สวัสดีครับทุกท่าน ตอนนี้ผมกำลังเจอกับสถานการณ์น่าอึดอัดใจ
ขนาดที่ว่า ผมไม่กล้าที่จะตัดสินใจอะไรเลย
เรื่องมีอยู่ว่า ผมได้รู้จักกับผู้หญิงคนนึง อายุห่างกับผมประมาณ 6-7 ปี กำลังเรียนจบมหาลัยในอีกประมาณ 1-2 ปี
ผมรู้จักน้องเขาผ่านเพื่อนร่วมงานของผมในวันกินเลี้ยงบริษัท น้องเขาก็น่ารักดี ผมก็เลยหลงสเน่ห์น้องเขาได้โดยไม่ยาก
เมื่อได้จังหวะ ผมจึงหาโอกาสเข้าไปคุยกับน้องเขา
เรื่องก็ดำเนินไปอย่างดี ไม่นานนัก ผมกับน้องเขาก็ได้คบกัน
เวลาว่างผมก็ไปเจอน้องเขาที่ห้องบ้าง เมื่อวันที่ผมว่าง
ผมรู้จักและได้คบกับน้องเขาในช่วงที่โควิดระบาดรุนแรงใน phase แรกๆพอดี
ทุกท่านคงรู้กันดี ว่าโรคระบาดนี้ส่งผลกับหน้าที่การงานแค่ไหน
โชคไม่เข้าข้าง โรคระบาดนี้ได้มีผลกระทบอย่างรุนแรงต่อครอบครัวน้องเขา
และรายได้ที่บ้านน้องเขาได้รับ แทบจะเป็นศูนย์
และนอกจากนั้น ผลกระทบยังมาตกกับผมอีกด้วย จึงทำให้รายได้ที่ได้รับลดลงค่อนข้างเยอะทีเดียว
น้องเขาตัดสินใจลาออกจากมหาวิทยาลัย เพื่อลดค่าใช้จ่ายแก่พ่อและแม่ และใช้เงินเก็บที่เหลือเพื่ออยู่รอดในวันต่อวัน
และออกทำงานเมื่อโควิดบรรเทาลง เพื่อหาเงินหาเช้ากินค่ำไปวันๆ ให้มีชีวิตรอด ในเดือนต่อเดือน
ผมก็คอยซัพพอร์ตน้องเขา พาเขาไปกินข้าว เลี้ยงข้าวน้องเขา ซื้อนู้นซื้อนี่ให้กิน ตามประสาคนเป็นแฟนกัน
แต่เมื่อไม่นานนัก โรคระบาดเริ่มกลับมารุนแรงอีกครั้ง รัฐบาลสั่งให้ร้านอาหารปิดตัวลงเป็นเวลาหลายเดือน
สถานการณ์ตอนนี้ของน้องเขา ก็กลับมาเครียดและรุนแรงเหมือนเดิม เพราะเงินเก็บของน้องเขากำลังจะหมดลง
ผมจึงถามน้องเขาว่า
"มาอยู่กับผมไหม?"
ซึ่งผมมีคอนโดเล็กๆแถวที่ทำงานของผม ที่ผมอยู่ประจำ โดยไม่ได้คิดไตร่ตรองอะไรมากมายก่อนจะเอ่ยปากถามออกไป
น้องเขาตอบตกลง จากนั้นผมจึงพาน้องเขาย้ายมาอยู่ที่คอนโดเดียวกับผม
เวลาผ่านไป โรคระบาดเริ่มบรรเทาลง น้องเขาจึงออกหางานทำ ช่วยเรื่องค่าใช้จ่ายผม
เหมือนกับว่าเขาต้องการตอบแทนผมในตอนที่น้องเขาลำบาก
สุดท้ายแล้วก็หนังม้วนเดิม โรคระบาดรุนแรงอีกครั้ง ร้านอาหารปิดตัวลง น้องเขากลับมาตกงาน
และก็อยู่กับผมเรื่อยมา คอยภาวนาทุกวัน ให้โรคระบาดมันบรรเทาลง และหายไปวันแล้ววันเล่า
และเรื่องราวสถานการณ์เกี่ยวกับความเป็นอยู่ก็จบลง
...
