ตอนที่แล้ว ตอนที่ 23
https://ppantip.com/topic/40914896/comment3
ตอนที่ 24
แม้ว่าปริมาจะเป็นเด็กซุกซนคล่องแคล่ว ชินกับหนทางในสวนผลไม้ของตัวเองเป็นอย่างดี แต่ตอนนี้เธอเริ่มรู้สึกเหนื่อย หายใจเอาอากาศเข้าปอดถี่ขึ้น ๆ วิ่งไปพลางหันไปดูคนวิ่งตามมาเป็นระยะ เห็นหนุ่มผมยาววิ่งตามใกล้เข้ามาทุกขณะ ใจยิ่งเสียขวัญเข้าไปอีก
“ไอ้บ้าเอ๊ย!! จะตามไปถึงไหนวะ เหนื่อยจะตายอยู่แล้ว ไม่เลิกลาเสียที ไม่เหนื่อยหรือไงวะ!” ปริมาบ่นอยู่ในใจ หันกลับไปมองคนวิ่งกรวดตามมาอีกครั้ง จังหวะนั้นเองเธอสะดุดรากของต้นไม้เสียหลักล้มลงกระแทกพื้นดินอย่างแรง เจ็บก็เจ็บ แต่กัดฟันรีบลุกขึ้นอย่างว่องไว แข็งใจวิ่งต่อไป
“ยัยตัวแสบ! เธอหนีฉันไม่พ้นหรอก!” เขาตะโกนไปข่มขวัญอีกฝ่าย ร่างสูงของชายหนุ่มเร่งฝีเท้าตามมาติด ๆ ประกอบกับเป็นนักกีฬาบาสเก็ตบอลมาก่อน จึงคล่องแคล่วว่องไวไม่แพ้เธอเช่นกัน ที่สำคัญเขามีความอึด มีความอดทนและความพยายามสูง
“อย่าหนีนะ ยอมให้ฉันตีซะดี ๆ” แม้จะเริ่มรู้สึกเหนื่อยหอบ แต่ยังไงเขาก็ยังไม่ยอมแพ้แน่นอน ต้องจับยัยตัวแสบให้ได้! เขายังกวดฝีเท้าตามไปอย่างไม่ลดละ ในที่สุดก็ไล่ตามเธอทันจนได้ มืออันแข็งแรงคว้าร่างเล็กไว้ในอ้อมแขน
“ให้ฉันตีซะดี ๆ ยับตัวแสบ!!” ปฏิการพูดพลางหายใจหอบอย่างเหน็ดเหนื่อย
“ปล่อยฉัน…ปล่อย…!!” หญิงสาวพูดพลางหอบหายใจเอาอากาศเข้าทางปากอย่างถี่ ๆ อย่างรู้สึกเหนื่อยมาก
“พี่ปรามดีกับนายแค่ไหน นายถึงได้รังแกน้องสาวของเขาได้ลงคอ” เธอพยายามดื้อดึงให้หลุดออกจากอ้อมแขนของชายหนุ่ม แต่ยิ่งขัดขืนก็ยิ่งถูกแขนของเขากอดรัดเอาไว้แน่นขึ้น
“แล้วเธอแกล้งฉันมากี่ครั้ง ฉันยังไม่เคยเอาผิดกับเธอเลยนะ ต่อไปจะแกล้งฉันอีกมั้ย!” เขาคว้าไม้ฟาดเธอไปหลายที
“โอ๊ย! ไม่แล้ว…ไม่แกล้งแล้ว ปล่อย…ย! ฉัน…เจ็บนะ!!” เธอกระโดดเหยง ๆ หลบไม้เรียวของเขาเป็นพัลวัล
“สัญญา!”
“ฉันสัญญา”
เมื่อหนุ่มผมยาวคลายวงแขน ปริมารีบผละออกมาทันที
“อย่าเพิ่งไป!” เขาคว้าข้อมือเธอไว้
“มีอะไรอีก! ยังไม่พอใจอีกหรือไง” หญิงสาวจ้องเขาอย่างเคืองแค้น เจ็บทั้งตัวเจ็บทั้งใจ เกิดมายังไม่เคยโดนใครกล้าเอาไม้ตีเธออย่างนี้ ขนาดพ่อกับแม่ และพี่ชายยังไม่เคยตีเธอเลย
“ตลอดมา…ฉันทำอะไรให้! เธอถึงได้เกลียดขี้หน้าฉันนัก ทำไม? เราจะพูดกันดี ๆ ไม่ได้รึไง” ชายหนุ่มยิงคำถามที่ค้างคาใจมาแสนนาน
“ฉันเกลียดนาย เกลียดผู้ชายอย่างนาย” ความไม่ชอบเขามาแต่เดิมบวกกับความโกรธทำให้เธอเกลียดเขามากขึ้นเป็นทวีคูณ
“เกลียดผู้ชายไว้ผมยาวรุงรัง ใส่ต่างหูข้างเดียว ทำเป็นเท่…โธ่เอ๊ย! ที่แท้ นายก็แค่คนอ่อนแอคนหนึ่ง”
“เธอคงไม่รู้ว่าฉันมีปัญหามากมายแค่ไหน” เสียงเขาแผ่วเบาอย่างรันทดเมื่อนึกถึงปัญหาครอบครัวของตัวเอง
“มีแน่ล่ะ ก็เพราะนายทำตัวเองให้มีปัญหา เรื่องครอบครัวนาย ทำไมฉันจะไม่รู้”
“ปรามบอกเธอ…”
“ใช่! พี่ปรามอยากให้ฉันเข้าใจนาย แต่ฟังแล้ว ขอโทษ! รู้มั้ยว่านายน่ะ กำลังทำตัวเองให้มีปัญหา นายกำลังเป็นโรคที่เขาฮิตกัน”
“โรคอะไร!”
