รบกวนสอบถาม ทุกท่านที่ใช้รถใช้ถนนค่ะ
เรื่องมีอยู่ว่า...
เรากำลังขับรถกลับบ้านตอน 6 โมงครึ่งค่ะ (ฟ้ากึ่งๆมืด แต่ยังมองเห็น) แถวถนนเลียบคลองมี 3 เลน และ บริเวณจุดกลับรถจะมี เลนที่ 4 แยกออกมาเป็นพักๆค่ะ ซึ่งถนนเส้นนี้คนขับรถเร็วกว่าเราเยอะมาก (ปกติเราขับเลนกลางที่ 80 km เลนขวา ที่ 90-100 ขึ้นอยู่กับสภาพการจราจร (จะมีแอบเหยียบขึ้นบ้างกรณีต้องการเปิดช่องให้กว้าง เพื่อคนที่จะเข้าเลนแล้วเปิดไฟรอรถให้วิ่งไปก่อน) แต่ไม่เกิน 110 km ค่ะ
๐ เหตุการณ์คือ เรากำลังวิ่งเลนกลาง ที่ประมาณ 80 km ไม่เหยียบคันเร่งค้าง เท้าพร้อมชะลอเบรค เราเจอรถคันนึงอยู่เลนซ้ายเปิดไฟเลี้ยวนานมาก เห็นตั้งแต่ไกลที่ระยะ 200 ม และบริเวณรอบๆช่วงนั้นก็โล่งมาก เราก็ชะลอความเร็วดูว่าคันนี้จะเข้ามาเลนกลางเมื่อไหร่
จากความคิดส่วนตัวของเรา ถนนเส้นนี้ เลนกลาง และขวาไม่สามารถลดความเร็ว ต่ำกว่า 70 ได้เลย เพราะรถแต่ละคัน ตั้งแต่ กระบะ เก๋ง รถส่งของ แม้แต่รถขนของ กับ แท็กซี่ บางคัน ขับเร็วมาก จนเรากลัวว่าถ้าช้าจะกลายเป็นขวางทางเค้า ซึ่งรถเลนซ้ายจะไม่ค่อยมีคนวิ่ง เพราะไว้จอดรถซื้อของเพราะริมทางมีตลาดเป็นช่วงๆ ชะลอเลี้ยวเข้าซอย และ เลี้ยวออกซอย รถแทบทุกคันเลยเหมือนรู้กันว่าไม่ควรใช้เลนนี้ คันไหนรีบจะแซงขวากันหมดค่ะ ถ้าคนรีบแถวกลับรถก็จะแซงซ้ายแปปนึงเพื่อหลบคนกลับรถและเข้าขวาเหมือนเดิมค่ะ
๐ ต่อจากเหตุการณ์ที่เราเห็นรถคันนี้ หลังจากเรา
สังเกตรถคันนี้อยู่สักพัก ชะลอความเร็วลงมาให้ที่ 70 - 60 ก็แล้ว ยังไม่ออกซักที ถนนก็โล่งมาก แล้วเลนขวาของเรามีรถเยื้องประกบที่ระยะ 120 m หน้าหลัง
เราเลยรีบเหยียบขึ้นไปที่ 90 km เพื่อหนีคันนี้เพราะรู้สึกไม่ค่อยดีที่เค้าอึกอัก ค่อยๆกระดึ๊บหัวออกมา กลายเป็นว่า เรารีบขึ้นให้ รถคันนี้ก็ออกมาที่ระยะ 60 m และที่เราประมาณความเร็วในการขยับหัวออกที่จนเข้าเลนเต็มคันอยู่ที่ 40-50 m ( คิดว่านะคะ เพราะว่าเราขับมาที่ 90 km แล้ว ภาพข้างหน้าที่เราเห็น รถคันนี้ออกมาช้ามาก)
