ไม่นึกว่าวันหนึ่งตัวเองจะมีเรื่องราวที่อยากเขียนลงในพันทิปนี้ แต่ความรู้สึกที่เต็มที่แล้ว จึงอยากจึงอยากจะเล่าสิ่งที่อยู่ในใจออกมาบ้าง อาจจะยาวไปนิด
เรื่องราวเป็นไปตามหัวข้อที่ได้ขึ้นต้นไว้
เรื่องมีอยู่ว่าข้าพเจ้าเองได้แต่งงานกับภรรยาอยู่กันมาเป็นเวลาสิบกว่าปีและมีลูกชายด้วยกัน 1 คน อายุ 9 ขวบ ภรรยาของข้าพเจ้านั้นเป็นครูสังกัดข้าราชการกรุงเทพมหานคร และข้าพเจ้านั้นก็เป็นครูแต่สังกัดโรงเรียนเอกชนเราทำงานคนละที่
เรื่องราวเริ่มต้นจากข้าพเจ้ามาทราบว่าภรรยาข้าพเจ้ามีความสนิทสนมกับนักเรียนคนนี้เป็นพิเศษ เคยพามาบ้านในวันที่ข้าพเจ้าไปทำธุระที่ต่างจังหวัด และเคยพบว่าไปหาเด็กคนนี้โดยนัดสถานที่ข้างนอก เป็นเวลาแรมปีที่ข้าพเจ้าสงสัย ช่วงวันหยุดบอกว่าไปอบรมบ้างอยู่เวรบ้าง แต่ไม่ได้ไปจริง พูดกันก็ทะเลาะและมักว่าข้าพเจ้ามองโลกแง่ร้าย ใส่ร้ายภรรยา และยืนยันว่าไม่ไปทำอะไรเสียหาย แน่นอน แต่คนเราอยู่ด้วยกันย่อมเห็นพฤติกรรมที่แปลกและปกปิดอยู่ทุกวันออก
และเรื่องทุกอย่างก็มากระจ่างขึ้นในวันหนึ่งภรรยาข้าพเจ้าทิ้งโทรศัพท์ไว้อีกเครื่องนึงที่บ้านและข้าพเจ้าเห็นสังเกตเห็นว่ามีข้อความจากผู้หญิงเข้ามาในเชิงที่ไม่สู้ดีนัก จึงได้คุยกับผู้หญิงคนนั้น
เด็กหญิงคนนั้นได้เล่าให้ข้าพเจ้าฟังว่าสาวเจ้าของเครื่องคนนี้คือภรรยาของข้าพเจ้าแอบมีอะไรกันกับแฟนของเขาซึ่งเป็นเด็กมัธยมต้นหลายต่อหลายแม้กระทั่งในวันนั้นภรรยาข้าพเจ้าโกหกว่าไปทำธุระแต่ก็แน่ชัดแล้วว่าไปหาเด็กผู้ชายคนนี้
ในช่วงเย็นที่ภรรยาข้าพเจ้ากลับมาหลักฐานเริ่มปรากฏข้าพเจ้าได้คาดคั้นจากภรรยาจนภรรยาข้าพเจ้าร้องไห้และก็ยอมรับว่าไปหาเด็กคนนั้นและมีอะไรกันจริง ข้าพเจ้าข้าพเจ้ารู้สึกช็อคมากโลกทั้งโลกเหมือนพังทลาย เหมือนคนที่เคว้งคว้างไม่รู้ว่าจะทำยังไงกับชีวิตตัวเองต่อปี ข้าพเจ้าใช้เวลาอยู่นานพอสมควร ด้วยใจที่คิดถึงลูกและรักครอบครัวจึงบอกกับภรรยาว่าขอให้เลิกไม่ติดต่อเด็กคนนี้อีกที่แล้วมาให้แล้ว ไปแต่ต้องแสดงความจริงใจด้วยการเล่าว่าเป็นเช่นนี้ได้อย่างไร ไปนัดเจอกันที่ไหน ซึ่งในช่วงแรกภรรยาข้าพเจ้าก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีเล่าเรื่องต่างๆมีอะไรกันกี่ครั้ง ซื้อของอะไรให้กับเด็กคนนี้บ้าง ในมุมหนึ่งก็ต้องบอกว่าเด็กยุคนี้มันร้ายกาจอายุเพียงแค่ 