“โรคครอบครัวมีปัญหา แล้วตัวเองก็ต้องมีปัญหาไปด้วยน่ะสิ!”
ปริมาพยายามดึงข้อมือตัวเองออกจากมือของคนหนุ่ม
“บอกมาให้หมด! มีอะไรอีก!” เขายังไม่ยอมปล่อยมือ “ฉันในสายตาเธอเป็นยังไง พูดมา!”
“นายก็โตแล้วนะ อายุยี่สิบกว่าแล้ว เป็นผู้ใหญ่แล้ว ยังไม่รู้จักคิดอีกเรอะ! ว่าควรทำตัวยังไง ทำไมล่ะ! ต้องไปพึ่งพาเหล้าบุหรี่ มันได้อะไรขึ้นมา แย่กว่าเดิมสิไม่ว่า มันล้าสมัยแล้วที่จะทำตัวแบบนั้น นายกำลังทำสังคมให้วุ่นวายกว่าเดิม ทั้ง ๆ ที่มันก็มีปัญหามากมายอยู่แล้ว”
เขายืนนิ่งฟังคนตรงหน้าวิภาควิจารณ์พฤติกรรมของตัวเอง
“พี่ปรามก็ทนให้กำลังใจคนอ่อนแอ คนไม่ยอมรับความจริง คนไม่สู้ปัญหาอย่างนายอยู่ได้! ยังมีคนอื่นที่เขาโชคร้ายกว่านาย ทำไมไม่คิดว่า นายโชคดีกว่าเขาขนาดไหน มัวแต่เป็นไอ้ขี้เหล้าเมายา เป็นโรคซึมเซาเหงาหงอยอยู่ได้ เปิดชีวิตใหม่ให้กับตัวเองสิ! เมื่อครอบครัวไม่อาจสร้างให้เราดีได้ เราจงสร้างตัวเองให้ดี อย่าให้ใครตราหน้าได้ว่า เราคือหนึ่งในปัญหาของสังคม เห็นชีวิตนายเป็นแบบนี้แล้วก็สงสารพี่ปราม นายยังทำตัวแย่ ๆ เหมือนเดิม!!” จบประโยคนั้นปริมารีบก้าวซวบ ๆ จากไป หวั่นอยู่ในใจเหมือนกันว่า พูดรุนแรงไปหรือเปล่า แต่ก็ช่างเถอะ เขาฟังคนปลอบใจมามากแล้ว เจอแรง ๆ เสียบ้าง เขาอาจจะคิดอะไรออก
ปฏิการยืนงงต่อคำสาธยายยาวเฟื้อยของปริมา นี่เขาทำตัวเลวร้ายขนาดนั้นเชียวหรือ? คำพูดของเธอแต่ละประโยค ทำให้เขาต้องสะดุดกับพฤติกรรมของตัวเอง แล้วนึกทบทวนเรื่องราวตลอดเวลาที่ผ่านมา เขาเอาเรื่องครอบครัวมากลุ้มอยู่ในหัวเสมอ นอกจากเขาจะเป็นกำลังใจให้คนในบ้านไม่ได้แล้ว ยังกลับเป็นตัวสร้างแรงกดดันให้ครอบครัวบานปลายหนักหนายิ่งขึ้น โดยเฉพาะพักหลังที่พ่อกับแม่แยกทางกัน เขารู้สึกว่า ชีวิตเคว้างคว้างไร้จุดหมาย ไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใคร การเรียนของเขาแย่ลงจากที่เรียนได้คะแนนดีมาตลอด ด้วยความอยากจะประชดพ่อเขาจึงดร็อปการเรียนไว้ก่อน ทำให้ต้องจบช้ากว่าคนอื่นเขา ทั้ง ๆ ที่เพื่อนรุ่นเดียวกันต่างจบไปหมดแล้ว เขาเลิกสนใจตัวเอง พึ่งแต่เหล้า บุหรี่ เที่ยวเกกมเหรกเกเรเสเพลไปวัน ๆ
ตอนนี้สิ่งที่รู้สึกเสียใจที่สุด เขาทำให้ปรามลำบากมาตลอด แล้วเขาจะทำมันต่อไปอย่างเดิม หรือจะทำอย่างไรต่อไปกับชีวิตของตัวเอง มันทำให้เขาต้องคิด คิด คิด และคิด
เย็นวันต่อมา ปฏิการยืนดักรอปริมาที่หน้ามหาวิทยาลัย
“ปริม…สวัสดีครับ ขอกลับบ้านด้วยคนได้ไหม” หนุ่มผมยาวรีบเดินเข้าไปหา
ปริมาขมวดคิ้วอย่างงุนงง
“ไม่ได้!” เธอตอบเสียงแข็ง ยังนึกโกรธหนุ่มผมยาวไม่หายเรื่องเมื่อวานนี้ ขณะเดียวกันก็รู้สึกสับสน นี่เขาจะมาไม้ไหนแน่! เขาไม่โกรธที่เธอต่อว่าไปตั้งมากมายหรือ?