ในเรื่องของหัวใจ ผมกับน้องเขาคุยกันเพียงเดือน จากนั้นก็คบกัน โดยที่น้องเขาอยากให้ผมขอคบ และพูดอยู่เรื่อยมา
ซึ่งส่วนตัวผม ผมอยากจะให้เรา 2 คน คุยกันไปเรื่อยๆก่อน ก่อนที่จะตกลงคบกัน ไม่ใช่ว่าเพราะผมอยากมองหาคนอื่นหรอก
แต่ผมอยากให้เราเรียนรู้ ถึงข้อดี ข้อเสีย ไลฟ์สไตล์ มายเซ็ต ของกันและกันก่อน ว่าจะสามารถอยู่ด้วยกันได้ไหม ก่อนจะคบกัน
แต่ด้วยความที่อาจจะเร่งรีบเกินไป น้องเขาขอให้ผมขอคบซ้ำแล้วซ้ำเล่า ผมจึงตัดสินใจที่จะขอคบน้องเขาไป โดยที่เราทั้งคู่ยังไม่รู้จักกันดีเท่านั้น
มันจึงเป็นผลกรรมระยะยาว ที่ค่อยๆก่อตัวตั้งแต่ตอนเริ่ม จนมาถึงทุกวันนี้...
ผมจะเล่าให้ฟัง
1. ผมเคยศึกษาการลงทุนอย่างหนึ่งอยู่ ซึ่งผมศึกษาอยู่ซักพัก ก่อนที่ผมจะมองเห็นโอกาสในการทำรายได้และลงทุนจริงตอนโควิดระบาด
เพื่อหารายได้เพิ่มเติมจากงานประจำ
ใช่ครับ ด้วยความที่ศึกษาน้อยไป และมั่นใจในตัวเองสูง ผมเสียเงินเก็บไปหลายหมื่นจากการลงทุนครั้งนั้น
ผมคิดกับตัวเองว่า "โอเค เรารู้แล้วว่าเราผิดพลาดอะไร เราจะต้องอุดรอยรั่วนั้น ศึกษาเพิ่มขึ้น และลงทุนอย่างฉลาด จะได้ไม่พลาดอีก"
พร้อมกับวางแผนการทั้งดำเนินชีวิตและธุรกิจของผมใหม่ เพื่ออุดรอยรั่ว และลงแรงไปกับการศึกษาสิ่งนั้นอย่างจริงจัง
แต่เมื่อผมเล่าให้ฟังถึงแผนการที่ผมคิดมา น้องเขากลับบอกกับผมว่า "เสียดายเงินว่ะ เค้าว่าเธอไม่เหมาะกับอะไรแบบนี้หรอก เลิกเถอะ แค่นี้ดีอยู่แล้ว"
2. ก่อนจะมาคบกับน้องเขาประมาณ 2 ปี ผมเคยคบกับผู้หญิงคนนึงอยู่ก่อนจะเลิกกันอย่างไม่ดีนัก
ก่อนจะมาคบกับน้องเขา ผมก็พยายามลบทุกอย่างภายในเฟสบุ๊คของผมนะ แต่ผมพลาด ผมลบไม่หมด
มีโพสเป็นร้อยเป็นพันที่ถูกเก็บเอาไว้หน้าฟีดเฟสบุ๊คของผม ผมต้องใช้เวลามากเกินไป ในการย้อนหา และลบมันทิ้ง
ผมเลยเลือกลบแค่รูปภาพ หรืออะไรอย่างอื่น ที่มันสามารถหาได้โดยไม่ต้องเลื่อนฟีดเป็นชั่วโมง เพื่อหา
แต่ไม่ใช่กับน้องเขา น้องเขาใช้เวลาว่างเลื่อนหาโพสเก่าๆที่เกี่ยวข้องกับผมและแฟนเก่า เพื่อคอมเม้นต์โดยมีวัตถุประสงค์เดียวคือการแซะ
ไม่ใช่แค่แซะแฟนเก่าผมอ่ะดิ แซะผมด้วย แล้วเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ที่ผมเคารพ และเคารพผม ก็เห็นทุกอย่างที่น้องเขาพิมพ์ถึงผมในทางแย่ๆ
ซึ่งบางเรื่อง ผมไม่ได้ผิดด้วยซ้ำ แต่เวรกรรม ผมต้องขอโทษ เพื่อให้เรื่องมันจบ
มันเป็นการไม่ให้เกียรติผมเลยแม้แต่น้อย
3. ถ้าผมทำ ผมผิด ถ้าเขาทำ ผมผิด
ตอนผมคบกันแรกๆ ผมเคยเป็นหนึ่งในคนที่มีโรคประจำตัวอย่างหนึ่ง คือโรคซึมเศร้า ซึ่งได้มันมาจากปัญหาเก่าๆที่ผมมีกับแฟนเก่าของผม
ก่อนจะค่อยๆดีขึ้น แล้วมาเจอกับน้องเขา
ถึงผมจะหายแล้ว ผมก็ติดพฤติกรรมๆหนึ่ง คือการโพสต์เรื่องเศร้าๆ และถ่ม
ชีวิตตัวเองลงในโซเชียลมีเดียของตนเอง
โดยที่ไม่ระบุอะไรเกี่ยวกับใครถึงปัญหาและความรู้สึกที่ผมเป็นอยู่
จนผมมาคบกับน้องเขา ผมก็ยังมีปัญหานี้อยู่ ซึ่งใช่ครับ เขามาคุยกับผมเรื่องนี้ ขอให้ผมเลิกพฤติกรรมนี้ซะ เพราะมันเป็นการไม่ให้เกียรติเขา
โอเค ผมก็ยอมเขา แล้วเลิกพฤติกรรมที่ทำให้ผมจมปลักแบบนี้ไป
แต่อย่างที่บอกในข้อ 2. เขาแซะผมผ่านโซเชียลมีเดียของผม โดยที่ไม่ให้เกียรติอะไรผมเลย
แต่เขากลับบอกผมว่า ก็มันเป็นเรื่องจริง ก็เธอเป็นแบบนี้
อ่าว แล้วทีผมทำตอนคบกันแรกๆล่ะ...
