'แพทย์ชนบท' ส่งจดหมายถึง 'บิ๊กตู่' ชู 2 ข้อเรียกร้อง ยืนยันจัดซื้อเอทีเค 8.5 ล้านชิ้น ได้มาตรฐานโลก
https://www.matichon.co.th/covid19/thai-covid19/news_2900084
 
‘แพทย์ชนบท’ ส่งจดหมายถึง ‘บิ๊กตู่’ ชู 2 ข้อเรียกร้อง ยืนยันจัดซื้อเอทีเค 8.5 ล้านชิ้น ได้มาตรฐานโลก

เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ ประธานชมรมแพทย์ชนบท ส่งจดหมายเปิดผนึก เรื่อง ขอให้คณะรัฐมนตรียืนยันการจัดการซื้อชุดตรวจ ATK 8.5 ล้านชิ้น ที่ต้องได้มาตรฐานองค์การอนามัยโลก เพื่อให้บุคลากรทางการแพทย์ใช้ในการควบคุมโรคโควิด ถึงนายกรัฐมนตรี

โดยเพจเฟซบุ๊ก ชมรมแพทย์ชนบท ได้โพสต์ภาพจดหมายดังกล่าว พร้อมระบุข้อความว่า

หัวใจของจดหมายถึงนายกรัฐมนตรีคือ
 
ชมรมแพทย์ชนบทมีความเห็นที่ขอเสนอแนะต่อรัฐบาลในการสู้ภัยโควิดอันเกี่ยวเนื่องกับการตรวจ ATK ดังนี้
 
1. ขอให้ท่านนายกรัฐมนตรี ยืนยันในข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี ที่ให้การจัดซื้อ ATK 8.5 ล้านชิ้น เป็น ATK ที่ต้องมีมาตรฐานองค์การอนามัยโลก เพื่อเป็น ATK สำหรับ professional use ในสถานพยาบาลและการตรวจเชิงรุก ทั้งนี้เพราะราคากลางที่ สปสช.ตั้งไว้ที่ไม่เกิน 120 บาทนั้น ย่อมไม่ใช่ ATK แบบ home use สำหรับประชาชนทั่วไป ประกอบกับ ATK ที่ผ่านมาตรฐานองค์การอนามัยโลกนั้น องค์กร UNICEF เพิ่งได้จัดซื้อไปในราคา 5 USD/ชุด หรือราว 160 บาท ดังนั้นการที่คณะกรรมการต่อรองราคาของ สปสช.สามารถต่อรองจนเหลือชุดละ 120 บาทนั้น ถือว่าเป็นราคาที่ถูกกว่าที่ UNICEF ซื้อและมีคุณภาพระดับสากลแล้ว และทางองค์การเภสัชกรรมเองก็ยังสามารถยกเลิกการประมูลครั้งนี้ได้โดยที่ภาครัฐไม่ได้เสียหาย แล้วจัดซื้อจัดจ้างแบบเฉพาะเจาะจงตามที่กรมบัญชีกลางได้มีหนังสือเวียนตาม ว.115 และ ว.120 ต่อไปได้โดยไม่ชักช้า

 2. สำหรับมาตรการของรัฐบาลที่มุ่งหวังการเปิดประเทศด้วยการให้ประชาชนตรวจ ATK ด้วยตนเอง ( home use ) ทางชมรมแพทย์ชนบทมีความเห็นว่า ราคาขายในร้านสะดวกซื้อในยุโรปและอเมริกานั้น ราคาขายปลีกอยู่ที่กล่องละ 1 USD ซึ่งปกติจะมีกำไรประมาณ 30% ดังนั้น หากทางรัฐบาลหรือ สปสช.จัดซื้อจำนวนมากหลายสิบล้านชิ้นต่อล็อคการจัดซื้อ ย่อมสามารถซื้อได้ที่ราคาต่ำกว่า 0.75 USD อันจะช่วยให้ประหยัดงบประมาณของประเทศได้อย่างมาก และได้สินค้า ATK ที่มีคุณภาพสมกับราคาที่ไปด้วยกัน
 
