สวัสดีครับ คือ ทุกวันนี้ ผมต้องใช้ มอเตอร์เวย์ช่วง รังสิต-พระรามเก้า ไป-กลับที่ืทำงาน ระยะทางร่วม 100 km ทุกวัน ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่รถค่อนข้างเยอะ เลยทำให้ได้ประสบกับพฤติกรรม การขับรถของคนทุกวันนี้หลายรูปแบบ ซึ่งทำให้ผมนี่มือจับพวงมาลัยไป ในใจท่องแต่คำว่า ปลง ๆๆๆๆ ปลงนะ ใจเย็นๆ ผมนั่งรถกับพ่อสมัยเด็กๆ เกือบทุกวัน พ่อสอนเกี่ยวกับมารยาทบนถนน มาก็มาก แต่ผมไม่เข้าใจว่าคนส่วนมากไม่ทราบ หรือทราบแต่ไม่ทำกัน เพราะบางข้อในหนังสือสอบใบขับขี่ก็มีบอกอยู่บ้าง ทุกวันนี้พ่อแก่แล้ว พ่อบ่นว่าถนนเมืองไทยขับรถยากขึ้นมาก นอกจากรถจะเยอะขึ้น คนขับรถยังแทบไม่รู้มารยาทพื้นฐานบนถนนกันเลย ผมเห็นด้วย บางคนแค่ไปเรียนไม่กี่ชั่วโมงก็มาขับกันแบบ เงอะๆ เงิ่นๆ ยัดเงินซื้อใบขับขี่ หรือ ขับรถแย่แล้วก็ไม่พัฒนาตัวเอง ต่างๆ นาๆ
โดยส่วนตัวที่บ้าน พี่ ป้า น้า อา แม้แต่น้องย่า พ่อเป็นคนหัดขับรถให้หมด ไม่เคยไปจ้างครูสอนเลย ผมเองพ่อก็หัดให้ตั้งแต่อายุ 16 แต่นั่นก็เพื่อกรณีฉุกเฉินต้องขับจริงๆ แต่กว่าจะได้ลงถนนจริงๆ ปล่อยให้ขับโดยลำพังก็ 18 ตามเกณฑ์
ต่อไปนี้คือ สิ่งที่พ่อสอนบอกมานะครับ
1.ห้ามขับรถจี้ท้าย เพราะ ถ้าเค้าเบรคกระทันหันเราจะเบรคไม่ัทัน
- ทุกวันนี้เห็นเป็นปกติเลย จะมากเป็นพิเศษในหมู่รถปิคอัพสูงๆ ไม่เข้าใจว่าจี้ไปแล้วมันช่วยให้ไปเร็วขึ้นหรือยังไง เค้าเบรคขึ้นมา ก็เบรคกันตัวโก่ง หักหลบเสียหลัก อาจเกิดอุบัติกันวุ่นวาย
2.ห้ามเปิดไฟสูง ขณะ ที่มีรถอยู่ข้างหน้า หรือรถสวนมา เพราะมันจะแยงตารถคันอื่นทำให้ ตาพร่าเกิดอุบัติเหตุได้
- เจอบ่อยจนหงุดหงิด (กลัวเรื่องสายตาเสีย) เรากระพริบสวนเตือนให้รู้ ก็ไม่รู้ตัว ยิ่งถ้าสาดสวนมาทางมืดๆ นี่เราต้องชะลอเลยเพราะถึงจะไม่มองดวงไฟมันก็จะมองที่มืดพร่าๆไปพักนึง