4. แสดงความไม่ชอบคนใกล้ตัวของผม และมาพูดให้ผมฟังทุกวัน
ผมมีกลุ่มเพื่อนที่คบกันอยู่ทุกวันตั้งแต่สมัยประถม และเป็นกลุ่มเดียว ที่ยังคบอยู่
ผมเคยพาน้องเขาไปทริปร่วมกับกลุ่มของผม
แต่พอกลับมาห้อง เขาก็สาธยายเกี่ยวกับเรื่องที่เขารู้สึกเกี่ยวกับเพื่อนผม
บอกว่า เหมือนกับว่าเพื่อนผมพร้อมจะทิ้งผมตลอดเวลาบ้าง ดูไม่จริงใจบ้าง
อาจจะเป็นเพราะว่าผมกับเพื่อนกลุ่มนี้เคยมีปัญหากันมาก่อน จนผมออกมาอยู่คนเดียว
แต่ด้วยความเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น สุดท้ายก็กลับมาคุยกัน
ผมก็ยอมรับความคิดเขานะ แต่ผมไม่ชอบการมาพูดย้ำๆซ้ำๆกับความคิดแบบนี้
ผมมองคนออก แล้วการที่มีปัญหากัน ไม่ได้หมายความว่าเพื่อนผมจะแย่ไปตลอดกาล
เรื่องเพื่อนอาจจะไม่ใช่กลุ่มใหญ่
นอกจากเพื่อนแล้ว น้องเขายังไม่ชอบน้องสะใภ้ของผมอีกด้วย
น้องผมคบกับสาวรุ่นพี่ อายุเท่าๆผม อาจจะมากกว่าผมด้วยซ้ำ
มีครั้งหนึ่งที่ผมทะเลาะกับแฟนผม แล้วเขามาเจอผมนั่งเครียด เลยเข้ามาคุยกับผม
น้องสะใภ้ผมเข้ามาพูดมุมมองความคิดที่น้องสะใภ้มีต่อแฟนผมว่าอย่างไรบ้าง
ด้วยความเป็นห่วงผม และแฟนของผม ในด้านของข้อดีข้อเสีย ว่าควรทำอย่างไร ถึงจะอยู่ด้วยกันได้ดีขึ้น ไม่ทะเลาะกัน
ผมกับน้องสะใภ้ค่อนข้างสนิทกัน เลยพูดกับผมตรงๆ
แต่เวรกรรม แฟนผมเขามาได้ยินตอนที่ผมคุยกับน้องสะใภ้ผมพอดี
ตอนนั้นแฟนผมเลยโกรธผมมาก แล้วเกลียดน้องสะใภ้ผมไปเลย
บอกว่าน้องสะใภ้ผม
บ้าง ไม่จริงใจบ้าง ต้องเป็นคนยังไงบ้าง
แต่ผมสนิทกับน้องสะใภ้ผม พอเขามาพูดแบบนี้ ผมก็คงรู้สึกไม่โอเคเท่าไหร่ ถูกไหมครับ?
