเช่นเดิม ส่วนข้อเสนอไม่ต้องกักตัวเลยสำหรับประเทศที่มีความเสี่ยงต่ำก็มีความเป็นไปได้เช่นกัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการยอมรับของคนไทยด้วย”
รายงานข่าวจาก ททท. ระบุเพิ่มเติมว่า สำหรับสถิติโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ ข้อมูล ณ วันที่ 28 ส.ค.2564 มีนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศที่เดินทางเข้าภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ สะสม 59 วันแรก ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.-28 ส.ค.ที่ผ่านมา จำนวน 25,455 คน ไม่พบผู้ติดเชื้อ 25,378 คน คัดกรองพบ 77 คน
ขณะที่ยอดการจองห้องพักโรงแรมภูเก็ตที่ได้มาตรฐาน SHA+ ในช่วงไตรมาส 3 ตั้งแต่เดือน ก.ค.-ก.ย.นี้ ปัจจุบันมีจำนวน 447,993 คืน แบ่งเป็นเดือน ก.ค. 190,843 คืน เดือน ส.ค. 176,377 คืน และเดือน ก.ย. 80,773 คืน
ส่วนโครงการ “
สมุย พลัส โมเดล” ที่เริ่มเปิดให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าได้มาตั้งแต่วันที่ 15 ก.ค.-28 ส.ค.ที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวต่างชาติ 490 คน
หมากเขี่ย รมต. สะพัด! "พปชร." เขย่าเก้าอี้ครม. ไล่ล็อบบี้พรรคเล็ก
https://www.khaosod.co.th/politics/news_6590467
พปชร. เขย่าเก้าอี้ครม. ไล่ล็อบบี้พรรคเล็ก หมากเขี่ยรมต.สะพัด ต่อรองหนัก พรรคเล็กไม่พอใจ โดนเท ปมแกนนำรัฐบาลแก้รธน. รื้อใบบัตรเดียว จับตามวงประชุมพรรค 30 ส.ค.นี้ วางแนวอภิปราย
วันที่ 29 ส.ค.2564 รายงานข่าวจากพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)แจ้งว่า หลังจากเมื่อวันที่ 28 ส.ค.แกนนำ พปชร. แต่ละกลุ่มในพรรคสลับกันเข้าพบ พล.อ.
ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพปชร. เพื่อหารือเตรียมการรับมืออภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล จำนวน 6 คน ก่อนที่พรรค พปชร.จะมีการประชุมส.ส. เพื่อเตรียมความพร้อมอภิปรายไม่ไว้วางใจ ในเวลา 15.00 น.วันที่ 30 ส.ค.ที่ทำการพรรค พปชร.ถนนรัชดาภิเษก
ทั้งนี้ต้องจับตามติพรรคจะออกมาทิศทางใดในการอภิปราย ซึ่งจะมีแกนนำพรรค ส.ส. และรัฐมนตรีของพรรคที่ถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจ จำนวน 2 คน คือ นาย
สุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน และนาย
ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) เข้าร่วมเพื่อทำการซักซ้อม โดยการเข้าพบพล.อ.
ประวิตร ของแกนนำพรรคบางคน เกิดขึ้นท่ามกลางกระแสข่าวว่า มีความพยายามกดดัน พล.อ.
ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว. กลาโหม เพื่อให้ปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยพุ่งเป้าที่รัฐมนตรีของพรรค 3 คน ซึ่ง 2 ใน 3 เป็นรัฐมนตรีที่เพิ่งได้รับแต่งตั้งยังไม่ถึงครึ่งปี คือ
นาย
ชัยวุฒิ และ น.ส.
ตรีนุช รวมถึง นาย
สุชาติ ที่ถูกยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจเป็นครั้งที่สองติดต่อกัน โดยการกดดันให้ปรับครม.ครั้งนี้ นำโดย
ร.อ.
ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ และเลขาธิการพรรค พปชร. และนาย
วิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรค พปชร. และประธานวิปรัฐบาล เนื่องจากมองว่าที่ผ่านมารัฐมนตรีใหม่ของพรรคทั้งสองคน เมื่อได้ตำแหน่งไปแล้วกลับห่างเหิน ไม่สนองนโยบายพรรค และไม่ได้ดูแล ส.ส.เท่าที่ควร นอกจากนี้ ยังเห็นว่ารัฐมนตรีหลายคนในรัฐบาลไม่ตอบสนองเสียงสะท้อนปัญหาของ ส.ส.ในพื้นที่ โดยเฉพาะภารกิจที่มีความใกล้ชิดกับประชาชน
การกดดันครั้งนี้คาดว่าจะใช้วิธีทำให้รัฐมนตรีที่อยู่ในข่ายได้รับคะแนนน้อยที่สุด ใช้เป็นข้ออ้างเรียกร้องให้มีการปรับครม. โดยมีตัวแปรคือบรรดาพรรคเล็ก หากการเคลื่อนไหวครั้งนี้ทำได้สำเร็จ และนำไปสู่การปรับ ครม.ได้ จะทำให้มีเก้าอี้ว่าง 3 ตำแหน่ง คือ รมว.แรงงาน รมว.ศึกษาธิการ และรมว.ดีอีเอส และจะทำให้รัฐมนตรีในกลุ่ม 4 ช. มีโอกาสที่จะขยับตำแหน่งที่สูงขึ้น ซึ่งในการปรับครม.ครั้งที่แล้วเคยมีความพยายามผลักดันให้ ร.อ.
ธรรมนัส ไปเป็น รมว.แรงงาน นาง
นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมช.แรงงาน ไปเป็น รมว.ศึกษาธิการ และนาย
อธิรัฐ รัตนเศรษฐ รมช.คมนาคม ไปเป็น รมว.ดีอีเอส แต่ไม่สำเร็จ และในครั้งนี้ยังมีความพยายามจะใช้สูตรดังกล่าวอีกครั้ง โดยเฉพาะ ร.อ.
ธรรมนัส ที่ปัจจุบันเป็นเลขาธิการพรรค พปชร. จึงต้องการขยับขึ้นไปเก้าอี้รัฐมนตรีว่าการในกระทรวงที่ใช้เป็นกลไกในการสร้างฐานเสียงได้
โดยคนที่รับผิดชอบดูแลเรื่องเสียงในสภาฯยังเป็น ร.อ.
ธรรมนัส และนาย
วิรัช เหมือนกับการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งที่แล้ว โดยมีรายงานว่า ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ร.อ.
ธรรมนัส ได้เดินสายคุยกับบรรดาพรรคเล็ก เรื่องการยกมือโหวตให้รัฐมนตรีแต่ละคน ซึ่งพรรคเล็กมีความพยายามต่อรองหนักมากกว่าทุกครั้ง เพราะมีความไม่พอใจจากกรณีที่พรรค พปชร. สนับสนุนให้แก้ไขรัฐธรรมนูญเรื่องบัตรเลือกตั้งสองใบ ที่พรรคเล็กมองว่าเป็นการทอดทิ้งและเอื้อประโยชน์ให้กับพรรค พปชร.เอง อย่างไรก็ตามมีรายงานว่า ก่อนหน้านี้ 2-3 วัน พล.อ.
ประยุทธ์ ได้เข้าหารือ พล.อ.
ประวิตร เป็นเวลากว่า 1 ชั่วโมง คาดเป็นการหารือถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจ
JJNY : 4in1 ตายายอยู่กันมา30ปี ยายติดโควิดเสียคาบ้าน│ททท.จับตาทัวริสต์เมืองผู้ดี│หมากเขี่ยรมต.สะพัด!│นครนายกฝนถล่มนาข้าว
https://www.matichon.co.th/region/news_2911767
สองตายายอยู่กันมา 30 ปี ก่อนยายติดโควิดเสียชีวิตคาบ้าน ตาเคาะโลงสั่งลา
เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม เจ้าหน้าที่สมาคมอยุธยารวมใจ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สาธารณสุขอำเภอบางบาล ผู้ใหญ่บ้าน เข้าตรวจสอบผู้เสียชีวิตเป็นหญิง อายุ 75 ปี เป็นผู้ติดเชื้อโควิด-19 เสียชีวิตอยู่ภายในบ้านหลังหนึ่งใน ต.บางหลวงโดด อ.บางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา
เจ้าหน้าที่สมาคมอยุธยารวมใจนำร่างผู้เสียชีวิตใส่ถุงพลาสติกบรรจุศพป้องกันการแพร่กระจายเชื้อโควิด-19 ก่อนบรรจุใส่โลงศพและซีลด้วยพลาสติกอีกชั้น จากนั้นเคลื่อนย้ายร่างผู้เสียชีวิตไปประกอบพิธีฌาปนกิจที่วัดไผ่ล้อม อ.บางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่เจ้าหน้าที่กำลังเคลื่อนย้ายศพออกจากบ้านเพื่อนำไปขึ้นรถเจ้าหน้าที่ นายน้อย อายุ 89 ปี สามีของผู้เสียชีวิต ยืนมองด้วยความเสียใจ เดินตามเจ้าหน้าที่ก่อนเคาะที่โลงศพสั่งลาภรรยาครั้งสุดท้าย และไม่สามารถไปร่วมเผาศพภรรยาได้เพราะต้องกักตัว
นายน้อยเล่าให้ฟังว่า ตนเองอาศัยอยู่ในบ้านกับภรรยา 2 คนกว่า 30 ปี ส่วนลูกชายบวชพระอยู่ พระมาเยี่ยมบ่อยๆ ยายทำงานเป็นคนงานของสถานที่ราชการแห่งหนึ่ง ยายได้ตรวจพบเชื้อโควิด-19 ส่วนตนเองตรวจไม่พบเชื้อจึงได้แยกกันอยู่
นายน้อยเล่าอีกว่า ตนเองนอนพักอยู่ด้านล่าง ส่วยยายอยู่บนบ้าน ได้แต่ตะโกนถามอาการ ยายจะบอกว่าไม่เป็นไรตา จนกระทั่งเมื่อคืนเวลาประมาณ 22.00 น. ยายหายใจแรง จึงตะโกนถามยายแต่ยายไม่ตอบ ตอนเช้าขึ้นไปดูพบว่ายายเสียชีวิตแล้ว
‘อังกฤษ’ ปรับสถานะไทยเป็นประเทศกลุ่มสีแดง! ททท.จับตาผลกระทบ-ความรู้สึกทัวริสต์เมืองผู้ดี
https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/957257
“อังกฤษ” ปรับสถานะไทยเป็นประเทศ “กลุ่มสีแดง” เมื่อเดินทางจากไทยเข้าอังกฤษต้องถูกกักตัว 10 วัน และเสียค่าใช้จ่ายเองกว่า 101,000 บาท เริ่มบังคับใช้วันที่ 30 ส.ค.นี้เป็นต้นไป “ททท.” จับตาผลกระทบต่อภาคท่องเที่ยวไทยและความรู้สึกของทัวริสต์ชาวอังกฤษ
นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า หลังจากเมื่อวันที่ 26 ส.ค.ที่ผ่านมา รัฐบาลสหราชอาณาจักรประกาศผลรีวิวคำแนะนำการเดินทางออกนอกประเทศ โดย “ประเทศไทย” ถูกปรับสถานะให้อยู่ใน “Red List” หรือประเทศกลุ่มสีแดง ซึ่งหมายความว่า นักท่องเที่ยวที่เดินทางไปท่องเที่ยวประเทศไทย เมื่อกลับมาในสหราชอาณาจักรจะต้องถูกกักตัวในโรงแรมที่รัฐบาลกำหนดระยะเวลา 10 วัน และจะต้องเสียค่าใช้จ่ายเอง 2,230 ปอนด์ หรือประมาณ 101,000 บาท โดยจะเริ่มมีผลบังคับใช้วันที่ 30 ส.ค.นี้เป็นต้นไป จึงได้มอบหมายให้ ททท. สำนักงานลอนดอน ประเทศอังกฤษ ติดตามผลกระทบต่อการเดินทางท่องเที่ยวประเทศไทย และความรู้สึกของนักท่องเที่ยวชาวอังกฤษ
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากช่วงเวลานี้ไม่ใช่ฤดูกาลท่องเที่ยว (ไฮซีซั่น) ขณะนี้ ททท.จะหล่อเลี้ยงความต้องการเดินทางมาท่องเที่ยวในไทยด้วยการสื่อสารข้อเท็จจริงของโครงการ “ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์” และสนับสนุนให้เป็นการเลื่อนการเดินทางแทน ไม่ใช่การยกเลิกการเดินทาง
ด้านสถานการณ์จองห้องพักโรงแรมในภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ของเดือน ส.ค.นี้ ตลอดเกือบ 1 เดือนดังกล่าวมีนักท่องเที่ยวเข้ามาประมาณ 10,000 คน เมื่อเทียบกับตลอดเดือน ก.ค.มีประมาณ 14,000 คน เนื่องจากเป็นช่วงปลายฤดูร้อนของยุโรปแล้ว ททท.จึงมองไปถึงไตรมาส 4 ตั้งแต่เดือน ต.ค.-ธ.ค.นี้ที่เป็นช่วงฤดูหนาวในยุโรปและอเมริกา ซึ่งน่าจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามามากขึ้นในช่วงนั้น