“ทำไมฉันต้องกลับบ้านกับนาย!”
เขาเกลียดคำถามของเธอเสียจริง ทำไมชอบถามแบบนี้
“อย่างน้อยก็ในฐานะเพื่อนกันไง”
“ฉันไม่มีเพื่อนอย่างนาย! นายมีดีอะไร? ที่ฉันต้องเป็นเพื่อนกับนายเหรอ?” คำถามของเธอมันทำให้เขารู้สึกเจ็บจี๊ดขึ้นมาทันที
“ทำไม! ฉันน่ารังเกียจนักหรือไง” หนุ่มหน้าหวานเริ่มอารมณ์เสีย
“ใช่ !! ในสายตาฉัน ถ้านายยังทำตัวไร้สาระแบบเดิม โดยเฉพาะผมรุงรัง ต่างหูข้างเดียวของนาย มันเกะกะตาฉัน รู้ไว้ด้วย เห็นแล้วมันหงุดหงิด” เธอกระแทกเสียงดังใส่เขา แล้วรีบเดินหนี
ปฏิการรีบเดินตาม เขาผ่อนลมหายใจออกเบา ๆ เพื่อคลายอารมณ์เครียด พยายามจะไม่ใช้อารมณ์พูดกับยัยตัวแสบ
“เธอพิจารณาจากรูปภายนอกเท่านั้นหรือไง”
“ใช่! สำหรับฉัน!” ปริมาเน้นเสียงชัดถ้อยชัดคำ พร้อมกับสาวเท้าเร็วขึ้น
ความคิดหนึ่งแวบเข้ามาในสมองของหนุ่มผมยาว และปากก็ไวพอที่จะถามออกไปเช่นกัน
“ถ้าฉันอยากเป็นเพื่อนกับเธอล่ะ ต้องทำยังไง” หนุ่มหน้าหวานเร่งฝีเท้าตามไปติด ๆ
“เป็นเพื่อนกับฉัน!!”
ปริมาหยุดเดินอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง พร้อมกับหันมามองพลางขมวดคิ้วอย่างสงสัย ก่อนจะระเบิดเสียงหัวเราะราวกับเป็นเรื่องน่าขำ เหมือนกับไม่มีทางเป็นไปได้
“อย่างแรกนะ นายต้องตัดผมลุ่มล่ามของนายออกก่อน” ปริมาเหลือบมองผมตรงยาวดำสนิทของเขาที่รวบไว้อยู่ทางด้านหลัง
“แล้วก็เอาต่างหูนั่นออก อย่างต่อไป นายต้องตั้งใจเรียน เรียนให้ดีขึ้น เลิกเหล้า บุหรี่ สิ่งโสมมทั้งหลายอย่างเด็ดขาด! ทำชีวิตให้มีคุณค่ากว่านี้”
“ไม่มากไปหน่อยหรอปริม เท่ากับให้ฉันเปลี่ยนชีวิตทั้งชีวิตเชียวนะ” ชายหนุ่มแทบเข่าอ่อนเมื่อฟังเงื่อนไขของเธอแต่ละข้อ มันช่างตรงกันข้ามกับชีวิตของเขาขณะนี้โดยสิ้นเชิง นั่นมันเพื่อนหรือคู่ชีวิตของเธอกันแน่ ต้องดีเลิศประเสิรฐศรีขนาดนั้น?
“ฉันก็ไม่คิดว่า อย่างนายจะทำได้หรอกนะ น้ำหน้าอย่างนายหรือ…ทำไม่ได้หรอก!” ปริมาหัวเราะเย้ยใส่อีกต่างหาก
“นั่นมันเพื่อน! หรือแฟนเธอกันแน่! ต้องดีขนาดนั้น!” เขาอดสงสัยไม่ได้
“ก็บอกแล้วไงว่า นายทำไม่ได้หรอก อย่ามายุ่งกับฉัน! ถ้าทำไม่ได้!” ยัยตัวแสบย้ำอีกครั้ง
“นี่! มากไปแล้วนะ! ถอนคำพูดเลย!” เขารู้สึกโมโหที่ถูกอีกฝ่ายสบประมาทอย่างแรง คำก็ทำไม่ได้! สองคำก็ทำไม่ได้! มันดูถูกกันชัด ๆ
“ไม่ถอน ทำไมต้องถอนคำพูดด้วย ก็ฉันรู้สึกแบบนั้นกับนาย!” เธอเน้นเสียงหนักแน่น
“เธอต้องถอนคำพูด!เดี๋ยวนี้!” หนุ่มผมยาวพูดเสียงเข้มย้ำเป็นครั้งที่สอง ถ้าเธอไม่ยอมถอนคำพูด เราจะได้เห็นดีกันแน่!