จากเหตุการณ์คราวนั้นมา แฟนผมก็พูดถึงน้องสะใภ้ให้ผมฟังบ่อยๆ ในด้านลบๆเช่นเดิม
จนผมต้องแก้ไขเรื่องนี้ โดยการขอโทษแทนน้องสะใภ้ และแสร้งว่าไม่ชอบน้องสะใภ้ของผม เพื่อตัดปัญหานี้ออกไป
5. เป็นคนที่ทำให้คนที่เป็นน้ำ สามารถเดือดเป็นไฟได้ เมื่อยามมีปัญหา
ตามที่เข้าใจเลยครับ แฟนผมเขาชอบยั่วยุให้ผมโกรธ จากที่ผมใจเย็น ด้วยการกระทำต่างๆ
เช่นไม่สนใจในสิ่งที่ผมพูด เล่นมือถือ ทั้งๆที่ผมบอกหลายต่อหลายครั้งว่าผมไม่ชอบ และอยากให้โฟกัสกับการคุยเพื่อแก้ไขปัญหา
หรือเอาเรื่องอื่นที่ไม่เกี่ยวมาพูดให้ผมรู้สึกแย่
ผมอยากคุยด้วยเหตุผล แต่เขาไม่เคยสนใจเหตุผลของผมเลย
ผมใช้เวลาคิดเพื่อหาทางออกด้วยเหตุผลต่างๆนาๆ
แต่สุดท้าย เขาก็สนใจแต่ความรู้สึกตัวเอง โดยที่ไม่สนใจเหตุผล หรือความรู้สึกของผมเลย
จบลงที่ผมต้องขอโทษเขาเหมือนเดิม
มีหลายครั้งที่ผมหลุด และรู้ตัวเองว่ากำลังจะระเบิดอารมณ์ออกมา ผมจึงขอแยกตัวออกมาซักเดี๋ยว เพื่อสงบสติอารมณ์
แต่แฟนผมเขาต้องการที่จะปะทะ ต้องการที่จะคุยให้จบเดี๋ยวนั้น ณ ตอนนั้น โดยที่ไม่สนใจอารมณ์ที่มีอยู่ทั้ง 2 ฝ่าย
แล้วถ้าไฟ เจอกับไฟ อะไรจะเกิดขึ้นล่ะ ?
เละ เป็น ขี้
...
และยังมีอีกหลายเรื่อง ที่ทำให้ผมรู้สึกแย่จนถึงทุกวันนี้
จริงๆผมก็ไม่ใช่คนดีอะไร บางครั้งผมก็ทำให้เขาเสียใจ แต่ไม่เคยมีเรื่องเจ้าชู้นะ
แต่เวรกรรม บางทีมันไม่ใช่เรื่องที่ผมทำผิดด้วยซ้ำ แต่ผมต้องขอโทษ เพราะมันทำให้แฟนผมเสียใจ
ใช่ ทุกคนมีทั้งข้อดี และข้อเสีย ผมเข้าใจ
แต่บางทีข้อเสียที่มี มันสุดโต่งเกินไป จนอาจจะทำให้สภาพจิตใจของคนเป็นคู่ ถูกบั่นทอนเรื่อยๆ
ซึ่งผมไม่ชอบการบั่นทอน พื้นฐานผมเป็นคนที่มองโลกในแง่ดี และมองตรงไปข้างหน้า ไปยังอนาคตเสมอ
และผมเป็นคนที่สามารถทิ้งความคิดอะไรที่มันคอยฉุดรั้งไม่ให้ผมก้าวไปข้างหน้าได้อย่างรวดเร็ว
แต่ตอนนี้ผมกลับจมปลักอยู่กับความคิดพังๆ ผมกำลังย้อนเวลาไปเป็นเหมือนตอนที่ผมคบกับแฟนเก่า ถ่ม
ชีวิตตัวเอง รู้สึกแย่ในทุกๆวัน
วันละเป็นหมื่นๆรอบ วนเวียนกับมัน ไม่สามารถมูฟออกไปได้เสียที...
ผมอยากเลิกกับแฟนผม แต่ติดปัญหาใหญ่ที่สุดคือ น้องเขาไม่มีอะไรติดตัวเลยในตอนนี้ ถ้าจะให้ไล่เขาออกจากคอนโดผมไป ก็ไม่รู้จะไปอยู่ไหน
ผมอยากให้เขามีเงินก่อน ก่อนที่จะให้เขาย้ายออกไป ต่างคนต่างใช้ชีวิตโดยที่ไม่มีอะไรยุ่งเกี่ยวกันอีก
หรือผมอาจจะเป็นคนที่แย่เอง เข้าข้างตัวเองมาโดยตลอด ?
แล้วผมควรทำอย่างไรต่อไป...?