เราค่อยๆเบรคแล้ว คือ เรากลัวเบรคไหม้ เพราะภาพที่เราเห็นตอนนั้นเราพุ่งมาก เราเลย เปลี่ยนการตัดสินใจ ณ ตอนนั้นรีบเปิดไฟเลี้ยว เบี่ยงเข้าขวา ความเร็วตอนนั้นเลยขึ้นมา 100 เพราะระยะรถเยื้องที่เรามองตอนนั้น ปลอดภัยค่ะ ตรงตำแหน่งที่เราเข้า มองหน้าหลังแล้ว ระยะห่างประมาณ 60-70 m หน้าหลัง และเรามองกระจกข้างเข้าขวาเสร็จแล้ว ตำแหน่งที่เราอยู่ นำหน้ารถเลนกลางข้างต้นที่ค่อยๆเข้ามา ระยะพอที่เราจะแซงหน้าได้ถ้าเราขับที่ความเร็วเท่าเดิม เราเลยเหยียบขึ้นเพื่อที่เราจะแซงเบี่ยงขึ้นกลับไปแบบทิ้งระยะปลอดภัยให้ พร้อมสลับไฟเลี้ยวทันทีจะตอนเข้าขวา เป็นไฟซ้าย พร้อมรอจังหวะเข้าทันที
ช่วงวินาทีหลังจากหลบคันกลางตอนนั้น เรามองขวา+เปิดไฟขวา เข้าขวากลับมามองซ้าย+เร่งขึ้นเพื่อเว้นระยะก่อนแซงกลับเข้าเลนเดิม+เปิดไฟซ้าย แล้วมองคันหน้า ก่อนกลับไปมองข้างอีกทีเพื่อเข้าซ้าย ปรากฏว่าเราเห็นรถคันนี้พยายามเหยียบขึ้นมาชิดก้นเราขณะที่เราออกไปแล้วครึ่งคัน เราจะเบรคก็ไม่ได้ ตอนที่เราเข้ากลับมาเลนกลางเรามองกระจกหลังอีกครั้ง มันคือระยะที่อีกนิดนึงจะชนก้นค่ะ
แล้วรถคันนี้ก็บีบแตรไล่เราเป็นเสียงยาวมาก ตอนนั้นเราแอบๆกลัว เราเลยรีบเหยียบหนี เพราะคิดว่าถ้าชะลอจะชนได้ และรู้สึกตัวเองเสียมารยาทบนท้องถนนมาก (และซอกแซกมาก ถึงแม้ว่าเราจะเหยียบหนีทิ้งห่างแล้ว เรากลับรู้สึกเหมือนได้ยินเสียงแตรตามหลังมาเป็นระยะๆ (เราอาจจะคิดไปเอง)
ถึงแม้ว่าเราจะเปิดไฟเลี้ยวทุกครั้งที่ต้องการสลับเลนต้องการแซง แต่เราก็รู้สึกผิดและสงสัยในการกระทำของตัวเอง ณ วินาทีนั้นว่าเราทำถูกมั้ย
เจตนาของเราเลย
1. เราไม่ได้ตั้งใจ เพียงแค่ต้องการหนีจากจุดๆนั้น
2. ปกติเราขับเร็วเลนขวาอย่างเดียว แต่ไม่เคยขับเกิน 120 ถ้าไม่ใช่ทางด่วน หรือไม่รีบบนทางด่วนจริงๆ
3. เราไม่ขับซอกแซก (แต่ครั้งนี้เราอาจจะจิตตกแบบลึกๆ)
4. การตัดสินใจของเรา ณ ตอนนั้น เหตุผลคือ
4.1 เราไม่รู้ว่า รถคันนี้ต้องการอะไร เราเลยรีบเหยียบเปิดทางให้เพราะชะลอแล้วไม่ไปซะที
4.2 ถนนเส้นนั้นส่วนใหญ่เน้นขับเร็ว ถ้าเราลดความเร็วเกือบหยุดเลยที่เลนกลาง เรารู้สึกว่าอันตรายต่อคนข้างหลังกว่า ช่วงเย็นรถเยอะด้วย (ณ ตอนนั้นเราคิดแบบนี้)
4.3 ทุกสิ่งที่เราคิด ณ ช่วงวินาทีนั้น เราพยายามคิดถึงคนอื่นบนท้องถนน ไฟเลี้ยวเปิดก่อนเข้าตลอดไม่ว่าจะคับขันแค่ไหน เพื่อเตือนคนอื่น เราไม่เคยเปิดไฟแล้วแซงเลย (อาจจะมีบ้างที่ฉุกละหุก หรือเปลี่ยนทางวิ่งแบบคับขัน แต่ไม่เคยเป็นนิสัย)
4.4 วิธีการของเรา ณ ตอนนั้น เราไตร่ตรอง วางแผน แบบรวดเร็วแล้วประมาณนึงก่อนตัดสินใจและเจอเหตุไม่คาดฝัน