13 14 อยู่เพียงแค่ ม. 1 ม. 2 กล้าที่จะมีชู้และกระทำการชู้กับบุคคลซึ่งเป็นครูของเขาเอง เด็กคนนี้เคยเรียนป 6 ที่โรงเรียนภรรยาข้าพเจ้าสอนอยู่ แต่พอเริ่มมีปัญหาข้าพเจ้าเคยส่งข้อความเไปหาเด็กโดยมีใจความว่าอย่ามายุ่งกับครอบครัวข้าพเจ้า และวันนั้นแม่เด็กมันก็โทรมา พูดจาเเหมือนจะเข้าใจในการวางตัวของลูกมัน จากนั้นเด็กขึ้นชั้นก็ได้ย้ายโรงเรียนไปเรียนกับจังหวัดที่พ่อแม่ทำงานอยู่คือจังหวัดชลบุรี ขนาดอยู่กันคนละที่แสดงว่ามีการพูดคุยติดต่อกันตลอดจนถึงขั้นนัดสมสู่กัน
ข้าพเจ้าในขณะนั้นรู้สึกเสียดายเวลารู้สึกห่วงครอบครัวรู้สึกห่วงลูกจึงยอมถอยขอให้ภรรยาของข้าพเจ้าเลิกกับเด็กคนนั้น แต่ความจริงที่ตามมาคือข้าพเจ้าก็ยังจะได้อีกว่าภรรยาข้าพเจ้ายังคุยติดต่อ ภรรยาข้าพเจ้าอย่างนัดเจอกันกับเด็กคนนั้นที่ห้างสรรพสินค้า และล่าสุดข้าพเจ้าตามไปจนพบว่ารถของภรรยาข้าพเจ้าไปจอดอยู่ที่โรงแรมชั่วคราว ชื่อวาเลนเซียเพชรเกษม พอข้าพเจ้าดักรอ เขาก็แอบกันออกมาโดยคลาดกับข้าพเจ้า
แน่นอนพอพูดคุยกันก็ย่อมมีปากเสียงกันและทะเลาะกัน ก่อนหน้านี้ข้าพเจ้าเคยตัดสินใจแยกออกมาแล้ว 1 ครั้งแต่ทำใจคิดถึงลูกไม่ได้ จึงกลับเข้าไปใหม่โดยอยู่กันคนละห้องที่บ้าน แต่นานวันเข้าสิ่งที่พบเห็นก็อย่าทำให้เห็นอย่างแน่ชัดว่าภรรยาข้าพเจ้าหลงเด็กคนนี้มาก มีทั้งแอบให้เงินแอบซื้อของ โทรศัพท์คุยกันไม่เว้นวัน และเชื่อว่าถ้าไม่ใช่อยู่ในช่วง covid เช่นนี้ เขาคงนัดที่จะเจอกันและเสพสมกันอย่างแน่นอน
ในวันนี้ข้าพเจ้าเริ่มแน่ชัดในความจริงแล้วว่า เส้นทางดำรงชีวิตของเราคงกลับมายากและไม่มีวันกลับมาแล้ว เพราะเวลาที่ทะเลาะกันช่วงหลังภรรยาข้าพเจ้ามักจะพูดย้ำเสมอว่า ไม่มีวันที่จะกลับมาญาติดีกันอีกต่อไป เขาบอกว่าเขาโกรธแค้นมากที่ข้าพเจ้าเคยไปพบผู้อำนวยการเขา เพื่อเล่าเรื่องเหล่านี้ให้ฟังและต้องการให้ลงโทษทางวินัย แต่สุดท้ายทางโรงเรียนได้แนะนำภรรยาของข้าพเจ้าให้มาพูดคุยเกลี้ยกล่อมให้เลิกร้องเรียน ข้าพเจ้าประกอบด้วยความใจอ่อน ข้าพเจ้าจึงขอถอนการร้องเรียนออกแต่หลังจากนั้นก็คงเดาได้ โดยเฉพาะทุกครั้งที่ภรรยาข้าพเจ้าได้พูดคุยกับชู้เด็กคนนี้มักจะมีความแข็งก้าวทางวาจาและความคิดที่ก้าวร้าวขึ้นกับข้าพเจ้าเสมอ เด็กคนนี้ไม่ธรรมดาจริง