เมื่อความอดทนที่มีอยู่กำลังจะแตกออก... มันกำลังส่งผลให้ผมเริ่มไม่อยากที่จะรักษาอะไรเกี่ยวกับชีวิตคู่อีกต่อไป...
ขนาดที่ว่า ผมไม่กล้าที่จะตัดสินใจอะไรเลย
เรื่องมีอยู่ว่า ผมได้รู้จักกับผู้หญิงคนนึง อายุห่างกับผมประมาณ 6-7 ปี กำลังเรียนจบมหาลัยในอีกประมาณ 1-2 ปี
ผมรู้จักน้องเขาผ่านเพื่อนร่วมงานของผมในวันกินเลี้ยงบริษัท น้องเขาก็น่ารักดี ผมก็เลยหลงสเน่ห์น้องเขาได้โดยไม่ยาก
เมื่อได้จังหวะ ผมจึงหาโอกาสเข้าไปคุยกับน้องเขา
เรื่องก็ดำเนินไปอย่างดี ไม่นานนัก ผมกับน้องเขาก็ได้คบกัน
เวลาว่างผมก็ไปเจอน้องเขาที่ห้องบ้าง เมื่อวันที่ผมว่าง
ผมรู้จักและได้คบกับน้องเขาในช่วงที่โควิดระบาดรุนแรงใน phase แรกๆพอดี
ทุกท่านคงรู้กันดี ว่าโรคระบาดนี้ส่งผลกับหน้าที่การงานแค่ไหน
โชคไม่เข้าข้าง โรคระบาดนี้ได้มีผลกระทบอย่างรุนแรงต่อครอบครัวน้องเขา
และรายได้ที่บ้านน้องเขาได้รับ แทบจะเป็นศูนย์
และนอกจากนั้น ผลกระทบยังมาตกกับผมอีกด้วย จึงทำให้รายได้ที่ได้รับลดลงค่อนข้างเยอะทีเดียว
น้องเขาตัดสินใจลาออกจากมหาวิทยาลัย เพื่อลดค่าใช้จ่ายแก่พ่อและแม่ และใช้เงินเก็บที่เหลือเพื่ออยู่รอดในวันต่อวัน
และออกทำงานเมื่อโควิดบรรเทาลง เพื่อหาเงินหาเช้ากินค่ำไปวันๆ ให้มีชีวิตรอด ในเดือนต่อเดือน
ผมก็คอยซัพพอร์ตน้องเขา พาเขาไปกินข้าว เลี้ยงข้าวน้องเขา ซื้อนู้นซื้อนี่ให้กิน ตามประสาคนเป็นแฟนกัน
แต่เมื่อไม่นานนัก โรคระบาดเริ่มกลับมารุนแรงอีกครั้ง รัฐบาลสั่งให้ร้านอาหารปิดตัวลงเป็นเวลาหลายเดือน
สถานการณ์ตอนนี้ของน้องเขา ก็กลับมาเครียดและรุนแรงเหมือนเดิม เพราะเงินเก็บของน้องเขากำลังจะหมดลง
ผมจึงถามน้องเขาว่า
"มาอยู่กับผมไหม?"
ซึ่งผมมีคอนโดเล็กๆแถวที่ทำงานของผม ที่ผมอยู่ประจำ โดยไม่ได้คิดไตร่ตรองอะไรมากมายก่อนจะเอ่ยปากถามออกไป
น้องเขาตอบตกลง จากนั้นผมจึงพาน้องเขาย้ายมาอยู่ที่คอนโดเดียวกับผม
เวลาผ่านไป โรคระบาดเริ่มบรรเทาลง น้องเขาจึงออกหางานทำ ช่วยเรื่องค่าใช้จ่ายผม
เหมือนกับว่าเขาต้องการตอบแทนผมในตอนที่น้องเขาลำบาก
สุดท้ายแล้วก็หนังม้วนเดิม โรคระบาดรุนแรงอีกครั้ง ร้านอาหารปิดตัวลง น้องเขากลับมาตกงาน
และก็อยู่กับผมเรื่อยมา คอยภาวนาทุกวัน ให้โรคระบาดมันบรรเทาลง และหายไปวันแล้ววันเล่า
และเรื่องราวสถานการณ์เกี่ยวกับความเป็นอยู่ก็จบลง
...