4.5 ถ้าหากวิธีคิดเราผิด เราไม่ได้มีเจตนาก่อความไม่สงบบนท้องถนนค่ะ < ต้องขออภัย >
4.6 ตอนแรกเราจิตตกอยู่แปปนึง เราอาจจะผิด แต่พอถึงบ้านแล้วมานั่งคิดวิเคราะห์เหตุการณ์เพราะสำนึกตัวเองจริงๆ เราแอบรู้สึกว่า เราผิดจริงๆมั้ย เพราะที่แน่ๆเราไม่ได้ตั้งใจ กล้องหน้าเราเห็นจากมุมมองเราว่ารถคันนี้เข้ามาช้ามากๆๆ แต่กล้องหน้าเค้าก็คงเห็นภาพที่เราปาดเข้าแบบระยะประชิดแล้วพุ่งตัวหนีด้วยความเร็ว เหมือนตีนผีนักปาด 😭
แต่เรื่องจริงๆ คือ ที่เราเล่านั้นใกล้สุดไม่โมเม แบบไม่เข้าข้างตัวเองพร้อมให้ดุด่าตักเตือนเลยค่ะ
(เราก็ไม่อยากเป็น ปัญหาให้ใคร แตรก็ไม่บีบพร่ำเพรื่อ ไฟสูงก็ไม่สาดส่งๆให้แสบตา ถ้าไม่จวนตัวระยะเกือบประชิดจริงๆ ก็จะไม่บีบไม่ปัด ไฟขอทางเปิดก่อนเลี้ยวตลอดและนานมาก นานจนบางคนสงสารชะลอให้ไปก็มี คนเปิดไฟขอทางมาก็ชะลอให้เข้า หรือไม่ก็เหยียบขึ้นเปิดช่องหลังให้ ขึ้นอยู่กับตำแหน่ง ความเร็วและจังหวะ)
*อาจจะมีคนว่าเรา เหมือนพูดเข้าข้างตัวเอง แต่ถ้าไม่ทำจริงเราไม่พูดค่ะ เพราะบางอันก็ผิดพร้อมให้ดุด่าค่ะ
<แอบน้อยเนื้อต่ำใจ บางครั้งเวลาขับปกติ 80-90 แล้วเจออะไรแปลกๆ มาระบายเหมือนคนจิตตก : เรายังไม่มีตังจ้างจิตแพทย์ระยะในยาวนะคะ 😂>
เราจึงอยากจะขอความเห็นจากท่านๆที่ใช้รถใช้ถนนเหมือนกันค่ะ ว่าวิธีคิดเราผิดถูกมากน้อยแค่ไหน
เชิญติด่าว่ากล่าวเราได้เลย เราจะได้ไว้เตือนสติตัวเอง ถ้าเราผิดจะได้ไม่ต้องคิดไม่ต้องทำแบบนี้อีกค่ะ
หรือถ้าหากมีใครช่วยชี้แนะ ช่วยบอกวิธีให้เราฝึกปรับใช้ได้บ้างจะขอขอบคุณมากๆเลยค่ะ
เรื่องข้างบนเกิดจากการมาย้อนคิดค่ะ เราค่อนข้างจำความเร็วของเราได้เพราะเราขับประจำ และโดนว่าบ่อยที่เราขับ 90 km (ที่บ้านให้ขับ 70-80 เลนกลาง แต่ทุกครั้งที่เรากลับบ้าน เรากลับรู้สึกว่า จะชอบโดนปาดโดนแซงขนะเปิดไฟเลี้ยวไปนู่นนี่ เลยขับให้เท่าประมาณคนอื่นๆ) เราเลยกะความเร็วของฝ่ายตรงข้ามจากประสบการการมอง +- ประมาณการณ์ และความคุ้นของเราที่เวลาเราขับความเร็วประมาณ 40 km แล้วรู้สึกว่าประมาณนี้ แล้วชอบเจอคนแซงหน้าค่ะ
การประมาณการของเราอาจจะไม่ตรง แต่เราคิดว่า +- ใกล้ๆกันค่ะ (แต่เราจำของตัวเองได้ค่ะ)
ขออภัยหากเราคิดผิด หรือ พิมพ์ผิดไป 🙏😭
และขอขอบคุณหากมีคนใจดีให้คำแนะนำค่ะ 😊🙏
สอบถามเกี่ยวกับความเหมาะสมในการขับรถของตัวเราเอง
เรื่องมีอยู่ว่า...
เรากำลังขับรถกลับบ้านตอน 6 โมงครึ่งค่ะ (ฟ้ากึ่งๆมืด แต่ยังมองเห็น) แถวถนนเลียบคลองมี 3 เลน และ บริเวณจุดกลับรถจะมี เลนที่ 4 แยกออกมาเป็นพักๆค่ะ ซึ่งถนนเส้นนี้คนขับรถเร็วกว่าเราเยอะมาก (ปกติเราขับเลนกลางที่ 80 km เลนขวา ที่ 90-100 ขึ้นอยู่กับสภาพการจราจร (จะมีแอบเหยียบขึ้นบ้างกรณีต้องการเปิดช่องให้กว้าง เพื่อคนที่จะเข้าเลนแล้วเปิดไฟรอรถให้วิ่งไปก่อน) แต่ไม่เกิน 110 km ค่ะ
๐ เหตุการณ์คือ เรากำลังวิ่งเลนกลาง ที่ประมาณ 80 km ไม่เหยียบคันเร่งค้าง เท้าพร้อมชะลอเบรค เราเจอรถคันนึงอยู่เลนซ้ายเปิดไฟเลี้ยวนานมาก เห็นตั้งแต่ไกลที่ระยะ 200 ม และบริเวณรอบๆช่วงนั้นก็โล่งมาก เราก็ชะลอความเร็วดูว่าคันนี้จะเข้ามาเลนกลางเมื่อไหร่
จากความคิดส่วนตัวของเรา ถนนเส้นนี้ เลนกลาง และขวาไม่สามารถลดความเร็ว ต่ำกว่า 70 ได้เลย เพราะรถแต่ละคัน ตั้งแต่ กระบะ เก๋ง รถส่งของ แม้แต่รถขนของ กับ แท็กซี่ บางคัน ขับเร็วมาก จนเรากลัวว่าถ้าช้าจะกลายเป็นขวางทางเค้า ซึ่งรถเลนซ้ายจะไม่ค่อยมีคนวิ่ง เพราะไว้จอดรถซื้อของเพราะริมทางมีตลาดเป็นช่วงๆ ชะลอเลี้ยวเข้าซอย และ เลี้ยวออกซอย รถแทบทุกคันเลยเหมือนรู้กันว่าไม่ควรใช้เลนนี้ คันไหนรีบจะแซงขวากันหมดค่ะ ถ้าคนรีบแถวกลับรถก็จะแซงซ้ายแปปนึงเพื่อหลบคนกลับรถและเข้าขวาเหมือนเดิมค่ะ
๐ ต่อจากเหตุการณ์ที่เราเห็นรถคันนี้ หลังจากเรา
สังเกตรถคันนี้อยู่สักพัก ชะลอความเร็วลงมาให้ที่ 70 - 60 ก็แล้ว ยังไม่ออกซักที ถนนก็โล่งมาก แล้วเลนขวาของเรามีรถเยื้องประกบที่ระยะ 120 m หน้าหลัง
เราเลยรีบเหยียบขึ้นไปที่ 90 km เพื่อหนีคันนี้เพราะรู้สึกไม่ค่อยดีที่เค้าอึกอัก ค่อยๆกระดึ๊บหัวออกมา กลายเป็นว่า เรารีบขึ้นให้ รถคันนี้ก็ออกมาที่ระยะ 60 m และที่เราประมาณความเร็วในการขยับหัวออกที่จนเข้าเลนเต็มคันอยู่ที่ 40-50 m ( คิดว่านะคะ เพราะว่าเราขับมาที่ 90 km แล้ว ภาพข้างหน้าที่เราเห็น รถคันนี้ออกมาช้ามาก)