“ถ้าสถานการณ์ระบาดของโรคโควิด-19 ในประเทศไทยดีขึ้น มีการฉีดวัคซีนมากขึ้น และกระทรวงสาธารณสุขยืนยันว่าประเทศไทยผ่านจุดสูงสุดไปแล้วและเป็นทิศทางขาลงของการระบาด ทาง ททท.จะเสนอให้ลดจำนวนวันกักตัวนักท่องเที่ยวต่างชาติจาก 14 วัน เหลือ 7 วัน ซึ่งเคยมีมติของศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.)มาแล้วเมื่อวันที่ 19 มี.ค.2564 แต่หลังจากตอนนั้นมีการระบาดของสายพันธุ์เดลต้า รัฐบาลจึงให้กลับมากักตัวที่ 14 วันเช่นเดิม ส่วนข้อเสนอไม่ต้องกักตัวเลยสำหรับประเทศที่มีความเสี่ยงต่ำก็มีความเป็นไปได้เช่นกัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการยอมรับของคนไทยด้วย”
รายงานข่าวจาก ททท. ระบุเพิ่มเติมว่า สำหรับสถิติโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ ข้อมูล ณ วันที่ 28 ส.ค.2564 มีนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศที่เดินทางเข้าภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ สะสม 59 วันแรก ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.-28 ส.ค.ที่ผ่านมา จำนวน 25,455 คน ไม่พบผู้ติดเชื้อ 25,378 คน คัดกรองพบ 77 คน
ขณะที่ยอดการจองห้องพักโรงแรมภูเก็ตที่ได้มาตรฐาน SHA+ ในช่วงไตรมาส 3 ตั้งแต่เดือน ก.ค.-ก.ย.นี้ ปัจจุบันมีจำนวน 447,993 คืน แบ่งเป็นเดือน ก.ค. 190,843 คืน เดือน ส.ค. 176,377 คืน และเดือน ก.ย. 80,773 คืน
ส่วนโครงการ “สมุย พลัส โมเดล” ที่เริ่มเปิดให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าได้มาตั้งแต่วันที่ 15 ก.ค.-28 ส.ค.ที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวต่างชาติ 490 คน
หมากเขี่ย รมต. สะพัด! "พปชร." เขย่าเก้าอี้ครม. ไล่ล็อบบี้พรรคเล็ก
https://www.khaosod.co.th/politics/news_6590467
พปชร. เขย่าเก้าอี้ครม. ไล่ล็อบบี้พรรคเล็ก หมากเขี่ยรมต.สะพัด ต่อรองหนัก พรรคเล็กไม่พอใจ โดนเท ปมแกนนำรัฐบาลแก้รธน. รื้อใบบัตรเดียว จับตามวงประชุมพรรค 30 ส.ค.นี้ วางแนวอภิปราย
วันที่ 29 ส.ค.2564 รายงานข่าวจากพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)แจ้งว่า หลังจากเมื่อวันที่ 28 ส.ค.แกนนำ พปชร. แต่ละกลุ่มในพรรคสลับกันเข้าพบ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพปชร. เพื่อหารือเตรียมการรับมืออภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล จำนวน 6 คน ก่อนที่พรรค พปชร.จะมีการประชุมส.ส. เพื่อเตรียมความพร้อมอภิปรายไม่ไว้วางใจ ในเวลา 15.00 น.วันที่ 30 ส.ค.ที่ทำการพรรค พปชร.ถนนรัชดาภิเษก