ตัวเองเป็นถึงครูแนะนำ ผู้อื่นแก้ปัญหาชีวิตไปก็เยอะ พอเป็นเรื่องของตนเองต้องบอกว่ามันไม่ง่ายที่จะตัดสินใจเด็ดขาดจริงๆ
สิ่งที่อยู่ในความคิดข้าพเจ้า ณ ปัจจุบันนี้ เริ่มเห็นแล้วว่าอนาคตของลูกไม่ดีแน่นอนลูกอายุ 9 ขวบกับต้องมีพ่อเลี้ยงอายุ 14 ขวบ ถึงตอนนี้มันคงมาหากันและพามาอยู่ด้วยกันแน่นอน และเท่าที่รู้ทางแม่ของเด็กมันก็ค่อนข้างสนับสนุนลูก เพราะเคยมีข้อความมาขอคืนดีกับภรรยาข้าพเจ้าออกตัวแทนลูก คงนึกว่าฐานะภรรยาข้าพเจ้ามีเงิน แต่ครอบครัวเราไม่จัดว่าอยู่ในฐานะดีเลย ตัวภรรยาก็มีหนี้จากการกู้ยืมสหกรณ์อยู่
ความคิดที่คิดว่าคงต้องจัดการขั้นเด็ดขาดก็กลับมาอีกครั้ง แบบไม่ใจอ่อน ข้าพเจ้าคงต้องร้องเรียนเอาเรื่องเอาผิด อีกครั้ง อย่างน้อยที่สุดด้วยความเป็นครูอย่าปล่อยให้ความไม่ถูกต้องบังเกิดขึ้นในสังคมทั้งการที่ผู้หญิงมีอะไรกับคนที่เคยเป็นลูกศิษย์และปัจจุบันอายุยังไม่ถึง 15 ปี ไม่ควรจริงๆ แต่การจะจัดการเรื่องราวอะไรข้าพเจ้าอยากทำให้ละเอียดรอบคอบกว่านี้ มันเห็นชัดแล้วว่าทางพวกฝ่ายข้าราชการครูในโรงเรียนมันพยายามที่จะบ่ายเบี่ยง ช่วยเหลือ เคยไปครั้งที่คุยกับ ผ.อ.และผู้ช่วย เขาบอกว่าต้อวมีหลักฐานชัดแจ้ง ลองนึกดูซิเวลาคนมันนัดแอบคบชู้มีอะไรกันมันจะถ่ายคลิป เก็บไว้ให้ข้าพเจ้าเก็บเป็นหลักฐานเหรอ เวลานี้ข้าพเจ้าไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นการจัดการอย่างไรดี รู้แต่เพียงว่าต้องหยุดพวกเขา ต้องเอาลูกมาอยู่ด้วย และข้าพเจ้าก็แน่ชัดในตัวเราว่าคงจะไม่เดินร่วมทางกับหญิงผู้นี้อีก
ท่านที่ได้อ่านได้ฟังเรื่องราวของข้าพเจ้า หากใครพอรู้ช่องทางในการจัดการเอาผิดอย่างน้อยที่สุดก็หยุดพฤติกรรมเหล่านั้น และข้าพเจ้าอยากได้บุตรมาเป็นผู้ดูแลช่วยแนะนำทางให้ข้าพเจ้าที หรือข้าพเจ้าต้องไปที่หน่วยไหนแบบที่ยุติธรรม หรือสำนักข่าวไหนได้ยินเรื่องราวแล้วจะช่วย ก็ติดต่อมาได้นะ
ท้ายที่สุดนะข้าพเจ้าเข้าใจนะ คนเราไม่รักกันแล้วยอมเลิกกันได้ แยกทางกันได้ เป็นปกติ แต่เรื่องราวทบทบาทที่เราเป็นอยู่ ไม่ควรที่จะปล่อยผ่านและจบไปแบบไม่มีอะไรเกิดขึ้น แล้ววันหน้าเราจะสอนคนรุ่นหลังในเรื่องศีลธรรม จรรยา กับเขาอย่างไร คนเป็นครูต้องมีจรรยาบรรณ เด็กก็ต้องมีสำนึกว่าว่าการเป็นชู้เขามันผิดศีลธรรมไม่ใช่แค่เอามันส์อย่างเดียว ยาวหน่อยนะขอบใจสำหรับคนที่อ่าน