เราค่อยๆเบรคแล้ว คือ เรากลัวเบรคไหม้ เพราะภาพที่เราเห็นตอนนั้นเราพุ่งมาก เราเลย เปลี่ยนการตัดสินใจ ณ ตอนนั้นรีบเปิดไฟเลี้ยว เบี่ยงเข้าขวา ความเร็วตอนนั้นเลยขึ้นมา 100 เพราะระยะรถเยื้องที่เรามองตอนนั้น ปลอดภัยค่ะ ตรงตำแหน่งที่เราเข้า มองหน้าหลังแล้ว ระยะห่างประมาณ 60-70 m หน้าหลัง และเรามองกระจกข้างเข้าขวาเสร็จแล้ว ตำแหน่งที่เราอยู่ นำหน้ารถเลนกลางข้างต้นที่ค่อยๆเข้ามา ระยะพอที่เราจะแซงหน้าได้ถ้าเราขับที่ความเร็วเท่าเดิม เราเลยเหยียบขึ้นเพื่อที่เราจะแซงเบี่ยงขึ้นกลับไปแบบทิ้งระยะปลอดภัยให้ พร้อมสลับไฟเลี้ยวทันทีจะตอนเข้าขวา เป็นไฟซ้าย พร้อมรอจังหวะเข้าทันที
ช่วงวินาทีหลังจากหลบคันกลางตอนนั้น เรามองขวา+เปิดไฟขวา เข้าขวากลับมามองซ้าย+เร่งขึ้นเพื่อเว้นระยะก่อนแซงกลับเข้าเลนเดิม+เปิดไฟซ้าย แล้วมองคันหน้า ก่อนกลับไปมองข้างอีกทีเพื่อเข้าซ้าย ปรากฏว่าเราเห็นรถคันนี้พยายามเหยียบขึ้นมาชิดก้นเราขณะที่เราออกไปแล้วครึ่งคัน เราจะเบรคก็ไม่ได้ ตอนที่เราเข้ากลับมาเลนกลางเรามองกระจกหลังอีกครั้ง มันคือระยะที่อีกนิดนึงจะชนก้นค่ะ
แล้วรถคันนี้ก็บีบแตรไล่เราเป็นเสียงยาวมาก ตอนนั้นเราแอบๆกลัว เราเลยรีบเหยียบหนี เพราะคิดว่าถ้าชะลอจะชนได้ และรู้สึกตัวเองเสียมารยาทบนท้องถนนมาก (และซอกแซกมาก ถึงแม้ว่าเราจะเหยียบหนีทิ้งห่างแล้ว เรากลับรู้สึกเหมือนได้ยินเสียงแตรตามหลังมาเป็นระยะๆ (เราอาจจะคิดไปเอง)
ถึงแม้ว่าเราจะเปิดไฟเลี้ยวทุกครั้งที่ต้องการสลับเลนต้องการแซง แต่เราก็รู้สึกผิดและสงสัยในการกระทำของตัวเอง ณ วินาทีนั้นว่าเราทำถูกมั้ย
เจตนาของเราเลย
1. เราไม่ได้ตั้งใจ เพียงแค่ต้องการหนีจากจุดๆนั้น
2. ปกติเราขับเร็วเลนขวาอย่างเดียว แต่ไม่เคยขับเกิน 120 ถ้าไม่ใช่ทางด่วน หรือไม่รีบบนทางด่วนจริงๆ
3. เราไม่ขับซอกแซก (แต่ครั้งนี้เราอาจจะจิตตกแบบลึกๆ)
4. การตัดสินใจของเรา ณ ตอนนั้น เหตุผลคือ
4.1 เราไม่รู้ว่า รถคันนี้ต้องการอะไร เราเลยรีบเหยียบเปิดทางให้เพราะชะลอแล้วไม่ไปซะที
4.2 ถนนเส้นนั้นส่วนใหญ่เน้นขับเร็ว ถ้าเราลดความเร็วเกือบหยุดเลยที่เลนกลาง เรารู้สึกว่าอันตรายต่อคนข้างหลังกว่า ช่วงเย็นรถเยอะด้วย (ณ ตอนนั้นเราคิดแบบนี้)
4.3 ทุกสิ่งที่เราคิด ณ ช่วงวินาทีนั้น เราพยายามคิดถึงคนอื่นบนท้องถนน ไฟเลี้ยวเปิดก่อนเข้าตลอดไม่ว่าจะคับขันแค่ไหน เพื่อเตือนคนอื่น เราไม่เคยเปิดไฟแล้วแซงเลย (อาจจะมีบ้างที่ฉุกละหุก หรือเปลี่ยนทางวิ่งแบบคับขัน แต่ไม่เคยเป็นนิสัย)
4.4 วิธีการของเรา ณ ตอนนั้น เราไตร่ตรอง วางแผน แบบรวดเร็วแล้วประมาณนึงก่อนตัดสินใจและเจอเหตุไม่คาดฝัน