ทั้งนี้ต้องจับตามติพรรคจะออกมาทิศทางใดในการอภิปราย ซึ่งจะมีแกนนำพรรค ส.ส. และรัฐมนตรีของพรรคที่ถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจ จำนวน 2 คน คือ นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน และนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) เข้าร่วมเพื่อทำการซักซ้อม โดยการเข้าพบพล.อ.ประวิตร ของแกนนำพรรคบางคน เกิดขึ้นท่ามกลางกระแสข่าวว่า มีความพยายามกดดัน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว. กลาโหม เพื่อให้ปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยพุ่งเป้าที่รัฐมนตรีของพรรค 3 คน ซึ่ง 2 ใน 3 เป็นรัฐมนตรีที่เพิ่งได้รับแต่งตั้งยังไม่ถึงครึ่งปี คือ
นายชัยวุฒิ และ น.ส.ตรีนุช รวมถึง นายสุชาติ ที่ถูกยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจเป็นครั้งที่สองติดต่อกัน โดยการกดดันให้ปรับครม.ครั้งนี้ นำโดย
ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ และเลขาธิการพรรค พปชร. และนายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรค พปชร. และประธานวิปรัฐบาล เนื่องจากมองว่าที่ผ่านมารัฐมนตรีใหม่ของพรรคทั้งสองคน เมื่อได้ตำแหน่งไปแล้วกลับห่างเหิน ไม่สนองนโยบายพรรค และไม่ได้ดูแล ส.ส.เท่าที่ควร นอกจากนี้ ยังเห็นว่ารัฐมนตรีหลายคนในรัฐบาลไม่ตอบสนองเสียงสะท้อนปัญหาของ ส.ส.ในพื้นที่ โดยเฉพาะภารกิจที่มีความใกล้ชิดกับประชาชน
การกดดันครั้งนี้คาดว่าจะใช้วิธีทำให้รัฐมนตรีที่อยู่ในข่ายได้รับคะแนนน้อยที่สุด ใช้เป็นข้ออ้างเรียกร้องให้มีการปรับครม. โดยมีตัวแปรคือบรรดาพรรคเล็ก หากการเคลื่อนไหวครั้งนี้ทำได้สำเร็จ และนำไปสู่การปรับ ครม.ได้ จะทำให้มีเก้าอี้ว่าง 3 ตำแหน่ง คือ รมว.แรงงาน รมว.ศึกษาธิการ และรมว.ดีอีเอส และจะทำให้รัฐมนตรีในกลุ่ม 4 ช. มีโอกาสที่จะขยับตำแหน่งที่สูงขึ้น ซึ่งในการปรับครม.ครั้งที่แล้วเคยมีความพยายามผลักดันให้ ร.อ.ธรรมนัส ไปเป็น รมว.แรงงาน นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมช.แรงงาน ไปเป็น รมว.ศึกษาธิการ และนายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รมช.คมนาคม ไปเป็น รมว.ดีอีเอส แต่ไม่สำเร็จ และในครั้งนี้ยังมีความพยายามจะใช้สูตรดังกล่าวอีกครั้ง โดยเฉพาะ ร.อ.ธรรมนัส ที่ปัจจุบันเป็นเลขาธิการพรรค พปชร. จึงต้องการขยับขึ้นไปเก้าอี้รัฐมนตรีว่าการในกระทรวงที่ใช้เป็นกลไกในการสร้างฐานเสียงได้
โดยคนที่รับผิดชอบดูแลเรื่องเสียงในสภาฯยังเป็น ร.อ.ธรรมนัส และนายวิรัช เหมือนกับการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งที่แล้ว โดยมีรายงานว่า ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ร.อ.ธรรมนัส ได้เดินสายคุยกับบรรดาพรรคเล็ก เรื่องการยกมือโหวตให้รัฐมนตรีแต่ละคน ซึ่งพรรคเล็กมีความพยายามต่อรองหนักมากกว่าทุกครั้ง เพราะมีความไม่พอใจจากกรณีที่พรรค พปชร. สนับสนุนให้แก้ไขรัฐธรรมนูญเรื่องบัตรเลือกตั้งสองใบ ที่พรรคเล็กมองว่าเป็นการทอดทิ้งและเอื้อประโยชน์ให้กับพรรค พปชร.เอง อย่างไรก็ตามมีรายงานว่า ก่อนหน้านี้ 2-3 วัน พล.อ.ประยุทธ์ ได้เข้าหารือ พล.อ.ประวิตร เป็นเวลากว่า 1 ชั่วโมง คาดเป็นการหารือถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจ