(นอกจากการดูดเลือด พวกมันยังผสมเกสรดอกไม้ มีเพศสัมพันธ์ที่สลับซับซ้อน และกินยุงที่เป็นพาหะนำโรคอื่นๆด้วย)
ในโลกมียุงอยู่ประมาณกว่า 3,500 สายพันธุ์ ซึ่งหลายๆสายพันธุ์ไม่ต้องการกัดคนหรือสัตว์อื่นๆ และในสายพันธุ์ที่กัดก็เป็นตัวเมียเท่านั้น เพื่อพัฒนาไข่ของพวกมัน อย่างไรก็ตาม ยุงยังมีหน้าที่หลายอย่างในระบบนิเวศที่ถูกมองข้าม การกำจัดยุงจำนวนมากอาจส่งผลกระทบทุกอย่าง ตั้งแต่การผสมเกสรไปจนถึงการถ่ายเทมวลชีวภาพไปยังใยอาหาร
ในป่าทางตะวันออกของสหรัฐฯ มียุงตัวโตมาก มันเป็นญาติกับยุงที่ผิดปกติในหลายสายพันธ์ข้างต้น ขายาวของมันเดินลอดใต้ต้นไม้ขณะสูดกลิ่นอาหารมื้อต่อไป เมื่อมันสัมผัสได้กับเป้าหมาย ยุงขนาดมหึมาจะขยายงวงโค้งยาวของมัน สอดเข้าไปในใจกลางของดอกไม้ที่นุ่มนวลเพื่อดูดน้ำหวาน ใช่แล้ว
ยุงตัวนี้ไม่ดื่มเลือดมนุษย์ และยังมีอีกหลายสายพันธุ์ที่เราจับต้องได้
ยุงที่แข็งแรงเหล่านี้เป็นรู้จักกันดีในชื่อ " ยุงช้าง " (elephant mosquito) ที่กินอาหารเน้นพืชเป็นหลัก มันบินได้ต่ำกว่าเรดาร์ของเรา ในขณะที่เรากังวลมานานกับสามเปอร์เซ็นต์ของสายพันธ์ยุง ในการนำเชื้อมาสู่คน เช่น มาลาเรีย ไข้เลือดออก และไวรัสซิกา ดังนั้น ยุงจึงเป็นสัตว์ที่น่าสพรึงสำหรับมนุษย์บนโลก แต่ " ยุงช้าง " ขายาวที่กินน้ำหวาน เป็นหนึ่งในหลาย ๆ สายพันธุ์ที่อาจเป็นประโยชน์ต่อมนุษยชาติมากกว่าสิ่งที่ไม่ดี
elephant mosquito ยุงที่ใหญ่และสวยงามที่สุด
มีขนาดใหญ่กว่ายุงทั่วไปสามถึงสี่เท่า มีสีมันวาว เป็นเหยื่อของลูกน้ำยุงตัวอื่นๆ และที่ดีที่สุดคือไม่กัดคน
Yvonne-Marie Linton ภัณฑารักษ์ของ National Mosquito Collection และผู้อำนวยการวิจัยของ Walter Reed Biosystematics Unit (WBRU) ของกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า “ เราประเมินความหลากหลายของยุงต่ำเกินไป และจำนวนสปีชีส์ใหม่ที่เราพบทุกที่ที่เราไปนั้นมหัศจรรย์มาก ”
ด้วยความช่วยเหลือของกลุ่มยุงที่ใหญ่ที่สุดในโลกในหนังสือเกี่ยวกับชีววิทยา วิวัฒนาการ นิเวศวิทยา “ Mosquitoes of the World ” ที่เพิ่งเปิดตัว ของ Linton กับ Richard Wilkerson ผู้เขียนร่วม และ Daniel Strickman ผู้ล่วงลับไปแล้ว มีบทสรุป 1,300 หน้า ซึ่งเน้นถึงความหลากหลายและความสำคัญของยุงทั้งหมด ระบุว่าไม่ใช่แค่ยุงที่มนุษย์กลัว ด้วยความพยายามอย่างมากในการขยายความรู้เกี่ยวกับยุง ทีมงานของ Linton ได้ค้นพบความงามที่ไม่คาดคิด ประโยชน์ และความหลากหลายของแมลงที่น่าชังมากที่สุดในโลกนี้