ปล.(แต่ถ้าจำพวกกระบะยกสูงผมยกให้ เพราะไฟต่ำก็สูงจะแย่แล้ว ต้องโทษผู้ผลิตที่ไม่เซ็ตไฟของ รุ่นยกสูง ให้องศาต่ำกว่าุรุ่นปกติ)
3.ถ้าถนนโล่ง ห้ามขับรถตีคู่ เพราะจะเป็นการ block ทำให้คันที่ตามหลังมาแซงไม่ได้
4.ห้ามขับช้า แช่ขวา เพราะคันที่ตามมาต้องแซงซ้ายหลบ หรือเบรค ชะลอ อะไรก็แล้วแต่ แถมการหลบไปซ้ายย่อมเจอรถที่ช้าอยู่แ้ล้วอีก
อาจทำให้เสียจังหวะความเร็ว หรือเกิดุบัติเหตุได้
- 2 อันนี้ถ้าพ่อเจอแต่ก่อนจะหงุดหงิดมาก เพราะ คันที่ตามหลังจากเบี่ยงไปไหนไม่ได้เลย เป็นกรณีที่ก่อให้รถติดและ อุบัติเหตุได้ง่ายๆ
5.เปิดไฟเลี้ยวทุกครั้งที่จะเปลี่ยนเลน เลี้ยว ซักระยะก่อนจะเลี้ยว หรือเปลี่ยนเลน เพื่อให้ผู้อื่นเกิดการรับรู้ ไม่ใช่เลี้ยวพร้อมเปิด คันอื่นไม่ทราบมันก็จะชนกันอีก
-อันนี้จะเจอในรถทุกประเภท จะซ้าย จะขวาอยู่ดีๆ ก็ออก
ต่อจากนี้เป็น Trick เล็กๆ น้อยๆ ที่พ่อบอกมาอีกเช่นกัน (แต่ไม่ร้ายแรงเกี่ยวกับอุบัติเหตุหรือเดือดร้อนคนอื่น)
1.เวลารถติด ควรทิ้งระยะจากคันหน้า "พอให้เห็นล้อหลัง" เผื่อกรณีข้างหน้าเกิดเหตุฉุกเฉิน/อุบัติเหตุ
เวลาเบี่ยงออก นั่นคือระยะที่รถจะหักหัวออกได้สบายๆ
2.อย่าจอดจี้ท้ายคันหน้าเวลาอยู่บนทางชัน เผื่อให้เค้าไหลตอนออกตัว หรือเกิดเหตุฉุกเฉิน ไหลถอยหลัง
-กรณีนี้เจอที่ดอยสุเทพ ตอนไปเที่ยวปัใหม่ รถเก๋ง บีบแตรใส่รถแดง ลั่นสนั่นดอย เนื่องจาก จอดชิดเว้นซะไม่ถึงเมตร พอเค้ากำลังจะออกตัว
เกียร์ธรรมดามันก็ไหลเป็นเรื่องปกติ เกือบจะชนตัวเอง โดยที่ไม่ได้มองตัวเองเลยว่า ไม่มีทักษะบนท้องถนนเลย จ่อซะชิด เห้ออ
ส่วนที่ 3 นี่จะเป็นความเห็นส่วนตัวของผมนะครับ
1.การกำหนดความเร็วบนทางหลวง แบบ "วัวหายล้อมคอก" คือการแก้ปัญหาไม่ถูกจุด มีแต่จะช่วยเพิ่มอุบัติเหตุ เพราะอะไร?
เพราะ อุบัติเหตุไม่ได้เกิดจากขับเร็วขับช้า เกิดจาก "ขับผิดจังหวะ ผิดกาลเทศะ" ต่างหาก ทางหลวงมานั่งกำหนด 80 100 120 เพื่ออะไร?
