เพิ่งมารู้ว่าแฟนเก่าที่คบมาเป็น10ปี ไปนอนกับอาจารย์สอนพยาบาลก่อนมาบอกเลิกเรา
สวัสดีค่ะ
เราเลิกกับแฟนที่คบมา10ปี ได้ปีกว่าๆแล้วค่ะ
ช่วงที่เพิ่งเลิกกัน เรียกว่าหนักหนาสาหัสกับเรามากเหมือนกัน
เราเลิกกันวันที่ 10 ธันวาคม 62 แต่จริงๆเรามีแพลนจะแต่งงานกันวันที่ 7 มีนาคม 63 ค่ะ
ตอนแรกว่าจะถามว่าจะจัดการกับความรู้สึกในตอนนี้ยังไงดีที่ได้รู้ความจริง
เราไม่อยากเป็นคนที่โทรไปหาแฟนเก่า แล้วตั้งคำถามกับเรื่องที่ผ่านมานานแล้ว
แต่บอกตรงๆว่าตอนนี้เรามีความผิดหวังที่เหลือล้น และชิงชัง เราอยากหาทางออกค่ะ
พอได้เริ่มมาพิมพ์ความรู้สึกอัดอั้นตันใจหลายอย่างมันพรั่งพรูออกมาเยอะแยะเลย
ตอนแรกอยากจะถามคำถามสั้นๆ เกี่ยวกับวิธีจัดการความรู้สึกตัวเอง แต่ตอนนี้ เราคิดว่าเราอยากระบาย
อยากเรียบเรียงความคิด ถ้าใครพอมีเวลาอ่านและมีข้อเสนอแนะเรายินดีรับฟังนะคะ
ก่อนหน้านี้เราเคยทำงานเป็นแอร์มาก่อนค่ะ ความสัมพันธ์ที่มีมา 10 ปี จริงๆแล้วมันเริ่มจางลงช่วงปีที่7-8 มีครั้งนึงเราทะเลาะกันหนักมาก ปัญหาไม่ได้ถูกแก้ไข และเรื่องที่เราบอกแฟนก็ถูกตอกกลับมาในข้อเสียอื่นๆของเรา พอประเด็นเปลี่ยนครั้งนั้นกลายเป็นเราต้องเป็นฝ่ายขอโทษค่ะ ส่วนเรื่องที่เราบอกแฟนไปก็ผ่านไปกับสายลม..(จริงๆตอนนั้นเราแค่ต้องการคำว่าขอโทษคำเดียวจากแฟนค่ะ)
ตรงนี้คงจะเป็นจุดเริ่มต้นของเราที่ทำให้ความรักของเราเปลี่ยนไป
ผ่านไปหลายปีกับความรักที่จืดจางลง เราไม่ได้ทะเลาะกันอีกเลย มีอะไรส่วนใหญ่เราจะอดทนและเก็บไว้ในใจ
(เป็นมาตั้งแต่ช่วงหลายปีแรกที่เราคบกันแล้วค่ะ เพราะว่าปกติแล้วเวลาพูดอะไรไปเค้าจะชอบโมโหใส่)
จริงๆถึงจะบอกแบบนั้น เวลาเราเจอกันมันก็ไม่ได้แย่นะคะ ทุกอย่างก็เหมือนเดิม เราเป็นคนมีความสุขกับเรื่องง่ายๆแค่กินของอร่อย ได้ไปเที่ยวใกล้ๆเราก็แฮปปี้แล้วค่ะ ช่วงที่ได้ใช้เวลาด้วยกัน มีความสุขตลอด
ลืมบอกเราทำงานต้องห่างบ้านครั้งละ 1 อาทิตย์ค่ะ เค้าจะมารับที่สนามบิน หลังจากนั้นเราจะหาเวลาไปเที่ยวกัน