ขณะที่ยุงช้างส่งเสียงหึ่ง ๆ จากดอกไม้หนึ่งไปอีกดอกหนึ่ง ลำตัวสีน้ำเงินแซฟไฟร์และสีเงินของมันจะเปล่งประกายในแสงแดด เกล็ดที่เจิดจ้าตามหลังและขาของมันสะท้อนให้เห็นถึงสีสันอันหลากหลายที่ยุงได้พัฒนาขึ้นเพื่อประดับไว้ บางสปีชีส์จับคู่เฉดสีเพื่อให้กลมกลืนกับสภาพแวดล้อม ขณะที่บางชนิดดูโดดเด่นในสไตล์ที่ส่องแสงระยิบระยับ โดยขนของพวกมันมีตั้งแต่สีม่วง สีรุ้ง สีเขียว และสีทอง ไปจนถึงลายจุดสีส้มและสีดำด้านที่สวยงาม ส่วนยุง อื่นๆ อีกจำนวนมากที่มีลายทาง เช่น ยุงลาย tiger mosquitoes คาดกันว่าจะทำให้ผู้ล่าและเจ้าบ้านสับสนโดยทำให้มองเห็นรูปร่างได้ยากขึ้น
นกแห่งสวรรค์แห่งโลกของยุง Sabethes cyaneus กำลังแสดงการเต้นรำที่ซับซ้อนเพื่อดึงดูดเพื่อนฝูง( Cr.James Gathany, CDC)
นอกจากยุงลาย Asian tiger mosquito ซึ่งเป็นพาหะของเชื้อโรคอย่างน้อย 25 ชนิดแล้ว ยุงที่สร้างปัญหามากมายให้กับมนุษย์มักเป็นสีที่น่าเบื่อ โดย Linton เรียกสายพันธุ์อันตรายพวกนี้ว่า “ brown blobs ” ในฐานะภัณฑารักษ์ของตัวอย่างยุง 1.7 ล้านตัวอย่างในพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ธรรมชาติแห่งชาติสมิธโซเนียน Linton ใช้เวลาหลายปีในการสนับสนุนฐานข้อมูลยุงออนไลน์ของ WRBU รวมทั้งการป้อนคำอธิบาย ความสัมพันธ์ของโรค และตัวระบุทางพันธุกรรมของยุงทุกสายพันธุ์ที่รู้จัก
นอกจากนั้น ยุงจำนวนหลายสิบตัวที่กระจัดกระจายอยู่ท่ามกลาง brown blobs ก็ได้รับคำอธิบายที่มีสีสันมากขึ้นจาก Linton ด้วย เช่น ยุงลายในสกุล Sabethes cyaneus เธอให้ชื่อสำหรับความงามของมันว่า " ดาราสาวฮอลลีวูดแห่งโลกของยุง " (Hollywood showgirls of the mosquito world)
Sabethes นั้นเป็นสปีชีส์ที่ยอดเยี่ยมโดยเฉพาะ มันถูกห่อหุ้มด้วยสีไวโอเล็ตและบลูส์ตั้งแต่หัวจรดเท้า ทั้งตัวผู้และตัวเมียมีขาคู่ที่สองยาวคล้ายขนนก ซึ่งเมื่อตอนค้นพบ จุดประสงค์ของเครื่องประดับเหล่านี้ทำให้นักวิจัยงงงวย Linton กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ไม่มีเหตุผลในทันทีเกี่ยวกับขาของพวกมัน เนื่องจากยุงเหล่านี้บินอยู่ในป่าเขตร้อน และลักษณะของชายครุยเหล่านี้ไม่มีอากาศพลศาสตร์มากนัก ซึ่งจะไม่เป็นประโยชน์อะไรเลย
แต่ในปี 1990 นักวิทยาศาสตร์ได้ทดลองโกนขาของยุงเหล่านี้ พบว่าชายครุยมีบทบาทสำคัญในการจดจำคู่ครอง นั่นคือ ตัวเมียไม่สนใจว่าตัวผู้จะมีหรือไม่มีชายครุยหรือมีน้อยลง แต่เมื่อตัวเมียขาดชายครุยที่นุ่มฟูของขา ตัวผู้ก็ปฏิเสธที่จะผสมพันธุ์กับพวกมัน นี่เป็นความซับซ้อนกว่าที่ Linton เคยคิดไว้