ผมมองว่ารถมันออกแบบมาให้ขับกันได้ เกือบ 200 แทบทุกคัน รถหรูๆ หลายคันเกินไปไกล (ไม่ใช่จะบอกว่า ขับเร็วเป็นสิ่งที่ถูกเสมอ มันขึ้นอยู่กับสถานการณ์) คือเขตชุมชน เขตเมืองคุณจะคลานก็คลานไปเถอะ เลนซ้ายนะ ไม่มีใครว่าหรอก มันถูกที่ถูกทางไง ถ้าขับไวมาก ชนลูกเด็กเล็กแดง หมาหมู คนเฒ่าคนแก่ มันจะเดือดร้อนเค้า
แต่บนมอเตอร์เวย์หรือทางด่วนเนี่ย ผมไม่เข้าใจพวกขับ 70-90 แล้ว หน้าด้านอยู่ขวา หรือ กลางขวา จริงๆ นะ คือ OK ทางหลวงมันกำหนดมา ไม่เกิน 120 แต่ทุกวันนี้ เห็นเค้าขับกันไหม ยังไงมันก็เกิน แต่ละคนความจำเป็นไม่เท่ากัน และกับหลายๆ คน เวลาก็มีค่ามากกว่า มา ลอยลม อยู่บนถนน ใครอยากกินลม 70-90 ก็ อยู่เลนซ้าย-กลางซ้ายไป แค่นั้น ทุกอย่างแฮบปี้ แต่นี่พวกเล่นมาแช่ขวา - กลางขวา ส่งไฟสูงก็ไม่หลบ บีบแตรก็ไม่สน จะแซงก็เจอช้า Block อยู่ กลางขวาอีก ต้องปาดออกไปเกือบซ้ายสุด ไปเดือดร้อน คนที่เค้าช้าถูกที่ถูกทางอยู่แล้ว ให้วุ่นวายกันอีก สุดท้ายก็เกิดอุบัติเหตุ วิเคราะห์ออกมาความคิดคนพวกนี้คือ "ปฏิบัติตามกฏ แบบเข้าข้างตัวเองและเห็นแก่ตัว"
อารมว่า "ช้าแล้วจะทำไม รีบก็แซงไปสิ จะรีบไปตายที่ไหน ไม่สนหรอก กุขับ 100 อยู่ขวาก็เร็วพอแล้ว ตามกฏทางหลวงเป๊ะ เร็วกว่านี้เดี๋ยวโดนปรับ " หรืออีกกรณีคือพวก "กลัวเปลือง"ขึ้นสมอง เลี้ยงลิ้นคันเร่งกันสุดฤทธิ์ กลัวจะกินน้ำมัน กลัวขนาดนั้น นั่งรถสาธารณะเถอะครับ เหมือนคิดถึงแต่ตัวเอง ไม่ได้สนใจเลยว่ามันเดือดร้อนคนอื่นไหม ซึ่งตรงนี้แก้ที่ตัวคนยากครับ เพราะพวกเค้าก็จะบอกว่าตัวเองทำถูกกฏแล้ว ตามกฏหมายณรงค์ ขับช้าปลอดภัย ประหยัด บลาๆๆ หารู้ไม่ว่าปัญหารถติดไม่ได้เกิดจากปัญหารถเยอะหรอกนะ เกิดจากอิพวกขับผิดกาลเทศะพาเสียจังหวะ ต้องหลบหลีกเปลี่ยนเลน กันวุ่นวายจนช้าไปหมดทั้งระบบ
ทางแก้ไขนะครับ ทางหลวงน่าจะ Limit speed แยกกันตามเลน ดีกว่า กรณีด้านหน้าโล่งถ้าช้ากว่า 110 km/h ห้ามอยู่ขวาสุด (แต่ห้ามเกินซัก 140 ผมมองว่าสมเหตุสมผล)จากนั้นก็ลดหลั่นไล่ไปตามเลนด้านซ้าย ผมเชื่อว่ารถถ้าขับไปเฉยๆ เรื่อยๆ โล่งๆ ทุกคันเร็วเหมือนกัน เหยียบ 160 ไม่มีรถช้ามาขวางให้ต้องหลีกต้องหลบ ต้องเบรค มันก็เฉยๆ ครับ รถเดี๋ยวนี้ สมรรถนะมันไปถึงไหนต่อไหนแล้ว (ไม่นับพวกรถเล็กนะ)
อ่านถึงตรงนี้บางคนอาจเตรียมว่าผมแล้วว่า คิดแปลกๆ ผมอยากให้ไปหากฏหมายจราจรต่างประเทศมาดูนะครับ แล้วจะรู้ว่า บ้านเรานั้นมีกระบวณการคิดล้าหลังมาก ในเรื่องการกำหนดความเร็วบนถนน
1.อเมริกา : การเข้าทาง High way ควรจะทำความเร็วให้เท่ากับรถบนทางหลักให้เร็วที่สุด เพราะอะไร?