“ไม่ถอนไงเล่า! นายทำไม่ได้หรอก!” หญิงสาวลอยหน้าลอยตาตอบ และยังเชื่อมั่นว่าเขาไม่สามารถทำได้แน่นอน
“นายไปเป็นเพื่อนกับคนอื่นเถอะ!” แล้วสะบัดหน้าหนีเดินไปทันที
“ฉันขอให้เธอถอนคำพูด!” เขายังไม่ยอม เดินไปขวางหน้าอีกฝ่ายไม่ให้ไป เธอต้องถอนคำสบประมาทเขาก่อน!
“ฉัน! ไม่! ถอน! คำพูด ฉันบอกแล้วไง นายทำไม่ได้หรอก!” เธอย้ำอย่างชัดถ้อยชัดคำทุกพยางค์อีกครั้งเช่นกัน
“ถ้าเธอไม่ถอนคำพูด แล้วถ้าฉันทำได้ เธอต้องเป็นแฟนกับฉัน! ตกลงตามนี้นะ!” เขาโพล่งออกไปอย่างโกรธจัด คำพูดของเธอเป็นการท้าทายเขาอย่างมาก
ปริมานิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง นี่เขาบ้าไปแล้วรึเปล่า? พูดอะไรออกมา! เขาจะยอมเปลี่ยนชีวิตตัวเองเพื่อเป็นแฟนกับเธอได้จริงหรือ?
“นายแน่ใจแล้วเหรอ? ก่อนจะพูดอะไร ใช้สมองหน่อยนะ อย่าพูดพล่อย ๆ” เธอย้ำกับเขาอีกครั้ง แล้วพยายามเดินขึ้นหน้าอย่างไม่สนใจ แต่ไปไม่ได้ เมื่ออีกฝ่ายเดินมาขวางหน้าทุกทางไว้ไม่ให้ไป
“ฉันจะทำให้เธอดู อย่าลืมล่ะ ถ้าฉันทำได้! เธอต้องเป็นแฟนกับฉัน! วันนั้น...เธอต้ตรวจองขอโทษด้วยการหอมแก้มฉันด้วยนะ จำไว้!” หนุ่มหน้าหวานรู้สึกเกิดแรงฮึดขึ้นมาอย่างประหลาด
“นายทำไม่ได้หรอก และจะไม่ทำด้วย” เธอยังเชื่อมั่นความคิดของตัวเอง จ้องหน้าอีกฝ่ายเขม็ง
“งั้นก็รอดูแล้วกัน อย่าลืมล่ะ!” เขาก้มหน้าจ้องตากับคนท้าทายเช่นกัน
“แน่นอน! ถ้านายทำได้ ทำเร็ว ๆ หน่อยล่ะ ฉันอยากเป็นแฟนกับนายจะแย่แล้ว!” คนสบประมาทตอบเขาไปอย่างคะนองปาก และหมั่นไส้เขาเต็มที่
“ปริมา! จำคำพูดของตัวเองในวันนี้ให้ดี ฉันถือว่า คำพูดของเธอ คือสัญญา ระหว่างเราแล้วนะ” เขามองยัยตัวแสบด้วยสายตามุ่งมั่น
สายตานั้นทำให้คนสบประมาทเขารู้สึกใจหาย นี่! เธอพูดอะไรออกไป เงาของความกลัวเยื้องกรายเข้ามาเกาะกุมจิตใจ ถ้าเขาทำได้ขึ้นมา! โอย…ตายแน่! ถ้ามีอีตานี่เป็นแฟน ปริมาชักกลุ้มใจขึ้นมาตะหงิด ๆ คนอย่างเธอไม่เคยคิดจะมีแฟนด้วยซ้ำไป อยากขึ้นคานมากกว่า ไม่รู้จะมีคู่ มีแฟนเพื่ออะไร? ทำไมเขาถึงอยากมีกันนักหนา เธอไม่เคยเข้าใจเลย
ไม่มีทาง! นายปฏิการทำไม่ได้แน่นอน เขาก็แค่ประชด อยากเอาชนะ พูดไปอย่างนั้นเอง หรือไม่! คงทำได้ไม่นานเดี๋ยวก็เลิกแล้ว เขาจะบ้า! มาเปลี่ยนชีวิตตัวเองเป็นแฟนกับเธอได้อย่างไร? เธอจะคอยดู!
