JJNY : ศก.ไทย ใกล้ถอยหลัง ป่วนสธ.ล่ม│พบลูกหลานสายพันธุ์เดลตา7ราย│แฉขบวนการเก็บค่าฉีดแอสตราฯ│ตั้งวีระศักดิ์ผู้ว่าฯอ่างทอง

ศก.ไทย ใกล้ถอยหลัง ป่วนสาธารณสุขล่ม เปิดประเทศไม่ทันตาม 'ประยุทธ์' ประกาศ
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_6580751
 

 
บัวหลวง ชี้เศรษฐกิจไทย ใกล้เข้าสู่ภาวะถดถอยหลัง โควิด ระลอก 3 ป่วนระบบสาธารณสุขล่ม-ทั้งปีมีนักท่องเที่ยวประมาณแสนคน “ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์” และ “สมุย พลัส โมเดล” ไม่ดึงดูด ไทยเปิดประเทศไม่ได้ทัน พ.ย. ตามที่ “ประยุทธ์” ประกาศ
   
วันนี้ (24 ส.ค.) นายบุรินทร์ อดุลวัฒนะ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ ทีมเศรษฐกิจและกลยุทธ์ และนายธีระภูมิ วุฒิปราโมทย์ นักเศรษฐศาสตร์ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด(มหาชน) ได้ออกบทความคาดการณ์เศรษฐกิจไทยลงใน เว็บไซต์ Bnomics ระบุว่า อีกไม่นานเศรษฐกิจไทยจะเข้าสู่สภาวะถดถอย แม้โดยไตรมาส 2 ปี 2564 จีดีพีมีการขยายตัว ประมาณ 7.5% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากฐานต่ำสืบเนื่องจากการล็อคดาวน์ทั่วประเทศไทยในไตรมาสที่ 2 ปีที่แล้วและยังคงต่ำกว่าจีดีพีก่อนเกิดการระบาดของโรคโควิด-19 ประมาณ 4% หลังจากที่ จีดีพี ประเทศไทยหดตัว 2.6% ในไตรมาสที่ 1 ปี 2564
ส่วน การฟื้นตัวของการส่งออกที่แข็งแกร่งเป็นตัวขับเคลื่อนหลักสำหรับการขยายตัวของ จีดีพี ในไตรมาสนี้ เนื่องด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในประเทศคู่ค้าต่าง ๆ เริ่มมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น ด้วยเหตุนี้การส่งออกสินค้าและบริการของไทยจึงปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงที่ 27.5% ดีขึ้นจากที่หดตัวไป 10.5% ในไตรมาสที่ 1 ขณะที่การนำเข้าสินค้าและบริการเพิ่มขึ้น 31.4% สูงขึ้นจากที่ขยายตัว 1.7% ในไตรมาสก่อน
 
ด้านการท่องเที่ยวรัฐบาลพยายามดึงดูดนักท่องเที่ยวกลับเข้ามาในประเทศด้วยโครงการ ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ และ สมุย พลัส โมเดล คาดว่าจะทำรายได้ให้กับประเทศได้ไม่มากนัก โดยตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคมเป็นต้นมามีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาเพียงไม่กี่หมื่นคน ซึ่งถือว่าน้อยมากหากเทียบกับช่วงก่อนการระบาด ทั้งปีนี้ทางคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาในประเทศไทยราว 1 แสนคน ซึ่งต่ำกว่าเป้าหมายของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยที่ 1.2 ล้านคนมาก
 
ขณะนี้ประเทศไทยกำลังเผชิญกับการระบาดระลอกที่ 3 ที่มีผู้ป่วยใหม่เฉลี่ยกว่า 2 หมื่นรายต่อวัน รัฐบาลได้ออกมาตรการล็อคดาวน์ที่เข้มงวดอีกครั้งหนึ่งในเดือนกรกฎาคมส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตของผู้คนจำนวนหลายล้านคน ปัจจุบันการล็อคดาวน์พื้นที่ 29 จังหวัดนี้คิดเป็นกว่า 75% ของ จีดีพี ประเทศไทย และครอบคลุมกว่า 40% ของจำนวนประชากรทั้งประเทศ ทาง ซึ่งมาตรการดังกล่าวจะยังคงมีผลบังคับใช้ไปจนถึงไตรมาสที่ 3 และจะเริ่มมีการผ่อนคลาย ช่วงไตรมาสที่ 4 เป็นต้นไป
 