คุณลองคิดดูว่าคุณเข้าไปเอื่อยๆ เรื่อยๆ มีรถกี่สิบคันที่ต้องชะลอ/เบรค เพราะคุณคันเดียว และปริมาณน้ำมันของรถหลายสิบคันมหาศาลขนาดไหน ที่ต้องเร่งขึ้นใหม่ หลังจากชะลอให้คุณแล้ว อุบัติเหตุจากการเบรค และชะลอ อาจเกิดขึ้นได้อีกต่างหาก
2.อังกฤษ : ผู้สอบต้องใช้รถเกียร์ ธรรมดา ในการสอบเท่านั้น แถมยังต้อง จอด/ออกตัวบนทางลาดชัน (คอสะพาน)ได้อีกด้วยถึงจะผ่าน
3.เยอรมัน : ทางหลวงแผ่นดิน Autobahn ความยาวกว่า 12,000 กิโลเมตร ทั่วประเทศ ถนนกลุ่มนี้มีบางช่วง บางสาย ที่ "์No speed Limit"
เพราะอะไร?
- รถเยอรมันถูกสร้างมาให้วิ่งได้เกิน 200 km/h เป็นส่วนมาก ถ้าสร้างได้ ก็ต้องมีที่ให้มันวิ่ง
- คุณภาพถนน ที่ดีกว่าเรามากๆๆ (ไม่มีพวกนักการเมืองและผู้รับเหมา กินปูนกินทรายนั่นเอง)
สองข้อด้านบนนั้นเป็นเหตุผลส่วนตัวของเค้า แต่ปัจจัยหลักเลยคือ "ทักษะการขับรถ และ การสอบใบขับขี่ ที่โหด กว่าไทยเยอะ"
การทำความเร็วในระดับ "Taxi เหยียบ 220 แช่ สบายใจ แล้ว Porsche แซงไปด้วยความเร็ว 300 " เนี่ย การขับแบบเนี้ย อุบัติเหตุเค้ายังน้อยกว่าเราหลายเท่าตัวนัก ผมว่าเราไม่ต้องเร็วเท่าเค้าหรอกครับ แต่แค่อบรมเรื่องมารยาทการขับรถ เข้าไปในหลักสูตรการสอบใบขับขี่ หรือมัธยมศึกษาเลยได้ยิ่งดี (ทุกวันนี้เกือบทุกคน ต้องขับรถเป็นกันหมดแล้ว ) เอาให้มันเข้มงวด เพิ่มระดับการสอบใบขับขี่ให้ยากหินเหมือนยุโรป เพื่อ คัดผู้ขับขี่ที่จะต้องลงไปใช้ถนนร่วมกันให้มีคุณภาพมากกว่านี้ เท่านี้ ถนนเมืองไทยก็น่าใช้และปลอดภัยขึ้นเยอะ แถมรถไม่ติดด้วยครับ
ปล. วันนี้โดนปาดหน้าระยะประชิดเกือบจะชน จนมีเรื่องปาดคืนกัน มันสุดจะทน เลยบอกกล่าวกันเล่าสู่กันฟังครับ
มารยาทบนถนน ที่ โรงเรียนสนามสอบใบขับขี่ อาจไม่ได้บอก และกฏจราจรที่ล้าหลัง
โดยส่วนตัวที่บ้าน พี่ ป้า น้า อา แม้แต่น้องย่า พ่อเป็นคนหัดขับรถให้หมด ไม่เคยไปจ้างครูสอนเลย ผมเองพ่อก็หัดให้ตั้งแต่อายุ 16 แต่นั่นก็เพื่อกรณีฉุกเฉินต้องขับจริงๆ แต่กว่าจะได้ลงถนนจริงๆ ปล่อยให้ขับโดยลำพังก็ 18 ตามเกณฑ์
ต่อไปนี้คือ สิ่งที่พ่อสอนบอกมานะครับ
1.ห้ามขับรถจี้ท้าย เพราะ ถ้าเค้าเบรคกระทันหันเราจะเบรคไม่ัทัน