จากชายวัยดึก
เมื่อรู้ว่าภรรยาแอบคบชู้กับลูกศิษย์ตัวเอง
เรื่องราวเป็นไปตามหัวข้อที่ได้ขึ้นต้นไว้
เรื่องมีอยู่ว่าข้าพเจ้าเองได้แต่งงานกับภรรยาอยู่กันมาเป็นเวลาสิบกว่าปีและมีลูกชายด้วยกัน 1 คน อายุ 9 ขวบ ภรรยาของข้าพเจ้านั้นเป็นครูสังกัดข้าราชการกรุงเทพมหานคร และข้าพเจ้านั้นก็เป็นครูแต่สังกัดโรงเรียนเอกชนเราทำงานคนละที่
เรื่องราวเริ่มต้นจากข้าพเจ้ามาทราบว่าภรรยาข้าพเจ้ามีความสนิทสนมกับนักเรียนคนนี้เป็นพิเศษ เคยพามาบ้านในวันที่ข้าพเจ้าไปทำธุระที่ต่างจังหวัด และเคยพบว่าไปหาเด็กคนนี้โดยนัดสถานที่ข้างนอก เป็นเวลาแรมปีที่ข้าพเจ้าสงสัย ช่วงวันหยุดบอกว่าไปอบรมบ้างอยู่เวรบ้าง แต่ไม่ได้ไปจริง พูดกันก็ทะเลาะและมักว่าข้าพเจ้ามองโลกแง่ร้าย ใส่ร้ายภรรยา และยืนยันว่าไม่ไปทำอะไรเสียหาย แน่นอน แต่คนเราอยู่ด้วยกันย่อมเห็นพฤติกรรมที่แปลกและปกปิดอยู่ทุกวันออก
และเรื่องทุกอย่างก็มากระจ่างขึ้นในวันหนึ่งภรรยาข้าพเจ้าทิ้งโทรศัพท์ไว้อีกเครื่องนึงที่บ้านและข้าพเจ้าเห็นสังเกตเห็นว่ามีข้อความจากผู้หญิงเข้ามาในเชิงที่ไม่สู้ดีนัก จึงได้คุยกับผู้หญิงคนนั้น
เด็กหญิงคนนั้นได้เล่าให้ข้าพเจ้าฟังว่าสาวเจ้าของเครื่องคนนี้คือภรรยาของข้าพเจ้าแอบมีอะไรกันกับแฟนของเขาซึ่งเป็นเด็กมัธยมต้นหลายต่อหลายแม้กระทั่งในวันนั้นภรรยาข้าพเจ้าโกหกว่าไปทำธุระแต่ก็แน่ชัดแล้วว่าไปหาเด็กผู้ชายคนนี้
ในช่วงเย็นที่ภรรยาข้าพเจ้ากลับมาหลักฐานเริ่มปรากฏข้าพเจ้าได้คาดคั้นจากภรรยาจนภรรยาข้าพเจ้าร้องไห้และก็ยอมรับว่าไปหาเด็กคนนั้นและมีอะไรกันจริง ข้าพเจ้าข้าพเจ้ารู้สึกช็อคมากโลกทั้งโลกเหมือนพังทลาย เหมือนคนที่เคว้งคว้างไม่รู้ว่าจะทำยังไงกับชีวิตตัวเองต่อปี ข้าพเจ้าใช้เวลาอยู่นานพอสมควร ด้วยใจที่คิดถึงลูกและรักครอบครัวจึงบอกกับภรรยาว่าขอให้เลิกไม่ติดต่อเด็กคนนี้อีกที่แล้วมาให้แล้ว ไปแต่ต้องแสดงความจริงใจด้วยการเล่าว่าเป็นเช่นนี้ได้อย่างไร ไปนัดเจอกันที่ไหน ซึ่งในช่วงแรกภรรยาข้าพเจ้าก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีเล่าเรื่องต่างๆมีอะไรกันกี่ครั้ง ซื้อของอะไรให้กับเด็กคนนี้บ้าง ในมุมหนึ่งก็ต้องบอกว่าเด็กยุคนี้มันร้ายกาจอายุเพียงแค่ 13 14 อยู่เพียงแค่ ม. 1 ม. 2 