ช่วงกันยา 62 เราทะเลาะกันอีกครั้ง ช่วงนั้นอยู่ดีๆแฟนเราก็เปลี่ยนไป เราเป็นฝ่ายโทรหาเค้าติดต่อกัน 5 วัน เวลาคุยก็เฉยๆ เราเลยลองไม่โทรไปดูปรากฎว่าเค้าก็ไม่โทรมาเลยจนผ่านไป 5-6วันได้ วันที่เค้าโทรมาประโยคแรกที่พูดคือ 'ถ้าพี่ไม่โทรมาเราก็คงไม่โทรไปใช่มั้ย'
จริงๆเราก็ค่อนข้างงงเพราะก่อนหน้านั้นเราเป็นฝ่ายโทรไปตลอด พอเราหยุดโทรเค้าก็ไม่โทร พอมาย้อนนึกดูแล้วตรงนี้คงเป็นสัญญานอย่างนึงที่เรามองไม่เห็นเอง
จริงๆในปี 61 เรามีแพลนจะสร้างบ้านและแต่งงานกัน แต่ติดขัดหลายอย่าง สุดท้ายเราจะย้ายเข้าบ้านเค้าและมีแพลนจะแต่งงานกันช่วงปลายปี 62 แต่สุดท้ายเลื่อนไป มีนา63แทน ความเหินห่างก็มีเหตุมาจาเรื่องนี้ด้วยเหมือนกัน ช่วงที่จะสร้างบ้านเราจัดการทุกอย่างคนเดียว คิดคนเดียวเพราะถามไปแล้วเค้าไม่มีความเห็น รวมทั้งเรื่องแต่งงานด้วย มีวันนึงเราช่วยเค้าไปลองชุดแต่งงานกัน เค้าบอกเราว่า ‘พี่ไม่ไปได้มั้ย’
(พอมาเขียนหลังจากเวลาผ่านไปแล้วเราโง่ๆจริงๆนะคะ 55555)
เวลาผ่านไป งานเค้ายุ่ง และมีความเครียด (เค้าเป็นอาจารย์จบด็อกเตอร์ค่ะ)
ส่วนเราก็บินแล้วก็เหนื่อย เวลาคุยกันก็จะเพลียๆเบลอๆ เค้าเริ่มเก็บสะสมความไม่พอใจเราที่เราไม่ค่อยสนใจเค้าไว้ สุดท้ายถึงกลายมาเปนแบบนี้ เค้าบอกเราว่า -เค้าไม่อยากแต่งงาน เค้าไม่เห็นเราในอนาคต-
เราเลยถามเค้าว่าที่บอกแบบนี้เพราะอะไร เผื่อว่าเค้าจะพูดด้วยอารมณ์ แต่มันคงจะอยู่ในใจเค้ามานานแล้วแหละ เค้าเลยให้เราเป็นคนเลือกว่าจะทำยังไง เราเลยเลือกที่จะไปค่ะ มันชัดเจนขนาดนี้แล้ว คำว่าไม่เห็นเราในอนาคตนี่เราใจสลายไปแล้ว
--------------------------
บอกตรงๆว่าเวลามีปัญหาเราจะเถียงแฟนเก่าเราไม่ทัน คิดตามไม่ทันค่ะ งงๆตลอด ส่วนนึงเพราะเค้าเปนอาจารณ์ด้วยมั้งเลยพูดเก่งหว่านล้อมเก่ง ตอนที่ทะเลาะเราเลยอัดเสียงไว้เพื่อมาทำความเข้าใจทีหลัง วันที่เลิกกันก็อัดไว้ค่ะ(แต่ไม่เคยกลับมาฟัง ฟังไม่ไหวจริงๆ)
หลังจากเลิกกันไปก็สาหัสอยู่เหมือนกัน เราเลิกกันวันที่10ธันวา ช่วงปีใหม่หลังจากเราแลนด์ ด้วยความคิดถึงและหวังว่าเราอาจจะดีกันก็ได้ เราโทรไป Happy new year ตอนนั้นเค้าก็ขับรถอยู่แต่เสียงที่คุยมีการเว้นระยะ เราเลยรู้แล้วว่ามันคงเป็นไปไม่ได้แล้วล่ะ
เวลาผ่านไปกุมภาเค้ามาขอคืนดี แต่เราไม่คืนดีด้วย เค้าถามเหตุผล เราคิดว่าเราไม่อยากกลับไปทุกข์แบบเดิม มีอะไรก็ต้องเก็บไว้ในใจ กลัวการเปิดอกคุยกับเค้า กลัวเค้าโกรธ หลังจากนั้นเค้าก็เฮิร์ทหนัก แต่พอผ่านไปก็โอเคขึ้น แล้วเราก็ยังมีการติดต่อกันบ้างประปรายค่ะ ในใจเราเหลือแต่ความดีที่เค้าทำ เป็นพี่ชาย ไม่มีความรู้สึกโกรธ เกลียด เราคิดแค่ว่าระหว่างเรามันคงหมดPassion เราคบกันมานานเกิน และไม่มีอะไรทำร่วมกันมันเลยเกิดวันนี้
แต่ ณ วันนี้เราเพิ่งได้รู้ว่าก่อนที่เราจะเลิกกัน 10 วัน เค้าไปนอนโรงแรมกับผู้หญิงอื่นค่ะ เค้านอกใจเรานอกกายด้วย และหลังจากเลิกกันหมาดๆเค้าก็ไปทำแบบนี้เรื่อยๆ แล้วกุมภาก็มาขอเราคืนดี โดยที่ยังมีผู้หญิงอีกคน กว่าจะพัฒนาความสัมพันธ์มาถึงขั้นนี้ได้เค้าคงคุยกันมาก่อนนานแล้ว แต่พอได้กินกันเลยตัดสินใจมาเลิกกับเรา แต่ไม่กล้าเป็นคนบอกเอง
ก่อนหน้านี้ที่เราบอกว่าเราอัดเสียงไว้ ผ่านปีกว่าเราเลยคิดว่าเรารับได้แล้ว วันนั้นเราคุยกันยังไง เราเลยย้อนไปฟังดู มันทำให้เราเกิดความรู้สึกชิงชัง โง่ และสงสารตัวเอง...
วันนั้นเค้าบอกเค้าไม่อยากแต่งงานกับเรา ไม่เห็นเราในอนาคต มันทำให้เราใจสลาย เวลาที่ร้องไห้เค้าก็นิ่งเงียบ เวลาที่เราพูดเค้าก็กดคอมพิวเตอร์ไปด้วย ก่อนจะวางสายก็ถามย้ำว่าเราจะทำยังไงอยู่หลายรอบ
เราเป็นคนโง่ที่ไว้ใจแฟน มีเพื่อนถามหลายคนว่าพี่เค้ามีคนอื่นรึเปล่า เราบอกว่าไม่มีหรอก ไม่มีแน่ๆเราเชื่อเค้าสนิทใจ....
แน่นอนว่าการที่คนๆนึงจะนอกใจได้ความสัมพันธุ์มันคงจะไม่ได้ดีเค้าถึงเลือกที่จะทำแบบนั้น เราเองก็คงมีส่วนผิดที่ไม่ทำให้ความสัมพันธ์มันดีถึงมีมือที่สามเข้ามา
แต่เราก็เสียใจ และผิดหวังเค้าทำแบบนี้ได้ยังไง ไม่ใช่แค่คุยแต่ไปนอนโรงแรมกันก่อนจะเลิกกับเรา
ก่อนนี้ที่เค้าคิดว่าเป็นพี่ชาย เรารู้สึกขยะแขยง และเราชิงชังผู้หญิงคนนั้นที่กล้าเข้ามาในความสัมพันธ์กับคนที่กำลังจะแต่งงาน หรือต่อให้ไม่รู้ว่าเค้าจะแต่งงานก็กล้ามาคุยและนอนกับผู้ชายที่มีแฟนแล้ว ทั้งสองคนเป็นอาจารย์ จบด็อกเตอร์ทั้งคู่ การศึกษาที่สูงยิ่งทำให้เราต้องตั้งคำถามว่า แบบนี้ก็ได้หรือ? การศึกษาไม่ได้ช่วยอะไร