- ทุกวันนี้เห็นเป็นปกติเลย จะมากเป็นพิเศษในหมู่รถปิคอัพสูงๆ ไม่เข้าใจว่าจี้ไปแล้วมันช่วยให้ไปเร็วขึ้นหรือยังไง เค้าเบรคขึ้นมา ก็เบรคกันตัวโก่ง หักหลบเสียหลัก อาจเกิดอุบัติกันวุ่นวาย
2.ห้ามเปิดไฟสูง ขณะ ที่มีรถอยู่ข้างหน้า หรือรถสวนมา เพราะมันจะแยงตารถคันอื่นทำให้ ตาพร่าเกิดอุบัติเหตุได้
- เจอบ่อยจนหงุดหงิด (กลัวเรื่องสายตาเสีย) เรากระพริบสวนเตือนให้รู้ ก็ไม่รู้ตัว ยิ่งถ้าสาดสวนมาทางมืดๆ นี่เราต้องชะลอเลยเพราะถึงจะไม่มองดวงไฟมันก็จะมองที่มืดพร่าๆไปพักนึง
ปล.(แต่ถ้าจำพวกกระบะยกสูงผมยกให้ เพราะไฟต่ำก็สูงจะแย่แล้ว ต้องโทษผู้ผลิตที่ไม่เซ็ตไฟของ รุ่นยกสูง ให้องศาต่ำกว่าุรุ่นปกติ)
3.ถ้าถนนโล่ง ห้ามขับรถตีคู่ เพราะจะเป็นการ block ทำให้คันที่ตามหลังมาแซงไม่ได้
4.ห้ามขับช้า แช่ขวา เพราะคันที่ตามมาต้องแซงซ้ายหลบ หรือเบรค ชะลอ อะไรก็แล้วแต่ แถมการหลบไปซ้ายย่อมเจอรถที่ช้าอยู่แ้ล้วอีก
อาจทำให้เสียจังหวะความเร็ว หรือเกิดุบัติเหตุได้
- 2 อันนี้ถ้าพ่อเจอแต่ก่อนจะหงุดหงิดมาก เพราะ คันที่ตามหลังจากเบี่ยงไปไหนไม่ได้เลย เป็นกรณีที่ก่อให้รถติดและ อุบัติเหตุได้ง่ายๆ
5.เปิดไฟเลี้ยวทุกครั้งที่จะเปลี่ยนเลน เลี้ยว ซักระยะก่อนจะเลี้ยว หรือเปลี่ยนเลน เพื่อให้ผู้อื่นเกิดการรับรู้ ไม่ใช่เลี้ยวพร้อมเปิด คันอื่นไม่ทราบมันก็จะชนกันอีก
-อันนี้จะเจอในรถทุกประเภท จะซ้าย จะขวาอยู่ดีๆ ก็ออก
ต่อจากนี้เป็น Trick เล็กๆ น้อยๆ ที่พ่อบอกมาอีกเช่นกัน (แต่ไม่ร้ายแรงเกี่ยวกับอุบัติเหตุหรือเดือดร้อนคนอื่น)
1.เวลารถติด ควรทิ้งระยะจากคันหน้า "พอให้เห็นล้อหลัง" เผื่อกรณีข้างหน้าเกิดเหตุฉุกเฉิน/อุบัติเหตุ
เวลาเบี่ยงออก นั่นคือระยะที่รถจะหักหัวออกได้สบายๆ
2.อย่าจอดจี้ท้ายคันหน้าเวลาอยู่บนทางชัน เผื่อให้เค้าไหลตอนออกตัว หรือเกิดเหตุฉุกเฉิน ไหลถอยหลัง
-กรณีนี้เจอที่ดอยสุเทพ ตอนไปเที่ยวปัใหม่ รถเก๋ง บีบแตรใส่รถแดง ลั่นสนั่นดอย เนื่องจาก จอดชิดเว้นซะไม่ถึงเมตร พอเค้ากำลังจะออกตัว
เกียร์ธรรมดามันก็ไหลเป็นเรื่องปกติ เกือบจะชนตัวเอง โดยที่ไม่ได้มองตัวเองเลยว่า ไม่มีทักษะบนท้องถนนเลย จ่อซะชิด เห้ออ
ส่วนที่ 3 นี่จะเป็นความเห็นส่วนตัวของผมนะครับ
1.การกำหนดความเร็วบนทางหลวง แบบ "วัวหายล้อมคอก" คือการแก้ปัญหาไม่ถูกจุด มีแต่จะช่วยเพิ่มอุบัติเหตุ เพราะอะไร?