*************************
รับคำท้า(หัวใจ)ยัยตัวแสบ ตอนที่ 24 คือสัญญาระหว่างเรา
ตอนที่ 24
แม้ว่าปริมาจะเป็นเด็กซุกซนคล่องแคล่ว ชินกับหนทางในสวนผลไม้ของตัวเองเป็นอย่างดี แต่ตอนนี้เธอเริ่มรู้สึกเหนื่อย หายใจเอาอากาศเข้าปอดถี่ขึ้น ๆ วิ่งไปพลางหันไปดูคนวิ่งตามมาเป็นระยะ เห็นหนุ่มผมยาววิ่งตามใกล้เข้ามาทุกขณะ ใจยิ่งเสียขวัญเข้าไปอีก
“ไอ้บ้าเอ๊ย!! จะตามไปถึงไหนวะ เหนื่อยจะตายอยู่แล้ว ไม่เลิกลาเสียที ไม่เหนื่อยหรือไงวะ!” ปริมาบ่นอยู่ในใจ หันกลับไปมองคนวิ่งกรวดตามมาอีกครั้ง จังหวะนั้นเองเธอสะดุดรากของต้นไม้เสียหลักล้มลงกระแทกพื้นดินอย่างแรง เจ็บก็เจ็บ แต่กัดฟันรีบลุกขึ้นอย่างว่องไว แข็งใจวิ่งต่อไป
“ยัยตัวแสบ! เธอหนีฉันไม่พ้นหรอก!” เขาตะโกนไปข่มขวัญอีกฝ่าย ร่างสูงของชายหนุ่มเร่งฝีเท้าตามมาติด ๆ ประกอบกับเป็นนักกีฬาบาสเก็ตบอลมาก่อน จึงคล่องแคล่วว่องไวไม่แพ้เธอเช่นกัน ที่สำคัญเขามีความอึด มีความอดทนและความพยายามสูง
“อย่าหนีนะ ยอมให้ฉันตีซะดี ๆ” แม้จะเริ่มรู้สึกเหนื่อยหอบ แต่ยังไงเขาก็ยังไม่ยอมแพ้แน่นอน ต้องจับยัยตัวแสบให้ได้! เขายังกวดฝีเท้าตามไปอย่างไม่ลดละ ในที่สุดก็ไล่ตามเธอทันจนได้ มืออันแข็งแรงคว้าร่างเล็กไว้ในอ้อมแขน
“ให้ฉันตีซะดี ๆ ยับตัวแสบ!!” ปฏิการพูดพลางหายใจหอบอย่างเหน็ดเหนื่อย
“ปล่อยฉัน…ปล่อย…!!” หญิงสาวพูดพลางหอบหายใจเอาอากาศเข้าทางปากอย่างถี่ ๆ อย่างรู้สึกเหนื่อยมาก
“พี่ปรามดีกับนายแค่ไหน นายถึงได้รังแกน้องสาวของเขาได้ลงคอ” เธอพยายามดื้อดึงให้หลุดออกจากอ้อมแขนของชายหนุ่ม แต่ยิ่งขัดขืนก็ยิ่งถูกแขนของเขากอดรัดเอาไว้แน่นขึ้น
“แล้วเธอแกล้งฉันมากี่ครั้ง ฉันยังไม่เคยเอาผิดกับเธอเลยนะ ต่อไปจะแกล้งฉันอีกมั้ย!” เขาคว้าไม้ฟาดเธอไปหลายที
“โอ๊ย! ไม่แล้ว…ไม่แกล้งแล้ว ปล่อย…ย! ฉัน…เจ็บนะ!!” เธอกระโดดเหยง ๆ หลบไม้เรียวของเขาเป็นพัลวัล
“สัญญา!”
“ฉันสัญญา”
เมื่อหนุ่มผมยาวคลายวงแขน ปริมารีบผละออกมาทันที
“อย่าเพิ่งไป!” เขาคว้าข้อมือเธอไว้
“มีอะไรอีก! ยังไม่พอใจอีกหรือไง” หญิงสาวจ้องเขาอย่างเคืองแค้น เจ็บทั้งตัวเจ็บทั้งใจ เกิดมายังไม่เคยโดนใครกล้าเอาไม้ตีเธออย่างนี้ ขนาดพ่อกับแม่ และพี่ชายยังไม่เคยตีเธอเลย
“ตลอดมา…ฉันทำอะไรให้! เธอถึงได้เกลียดขี้หน้าฉันนัก ทำไม? เราจะพูดกันดี ๆ ไม่ได้รึไง” ชายหนุ่มยิงคำถามที่ค้างคาใจมาแสนนาน
“ฉันเกลียดนาย เกลียดผู้ชายอย่างนาย” ความไม่ชอบเขามาแต่เดิมบวกกับความโกรธทำให้เธอเกลียดเขามากขึ้นเป็นทวีคูณ
“เกลียดผู้ชายไว้ผมยาวรุงรัง ใส่ต่างหูข้างเดียว ทำเป็นเท่…โธ่เอ๊ย! ที่แท้ นายก็แค่คนอ่อนแอคนหนึ่ง”
“เธอคงไม่รู้ว่าฉันมีปัญหามากมายแค่ไหน” เสียงเขาแผ่วเบาอย่างรันทดเมื่อนึกถึงปัญหาครอบครัวของตัวเอง
“มีแน่ล่ะ ก็เพราะนายทำตัวเองให้มีปัญหา เรื่องครอบครัวนาย ทำไมฉันจะไม่รู้”
“ปรามบอกเธอ…”
“ใช่! พี่ปรามอยากให้ฉันเข้าใจนาย แต่ฟังแล้ว ขอโทษ! รู้มั้ยว่านายน่ะ กำลังทำตัวเองให้มีปัญหา นายกำลังเป็นโรคที่เขาฮิตกัน”
“โรคอะไร!”