เราเชื่อในเรื่องนึงว่า ถ้าคนเราที่คบกันไปบังเอิญเจอกันกับใครอื่นสักคน เค้าอาจจะรักชอบกันกับคนมาทีหลังได้ เราอาจจะไม่ใช่คู่แท้ เรายอมรับการถูกบอกเลิกแบบนี้ แบบที่ทำอย่างถูกต้องเปิดเผย คุยกันชอบกันแล้วมาบอกเลิกเรา ไม่ใช่แอบกินกันมาสักพัก แล้วตอนบอกเลิกก็ให้เราเจ็บและเป็นคนตัดสินใจ บอกเราแบบแมนๆได้มั้ย ว่ามีคนอื่น ไม่ได้รักเราเหมือนเดิม และคาดคั้นให้เราตัดสินใจโดนบอกว่ามันจะไม่แฟร์กับเรา
พิมพ์มาซะยาว พอได้เรียบเรียงความคิด ความอัดอั้นชิงชัง และจะมาขอว่าจะจัดการความรู้สึกนี้ยังไงหายไปแล้วค่ะ5555
เผื่อว่าความรู้สึกแบบนั้นจะกลับมาอีก รู้สึกชิงชัง รู้สึกอยากโทรไปหาแฟนเก่าแล้วถามหาเหตุผล
อยากรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น อยากให้เค้าเล่าว่ามันเป็นมายังไง อยากโทษเค้าและผู้หญิงคนนั้นที่ทำให้พวกเราเป็นแบบนี้ เราจะจัดการความรู้สึกแบบนี้ยังไงดีคะ เราไม่ควรโทรใช่มั้ย ช่วยห้ามเราด้วยเหตุผลทีค่ะ เราจะได้วางได้ลง
เราไม่ควรบอกเค้าว่าเรารู้แล้วนะสิ่งที่เค้าทำใช่มั้ย ถ้าทำตามอารมณ์ได้จริงๆ เราก็อยากไปโวยวายนะ
เพิ่งมารู้ว่าแฟนเก่าที่คบมาเป็น10ปี ไปนอนกับอาจารย์พยาบาลก่อนมาบอกเลิกเรา
สวัสดีค่ะ
เราเลิกกับแฟนที่คบมา10ปี ได้ปีกว่าๆแล้วค่ะ
ช่วงที่เพิ่งเลิกกัน เรียกว่าหนักหนาสาหัสกับเรามากเหมือนกัน
เราเลิกกันวันที่ 10 ธันวาคม 62 แต่จริงๆเรามีแพลนจะแต่งงานกันวันที่ 7 มีนาคม 63 ค่ะ
ตอนแรกว่าจะถามว่าจะจัดการกับความรู้สึกในตอนนี้ยังไงดีที่ได้รู้ความจริง
เราไม่อยากเป็นคนที่โทรไปหาแฟนเก่า แล้วตั้งคำถามกับเรื่องที่ผ่านมานานแล้ว
แต่บอกตรงๆว่าตอนนี้เรามีความผิดหวังที่เหลือล้น และชิงชัง เราอยากหาทางออกค่ะ
พอได้เริ่มมาพิมพ์ความรู้สึกอัดอั้นตันใจหลายอย่างมันพรั่งพรูออกมาเยอะแยะเลย
ตอนแรกอยากจะถามคำถามสั้นๆ เกี่ยวกับวิธีจัดการความรู้สึกตัวเอง แต่ตอนนี้ เราคิดว่าเราอยากระบาย
อยากเรียบเรียงความคิด ถ้าใครพอมีเวลาอ่านและมีข้อเสนอแนะเรายินดีรับฟังนะคะ