ความหลากหลายของแมลงนั้นมีมากมายและยุงก็ไม่มีข้อยกเว้น
พวกมันมาในรูปทรง สีสัน และขนาดต่างๆ นำทางโดยการเลือกทางเพศ และความต้องการที่จะผสมผสานหรือทำให้นักล่าสับสน
Cr.Lawrence Reeves
ยุงสามารถแพร่พันธุ์ได้ดีเมื่ออากาศดี ใครก็ตามที่เคยไปเยือนอลาสก้าในฤดูร้อนสามารถยืนยันได้ แต่สปีชีส์ยุงบางชนิดซึ่งเราคงคาดไม่ถึงว่ากระบวนการผสมพันธุ์ของพวกมันจะมีความพิเศษ เช่น การเต้นรำ การจัดแสดง และตำแหน่งที่คู่ควรกับนิยายรักโรแมนติก
กล่าวคือ เสียงหึ่งของยุงทำให้เกิดความวิตกกังวลในพวกเราส่วนใหญ่ แต่มันกลับเป็นเพลงรักสำหรับ " ยุงช้าง " จากที่ทราบกันดีว่ายุงตัวผู้และตัวเมียสามารถประสานเสียงหึ่งของพวกมันได้อย่างสมบูรณ์แบบภายในเวลาไม่กี่วินาที โดยจับคู่ความถี่ของการเต้นปีกของคู่ที่คาดหวัง ซึ่งนักวิจัยคิดว่าความถี่การบินที่กลมกลืนกันทำให้การผสมพันธุ์กลางอากาศง่ายขึ้น แม้ว่าจำเป็นต้องมีการวิจัยเพิ่มเติมเพื่อให้แน่ใจอีกครั้ง
แต่สำหรับ S. cyaneus ทักษะทางดนตรีของคู่ครองไม่สำคัญตราบเท่าที่พวกมันสามารถเต้นได้ เมื่อแมลงเหล่านี้ตัดสินใจจับคู่ พวกมันจะเกี้ยวพาราสีกันอย่างประณีตกับร่างกายที่บอบบางของพวกมัน โดยมักจะห้อยกลับหัวกลับหาง นั่นคือ ตัวผู้จะเกาะอยู่ใต้กิ่งไม้ โดยเริ่มโบกขาขนนกเหนือตัวเมียที่อยู่ใกล้ๆ หากเธอไม่บินออกหรือเตะเขาออกไปด้วยขาหลัง มันก็จะโบกเร็วขึ้นเล็กน้อย จากนั้นก็งอขาที่ยืนและสะบัดงวงสองสามครั้ง หากการห้อยกลับหัวและการเต้นรำไม่น่าสนใจพอ ก็ยังมียุงตัวผู้ที่มีขนปุยขนาดมหึมาอีกหลายตัวที่อยู่ห่างออกไปให้เลือก
ยุง hairy-lipped mosquito ซึ่งหาได้ยากในหมู่ยุงทั่วไป
จะคอยปกป้องไข่ของมันจากเม็ดฝน นักล่า และเศษซากใดๆที่ตกลงมา / Cr.Lawrence Reeves
เมื่อผสมพันธุ์แล้ว พวกมันจะตกลงไปในน้ำ โดยมียุงตัวผู้ในสกุล Opifex ของนิวซีแลนด์ที่รู้จักในการลาดตระเวนน้ำ จะคอยเฝ้าดูดักแด้ที่กำลังเติบโต
พวกมันรอจนตัวโตเต็มวัยโผล่ออกมาจากปลอกของมันโดยสมบูรณ์ และเข้ามาจับกิน ซึ่ง Linton บอกว่า พวกมันเป็นเหมือนสัตว์กินเนื้อในโลกของยุง
ปีแล้วปีเล่า รูตามลำต้นของต้นไม้ในป่า เป็นแหล่งน้ำที่ปลอดภัยสำหรับเลี้ยงลูกน้ำยุง แต่ไข่ของพวกมันก็สามารถพบได้ก็มีในแอ่งน้ำอื่นๆที่ยุงหาได้ด้วย เช่น ในรูปู ตุ่มไผ่ หลุมน้ำฝนที่พบตามสันเขา ทางใบปาล์ม เปลือกผลไม้ และใบไม้ที่ม้วนงอบนพื้นป่า ในขณะที่ยุงก้นปล่อง gambiae ซึ่งเป็นพาหะนำโรคมาลาเรียในแอฟริกามักเลือกรอยกีบเท้าของสัตว์ที่เป็นโคลนในการวางไข่