กล้าที่จะมีชู้และกระทำการชู้กับบุคคลซึ่งเป็นครูของเขาเอง เด็กคนนี้เคยเรียนป 6 ที่โรงเรียนภรรยาข้าพเจ้าสอนอยู่ แต่พอเริ่มมีปัญหาข้าพเจ้าเคยส่งข้อความเไปหาเด็กโดยมีใจความว่าอย่ามายุ่งกับครอบครัวข้าพเจ้า และวันนั้นแม่เด็กมันก็โทรมา พูดจาเเหมือนจะเข้าใจในการวางตัวของลูกมัน จากนั้นเด็กขึ้นชั้นก็ได้ย้ายโรงเรียนไปเรียนกับจังหวัดที่พ่อแม่ทำงานอยู่คือจังหวัดชลบุรี ขนาดอยู่กันคนละที่แสดงว่ามีการพูดคุยติดต่อกันตลอดจนถึงขั้นนัดสมสู่กัน
ข้าพเจ้าในขณะนั้นรู้สึกเสียดายเวลารู้สึกห่วงครอบครัวรู้สึกห่วงลูกจึงยอมถอยขอให้ภรรยาของข้าพเจ้าเลิกกับเด็กคนนั้น แต่ความจริงที่ตามมาคือข้าพเจ้าก็ยังจะได้อีกว่าภรรยาข้าพเจ้ายังคุยติดต่อ ภรรยาข้าพเจ้าอย่างนัดเจอกันกับเด็กคนนั้นที่ห้างสรรพสินค้า และล่าสุดข้าพเจ้าตามไปจนพบว่ารถของภรรยาข้าพเจ้าไปจอดอยู่ที่โรงแรมชั่วคราว ชื่อวาเลนเซียเพชรเกษม พอข้าพเจ้าดักรอ เขาก็แอบกันออกมาโดยคลาดกับข้าพเจ้า
แน่นอนพอพูดคุยกันก็ย่อมมีปากเสียงกันและทะเลาะกัน ก่อนหน้านี้ข้าพเจ้าเคยตัดสินใจแยกออกมาแล้ว 1 ครั้งแต่ทำใจคิดถึงลูกไม่ได้ จึงกลับเข้าไปใหม่โดยอยู่กันคนละห้องที่บ้าน แต่นานวันเข้าสิ่งที่พบเห็นก็อย่าทำให้เห็นอย่างแน่ชัดว่าภรรยาข้าพเจ้าหลงเด็กคนนี้มาก มีทั้งแอบให้เงินแอบซื้อของ โทรศัพท์คุยกันไม่เว้นวัน และเชื่อว่าถ้าไม่ใช่อยู่ในช่วง covid เช่นนี้ เขาคงนัดที่จะเจอกันและเสพสมกันอย่างแน่นอน
ในวันนี้ข้าพเจ้าเริ่มแน่ชัดในความจริงแล้วว่า เส้นทางดำรงชีวิตของเราคงกลับมายากและไม่มีวันกลับมาแล้ว เพราะเวลาที่ทะเลาะกันช่วงหลังภรรยาข้าพเจ้ามักจะพูดย้ำเสมอว่า ไม่มีวันที่จะกลับมาญาติดีกันอีกต่อไป เขาบอกว่าเขาโกรธแค้นมากที่ข้าพเจ้าเคยไปพบผู้อำนวยการเขา เพื่อเล่าเรื่องเหล่านี้ให้ฟังและต้องการให้ลงโทษทางวินัย แต่สุดท้ายทางโรงเรียนได้แนะนำภรรยาของข้าพเจ้าให้มาพูดคุยเกลี้ยกล่อมให้เลิกร้องเรียน ข้าพเจ้าประกอบด้วยความใจอ่อน ข้าพเจ้าจึงขอถอนการร้องเรียนออกแต่หลังจากนั้นก็คงเดาได้ โดยเฉพาะทุกครั้งที่ภรรยาข้าพเจ้าได้พูดคุยกับชู้เด็กคนนี้มักจะมีความแข็งก้าวทางวาจาและความคิดที่ก้าวร้าวขึ้นกับข้าพเจ้าเสมอ เด็กคนนี้ไม่ธรรมดาจริง