ก่อนหน้านี้เราเคยทำงานเป็นแอร์มาก่อนค่ะ ความสัมพันธ์ที่มีมา 10 ปี จริงๆแล้วมันเริ่มจางลงช่วงปีที่7-8 มีครั้งนึงเราทะเลาะกันหนักมาก ปัญหาไม่ได้ถูกแก้ไข และเรื่องที่เราบอกแฟนก็ถูกตอกกลับมาในข้อเสียอื่นๆของเรา พอประเด็นเปลี่ยนครั้งนั้นกลายเป็นเราต้องเป็นฝ่ายขอโทษค่ะ ส่วนเรื่องที่เราบอกแฟนไปก็ผ่านไปกับสายลม..(จริงๆตอนนั้นเราแค่ต้องการคำว่าขอโทษคำเดียวจากแฟนค่ะ)
ตรงนี้คงจะเป็นจุดเริ่มต้นของเราที่ทำให้ความรักของเราเปลี่ยนไป
ผ่านไปหลายปีกับความรักที่จืดจางลง เราไม่ได้ทะเลาะกันอีกเลย มีอะไรส่วนใหญ่เราจะอดทนและเก็บไว้ในใจ
(เป็นมาตั้งแต่ช่วงหลายปีแรกที่เราคบกันแล้วค่ะ เพราะว่าปกติแล้วเวลาพูดอะไรไปเค้าจะชอบโมโหใส่)
จริงๆถึงจะบอกแบบนั้น เวลาเราเจอกันมันก็ไม่ได้แย่นะคะ ทุกอย่างก็เหมือนเดิม เราเป็นคนมีความสุขกับเรื่องง่ายๆแค่กินของอร่อย ได้ไปเที่ยวใกล้ๆเราก็แฮปปี้แล้วค่ะ ช่วงที่ได้ใช้เวลาด้วยกัน มีความสุขตลอด
ลืมบอกเราทำงานต้องห่างบ้านครั้งละ 1 อาทิตย์ค่ะ เค้าจะมารับที่สนามบิน หลังจากนั้นเราจะหาเวลาไปเที่ยวกัน
ช่วงกันยา 62 เราทะเลาะกันอีกครั้ง ช่วงนั้นอยู่ดีๆแฟนเราก็เปลี่ยนไป เราเป็นฝ่ายโทรหาเค้าติดต่อกัน 5 วัน เวลาคุยก็เฉยๆ เราเลยลองไม่โทรไปดูปรากฎว่าเค้าก็ไม่โทรมาเลยจนผ่านไป 5-6วันได้ วันที่เค้าโทรมาประโยคแรกที่พูดคือ 'ถ้าพี่ไม่โทรมาเราก็คงไม่โทรไปใช่มั้ย'
จริงๆเราก็ค่อนข้างงงเพราะก่อนหน้านั้นเราเป็นฝ่ายโทรไปตลอด พอเราหยุดโทรเค้าก็ไม่โทร พอมาย้อนนึกดูแล้วตรงนี้คงเป็นสัญญานอย่างนึงที่เรามองไม่เห็นเอง
จริงๆในปี 61 เรามีแพลนจะสร้างบ้านและแต่งงานกัน แต่ติดขัดหลายอย่าง สุดท้ายเราจะย้ายเข้าบ้านเค้าและมีแพลนจะแต่งงานกันช่วงปลายปี 62 แต่สุดท้ายเลื่อนไป มีนา63แทน ความเหินห่างก็มีเหตุมาจาเรื่องนี้ด้วยเหมือนกัน ช่วงที่จะสร้างบ้านเราจัดการทุกอย่างคนเดียว คิดคนเดียวเพราะถามไปแล้วเค้าไม่มีความเห็น รวมทั้งเรื่องแต่งงานด้วย มีวันนึงเราช่วยเค้าไปลองชุดแต่งงานกัน เค้าบอกเราว่า ‘พี่ไม่ไปได้มั้ย’
(พอมาเขียนหลังจากเวลาผ่านไปแล้วเราโง่ๆจริงๆนะคะ 55555)
เวลาผ่านไป งานเค้ายุ่ง และมีความเครียด (เค้าเป็นอาจารย์จบด็อกเตอร์ค่ะ)