กลับมาที่ยุงช้าง เมื่อตัวเมียพร้อมที่จะวางไข่ มันจะมองหาโพรงต้นไม้เพื่อวางไข่ แต่ไม่ใช่ในรูปแบบของแม่ที่ถนุถนอม โดยมันจะบินอยู่นอกรู และวางไข่ของมันไว้กลางอากาศโดยเหวี่ยงไข่จากท้องออกไปทีละใบลงในโพรงน้ำ พฤติกรรมการเหวี่ยงไข่นี้อาจทำหน้าที่ปกป้องมันจากผู้ล่า หรืออันตรายจากแม่ยุงตัวอื่น โดยทั่วไปแล้ว เมื่อแม่ยุงโยนไข่เสร็จก็จะบินหนีไป และการคอยดูแลลูกยุงนั้นแทบไม่เคยได้ยินมาก่อน แต่มีแม่ยุงอย่างน้อยหนึ่งชนิดที่มีพฤติกรรมแบบนี้ คือยุง hairy-lipped mosquito สายพันธ์ Trichoprosopon digitatum
ตัวอ่อนของยุงนั้นเติบโตโดยการบริโภคจุลินทรีย์เช่น สาหร่าย และจุลินทรีย์ที่ย่อยสลายวัสดุพืชที่เน่าเปื่อย ซึ่งมีส่วนทำให้เกิดห่วงโซ่อาหารสัตว์น้ำ โดยทำหน้าที่เป็นแหล่งอาหารสำหรับผู้ล่าจำนวนมาก ทั้งปลาและนก ถ้ายุงอยู่รอดจนโตเต็มวัย มันจะบินหนีจากแหล่งที่อยู่อาศัยในน้ำ สิ่งนี้จะถ่ายโอนชีวมวลของยุงไปยังระบบนิเวศบนบก
" honeydew " ของเพลี้ย
จริงๆแล้ว ยุงช้างและอีกหลายสิบสายพันธุ์ญาติสนิทของยุงนั้นไม่เคยดื่มเลือดเมื่อโตเต็มวัย และยุงส่วนหนึ่งก็ไม่ได้มีมนุษย์อยู่ในเมนูเสมอไป แต่พวกมันไปดูดเลือดจากกบ จระเข้ ไส้เดือน ตัวนิ่ม พะยูน และปลาแทน โดยการวิจัยล่าสุดเกี่ยวกับซากดึกดำบรรพ์ของยุงยังชี้ให้เห็นว่า ยุงที่เป็นอาหารของสัตว์เลื้อยคลานเหล่านี้ดูดเลือดของไดโนเสาร์
เมื่อพวกมันไม่ดูดโปรตีนจากเลือด ยุงจะได้รับพลังงานจากน้ำหวาน น้ำนม และน้ำผลไม้ อย่างไรก็ตาม ยุงในสกุล Malaya จะแย่งน้ำหวานจากแมลงอื่นๆ เช่น มดและเพลี้ย โดยใช้หนวดและงวงสั้นลูบหน้า ทำให้พวกมันสำรอกของเหลวหวานที่เรียกว่า " honeydew " ออกจากปาก สิ่งที่เรารู้จากยุงชนิดนี้ก็คือ ยุงทั้งหมดต้องอาศัยของเหลวจากพืชที่มีน้ำตาลเป็นส่วนใหญ่ และความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับพืชนี้อาจมีความสำคัญมากกว่าที่เราคิด
แม้ยุงจะเป็นที่รู้จักกันในการผสมเกสรมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 19 แต่ประสิทธิภาพในการกระจายละอองเรณูของพืชที่พวกมันไปหา เมื่อเทียบกับผึ้ง ผีเสื้อ และแมลงปีกแข็งแล้วไม่ค่อยประสบความสำเร็จมากนัก เนื่องจากมันใช้เวลาส่วนใหญ่ในตอนกลางคืน อย่างไรก็ตาม ในอาร์กติก พืชใช้ประโยชน์จากกลุ่มใหญ่ของยุงน้ำหวานสำหรับการผสมเกสรในช่วงฤดูปลูกสั้น ๆ