ตัวเองเป็นถึงครูแนะนำ ผู้อื่นแก้ปัญหาชีวิตไปก็เยอะ พอเป็นเรื่องของตนเองต้องบอกว่ามันไม่ง่ายที่จะตัดสินใจเด็ดขาดจริงๆ
สิ่งที่อยู่ในความคิดข้าพเจ้า ณ ปัจจุบันนี้ เริ่มเห็นแล้วว่าอนาคตของลูกไม่ดีแน่นอนลูกอายุ 9 ขวบกับต้องมีพ่อเลี้ยงอายุ 14 ขวบ ถึงตอนนี้มันคงมาหากันและพามาอยู่ด้วยกันแน่นอน และเท่าที่รู้ทางแม่ของเด็กมันก็ค่อนข้างสนับสนุนลูก เพราะเคยมีข้อความมาขอคืนดีกับภรรยาข้าพเจ้าออกตัวแทนลูก คงนึกว่าฐานะภรรยาข้าพเจ้ามีเงิน แต่ครอบครัวเราไม่จัดว่าอยู่ในฐานะดีเลย ตัวภรรยาก็มีหนี้จากการกู้ยืมสหกรณ์อยู่
ความคิดที่คิดว่าคงต้องจัดการขั้นเด็ดขาดก็กลับมาอีกครั้ง แบบไม่ใจอ่อน ข้าพเจ้าคงต้องร้องเรียนเอาเรื่องเอาผิด อีกครั้ง อย่างน้อยที่สุดด้วยความเป็นครูอย่าปล่อยให้ความไม่ถูกต้องบังเกิดขึ้นในสังคมทั้งการที่ผู้หญิงมีอะไรกับคนที่เคยเป็นลูกศิษย์และปัจจุบันอายุยังไม่ถึง 15 ปี ไม่ควรจริงๆ แต่การจะจัดการเรื่องราวอะไรข้าพเจ้าอยากทำให้ละเอียดรอบคอบกว่านี้ มันเห็นชัดแล้วว่าทางพวกฝ่ายข้าราชการครูในโรงเรียนมันพยายามที่จะบ่ายเบี่ยง ช่วยเหลือ เคยไปครั้งที่คุยกับ ผ.อ.และผู้ช่วย เขาบอกว่าต้อวมีหลักฐานชัดแจ้ง ลองนึกดูซิเวลาคนมันนัดแอบคบชู้มีอะไรกันมันจะถ่ายคลิป เก็บไว้ให้ข้าพเจ้าเก็บเป็นหลักฐานเหรอ เวลานี้ข้าพเจ้าไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นการจัดการอย่างไรดี รู้แต่เพียงว่าต้องหยุดพวกเขา ต้องเอาลูกมาอยู่ด้วย และข้าพเจ้าก็แน่ชัดในตัวเราว่าคงจะไม่เดินร่วมทางกับหญิงผู้นี้อีก
ท่านที่ได้อ่านได้ฟังเรื่องราวของข้าพเจ้า หากใครพอรู้ช่องทางในการจัดการเอาผิดอย่างน้อยที่สุดก็หยุดพฤติกรรมเหล่านั้น และข้าพเจ้าอยากได้บุตรมาเป็นผู้ดูแลช่วยแนะนำทางให้ข้าพเจ้าที หรือข้าพเจ้าต้องไปที่หน่วยไหนแบบที่ยุติธรรม หรือสำนักข่าวไหนได้ยินเรื่องราวแล้วจะช่วย ก็ติดต่อมาได้นะ
ท้ายที่สุดนะข้าพเจ้าเข้าใจนะ คนเราไม่รักกันแล้วยอมเลิกกันได้ แยกทางกันได้ เป็นปกติ แต่เรื่องราวทบทบาทที่เราเป็นอยู่ ไม่ควรที่จะปล่อยผ่านและจบไปแบบไม่มีอะไรเกิดขึ้น แล้ววันหน้าเราจะสอนคนรุ่นหลังในเรื่องศีลธรรม จรรยา กับเขาอย่างไร คนเป็นครูต้องมีจรรยาบรรณ เด็กก็ต้องมีสำนึกว่าว่าการเป็นชู้เขามันผิดศีลธรรมไม่ใช่แค่เอามันส์อย่างเดียว ยาวหน่อยนะขอบใจสำหรับคนที่อ่าน
จากชายวัยดึก