ในเรื่องของหัวใจ ผมกับน้องเขาคุยกันเพียงเดือน จากนั้นก็คบกัน โดยที่น้องเขาอยากให้ผมขอคบ และพูดอยู่เรื่อยมา
ซึ่งส่วนตัวผม ผมอยากจะให้เรา 2 คน คุยกันไปเรื่อยๆก่อน ก่อนที่จะตกลงคบกัน ไม่ใช่ว่าเพราะผมอยากมองหาคนอื่นหรอก
แต่ผมอยากให้เราเรียนรู้ ถึงข้อดี ข้อเสีย ไลฟ์สไตล์ มายเซ็ต ของกันและกันก่อน ว่าจะสามารถอยู่ด้วยกันได้ไหม ก่อนจะคบกัน
แต่ด้วยความที่อาจจะเร่งรีบเกินไป น้องเขาขอให้ผมขอคบซ้ำแล้วซ้ำเล่า ผมจึงตัดสินใจที่จะขอคบน้องเขาไป โดยที่เราทั้งคู่ยังไม่รู้จักกันดีเท่านั้น
มันจึงเป็นผลกรรมระยะยาว ที่ค่อยๆก่อตัวตั้งแต่ตอนเริ่ม จนมาถึงทุกวันนี้...
ผมจะเล่าให้ฟัง
1. ผมเคยศึกษาการลงทุนอย่างหนึ่งอยู่ ซึ่งผมศึกษาอยู่ซักพัก ก่อนที่ผมจะมองเห็นโอกาสในการทำรายได้และลงทุนจริงตอนโควิดระบาด
เพื่อหารายได้เพิ่มเติมจากงานประจำ
ใช่ครับ ด้วยความที่ศึกษาน้อยไป และมั่นใจในตัวเองสูง ผมเสียเงินเก็บไปหลายหมื่นจากการลงทุนครั้งนั้น
ผมคิดกับตัวเองว่า "โอเค เรารู้แล้วว่าเราผิดพลาดอะไร เราจะต้องอุดรอยรั่วนั้น ศึกษาเพิ่มขึ้น และลงทุนอย่างฉลาด จะได้ไม่พลาดอีก"
พร้อมกับวางแผนการทั้งดำเนินชีวิตและธุรกิจของผมใหม่ เพื่ออุดรอยรั่ว และลงแรงไปกับการศึกษาสิ่งนั้นอย่างจริงจัง
แต่เมื่อผมเล่าให้ฟังถึงแผนการที่ผมคิดมา น้องเขากลับบอกกับผมว่า "เสียดายเงินว่ะ เค้าว่าเธอไม่เหมาะกับอะไรแบบนี้หรอก เลิกเถอะ แค่นี้ดีอยู่แล้ว"
2. ก่อนจะมาคบกับน้องเขาประมาณ 2 ปี ผมเคยคบกับผู้หญิงคนนึงอยู่ก่อนจะเลิกกันอย่างไม่ดีนัก
ก่อนจะมาคบกับน้องเขา ผมก็พยายามลบทุกอย่างภายในเฟสบุ๊คของผมนะ แต่ผมพลาด ผมลบไม่หมด
มีโพสเป็นร้อยเป็นพันที่ถูกเก็บเอาไว้หน้าฟีดเฟสบุ๊คของผม ผมต้องใช้เวลามากเกินไป ในการย้อนหา และลบมันทิ้ง
ผมเลยเลือกลบแค่รูปภาพ หรืออะไรอย่างอื่น ที่มันสามารถหาได้โดยไม่ต้องเลื่อนฟีดเป็นชั่วโมง เพื่อหา
แต่ไม่ใช่กับน้องเขา น้องเขาใช้เวลาว่างเลื่อนหาโพสเก่าๆที่เกี่ยวข้องกับผมและแฟนเก่า เพื่อคอมเม้นต์โดยมีวัตถุประสงค์เดียวคือการแซะ
ไม่ใช่แค่แซะแฟนเก่าผมอ่ะดิ แซะผมด้วย แล้วเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ที่ผมเคารพ และเคารพผม ก็เห็นทุกอย่างที่น้องเขาพิมพ์ถึงผมในทางแย่ๆ
ซึ่งบางเรื่อง ผมไม่ได้ผิดด้วยซ้ำ แต่เวรกรรม ผมต้องขอโทษ เพื่อให้เรื่องมันจบ
มันเป็นการไม่ให้เกียรติผมเลยแม้แต่น้อย
3. ถ้าผมทำ ผมผิด ถ้าเขาทำ ผมผิด
ตอนผมคบกันแรกๆ ผมเคยเป็นหนึ่งในคนที่มีโรคประจำตัวอย่างหนึ่ง คือโรคซึมเศร้า ซึ่งได้มันมาจากปัญหาเก่าๆที่ผมมีกับแฟนเก่าของผม
ก่อนจะค่อยๆดีขึ้น แล้วมาเจอกับน้องเขา
ถึงผมจะหายแล้ว ผมก็ติดพฤติกรรมๆหนึ่ง คือการโพสต์เรื่องเศร้าๆ และถ่มชีวิตตัวเองลงในโซเชียลมีเดียของตนเอง
โดยที่ไม่ระบุอะไรเกี่ยวกับใครถึงปัญหาและความรู้สึกที่ผมเป็นอยู่
จนผมมาคบกับน้องเขา ผมก็ยังมีปัญหานี้อยู่ ซึ่งใช่ครับ เขามาคุยกับผมเรื่องนี้ ขอให้ผมเลิกพฤติกรรมนี้ซะ เพราะมันเป็นการไม่ให้เกียรติเขา
โอเค ผมก็ยอมเขา แล้วเลิกพฤติกรรมที่ทำให้ผมจมปลักแบบนี้ไป
แต่อย่างที่บอกในข้อ 2. เขาแซะผมผ่านโซเชียลมีเดียของผม โดยที่ไม่ให้เกียรติอะไรผมเลย
แต่เขากลับบอกผมว่า ก็มันเป็นเรื่องจริง ก็เธอเป็นแบบนี้
อ่าว แล้วทีผมทำตอนคบกันแรกๆล่ะ...