ส่วนเราก็บินแล้วก็เหนื่อย เวลาคุยกันก็จะเพลียๆเบลอๆ เค้าเริ่มเก็บสะสมความไม่พอใจเราที่เราไม่ค่อยสนใจเค้าไว้ สุดท้ายถึงกลายมาเปนแบบนี้ เค้าบอกเราว่า -เค้าไม่อยากแต่งงาน เค้าไม่เห็นเราในอนาคต-
เราเลยถามเค้าว่าที่บอกแบบนี้เพราะอะไร เผื่อว่าเค้าจะพูดด้วยอารมณ์ แต่มันคงจะอยู่ในใจเค้ามานานแล้วแหละ เค้าเลยให้เราเป็นคนเลือกว่าจะทำยังไง เราเลยเลือกที่จะไปค่ะ มันชัดเจนขนาดนี้แล้ว คำว่าไม่เห็นเราในอนาคตนี่เราใจสลายไปแล้ว
--------------------------
บอกตรงๆว่าเวลามีปัญหาเราจะเถียงแฟนเก่าเราไม่ทัน คิดตามไม่ทันค่ะ งงๆตลอด ส่วนนึงเพราะเค้าเปนอาจารณ์ด้วยมั้งเลยพูดเก่งหว่านล้อมเก่ง ตอนที่ทะเลาะเราเลยอัดเสียงไว้เพื่อมาทำความเข้าใจทีหลัง วันที่เลิกกันก็อัดไว้ค่ะ(แต่ไม่เคยกลับมาฟัง ฟังไม่ไหวจริงๆ)
หลังจากเลิกกันไปก็สาหัสอยู่เหมือนกัน เราเลิกกันวันที่10ธันวา ช่วงปีใหม่หลังจากเราแลนด์ ด้วยความคิดถึงและหวังว่าเราอาจจะดีกันก็ได้ เราโทรไป Happy new year ตอนนั้นเค้าก็ขับรถอยู่แต่เสียงที่คุยมีการเว้นระยะ เราเลยรู้แล้วว่ามันคงเป็นไปไม่ได้แล้วล่ะ
เวลาผ่านไปกุมภาเค้ามาขอคืนดี แต่เราไม่คืนดีด้วย เค้าถามเหตุผล เราคิดว่าเราไม่อยากกลับไปทุกข์แบบเดิม มีอะไรก็ต้องเก็บไว้ในใจ กลัวการเปิดอกคุยกับเค้า กลัวเค้าโกรธ หลังจากนั้นเค้าก็เฮิร์ทหนัก แต่พอผ่านไปก็โอเคขึ้น แล้วเราก็ยังมีการติดต่อกันบ้างประปรายค่ะ ในใจเราเหลือแต่ความดีที่เค้าทำ เป็นพี่ชาย ไม่มีความรู้สึกโกรธ เกลียด เราคิดแค่ว่าระหว่างเรามันคงหมดPassion เราคบกันมานานเกิน และไม่มีอะไรทำร่วมกันมันเลยเกิดวันนี้
แต่ ณ วันนี้เราเพิ่งได้รู้ว่าก่อนที่เราจะเลิกกัน 10 วัน เค้าไปนอนโรงแรมกับผู้หญิงอื่นค่ะ เค้านอกใจเรานอกกายด้วย และหลังจากเลิกกันหมาดๆเค้าก็ไปทำแบบนี้เรื่อยๆ แล้วกุมภาก็มาขอเราคืนดี โดยที่ยังมีผู้หญิงอีกคน กว่าจะพัฒนาความสัมพันธ์มาถึงขั้นนี้ได้เค้าคงคุยกันมาก่อนนานแล้ว แต่พอได้กินกันเลยตัดสินใจมาเลิกกับเรา แต่ไม่กล้าเป็นคนบอกเอง
ก่อนหน้านี้ที่เราบอกว่าเราอัดเสียงไว้ ผ่านปีกว่าเราเลยคิดว่าเรารับได้แล้ว วันนั้นเราคุยกันยังไง เราเลยย้อนไปฟังดู มันทำให้เราเกิดความรู้สึกชิงชัง โง่ และสงสารตัวเอง...
