ปลดหนี้ 1ล้านกว่า ใน 4 ปี พร้อมกับแชร์ทุกปัญหาและวิธีรับมือที่เจอ และเราก็ผ่านมันไปได้

เกริ่นนิดหนึ่งนะคะ อันนี้จากประสบการณ์ชีวิตจริงที่ติดหนี้เป็นล้าน ขึ้นศาลไม่รู้กี่รอบ หนังสือขออายัดเงินเดือนก็มา 2-3 รอบ สารพัดวิธีที่เจ้าหนี้ทวงถามเรื่องเงิน สาเหตุการเป็นหนี้ของเราส่วนใหญ่คือ ภาระหนี้ครอบครัว ที่สาวมาถึงรุ่นลูก บวกกับความอวดร่ำอวดรวยเพื่อชดเชยปมในอดีตที่เคยลำบากค่า
ตามนี้เลย.....
เรามีเจ้าหนี้ทั้งหมด 8 เจ้าด้วยกัน
1. Aeon 6 บัตร: ยอด 145,374 >ฟ้อง> ปิดบัญชี
2. UOB 2 บัตร 1สินเชื้อ: ยอด 152,789>ฟ้องและ> แจ้งอายัดเงินเดือน
3. Tesco 2บัตร : ยอด 110,104> ฟ้อง >ปิดบัญชี
4. Umay+ 1สินเชื้อ(วงเงินหมุนเวียน ถ้าจำไม่ผิด): ยอด 134,104>ฟ้อง> ปิดบัญชี
5. พรอมิส 1 สินเชื้อ: 29,822>ไม่ฟ้อง >ปิดบัญชี
6. First choice 1บัตร+ 1 สินเชื้อ: ยอด 77,850>ฟ้อง >ปิดบัญชี
7. Tisco ผ่อนรถ ยอด 350,000>ผ่อนจบ >ครบสัญญา
8. TMB เงินกู้ :38,100>ไม่ฟ้อง>โอน+ขายหนี้

จากที่บรรยายมา คิดว่าใครหลายๆคนกำลังประสบกับปัญหาหนี้อยู่ อยากให้ทุกคนสู้และใจเย็นๆนะคะ เดี๋ยวมันก็จะมีทางออกของมันเอง
เริ่มเลยค่าคือ เริ่มจากที่เราไม่มีเงินผ่อนจ่ายแล้วจริงๆ มันหมุนไม่ได้แล้ว มันสุดทางที่เราจะไปแล้ว เราต้องรักษาครอบครัว และค่ากับข้าวตัวเองให้รอด เราจึงเริ่มหยุดจ่ายหนี้ และหยุดการเป็นหนี้ทุกอย่าง ทุกบัตรพร้อมๆกัน บอกตรงนี้ว่าก่อนที่เราจะตัดสินใจแบบนั้นคือเราก็เตรียมหาข้อมูลมาสักพักกับการหยุดจ่ายหนี้ ว่าถ้าเราหยุดแล้วเราจะเจอกับอะไรบ้าง และเตรียมตัว เตรียมใจรับกับปัญหานี้ไว้แล้ว

เมื่อเราหยุดจ่ายพร้อมๆกัน ในปี 2557 และตั้งใจจะเก็บเงินไว้โป๊ะหนี้ สิ่งแรกที่เราต้องเจอคือ การรับโทรศัพท์ บอกตรงนี้ก่อนว่าตั้งแต่เป็นหนี้ จนใช้หนี้หมด เราพยายามรับทุกสาย คุยทุกสาย ไม่ว่าจะมาในรูปแบบไหน เราก็พูดไปตามความเป็นจริงว่า ตอนนี้ยังไม่มีจ่ายนะคะ ถ้ามีเมื่อไหร่จะรีบดำเนินการให้ทันทีค่า
เราคุยดีกับเจ้าหนี้ทุกเจ้า และทุกเจ้าก็คุยดีเช่นกันค่า บางวันรับสายทุกเจ้า เราก็พูดไปตามเป็นจริง ในระหว่างนี้เราก็เก็บเงินด้วยนะคะ ช่วงสามเดือนที่หยุดจ่ายไป เราไม่จ่ายสักเจ้าค่า เน้นย้ำตรงนี้ว่า "ถ้าเขาให้เราจ่าย เพื่อรักษาบัญชี รักษาเครดิตอะไรก็แล้วแต่ " เราไม่จ่ายค่า รอจ่ายทีเดียวคือ ปิดบัญชี
ช่วงสามเดือนนี้เจ้าหนี้เริ่มรู้แล้วว่า เรากำลังทำให้เกิดหนี้เสีย หรือปัญหาที่เจ้าหนี้ก็รู้ดีคืออะไร เขาจะเริ่มส่งสัญญาณมาละคะ เช่นให้ส่วนลด ผ่อนปิดบัญชีบ้าง หรือเริ่มขู่ฟ้องก็มี 
ถึงตอนนี้ก็มาดูว่า เรามีเงินเก็บเท่าไหร่ เจ้าไหนลดให้สูงสุด เงือนไขที่เขาเสนอมา เรารับได้ไหม เช่นผ่อนจบปิดบัญชี 3งวดอะไรแบบนี้ ถ้าเราOK ก็ค่อยๆผ่อนไปทีละเจ้าค่า แบบใจเย็นๆ 
*** ตอนนี้ให้ทำใจไว้เลยค่าว่า เราไม่เหลือเครดิตดีอะไรแล้ว แต่เราเหลือเงินเก็บไว้ใช้จ่ายในชีวิตก็พอ ไม่ต้องกังวลกับหน้าตาทางสังคมอะไรทั้งนั้น กังวลแค่ว่า ถ้าไม่มีเงินไปใช้หนี้ จนเขาฟ้องยึดทรัพย์ อายัดเงินเดือนหน้าอายกว่าค่า
หลังจากที่เราเริ่มทยอยเก็บเงินและทยอยปิดบัญชีไปทีละเจ้า ปัญหาที่ตามมาคือบางเจ้าจำนวนเงินเยอะมากเป็นหลักแสน เราผ่อนไม่ไหว หรือปิดจบไม่ไหว ก็ต้องปล่อยไปค่า ปล่อยให้เขาฟ้องไปเลย
......ระหว่างที่เก็บเงิน บางเจ้าก็เริ่มฟ้องแล้ว ใครฟ้องก่อนได้เปรียบ บางเจ้าไม่ต่อรอง ไม่โทรถาม เจออีกทีหมายศาลที่บ้านเลย
***สำคัญมาก หมายศาลจะส่งไปที่บ้านตามทะเบียนบ้าน ดังนั้นเราจะต้องคุยกับทางบ้านให้เรียบร้อย ว่าจะเกิดอะไรขึ้น และเรากำลังทำอะไร ซึ่งเราก็บอกแม่ไปตรงๆว่ามีปัญหาการเงิน และกำลังให้ศาลช่วย ดังนั้นถ้ามีหมายศาลมาช่วยเก็บไว้ให้และโทรบอกทันที

เจ้าหนี้บางเจ้ารอไม่ไหวทยอยฟ้อง เราก็มีหน้าที่ไปตามที่ศาลนัดหมาย เราไปทุกนัดของศาลไม่เคยเบี้ยวสักนัด แต่ถ้าเราเกิดไปไม่ได้จริงๆ สามารถทำหนังสือมอบอำนาจให้ใครไปแทนได้ เวลาไปนัดศาลครั้งแรกก็จะตื่นเต้นหน่อยๆเพราะไม่เคย เดี๋ยวหลังๆก็จะชินไปเอง เราขึ้นศาลจังหวัดเดชอุดมค่า เพราะอยู่ที่อุบล
เวลาไปศาลเราจะต้องไปเช็คว่าเราจะเข้าห้องไหน เวลาไหน (ห้ามพลาดเด็ดขาด) เราจะไปก่อนเวลา มีเวลาเตรียมตัว จะได้ไม่ตื่นเต้นมาก 
ตอนเราไปศาลไม่ได้มีแค่เราคนเดียวนะคะ เพราะเวลาโจทน์ฟ้องเขาจะฟ้องทีละหลายคน เราก็จะถามกันว่า มานัดของธนาคาร/บริษัทไหน จะได้มีเพื่อน และพูดคุยแลกเปลี่ยนกัน
***ก่อนเข้าห้องฟังคำตัดสินของศาล ทนายแต่ละธนาคาร/บริษัท เขาจะมาพูดคุยกับเราก่อนว่า ถ้าปิดบัญชีวันนี้ได้ไหม ปิดที่เท่านี้Ok ไหม?  หรือ ตกลงผ่อนที่เท่านี้OK ไหม ถ้าเราOK ทนายเขาก็จะเตรียมเอกสาร เนื้อหาข้อตกลงมาให้เราเซนต์ เราก็อ่าน ถ้าOK ก็จัดเลยค่า เพราะถึงยังไงเราก็จะต้องเข้าไปพบผู้พิพากษาอยู่ดีนะคะ เพราะท่านจะออกนังบัลลังและอ่านเนื้อหาที่เราเซนต์ไปตอนแรกให้เราฟังอีกทีค่า
*** ก่อนที่ท่านจะตัดสิน ท่านจะถามเราก่อน ก็ตอบท่านไปได้เลย เช่นขอลดดอกเบี้ย ขอลดค่าทนาย ค่าศาล ขอผ่อนกี่งวดๆ อะไรก็ว่าไป ท่านก็จะถามทนายฝั่งโจทน์ค่าว่า ได้หรือไม่ได้ ยังไงว่าไป 
และก่อนที่ท่านจะตัดสิน ท่านก็จะอ่านคำตัดสินให้เราฟัง อีกรอบ ว่าดอกกี่บาท ชำระกี่ปี กี่งวด เมื่อเสร็จสินแล้ว ทนายก็จะเตรียมเอกสารตามที่ท่านพูดไปให้เราเซนต์ ถึงตอนเซนต์เราต้องมีสติและจำให้ได้นะคะว่าเอกสารที่เซนต์ ตรงกับที่ท่านผู้พิพากษาอ่านให้ฟังหรือไม่
ที่จะไม่ตรงกันเช่น ก่อนที่ท่านจะออกนั่งบัลลัง ทนายให้ดอก 10%ต่อปี ท่านอาจจะลดให้เรา 8% ต่อปีก็ได้
และเราก็จะได้หนังสือจากศาลมา1ใบ หนังสือเงือนไขการชำระที่เราต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด เพราะนี้คือศาลได้ตัดสินแล้ว  เสร็จแล้วก็กลับบ้านได้
เมื่อศาลตัดสินแล้วจากนี้ไปถ้าเราไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาล แปลว่าโจทน์สามารถอายัดเงินเดือน หรือยึดทรัพย์ได้เลยค่า

ก็อย่างที่บอกบางเจ้าฟ้องไปแล้วยอดหนี้มันเยอะ กว่าจะผ่อนหมดก็หลายปี เจ้าอื่นก็ต่อคิวรอ ถ้ารอไม่ไหวเขาก็จะแจ้งอายัดเงินเดือนค่า อย่างUOB ยอด 150,000กว่า เขาให้ผ่อน 3งวดค่า เราก็ไม่ไหวหาไม่ทัน เขาก็ส่งเรื่องอายัดเงินเดือน โบนัส มาที่บริษัท เขาส่งหนังสือมารอบแรกเราเป็นคนรับพอดี ยังไม่ส่งไปให้HR HR ยังไม่รู้เรื่อง ระหว่างนี้ก็คิดหาเงินไปเรื่อยๆค่า จนเขาส่งมารอบที่สอง ก็มีเงินจากน้องชายที่กู้ให้มาปิดพอดี 
***กรณีที่ขออายัดเงินเดือน ที่จริงเขาก็ยังไม่ได้อายัดทันทีนะคะ บางทีบริษัทก็จะให้เราไปหาเงินมาใช้หนี้ก่อน ถ้าหาไม่ได้จริงๆบริษัทก็จำเป็นที่จะต้องหักเงินเดือนส่งให้เขา เพราะถ้าบริษัทไม่หักเขาก็จะมีความผิดค่า
ตอนที่หนังสือขออายัดเงินเดือนมาเราไม่ได้ปิดอะไรนะคะ เราก็บอกไปตรงๆว่า เป็นหนี้หาเงินไม่ทัน ตอนนี้เขากำลังขออายัดเงินเดือน เราก็พูดกับหัวหน้า และก็หัวเราะด้วยแบบว่า ไม่มีอะไรจะเสียแหละ ดีกว่าเป็นทุกข์ในใจ อายตอนพูด พูดแล้วก็สบายใจค่า

กว่าจะผ่านมาได้เราไม่ได้หนักอะไรมากนะคะ คือทุกอย่างเราปล่อยให้ไปตามขั้นตอนของมันซึ่งแต่ละขั้นตอนก็จะมีระยะเวลาของมัน มันไม่ได้เกิดขึ้นทันทีทันใด ยังพอมีเวลาให้เราหายใจ และหาเงินมาใช้หนี้อยู่นะคะ อีกอย่างคือ เราระลึกอยู่เสมอว่าเราจะต้องใช้หนี้เขา เวลาเรามีเงินเราก็แบ่งรายได้ออก ส่วนนี้ไว้ใช้หนี้ ส่วนนี้เก็บ ส่วนนี้ไว้เที่ยว ซึ่งระหว่างที่เราหยุดพักชำระหนี้ ชีวิตเราดีขึ้นกว่าช่วงที่เป็นหนี้มาก เรามีเวลาได้พักผ่อน ได้เที่ยว ได้กินอิ่มนอนหลับ 
เพราะทุกธนาคาร ทุกบัตร เราคุยกับเขา เราวางแผนได้ ทำให้เรารู้ว่า สถานการณ์ในตอนนี้เป็นยังไง

***ทุกธนาคารที่เราปิดบัญชี เราจะขอเอกสารการปิดบัญชีทุกครั้งนะคะ เก็บหลักฐานไว้ทุกอย่าง เวลาคุยกับเจ้าหนี้ก็จะถามชื่อเขาตลอดค่าว่าชื่ออะไร เวลาเราจะติดต่อสอบถามอะไรก็จะได้ง่าย รวมถึงบันทึกเบอร์โทรศัพท์เจ้าหนี้ไว้ทุกครั้งด้วยค่า ว่าเบอร์นี้ของธนาคารไหน จะได้ง่ายเวลาคุย หรือเลือกที่จะไม่คุยทันทีและค่อยติดต่อกลับทีหลังค่า

***ยากที่สุดของการต่อรองก็ TMB ค่า ต่อรองยากที่สุด ไม่ยอมลด ลดน้อยมาก เมื่อข้อตกลงเราไม่ตรงกัน เราก็ดึงดันจนในที่สุดก็ TMB ขายหนี้ ให้บริษัทบริหารสินทรัพย์เจ เราก็ขอต่อรองปรากฎว่า เขาบอกว่าเจ้าหนี้ไม่ลดเลยค่า สุดท้ายเราก็ยอมจ่ายตามที่เขาขอมา 
ทำให้ประวัติในบูโร เราติดคำว่า โอนหรือขายหนี้ ซึ้งมันเลวร้ายมากๆๆ ถึงเราจะจ่ายหนี้หมดแบงค์ต่างๆก็ปล่อยยากค่า 
และเมื่อเราจ่ายปิดบัญชีแล้ว เราก็ต้องติดต่อบริษัทเครดิตแห่งชาติ เพื่อขอแก้สถานะจากโอนหรือขายหนี้ แก้เป็น โอนหรือขายหนี้และปิดบัญชีแล้ว
เพราะอย่างน้อยๆก็จะทำให้แบงค์อื่นๆในอนาคตรับรู้ว่าเราใช้หนี้หมดแล้วจริงๆ

แล้วเวลาจะชื้อบ้านชื้อรถหรือขอสินเชื้อเราจะทำยังไง ณ ตอนนี้เรายังไม่มีอะไรมากค่า เพราะรถเราผ่อนหมดแล้วอย่างน้อยก็มีรถใช้ ส่วนบ้านอยู่กับแม่ค่าไปกลับระหว่างหอกับบ้าน เราเคยไปถาม ธอส ว่าถ้าจะกู้ชื้อบ้านได้ไหม เราเอาเอกสารเครดิตแห่งชาตืที่ขอจากกรุงไทยไปให้เขาดูด้วย ธอส บอกว่า รอให้ครบ1ปีแล้วมาติดต่อใหม่ ซึ่งเรายังไม่ได้ไปติดต่อเช่นกัน ตอนนี้เราไม่มีบัตรเครดิต สินเชื้ออะไรเลย เราใช้เงินเดือนล้วนๆ ไม่สร้างหนี้หรือภาระเกินตัวใดๆ ใช้เงินแบบมีสติค่า เวลาจะชื้อของก็ให้แม่ผ่อนให้ หรือน้องผ่อนให้ แต่ส่วนใหญ่ชื้อเงินสดค่า ทุกวันนี้สบายใจสุดๆ อยากกินได้กิน อยากเที่ยวได้เที่ยวค่า
เรามีครอบครัวนะคะ แต่งงานแล้ว ลูก1คน ทำงานบริษัทเอกชน ฐานะครอบครัวปานกลาง 

สรุป
- ของเรารวมระยะเวลาที่แบงค์เริ่มฟ้อง 3ปี (2557-2560)
- พยายามรับทุกสาย คุยทุกสาย ไม่เปลี่ยนเบอร์ เพราะถ้าธนาคารยังติดต่อเราได้ ก็จะช่วยยืดระยะเวลาฟ้องไปได้อีก
- เก็บเงินให้ได้มากที่สุด รอปิดจบบัญชีที่เราสามารถต่อรองได้
- ใส่ใจทุกรายอะเอียดในเอกสาร ทั้งวันที่เวลา ยอดเงิน คนที่เราติดต่อ โดยเฉพาะเอกสารเงือนไขปิดบัญชี และหนังสือปิดบัญชี เราต้องขอทุกครั้ง
- อะไรที่สามารถเปลี่ยนเป็นเงินและเคลียร์หนี้ได้ ให้รีบดำเนินการเพราะดอกมันขึ้นเร็วมาก
- อย่ากลัวการไปศาล เพราะนั้นคือทางรอดของเรา อย่างน้อยๆไปให้ศาลท่านช่วยลดดอกเบี้ยก็ยังดี
- จงใช้ชีวิตในแบบคำถามเสมอ ว่า อันนี้มันจำเป็นไหม ต้องได้ทันทีไหม ต้องมีให้ได้หรือไม่ ถ้าใจยัง50/50 ให้ข้ามไปก่อน
- สังคมไม่ได้ช่วยเราปลดหนี้ แต่พี่น้องที่ดีเขาจะช่วยเรา และเราก็จงช่วยเขาเช่นกัน

ขอให้ทุกคนที่มีหนี้ หมดหนี้เร็วๆนะคะ โชคดีไม่มีหนี้ค่า
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่