4. แสดงความไม่ชอบคนใกล้ตัวของผม และมาพูดให้ผมฟังทุกวัน
ผมมีกลุ่มเพื่อนที่คบกันอยู่ทุกวันตั้งแต่สมัยประถม และเป็นกลุ่มเดียว ที่ยังคบอยู่
ผมเคยพาน้องเขาไปทริปร่วมกับกลุ่มของผม
แต่พอกลับมาห้อง เขาก็สาธยายเกี่ยวกับเรื่องที่เขารู้สึกเกี่ยวกับเพื่อนผม
บอกว่า เหมือนกับว่าเพื่อนผมพร้อมจะทิ้งผมตลอดเวลาบ้าง ดูไม่จริงใจบ้าง
อาจจะเป็นเพราะว่าผมกับเพื่อนกลุ่มนี้เคยมีปัญหากันมาก่อน จนผมออกมาอยู่คนเดียว
แต่ด้วยความเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น สุดท้ายก็กลับมาคุยกัน
ผมก็ยอมรับความคิดเขานะ แต่ผมไม่ชอบการมาพูดย้ำๆซ้ำๆกับความคิดแบบนี้
ผมมองคนออก แล้วการที่มีปัญหากัน ไม่ได้หมายความว่าเพื่อนผมจะแย่ไปตลอดกาล
เรื่องเพื่อนอาจจะไม่ใช่กลุ่มใหญ่
นอกจากเพื่อนแล้ว น้องเขายังไม่ชอบน้องสะใภ้ของผมอีกด้วย
น้องผมคบกับสาวรุ่นพี่ อายุเท่าๆผม อาจจะมากกว่าผมด้วยซ้ำ
มีครั้งหนึ่งที่ผมทะเลาะกับแฟนผม แล้วเขามาเจอผมนั่งเครียด เลยเข้ามาคุยกับผม
น้องสะใภ้ผมเข้ามาพูดมุมมองความคิดที่น้องสะใภ้มีต่อแฟนผมว่าอย่างไรบ้าง
ด้วยความเป็นห่วงผม และแฟนของผม ในด้านของข้อดีข้อเสีย ว่าควรทำอย่างไร ถึงจะอยู่ด้วยกันได้ดีขึ้น ไม่ทะเลาะกัน
ผมกับน้องสะใภ้ค่อนข้างสนิทกัน เลยพูดกับผมตรงๆ
แต่เวรกรรม แฟนผมเขามาได้ยินตอนที่ผมคุยกับน้องสะใภ้ผมพอดี
ตอนนั้นแฟนผมเลยโกรธผมมาก แล้วเกลียดน้องสะใภ้ผมไปเลย
บอกว่าน้องสะใภ้ผมบ้าง ไม่จริงใจบ้าง ต้องเป็นคนยังไงบ้าง
แต่ผมสนิทกับน้องสะใภ้ผม พอเขามาพูดแบบนี้ ผมก็คงรู้สึกไม่โอเคเท่าไหร่ ถูกไหมครับ?