ยุงมักจะกินอาหารจากเลือดจากโฮสต์มากกว่าหนึ่งสายพันธุ์ ทำให้พวกมันเป็นพาหะที่ดีเยี่ยมสำหรับโรคจากสัตว์สู่คน
โดยพวกมันบางชนิดจะกินเลือดจากสัตว์เลื้อยคลาน สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ และสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม
แต่มีเพียงไม่กี่ชนิดเท่านั้นที่มีเหยื่อเป็นหนอน และแม้แต่ปลา / Cr.Lawrence Reeves
(ขอขอบคุณที่มาของข้อมูลทั้งหมดและขออนุญาตนำมา)
โลกแห่งความลับของ " ยุง " ที่มีความสำคัญทางนิเวศวิทยา
ในป่าทางตะวันออกของสหรัฐฯ มียุงตัวโตมาก มันเป็นญาติกับยุงที่ผิดปกติในหลายสายพันธ์ข้างต้น ขายาวของมันเดินลอดใต้ต้นไม้ขณะสูดกลิ่นอาหารมื้อต่อไป เมื่อมันสัมผัสได้กับเป้าหมาย ยุงขนาดมหึมาจะขยายงวงโค้งยาวของมัน สอดเข้าไปในใจกลางของดอกไม้ที่นุ่มนวลเพื่อดูดน้ำหวาน ใช่แล้ว
ยุงตัวนี้ไม่ดื่มเลือดมนุษย์ และยังมีอีกหลายสายพันธุ์ที่เราจับต้องได้
ยุงที่แข็งแรงเหล่านี้เป็นรู้จักกันดีในชื่อ " ยุงช้าง " (elephant mosquito) ที่กินอาหารเน้นพืชเป็นหลัก มันบินได้ต่ำกว่าเรดาร์ของเรา ในขณะที่เรากังวลมานานกับสามเปอร์เซ็นต์ของสายพันธ์ยุง ในการนำเชื้อมาสู่คน เช่น มาลาเรีย ไข้เลือดออก และไวรัสซิกา ดังนั้น ยุงจึงเป็นสัตว์ที่น่าสพรึงสำหรับมนุษย์บนโลก แต่ " ยุงช้าง " ขายาวที่กินน้ำหวาน เป็นหนึ่งในหลาย ๆ สายพันธุ์ที่อาจเป็นประโยชน์ต่อมนุษยชาติมากกว่าสิ่งที่ไม่ดี
ด้วยความช่วยเหลือของกลุ่มยุงที่ใหญ่ที่สุดในโลกในหนังสือเกี่ยวกับชีววิทยา วิวัฒนาการ นิเวศวิทยา “ Mosquitoes of the World ” ที่เพิ่งเปิดตัว ของ Linton กับ Richard Wilkerson ผู้เขียนร่วม และ Daniel Strickman ผู้ล่วงลับไปแล้ว มีบทสรุป 1,300 หน้า ซึ่งเน้นถึงความหลากหลายและความสำคัญของยุงทั้งหมด ระบุว่าไม่ใช่แค่ยุงที่มนุษย์กลัว ด้วยความพยายามอย่างมากในการขยายความรู้เกี่ยวกับยุง ทีมงานของ Linton ได้ค้นพบความงามที่ไม่คาดคิด ประโยชน์ และความหลากหลายของแมลงที่น่าชังมากที่สุดในโลกนี้
ขณะที่ยุงช้างส่งเสียงหึ่ง ๆ จากดอกไม้หนึ่งไปอีกดอกหนึ่ง ลำตัวสีน้ำเงินแซฟไฟร์และสีเงินของมันจะเปล่งประกายในแสงแดด เกล็ดที่เจิดจ้าตามหลังและขาของมันสะท้อนให้เห็นถึงสีสันอันหลากหลายที่ยุงได้พัฒนาขึ้นเพื่อประดับไว้ บางสปีชีส์จับคู่เฉดสีเพื่อให้กลมกลืนกับสภาพแวดล้อม ขณะที่บางชนิดดูโดดเด่นในสไตล์ที่ส่องแสงระยิบระยับ โดยขนของพวกมันมีตั้งแต่สีม่วง สีรุ้ง สีเขียว และสีทอง ไปจนถึงลายจุดสีส้มและสีดำด้านที่สวยงาม ส่วนยุง อื่นๆ อีกจำนวนมากที่มีลายทาง เช่น ยุงลาย tiger mosquitoes คาดกันว่าจะทำให้ผู้ล่าและเจ้าบ้านสับสนโดยทำให้มองเห็นรูปร่างได้ยากขึ้น