ชมรมแพทย์ชนบทหวังเป็นอย่างยิ่งว่า การขอแก้ไขมติ ครม.เกี่ยวกับการจัดซื้อ ATK 8.5 ล้านชิ้นให้ยกเลิกคำว่ามาตรฐานองค์การอนามัยโลกจะไม่เกิดขึ้น และหวังว่ารัฐบาลจะเข้าใจถึงความตั้งใจของชมรมแพทย์ชนบทและบุคลากรทางการแพทย์ที่ต้องการ ATK คุณภาพสูงเพื่อมาการคัดแยกผู้ติดเชื้อ ลดคอขวดของการตรวจ RT-PCR เพื่อให้วิกฤตโควิดคลี่คลายให้มากที่สุด เพื่อการเปิดประเทศใน 120 วันจะได้เป็นจริง
 
https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=4943592979001153&id=142436575783508
 

---

ภาคีนัก กม.สิทธิ-นิติศาสตร์ มธ.ชวน 'ผู้ประกอบการร้านอาหาร' ให้ข้อมูลผลกระทบโควิด ฟ้องรัฐบาลแบบกลุ่ม
https://www.matichon.co.th/local/crime/news_2900455
 
ภาคีนัก กม.สิทธิ-นิติศาสตร์ มธ.ชวน ‘ผู้ประกอบการร้านอาหาร’ ให้ข้อมูลผลกระทบโควิด ฟ้องรัฐบาลแบบกลุ่ม

เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม ภาคีนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน เปิดเผยว่า
 
ภาคีฯ ร่วมกับ ศูนย์นิติศาสตร์ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากการบริหารจัดการโควิด-19 ที่ผิดพลาดของรัฐบาล ในการฟ้องร้องหน่วยงานและเจ้าหน้าที่ของรัฐให้รับผิดทั้งทางแพ่งและทางอาญา
 
ผู้เสียหายที่ได้รับความเดือดร้อนจากการบริหารจัดการโควิด-19 ที่ผิดพลาดของรัฐบาลมีอยู่จำนวนมาก หลายกลุ่ม หลายรูปแบบ จึงกำลังรวบรวมจัดเตรียมการฟ้องคดีให้แก่ทุกกลุ่มที่ต้องการให้ดำเนินการ
 
ขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมเพื่อฟ้องคดีให้แก่ กลุ่มผู้ประกอบการร้านอาหาร เนื่องจากมีข้อมูลมากพอสมควรที่จะเริ่มดำเนินการฟ้องคดีต่อศาลได้ในเร็ววัน
จึงขอเชิญชวนให้ “ผู้ประกอบการร้านอาหาร” ได้ร่วมให้ข้อมูลแก่ภาคีเพื่อเป็นข้อมูลเบื้องต้นในการรวบรวมข้อมูลนำไปใช้ประกอบในการดำเนินคดีต่อไป โดยท่านสามารถกรอกข้อมูลตามแบบฟอร์ม คลิก (แบบฟอร์มสำหรับ “ผู้ประกอบการร้านอาหาร” สามารถกรอกได้ถึงวันที่ 30 สิงหาคม 2564 เวลา 19.00 น.)
 
ความผิดพลาดบกพร่องของรัฐบาลในการบริหารจัดการโควิด-19 ไม่ได้เป็นเพียงการผิดพลาดทางนโยบาย แต่ยังเป็นความผิดพลาดบกพร่องในการใช้อำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย ก่อให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงต่อประชาชนจำนวนมาก ซึ่งหน่วยงานของรัฐและเจ้าหน้าที่ของรัฐจะต้องรับผิดชอบต่อความสูญเสียอย่างใหญ่หลวงในครั้งนี้
 
ภาคีนักกฎหมายสิทธิมนุษยชนจึงจะดำเนินการใช้สิทธิทางศาลแก่ผู้เสียหายจำนวนมาก ทั้งในทางแพ่งและทางอาญาตามที่กฎหมายกำหนด โดยขณะนี้กำลังรวบรวมเพื่อเตรียมการดำเนินคดีทางแพ่ง ในการฟ้องเรียกค่าเสียหายด้วยการดำเนินคดี “แบบกลุ่ม”
 