วันนั้นเค้าบอกเค้าไม่อยากแต่งงานกับเรา ไม่เห็นเราในอนาคต มันทำให้เราใจสลาย เวลาที่ร้องไห้เค้าก็นิ่งเงียบ เวลาที่เราพูดเค้าก็กดคอมพิวเตอร์ไปด้วย ก่อนจะวางสายก็ถามย้ำว่าเราจะทำยังไงอยู่หลายรอบ
เราเป็นคนโง่ที่ไว้ใจแฟน มีเพื่อนถามหลายคนว่าพี่เค้ามีคนอื่นรึเปล่า เราบอกว่าไม่มีหรอก ไม่มีแน่ๆเราเชื่อเค้าสนิทใจ....
แน่นอนว่าการที่คนๆนึงจะนอกใจได้ความสัมพันธุ์มันคงจะไม่ได้ดีเค้าถึงเลือกที่จะทำแบบนั้น เราเองก็คงมีส่วนผิดที่ไม่ทำให้ความสัมพันธ์มันดีถึงมีมือที่สามเข้ามา
แต่เราก็เสียใจ และผิดหวังเค้าทำแบบนี้ได้ยังไง ไม่ใช่แค่คุยแต่ไปนอนโรงแรมกันก่อนจะเลิกกับเรา
ก่อนนี้ที่เค้าคิดว่าเป็นพี่ชาย เรารู้สึกขยะแขยง และเราชิงชังผู้หญิงคนนั้นที่กล้าเข้ามาในความสัมพันธ์กับคนที่กำลังจะแต่งงาน หรือต่อให้ไม่รู้ว่าเค้าจะแต่งงานก็กล้ามาคุยและนอนกับผู้ชายที่มีแฟนแล้ว ทั้งสองคนเป็นอาจารย์ จบด็อกเตอร์ทั้งคู่ การศึกษาที่สูงยิ่งทำให้เราต้องตั้งคำถามว่า แบบนี้ก็ได้หรือ? การศึกษาไม่ได้ช่วยอะไร
เราเชื่อในเรื่องนึงว่า ถ้าคนเราที่คบกันไปบังเอิญเจอกันกับใครอื่นสักคน เค้าอาจจะรักชอบกันกับคนมาทีหลังได้ เราอาจจะไม่ใช่คู่แท้ เรายอมรับการถูกบอกเลิกแบบนี้ แบบที่ทำอย่างถูกต้องเปิดเผย คุยกันชอบกันแล้วมาบอกเลิกเรา ไม่ใช่แอบกินกันมาสักพัก แล้วตอนบอกเลิกก็ให้เราเจ็บและเป็นคนตัดสินใจ บอกเราแบบแมนๆได้มั้ย ว่ามีคนอื่น ไม่ได้รักเราเหมือนเดิม และคาดคั้นให้เราตัดสินใจโดนบอกว่ามันจะไม่แฟร์กับเรา
พิมพ์มาซะยาว พอได้เรียบเรียงความคิด ความอัดอั้นชิงชัง และจะมาขอว่าจะจัดการความรู้สึกนี้ยังไงหายไปแล้วค่ะ5555
เผื่อว่าความรู้สึกแบบนั้นจะกลับมาอีก รู้สึกชิงชัง รู้สึกอยากโทรไปหาแฟนเก่าแล้วถามหาเหตุผล
อยากรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น อยากให้เค้าเล่าว่ามันเป็นมายังไง อยากโทษเค้าและผู้หญิงคนนั้นที่ทำให้พวกเราเป็นแบบนี้ เราจะจัดการความรู้สึกแบบนี้ยังไงดีคะ เราไม่ควรโทรใช่มั้ย ช่วยห้ามเราด้วยเหตุผลทีค่ะ เราจะได้วางได้ลง
เราไม่ควรบอกเค้าว่าเรารู้แล้วนะสิ่งที่เค้าทำใช่มั้ย ถ้าทำตามอารมณ์ได้จริงๆ เราก็อยากไปโวยวายนะ