เพราะ อุบัติเหตุไม่ได้เกิดจากขับเร็วขับช้า เกิดจาก "ขับผิดจังหวะ ผิดกาลเทศะ" ต่างหาก ทางหลวงมานั่งกำหนด 80 100 120 เพื่ออะไร?
ผมมองว่ารถมันออกแบบมาให้ขับกันได้ เกือบ 200 แทบทุกคัน รถหรูๆ หลายคันเกินไปไกล (ไม่ใช่จะบอกว่า ขับเร็วเป็นสิ่งที่ถูกเสมอ มันขึ้นอยู่กับสถานการณ์) คือเขตชุมชน เขตเมืองคุณจะคลานก็คลานไปเถอะ เลนซ้ายนะ ไม่มีใครว่าหรอก มันถูกที่ถูกทางไง ถ้าขับไวมาก ชนลูกเด็กเล็กแดง หมาหมู คนเฒ่าคนแก่ มันจะเดือดร้อนเค้า
แต่บนมอเตอร์เวย์หรือทางด่วนเนี่ย ผมไม่เข้าใจพวกขับ 70-90 แล้ว หน้าด้านอยู่ขวา หรือ กลางขวา จริงๆ นะ คือ OK ทางหลวงมันกำหนดมา ไม่เกิน 120 แต่ทุกวันนี้ เห็นเค้าขับกันไหม ยังไงมันก็เกิน แต่ละคนความจำเป็นไม่เท่ากัน และกับหลายๆ คน เวลาก็มีค่ามากกว่า มา ลอยลม อยู่บนถนน ใครอยากกินลม 70-90 ก็ อยู่เลนซ้าย-กลางซ้ายไป แค่นั้น ทุกอย่างแฮบปี้ แต่นี่พวกเล่นมาแช่ขวา - กลางขวา ส่งไฟสูงก็ไม่หลบ บีบแตรก็ไม่สน จะแซงก็เจอช้า Block อยู่ กลางขวาอีก ต้องปาดออกไปเกือบซ้ายสุด ไปเดือดร้อน คนที่เค้าช้าถูกที่ถูกทางอยู่แล้ว ให้วุ่นวายกันอีก สุดท้ายก็เกิดอุบัติเหตุ วิเคราะห์ออกมาความคิดคนพวกนี้คือ "ปฏิบัติตามกฏ แบบเข้าข้างตัวเองและเห็นแก่ตัว"
อารมว่า "ช้าแล้วจะทำไม รีบก็แซงไปสิ จะรีบไปตายที่ไหน ไม่สนหรอก กุขับ 100 อยู่ขวาก็เร็วพอแล้ว ตามกฏทางหลวงเป๊ะ เร็วกว่านี้เดี๋ยวโดนปรับ " หรืออีกกรณีคือพวก "กลัวเปลือง"ขึ้นสมอง เลี้ยงลิ้นคันเร่งกันสุดฤทธิ์ กลัวจะกินน้ำมัน กลัวขนาดนั้น นั่งรถสาธารณะเถอะครับ เหมือนคิดถึงแต่ตัวเอง ไม่ได้สนใจเลยว่ามันเดือดร้อนคนอื่นไหม ซึ่งตรงนี้แก้ที่ตัวคนยากครับ เพราะพวกเค้าก็จะบอกว่าตัวเองทำถูกกฏแล้ว ตามกฏหมายณรงค์ ขับช้าปลอดภัย ประหยัด บลาๆๆ หารู้ไม่ว่าปัญหารถติดไม่ได้เกิดจากปัญหารถเยอะหรอกนะ เกิดจากอิพวกขับผิดกาลเทศะพาเสียจังหวะ ต้องหลบหลีกเปลี่ยนเลน กันวุ่นวายจนช้าไปหมดทั้งระบบ
ทางแก้ไขนะครับ ทางหลวงน่าจะ Limit speed แยกกันตามเลน ดีกว่า กรณีด้านหน้าโล่งถ้าช้ากว่า 110 km/h ห้ามอยู่ขวาสุด (แต่ห้ามเกินซัก 140 ผมมองว่าสมเหตุสมผล)จากนั้นก็ลดหลั่นไล่ไปตามเลนด้านซ้าย ผมเชื่อว่ารถถ้าขับไปเฉยๆ เรื่อยๆ โล่งๆ ทุกคันเร็วเหมือนกัน เหยียบ 160 ไม่มีรถช้ามาขวางให้ต้องหลีกต้องหลบ ต้องเบรค มันก็เฉยๆ ครับ รถเดี๋ยวนี้ สมรรถนะมันไปถึงไหนต่อไหนแล้ว (ไม่นับพวกรถเล็กนะ)
อ่านถึงตรงนี้บางคนอาจเตรียมว่าผมแล้วว่า คิดแปลกๆ ผมอยากให้ไปหากฏหมายจราจรต่างประเทศมาดูนะครับ แล้วจะรู้ว่า บ้านเรานั้นมีกระบวณการคิดล้าหลังมาก ในเรื่องการกำหนดความเร็วบนถนน
1.อเมริกา : การเข้าทาง High way ควรจะทำความเร็วให้เท่ากับรถบนทางหลักให้เร็วที่สุด เพราะอะไร?