“โรคครอบครัวมีปัญหา แล้วตัวเองก็ต้องมีปัญหาไปด้วยน่ะสิ!”
ปริมาพยายามดึงข้อมือตัวเองออกจากมือของคนหนุ่ม
“บอกมาให้หมด! มีอะไรอีก!” เขายังไม่ยอมปล่อยมือ “ฉันในสายตาเธอเป็นยังไง พูดมา!”
“นายก็โตแล้วนะ อายุยี่สิบกว่าแล้ว เป็นผู้ใหญ่แล้ว ยังไม่รู้จักคิดอีกเรอะ! ว่าควรทำตัวยังไง ทำไมล่ะ! ต้องไปพึ่งพาเหล้าบุหรี่ มันได้อะไรขึ้นมา แย่กว่าเดิมสิไม่ว่า มันล้าสมัยแล้วที่จะทำตัวแบบนั้น นายกำลังทำสังคมให้วุ่นวายกว่าเดิม ทั้ง ๆ ที่มันก็มีปัญหามากมายอยู่แล้ว”
เขายืนนิ่งฟังคนตรงหน้าวิภาควิจารณ์พฤติกรรมของตัวเอง
“พี่ปรามก็ทนให้กำลังใจคนอ่อนแอ คนไม่ยอมรับความจริง คนไม่สู้ปัญหาอย่างนายอยู่ได้! ยังมีคนอื่นที่เขาโชคร้ายกว่านาย ทำไมไม่คิดว่า นายโชคดีกว่าเขาขนาดไหน มัวแต่เป็นไอ้ขี้เหล้าเมายา เป็นโรคซึมเซาเหงาหงอยอยู่ได้ เปิดชีวิตใหม่ให้กับตัวเองสิ! เมื่อครอบครัวไม่อาจสร้างให้เราดีได้ เราจงสร้างตัวเองให้ดี อย่าให้ใครตราหน้าได้ว่า เราคือหนึ่งในปัญหาของสังคม เห็นชีวิตนายเป็นแบบนี้แล้วก็สงสารพี่ปราม นายยังทำตัวแย่ ๆ เหมือนเดิม!!” จบประโยคนั้นปริมารีบก้าวซวบ ๆ จากไป หวั่นอยู่ในใจเหมือนกันว่า พูดรุนแรงไปหรือเปล่า แต่ก็ช่างเถอะ เขาฟังคนปลอบใจมามากแล้ว เจอแรง ๆ เสียบ้าง เขาอาจจะคิดอะไรออก
ปฏิการยืนงงต่อคำสาธยายยาวเฟื้อยของปริมา นี่เขาทำตัวเลวร้ายขนาดนั้นเชียวหรือ? คำพูดของเธอแต่ละประโยค ทำให้เขาต้องสะดุดกับพฤติกรรมของตัวเอง แล้วนึกทบทวนเรื่องราวตลอดเวลาที่ผ่านมา เขาเอาเรื่องครอบครัวมากลุ้มอยู่ในหัวเสมอ นอกจากเขาจะเป็นกำลังใจให้คนในบ้านไม่ได้แล้ว ยังกลับเป็นตัวสร้างแรงกดดันให้ครอบครัวบานปลายหนักหนายิ่งขึ้น โดยเฉพาะพักหลังที่พ่อกับแม่แยกทางกัน เขารู้สึกว่า ชีวิตเคว้างคว้างไร้จุดหมาย ไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใคร การเรียนของเขาแย่ลงจากที่เรียนได้คะแนนดีมาตลอด ด้วยความอยากจะประชดพ่อเขาจึงดร็อปการเรียนไว้ก่อน ทำให้ต้องจบช้ากว่าคนอื่นเขา ทั้ง ๆ ที่เพื่อนรุ่นเดียวกันต่างจบไปหมดแล้ว เขาเลิกสนใจตัวเอง พึ่งแต่เหล้า บุหรี่ เที่ยวเกกมเหรกเกเรเสเพลไปวัน ๆ
ตอนนี้สิ่งที่รู้สึกเสียใจที่สุด เขาทำให้ปรามลำบากมาตลอด แล้วเขาจะทำมันต่อไปอย่างเดิม หรือจะทำอย่างไรต่อไปกับชีวิตของตัวเอง มันทำให้เขาต้องคิด คิด คิด และคิด
เย็นวันต่อมา ปฏิการยืนดักรอปริมาที่หน้ามหาวิทยาลัย
“ปริม…สวัสดีครับ ขอกลับบ้านด้วยคนได้ไหม” หนุ่มผมยาวรีบเดินเข้าไปหา
ปริมาขมวดคิ้วอย่างงุนงง
“ไม่ได้!” เธอตอบเสียงแข็ง ยังนึกโกรธหนุ่มผมยาวไม่หายเรื่องเมื่อวานนี้ ขณะเดียวกันก็รู้สึกสับสน นี่เขาจะมาไม้ไหนแน่! เขาไม่โกรธที่เธอต่อว่าไปตั้งมากมายหรือ?