นอกจากนั้น ยุงจำนวนหลายสิบตัวที่กระจัดกระจายอยู่ท่ามกลาง brown blobs ก็ได้รับคำอธิบายที่มีสีสันมากขึ้นจาก Linton ด้วย เช่น ยุงลายในสกุล Sabethes cyaneus เธอให้ชื่อสำหรับความงามของมันว่า " ดาราสาวฮอลลีวูดแห่งโลกของยุง " (Hollywood showgirls of the mosquito world)
Sabethes นั้นเป็นสปีชีส์ที่ยอดเยี่ยมโดยเฉพาะ มันถูกห่อหุ้มด้วยสีไวโอเล็ตและบลูส์ตั้งแต่หัวจรดเท้า ทั้งตัวผู้และตัวเมียมีขาคู่ที่สองยาวคล้ายขนนก ซึ่งเมื่อตอนค้นพบ จุดประสงค์ของเครื่องประดับเหล่านี้ทำให้นักวิจัยงงงวย Linton กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ไม่มีเหตุผลในทันทีเกี่ยวกับขาของพวกมัน เนื่องจากยุงเหล่านี้บินอยู่ในป่าเขตร้อน และลักษณะของชายครุยเหล่านี้ไม่มีอากาศพลศาสตร์มากนัก ซึ่งจะไม่เป็นประโยชน์อะไรเลย
แต่ในปี 1990 นักวิทยาศาสตร์ได้ทดลองโกนขาของยุงเหล่านี้ พบว่าชายครุยมีบทบาทสำคัญในการจดจำคู่ครอง นั่นคือ ตัวเมียไม่สนใจว่าตัวผู้จะมีหรือไม่มีชายครุยหรือมีน้อยลง แต่เมื่อตัวเมียขาดชายครุยที่นุ่มฟูของขา ตัวผู้ก็ปฏิเสธที่จะผสมพันธุ์กับพวกมัน นี่เป็นความซับซ้อนกว่าที่ Linton เคยคิดไว้
กล่าวคือ เสียงหึ่งของยุงทำให้เกิดความวิตกกังวลในพวกเราส่วนใหญ่ แต่มันกลับเป็นเพลงรักสำหรับ " ยุงช้าง " จากที่ทราบกันดีว่ายุงตัวผู้และตัวเมียสามารถประสานเสียงหึ่งของพวกมันได้อย่างสมบูรณ์แบบภายในเวลาไม่กี่วินาที โดยจับคู่ความถี่ของการเต้นปีกของคู่ที่คาดหวัง ซึ่งนักวิจัยคิดว่าความถี่การบินที่กลมกลืนกันทำให้การผสมพันธุ์กลางอากาศง่ายขึ้น แม้ว่าจำเป็นต้องมีการวิจัยเพิ่มเติมเพื่อให้แน่ใจอีกครั้ง
แต่สำหรับ S. cyaneus ทักษะทางดนตรีของคู่ครองไม่สำคัญตราบเท่าที่พวกมันสามารถเต้นได้ เมื่อแมลงเหล่านี้ตัดสินใจจับคู่ พวกมันจะเกี้ยวพาราสีกันอย่างประณีตกับร่างกายที่บอบบางของพวกมัน โดยมักจะห้อยกลับหัวกลับหาง นั่นคือ ตัวผู้จะเกาะอยู่ใต้กิ่งไม้ โดยเริ่มโบกขาขนนกเหนือตัวเมียที่อยู่ใกล้ๆ หากเธอไม่บินออกหรือเตะเขาออกไปด้วยขาหลัง มันก็จะโบกเร็วขึ้นเล็กน้อย จากนั้นก็งอขาที่ยืนและสะบัดงวงสองสามครั้ง หากการห้อยกลับหัวและการเต้นรำไม่น่าสนใจพอ ก็ยังมียุงตัวผู้ที่มีขนปุยขนาดมหึมาอีกหลายตัวที่อยู่ห่างออกไปให้เลือก