แม้ว่านายกรัฐมนตรีจะให้คำมั่นว่าจะเปิดประเทศอย่างเต็มรูปแบบช่วงเดือนพฤศจิกายน แต่มองว่ามีไม่น่าจะเป็นไปได้และคาดว่าไทยจะประสบกับการฟื้นตัวรูปแบบ W-shaped ไม่ใช่การฟื้นตัวแบบ V-shaped เหมือนกับประเทศที่ประสบความสำเร็จในการกระจายวัคซีนเนื่องด้วยระบบสาธารณสุขที่ล่ม อาจจะต้องใช้เวลาอย่างน้อย 2 – 3 เดือนก่อนที่สถานการณ์การแพร่ระบาดจะเริ่มดีขึ้น ดุลบัญชีเดินสะพัดของไทยจะยังคงขาดดุลจนกว่าการท่องเที่ยวจะกลับมาฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญ
 
ประเทศไทยจะเข้าสู่สภาวะถดถอยอีกครั้งโดย จีดีพีในไตรมาสที่ 3 และ 4 จะหดตัว 3% และ 1.8% ตามลำดับ ทั้งนี้ตัวเลขการคาดการณ์การดังกล่าวยังมีความไม่แน่นอนและขึ้นอยู่กับแนวโน้มความสำเร็จในการแจกจ่ายวัคซีนและระยะเวลาที่ใช้ในการล็อคดาวน์ ส่วนการฟื้นตัวของ GDP จะเป็นไปได้ช้ากว่าประเทศอื่น ที่มีการจัดสรรวัคซีนได้อย่างมีประสิทธิภาพ และจะฟื้นกลับมาแตะระดับก่อนการระบาดในช่วงไตรมาสสุดท้ายปี 2565
 
สำหรับแนวโน้มปี 2565 คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะมีการฟื้นตัวอย่างรวดเร็วดังจะสังเกตได้จากประเทศต่างๆ เช่น สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร และยุโรป ที่ฟื้นตัวได้อย่างแข็งแกร่งหลังมีการฉีดวัคซีนอย่างทั่วถึง เราคาดว่า จีดีพี จะเพิ่มขึ้น 5% โดยมีแรงสนับสนุนหลักมาจากการบริโภคภาคเอกชน ส่วนด้านการท่องเที่ยวจะฟื้นตัวเพียงเล็กน้อย โดยมีนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศเดินทางเข้ามาราว 2 ล้านคน แต่ก็อาจจะมากกว่านี้ได้ หากแผนการฉีดวัคซีนประสบความสำเร็จได้ดีกว่าคาด
 

 
ด่วน! พบลูกหลานสายพันธุ์เดลตา ติดเชื้อแล้ว 7 ราย อยู่ในกทม.-ปทุมธานี
https://www.dailynews.co.th/news/194040/

ด่วน พบสายพันธุ์เดลตาย่อยในไทย 4 ตัว มีผู้ติดเชื้อ 7 ราย ในปทุมธานี-กทม. เป็นลูกหลานสายพันธุ์เดลตาที่ระบาดในไทย ยังไม่มีข้อมูลดื้อต่อวัคซีน

เมื่อวันที่ 24 ส.ค. เวลา 11.30 น. นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ พร้อมด้วย ศ.เกียรติคุณ ดร.วสันต์ จันทราทิตย์ หัวหน้าศูนย์จีโนมทางการแพทย์ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ร่วมกันแถลงข่าว “พบสายพันธุ์ย่อยของเดลตาในไทย” โดย นพ.ศุภกิจ กล่าวว่า ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา มีการตรวจเชื้อพบภาพรวมทั่วประเทศ เป็นสายพันธุ์เดลตา 92.9% ส่วน กทม. 97%  อย่างไรก็ตามปัจจุบันตรวจพบทุกจังหวัดของประเทศไทย ทั้งนี้ กรมวิทย์ฯ มีการตรวจพันธุกรรมทั้งตัวพบการเปลี่ยนแปลงบางอย่างที่ต้องจับตาว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไรหรือไม่  
ด้าน ดร.วสันต์ กล่าวว่า ทั่วโลกมีการจัดระเบียบสายพันธุ์ของเชื้อไวรัสโควิด-19 และมีการศึกษาวิวัฒนาการของไวรัสเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงแต่ละตำแหน่ง ดูการกลายพันธุ์เรื่อยๆ พบว่าเชื้อเดลตากลายพันธุ์หลุดออกมากกว่า 60 ตำแหน่ง จาก 30,000 ตำแหน่ง มีการแพร่ระหว่างคนสู่คนมาก มีสายพันธุ์ย่อยของเดลตาเยอะ AY.1- AY.22 มีการขยายไป 20 สายพันธุ์ย่อย สำหรับข้อมูลเฉพาะประเทศไทย เดลตาพบสายพันธุ์ย่อย AY.4 พบที่จังหวัดปทุมธยานี  4 ราย สายพันธุ์ย่อย AY.6 พบในประเทศไทย แต่ไม่ได้ระบุพื้นที่ที่พบ 1 ราย สายพันธุ์ย่อย AY.10 พบใน กทม. 1 ราย และสายพันธุ์ย่อย AY.12 พบที่ กทม.ย่านพญาไท 1 ราย ทั้งนี้ต้องจับตาว่าจะเพิ่มขึ้นมากหรือไม่ โดยไทยต้องจับตา AY.4  เพราะพบค่อนข้างมาก
 