“ทำไมฉันต้องกลับบ้านกับนาย!”
เขาเกลียดคำถามของเธอเสียจริง ทำไมชอบถามแบบนี้
“อย่างน้อยก็ในฐานะเพื่อนกันไง”
“ฉันไม่มีเพื่อนอย่างนาย! นายมีดีอะไร? ที่ฉันต้องเป็นเพื่อนกับนายเหรอ?” คำถามของเธอมันทำให้เขารู้สึกเจ็บจี๊ดขึ้นมาทันที
“ทำไม! ฉันน่ารังเกียจนักหรือไง” หนุ่มหน้าหวานเริ่มอารมณ์เสีย
“ใช่ !! ในสายตาฉัน ถ้านายยังทำตัวไร้สาระแบบเดิม โดยเฉพาะผมรุงรัง ต่างหูข้างเดียวของนาย มันเกะกะตาฉัน รู้ไว้ด้วย เห็นแล้วมันหงุดหงิด” เธอกระแทกเสียงดังใส่เขา แล้วรีบเดินหนี
ปฏิการรีบเดินตาม เขาผ่อนลมหายใจออกเบา ๆ เพื่อคลายอารมณ์เครียด พยายามจะไม่ใช้อารมณ์พูดกับยัยตัวแสบ
“เธอพิจารณาจากรูปภายนอกเท่านั้นหรือไง”
“ใช่! สำหรับฉัน!” ปริมาเน้นเสียงชัดถ้อยชัดคำ พร้อมกับสาวเท้าเร็วขึ้น
ความคิดหนึ่งแวบเข้ามาในสมองของหนุ่มผมยาว และปากก็ไวพอที่จะถามออกไปเช่นกัน
“ถ้าฉันอยากเป็นเพื่อนกับเธอล่ะ ต้องทำยังไง” หนุ่มหน้าหวานเร่งฝีเท้าตามไปติด ๆ
“เป็นเพื่อนกับฉัน!!”
ปริมาหยุดเดินอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง พร้อมกับหันมามองพลางขมวดคิ้วอย่างสงสัย ก่อนจะระเบิดเสียงหัวเราะราวกับเป็นเรื่องน่าขำ เหมือนกับไม่มีทางเป็นไปได้
“อย่างแรกนะ นายต้องตัดผมลุ่มล่ามของนายออกก่อน” ปริมาเหลือบมองผมตรงยาวดำสนิทของเขาที่รวบไว้อยู่ทางด้านหลัง
“แล้วก็เอาต่างหูนั่นออก อย่างต่อไป นายต้องตั้งใจเรียน เรียนให้ดีขึ้น เลิกเหล้า บุหรี่ สิ่งโสมมทั้งหลายอย่างเด็ดขาด! ทำชีวิตให้มีคุณค่ากว่านี้”
“ไม่มากไปหน่อยหรอปริม เท่ากับให้ฉันเปลี่ยนชีวิตทั้งชีวิตเชียวนะ” ชายหนุ่มแทบเข่าอ่อนเมื่อฟังเงื่อนไขของเธอแต่ละข้อ มันช่างตรงกันข้ามกับชีวิตของเขาขณะนี้โดยสิ้นเชิง นั่นมันเพื่อนหรือคู่ชีวิตของเธอกันแน่ ต้องดีเลิศประเสิรฐศรีขนาดนั้น?
“ฉันก็ไม่คิดว่า อย่างนายจะทำได้หรอกนะ น้ำหน้าอย่างนายหรือ…ทำไม่ได้หรอก!” ปริมาหัวเราะเย้ยใส่อีกต่างหาก
“นั่นมันเพื่อน! หรือแฟนเธอกันแน่! ต้องดีขนาดนั้น!” เขาอดสงสัยไม่ได้
“ก็บอกแล้วไงว่า นายทำไม่ได้หรอก อย่ามายุ่งกับฉัน! ถ้าทำไม่ได้!” ยัยตัวแสบย้ำอีกครั้ง
“นี่! มากไปแล้วนะ! ถอนคำพูดเลย!” เขารู้สึกโมโหที่ถูกอีกฝ่ายสบประมาทอย่างแรง คำก็ทำไม่ได้! สองคำก็ทำไม่ได้! มันดูถูกกันชัด ๆ
“ไม่ถอน ทำไมต้องถอนคำพูดด้วย ก็ฉันรู้สึกแบบนั้นกับนาย!” เธอเน้นเสียงหนักแน่น
“เธอต้องถอนคำพูด!เดี๋ยวนี้!” หนุ่มผมยาวพูดเสียงเข้มย้ำเป็นครั้งที่สอง ถ้าเธอไม่ยอมถอนคำพูด เราจะได้เห็นดีกันแน่!