คุณลองคิดดูว่าคุณเข้าไปเอื่อยๆ เรื่อยๆ มีรถกี่สิบคันที่ต้องชะลอ/เบรค เพราะคุณคันเดียว และปริมาณน้ำมันของรถหลายสิบคันมหาศาลขนาดไหน ที่ต้องเร่งขึ้นใหม่ หลังจากชะลอให้คุณแล้ว อุบัติเหตุจากการเบรค และชะลอ อาจเกิดขึ้นได้อีกต่างหาก
2.อังกฤษ : ผู้สอบต้องใช้รถเกียร์ ธรรมดา ในการสอบเท่านั้น แถมยังต้อง จอด/ออกตัวบนทางลาดชัน (คอสะพาน)ได้อีกด้วยถึงจะผ่าน
3.เยอรมัน : ทางหลวงแผ่นดิน Autobahn ความยาวกว่า 12,000 กิโลเมตร ทั่วประเทศ ถนนกลุ่มนี้มีบางช่วง บางสาย ที่ "์No speed Limit"
เพราะอะไร?
- รถเยอรมันถูกสร้างมาให้วิ่งได้เกิน 200 km/h เป็นส่วนมาก ถ้าสร้างได้ ก็ต้องมีที่ให้มันวิ่ง
- คุณภาพถนน ที่ดีกว่าเรามากๆๆ (ไม่มีพวกนักการเมืองและผู้รับเหมา กินปูนกินทรายนั่นเอง)
สองข้อด้านบนนั้นเป็นเหตุผลส่วนตัวของเค้า แต่ปัจจัยหลักเลยคือ "ทักษะการขับรถ และ การสอบใบขับขี่ ที่โหด กว่าไทยเยอะ"
การทำความเร็วในระดับ "Taxi เหยียบ 220 แช่ สบายใจ แล้ว Porsche แซงไปด้วยความเร็ว 300 " เนี่ย การขับแบบเนี้ย อุบัติเหตุเค้ายังน้อยกว่าเราหลายเท่าตัวนัก ผมว่าเราไม่ต้องเร็วเท่าเค้าหรอกครับ แต่แค่อบรมเรื่องมารยาทการขับรถ เข้าไปในหลักสูตรการสอบใบขับขี่ หรือมัธยมศึกษาเลยได้ยิ่งดี (ทุกวันนี้เกือบทุกคน ต้องขับรถเป็นกันหมดแล้ว ) เอาให้มันเข้มงวด เพิ่มระดับการสอบใบขับขี่ให้ยากหินเหมือนยุโรป เพื่อ คัดผู้ขับขี่ที่จะต้องลงไปใช้ถนนร่วมกันให้มีคุณภาพมากกว่านี้ เท่านี้ ถนนเมืองไทยก็น่าใช้และปลอดภัยขึ้นเยอะ แถมรถไม่ติดด้วยครับ
ปล. วันนี้โดนปาดหน้าระยะประชิดเกือบจะชน จนมีเรื่องปาดคืนกัน มันสุดจะทน เลยบอกกล่าวกันเล่าสู่กันฟังครับ