ประชาชนผู้ถูกละเมิดผู้ได้รับความเสียหายมีสิทธิฟ้องหน่วยงานของรัฐ เพื่อเรียกร้องให้จ่ายค่าชดเชยเยียวยาความเสียหายได้ ไม่ว่าจะเป็นกรณีผู้ที่เสียชีวิต หรือต้องเจ็บป่วยจากการเข้าไม่ถึงบริการสาธารณสุข ผู้ที่ได้รับผลกระทบต้องหยุดประกอบอาชีพ/ปิดกิจการ เพราะคำสั่งของรัฐ
ในกรณีเหล่านี้มีผู้ที่ได้รับผลกระทบเป็นจำนวนมาก เข้าลักษณะของกลุ่มบุคคลที่ได้รับผลกระทบจากการกระทำการอย่างใดอย่างหนึ่ง ที่สามารถใช้กระบวนการ “ดำเนินคดีแบบกลุ่ม” หรือ “Class Action” ที่อาจมีตัวแทนผู้เสียหายที่ยื่นฟ้องคดีเพียงบางคน
 
แต่ผลของคดีจะสามารถส่งผลให้ผู้เสียหายในเหตุการณ์เดียวกัน รูปแบบเดียวกัน ได้รับประโยชน์จากการฟ้องคดีนี้ โดยไม่ต้องนำคดีมาฟ้องใหม่เป็นรายคน
 
ดังนั้น หากผลคดีที่พิสูจน์ได้ว่าความเสียหายเกิดจากการกระทำของรัฐ รัฐจะต้องรับผิดชอบในความเสียหายที่เกิดขึ้น ก็จะมีผลให้ผู้เสียหายคนอื่นๆ ที่ไม่ได้ฟ้องคดีแต่มีความเสียหายลักษณะเดียวกันได้รับประโยชน์จากการฟ้องคดีนี้ไปด้วย

https://www.facebook.com/HRLawyersAlliance/posts/207764724663118
 

---

 
ก้าวไกลเตรียม9ส.ส.ซักฟอกนายกฯ-5รมต.
https://www.innnews.co.th/news/politics/news_173411/
 
ก้าวไกลเตรียม 9 ส.ส. ซักฟอกนายกฯ-5 รัฐมนตรี ยังอุบใครจองกฐินคนไหน รับห่วงกรอบเวลา หวังมีการอนุโลมลากยาวได้เหมือนช่วงพรบ.งบฯ
 
นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ โฆษกพรรคก้าวไกล เปิดเผยกับสำนักข่าวไอ.เอ็น.เอ็น. ถึงการเตรียมความพร้อมอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ว่าพรรคก้าวไกล ได้เตรียมผู้อภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลเป็นที่เรียบร้อยแล้วประมาณ 8-9 คน ส่วนจะเป็นใครและอภิปรายรัฐมนตรีคนใดนั้นไม่สามารถเปิดเผยได้จนกว่าจะถึงวันอภิปราย

ทั้งนี้เมื่อถามว่าความคิดเห็นถึงเวลาการอภิปรายไม่ไว้วางใจจะยืดเยื้อเหมือนการพิจารณา พ.ร.บ.งบฯ65 หรือไม่ นายณัฐชา กล่าวว่า ส่วนตัวคาดว่า หากไม่มีการเตรียมประเมินเวลาการอภิปรายให้ชัดเจนอาจจะยืดเยื้อเหมือนกับการอภิปรายงบประมาณได้ เนื่องจาก จะขึ้นอยู่การเริ่มอภิปรายของแต่ละวัน หากมีการอนุโลมแบบการอภิปราย พ.ร.บ.งบประมาณ คือใช้เวลาการอภิปรายเลย เที่ยงคืน และวันต่อมาก็เริ่มอภิปรายตั้งแต่เช้า ก็จะสามารถประหยัดเวลาไปได้ แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับวิปทั้งสองฝ่ายและประธานสภาผู้แทนราษฎรว่าจะมีความเห็นอย่างไรกับมาตรการ พ.ร.ก.ฉุกเฉินที่ประกาศเคอร์ฟิวไว้ด้วย