จากเหตุการณ์คราวนั้นมา แฟนผมก็พูดถึงน้องสะใภ้ให้ผมฟังบ่อยๆ ในด้านลบๆเช่นเดิม
จนผมต้องแก้ไขเรื่องนี้ โดยการขอโทษแทนน้องสะใภ้ และแสร้งว่าไม่ชอบน้องสะใภ้ของผม เพื่อตัดปัญหานี้ออกไป
5. เป็นคนที่ทำให้คนที่เป็นน้ำ สามารถเดือดเป็นไฟได้ เมื่อยามมีปัญหา
ตามที่เข้าใจเลยครับ แฟนผมเขาชอบยั่วยุให้ผมโกรธ จากที่ผมใจเย็น ด้วยการกระทำต่างๆ
เช่นไม่สนใจในสิ่งที่ผมพูด เล่นมือถือ ทั้งๆที่ผมบอกหลายต่อหลายครั้งว่าผมไม่ชอบ และอยากให้โฟกัสกับการคุยเพื่อแก้ไขปัญหา
หรือเอาเรื่องอื่นที่ไม่เกี่ยวมาพูดให้ผมรู้สึกแย่
ผมอยากคุยด้วยเหตุผล แต่เขาไม่เคยสนใจเหตุผลของผมเลย
ผมใช้เวลาคิดเพื่อหาทางออกด้วยเหตุผลต่างๆนาๆ
แต่สุดท้าย เขาก็สนใจแต่ความรู้สึกตัวเอง โดยที่ไม่สนใจเหตุผล หรือความรู้สึกของผมเลย
จบลงที่ผมต้องขอโทษเขาเหมือนเดิม
มีหลายครั้งที่ผมหลุด และรู้ตัวเองว่ากำลังจะระเบิดอารมณ์ออกมา ผมจึงขอแยกตัวออกมาซักเดี๋ยว เพื่อสงบสติอารมณ์
แต่แฟนผมเขาต้องการที่จะปะทะ ต้องการที่จะคุยให้จบเดี๋ยวนั้น ณ ตอนนั้น โดยที่ไม่สนใจอารมณ์ที่มีอยู่ทั้ง 2 ฝ่าย
แล้วถ้าไฟ เจอกับไฟ อะไรจะเกิดขึ้นล่ะ ?
เละ เป็น ขี้
...
และยังมีอีกหลายเรื่อง ที่ทำให้ผมรู้สึกแย่จนถึงทุกวันนี้
จริงๆผมก็ไม่ใช่คนดีอะไร บางครั้งผมก็ทำให้เขาเสียใจ แต่ไม่เคยมีเรื่องเจ้าชู้นะ
แต่เวรกรรม บางทีมันไม่ใช่เรื่องที่ผมทำผิดด้วยซ้ำ แต่ผมต้องขอโทษ เพราะมันทำให้แฟนผมเสียใจ
ใช่ ทุกคนมีทั้งข้อดี และข้อเสีย ผมเข้าใจ
แต่บางทีข้อเสียที่มี มันสุดโต่งเกินไป จนอาจจะทำให้สภาพจิตใจของคนเป็นคู่ ถูกบั่นทอนเรื่อยๆ
ซึ่งผมไม่ชอบการบั่นทอน พื้นฐานผมเป็นคนที่มองโลกในแง่ดี และมองตรงไปข้างหน้า ไปยังอนาคตเสมอ
และผมเป็นคนที่สามารถทิ้งความคิดอะไรที่มันคอยฉุดรั้งไม่ให้ผมก้าวไปข้างหน้าได้อย่างรวดเร็ว
แต่ตอนนี้ผมกลับจมปลักอยู่กับความคิดพังๆ ผมกำลังย้อนเวลาไปเป็นเหมือนตอนที่ผมคบกับแฟนเก่า ถ่มชีวิตตัวเอง รู้สึกแย่ในทุกๆวัน
วันละเป็นหมื่นๆรอบ วนเวียนกับมัน ไม่สามารถมูฟออกไปได้เสียที...
ผมอยากเลิกกับแฟนผม แต่ติดปัญหาใหญ่ที่สุดคือ น้องเขาไม่มีอะไรติดตัวเลยในตอนนี้ ถ้าจะให้ไล่เขาออกจากคอนโดผมไป ก็ไม่รู้จะไปอยู่ไหน
ผมอยากให้เขามีเงินก่อน ก่อนที่จะให้เขาย้ายออกไป ต่างคนต่างใช้ชีวิตโดยที่ไม่มีอะไรยุ่งเกี่ยวกันอีก
หรือผมอาจจะเป็นคนที่แย่เอง เข้าข้างตัวเองมาโดยตลอด ?
แล้วผมควรทำอย่างไรต่อไป...?