เมื่อศึกษาต้นตระกูลของเชื้อกลายพันธุ์ย่อยในไทยว่าเป็นลูกหลานของสายพันธุ์เดลตาที่มีในไทยอยู่แล้ว ทั้งนี้บรรดาสายพันธุ์ย่อย ยังไม่มีข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ ว่าจะดื้อต่อวัคซีนแต่อย่างใด  ซึ่งต้องจับตากันต่อไปว่าเชื้อจะมีการกลายพันธุ์หลบวัคซีนหรือไม่ ส่วนเรื่องการส่งผลต่ออาการหรือการรักษานั้น ขอชี้แจงว่าการติดเชื้อไม่ว่าจะเป็นสายพันธุ์ไหน การรักษายังเหมือนกัน ย้ำว่ายังไม่ใช่สายพันธุ์ไทย.
 

 
แฉขบวนการเก็บเงินค่าฉีดแอสตราฯ ทั้งที่วัคซีนฟรีแต่กลับต้องเสียเงิน
https://www.khaosod.co.th/special-stories/news_6579404
 
เพจดัง เตือนอย่าทำแบบนี้ หลังชาวเน็ตร้องเรียน ต้องจ่ายเงินเพื่อให้ได้ฉีดวัคซีน ทั้งที่แอสตราเซนเนกา รัฐบาลจัดหามาให้ฉีดฟรี ก่อนพบไม่ใช่แค่รายเดียวที่โดน
   
วัคซีนที่มีคุณภาพยังนับเป็นทางออกในภาวะโควิด-19 ระบาดเช่นนี้ โดยประเทศไทยอยู่ระหว่างเร่งฉีดวัคซีน และรัฐบาลได้จัดหาวัคซีนเพื่อฉีดฟรีมาอย่างต่อเนื่อง แต่ล่าสุด เป็นโพสต์ที่ได้รับการแชร์จากเพจ หมอแล็บแพนด้า โดยระบุถึงประเด็นการฉีดวัคซีน ซึ่งพบว่า มีการร้องเรียนผ่านมาทางเพจ ระบุถึงการที้ต้องเสียเงินเพื่อฉีดวัคซีนทั้งที่วัคซีนดังกล่าวนั้นเป็นวัคซีนฟรี ที่รัฐจัดหามา
 
โดยโพสต์ร้องเรียนระบุว่า ” มีเรื่องมาแจ้งค่ะ ไม่ทราบว่าทางหมอแล็บทราบเรื่องไหม ตอนนี้มีการจ่ายเงินเพื่อฉีด az (แอสตราเซนเนกา) ด้วยนะคะ พนักงานที่บริษัทต้องจ่ายเงินคนละ 1 พันบาท เพื่อฉีดวัคซีนลงชื่อไปไม่ถึง 5 วัน จะได้ฉีด แต่ช่วยหาข้อมูลเพิ่มไม่ได้จริงๆ เพราะคนที่รับเงินเป็นญาติกับพนักงานที่บริษัท รู้สึกแย่มากแต่ทำอะไรไม่ได้ วัคซีนฟรีแต่ต้องมาเสียเงิน”
 
ทั้งนี้ พบว่ามีชาวเน็ตได้เข้ามาคอเมนต์ว่าโดนจ่ายเงินเช่นเดียวกัน บางคน 800 บ้าง 1500 บ้าง และบางคนก็บอกว่าตนเองจ่ายไปถึง 2000 บาท ซึ่งเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในขณะนี้

https://www.facebook.com/MTlikesara/posts/390928165723985
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่