4.5 ถ้าหากวิธีคิดเราผิด เราไม่ได้มีเจตนาก่อความไม่สงบบนท้องถนนค่ะ < ต้องขออภัย >
4.6 ตอนแรกเราจิตตกอยู่แปปนึง เราอาจจะผิด แต่พอถึงบ้านแล้วมานั่งคิดวิเคราะห์เหตุการณ์เพราะสำนึกตัวเองจริงๆ เราแอบรู้สึกว่า เราผิดจริงๆมั้ย เพราะที่แน่ๆเราไม่ได้ตั้งใจ กล้องหน้าเราเห็นจากมุมมองเราว่ารถคันนี้เข้ามาช้ามากๆๆ แต่กล้องหน้าเค้าก็คงเห็นภาพที่เราปาดเข้าแบบระยะประชิดแล้วพุ่งตัวหนีด้วยความเร็ว เหมือนตีนผีนักปาด 😭
แต่เรื่องจริงๆ คือ ที่เราเล่านั้นใกล้สุดไม่โมเม แบบไม่เข้าข้างตัวเองพร้อมให้ดุด่าตักเตือนเลยค่ะ
(เราก็ไม่อยากเป็น ปัญหาให้ใคร แตรก็ไม่บีบพร่ำเพรื่อ ไฟสูงก็ไม่สาดส่งๆให้แสบตา ถ้าไม่จวนตัวระยะเกือบประชิดจริงๆ ก็จะไม่บีบไม่ปัด ไฟขอทางเปิดก่อนเลี้ยวตลอดและนานมาก นานจนบางคนสงสารชะลอให้ไปก็มี คนเปิดไฟขอทางมาก็ชะลอให้เข้า หรือไม่ก็เหยียบขึ้นเปิดช่องหลังให้ ขึ้นอยู่กับตำแหน่ง ความเร็วและจังหวะ)
*อาจจะมีคนว่าเรา เหมือนพูดเข้าข้างตัวเอง แต่ถ้าไม่ทำจริงเราไม่พูดค่ะ เพราะบางอันก็ผิดพร้อมให้ดุด่าค่ะ
<แอบน้อยเนื้อต่ำใจ บางครั้งเวลาขับปกติ 80-90 แล้วเจออะไรแปลกๆ มาระบายเหมือนคนจิตตก : เรายังไม่มีตังจ้างจิตแพทย์ระยะในยาวนะคะ 😂>
เราจึงอยากจะขอความเห็นจากท่านๆที่ใช้รถใช้ถนนเหมือนกันค่ะ ว่าวิธีคิดเราผิดถูกมากน้อยแค่ไหน
เชิญติด่าว่ากล่าวเราได้เลย เราจะได้ไว้เตือนสติตัวเอง ถ้าเราผิดจะได้ไม่ต้องคิดไม่ต้องทำแบบนี้อีกค่ะ
หรือถ้าหากมีใครช่วยชี้แนะ ช่วยบอกวิธีให้เราฝึกปรับใช้ได้บ้างจะขอขอบคุณมากๆเลยค่ะ
เรื่องข้างบนเกิดจากการมาย้อนคิดค่ะ เราค่อนข้างจำความเร็วของเราได้เพราะเราขับประจำ และโดนว่าบ่อยที่เราขับ 90 km (ที่บ้านให้ขับ 70-80 เลนกลาง แต่ทุกครั้งที่เรากลับบ้าน เรากลับรู้สึกว่า จะชอบโดนปาดโดนแซงขนะเปิดไฟเลี้ยวไปนู่นนี่ เลยขับให้เท่าประมาณคนอื่นๆ) เราเลยกะความเร็วของฝ่ายตรงข้ามจากประสบการการมอง +- ประมาณการณ์ และความคุ้นของเราที่เวลาเราขับความเร็วประมาณ 40 km แล้วรู้สึกว่าประมาณนี้ แล้วชอบเจอคนแซงหน้าค่ะ
การประมาณการของเราอาจจะไม่ตรง แต่เราคิดว่า +- ใกล้ๆกันค่ะ (แต่เราจำของตัวเองได้ค่ะ)
ขออภัยหากเราคิดผิด หรือ พิมพ์ผิดไป 🙏😭
และขอขอบคุณหากมีคนใจดีให้คำแนะนำค่ะ 😊🙏