“ไม่ถอนไงเล่า! นายทำไม่ได้หรอก!” หญิงสาวลอยหน้าลอยตาตอบ และยังเชื่อมั่นว่าเขาไม่สามารถทำได้แน่นอน
“นายไปเป็นเพื่อนกับคนอื่นเถอะ!” แล้วสะบัดหน้าหนีเดินไปทันที
“ฉันขอให้เธอถอนคำพูด!” เขายังไม่ยอม เดินไปขวางหน้าอีกฝ่ายไม่ให้ไป เธอต้องถอนคำสบประมาทเขาก่อน!
“ฉัน! ไม่! ถอน! คำพูด ฉันบอกแล้วไง นายทำไม่ได้หรอก!” เธอย้ำอย่างชัดถ้อยชัดคำทุกพยางค์อีกครั้งเช่นกัน
“ถ้าเธอไม่ถอนคำพูด แล้วถ้าฉันทำได้ เธอต้องเป็นแฟนกับฉัน! ตกลงตามนี้นะ!” เขาโพล่งออกไปอย่างโกรธจัด คำพูดของเธอเป็นการท้าทายเขาอย่างมาก
ปริมานิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง นี่เขาบ้าไปแล้วรึเปล่า? พูดอะไรออกมา! เขาจะยอมเปลี่ยนชีวิตตัวเองเพื่อเป็นแฟนกับเธอได้จริงหรือ?
“นายแน่ใจแล้วเหรอ? ก่อนจะพูดอะไร ใช้สมองหน่อยนะ อย่าพูดพล่อย ๆ” เธอย้ำกับเขาอีกครั้ง แล้วพยายามเดินขึ้นหน้าอย่างไม่สนใจ แต่ไปไม่ได้ เมื่ออีกฝ่ายเดินมาขวางหน้าทุกทางไว้ไม่ให้ไป
“ฉันจะทำให้เธอดู อย่าลืมล่ะ ถ้าฉันทำได้! เธอต้องเป็นแฟนกับฉัน! วันนั้น...เธอต้ตรวจองขอโทษด้วยการหอมแก้มฉันด้วยนะ จำไว้!” หนุ่มหน้าหวานรู้สึกเกิดแรงฮึดขึ้นมาอย่างประหลาด
“นายทำไม่ได้หรอก และจะไม่ทำด้วย” เธอยังเชื่อมั่นความคิดของตัวเอง จ้องหน้าอีกฝ่ายเขม็ง
“งั้นก็รอดูแล้วกัน อย่าลืมล่ะ!” เขาก้มหน้าจ้องตากับคนท้าทายเช่นกัน
“แน่นอน! ถ้านายทำได้ ทำเร็ว ๆ หน่อยล่ะ ฉันอยากเป็นแฟนกับนายจะแย่แล้ว!” คนสบประมาทตอบเขาไปอย่างคะนองปาก และหมั่นไส้เขาเต็มที่
“ปริมา! จำคำพูดของตัวเองในวันนี้ให้ดี ฉันถือว่า คำพูดของเธอ คือสัญญา ระหว่างเราแล้วนะ” เขามองยัยตัวแสบด้วยสายตามุ่งมั่น
สายตานั้นทำให้คนสบประมาทเขารู้สึกใจหาย นี่! เธอพูดอะไรออกไป เงาของความกลัวเยื้องกรายเข้ามาเกาะกุมจิตใจ ถ้าเขาทำได้ขึ้นมา! โอย…ตายแน่! ถ้ามีอีตานี่เป็นแฟน ปริมาชักกลุ้มใจขึ้นมาตะหงิด ๆ คนอย่างเธอไม่เคยคิดจะมีแฟนด้วยซ้ำไป อยากขึ้นคานมากกว่า ไม่รู้จะมีคู่ มีแฟนเพื่ออะไร? ทำไมเขาถึงอยากมีกันนักหนา เธอไม่เคยเข้าใจเลย
ไม่มีทาง! นายปฏิการทำไม่ได้แน่นอน เขาก็แค่ประชด อยากเอาชนะ พูดไปอย่างนั้นเอง หรือไม่! คงทำได้ไม่นานเดี๋ยวก็เลิกแล้ว เขาจะบ้า! มาเปลี่ยนชีวิตตัวเองเป็นแฟนกับเธอได้อย่างไร? เธอจะคอยดู!
*************************