พวกมันรอจนตัวโตเต็มวัยโผล่ออกมาจากปลอกของมันโดยสมบูรณ์ และเข้ามาจับกิน ซึ่ง Linton บอกว่า พวกมันเป็นเหมือนสัตว์กินเนื้อในโลกของยุง
ปีแล้วปีเล่า รูตามลำต้นของต้นไม้ในป่า เป็นแหล่งน้ำที่ปลอดภัยสำหรับเลี้ยงลูกน้ำยุง แต่ไข่ของพวกมันก็สามารถพบได้ก็มีในแอ่งน้ำอื่นๆที่ยุงหาได้ด้วย เช่น ในรูปู ตุ่มไผ่ หลุมน้ำฝนที่พบตามสันเขา ทางใบปาล์ม เปลือกผลไม้ และใบไม้ที่ม้วนงอบนพื้นป่า ในขณะที่ยุงก้นปล่อง gambiae ซึ่งเป็นพาหะนำโรคมาลาเรียในแอฟริกามักเลือกรอยกีบเท้าของสัตว์ที่เป็นโคลนในการวางไข่
กลับมาที่ยุงช้าง เมื่อตัวเมียพร้อมที่จะวางไข่ มันจะมองหาโพรงต้นไม้เพื่อวางไข่ แต่ไม่ใช่ในรูปแบบของแม่ที่ถนุถนอม โดยมันจะบินอยู่นอกรู และวางไข่ของมันไว้กลางอากาศโดยเหวี่ยงไข่จากท้องออกไปทีละใบลงในโพรงน้ำ พฤติกรรมการเหวี่ยงไข่นี้อาจทำหน้าที่ปกป้องมันจากผู้ล่า หรืออันตรายจากแม่ยุงตัวอื่น โดยทั่วไปแล้ว เมื่อแม่ยุงโยนไข่เสร็จก็จะบินหนีไป และการคอยดูแลลูกยุงนั้นแทบไม่เคยได้ยินมาก่อน แต่มีแม่ยุงอย่างน้อยหนึ่งชนิดที่มีพฤติกรรมแบบนี้ คือยุง hairy-lipped mosquito สายพันธ์ Trichoprosopon digitatum
ตัวอ่อนของยุงนั้นเติบโตโดยการบริโภคจุลินทรีย์เช่น สาหร่าย และจุลินทรีย์ที่ย่อยสลายวัสดุพืชที่เน่าเปื่อย ซึ่งมีส่วนทำให้เกิดห่วงโซ่อาหารสัตว์น้ำ โดยทำหน้าที่เป็นแหล่งอาหารสำหรับผู้ล่าจำนวนมาก ทั้งปลาและนก ถ้ายุงอยู่รอดจนโตเต็มวัย มันจะบินหนีจากแหล่งที่อยู่อาศัยในน้ำ สิ่งนี้จะถ่ายโอนชีวมวลของยุงไปยังระบบนิเวศบนบก
เมื่อพวกมันไม่ดูดโปรตีนจากเลือด ยุงจะได้รับพลังงานจากน้ำหวาน น้ำนม และน้ำผลไม้ อย่างไรก็ตาม ยุงในสกุล Malaya จะแย่งน้ำหวานจากแมลงอื่นๆ เช่น มดและเพลี้ย โดยใช้หนวดและงวงสั้นลูบหน้า ทำให้พวกมันสำรอกของเหลวหวานที่เรียกว่า " honeydew " ออกจากปาก สิ่งที่เรารู้จากยุงชนิดนี้ก็คือ ยุงทั้งหมดต้องอาศัยของเหลวจากพืชที่มีน้ำตาลเป็นส่วนใหญ่ และความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับพืชนี้อาจมีความสำคัญมากกว่าที่เราคิด
แม้ยุงจะเป็นที่รู้จักกันในการผสมเกสรมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 19 แต่ประสิทธิภาพในการกระจายละอองเรณูของพืชที่พวกมันไปหา เมื่อเทียบกับผึ้ง ผีเสื้อ และแมลงปีกแข็งแล้วไม่ค่อยประสบความสำเร็จมากนัก เนื่องจากมันใช้เวลาส่วนใหญ่ในตอนกลางคืน อย่างไรก็ตาม ในอาร์กติก พืชใช้ประโยชน์จากกลุ่มใหญ่ของยุงน้ำหวานสำหรับการผสมเกสรในช่วงฤดูปลูกสั้น ๆ