ครม.เห็นชอบลงนาม ยืมวัคซีนแอสตร้า จากภูฏาน ก่อนส่งคืนให้ในอนาคต
https://www.khaosod.co.th/covid-19/news_6569104
ครม.เห็นชอบลงนาม ยืมวัคซีนแอสตร้า จากภูฏาน ก่อนส่งคืนให้ในอนาคต พร้อมเห็นชอบลงนามรับบริจาคยาโมโนโคลนอลแอนติบอดี้ จากเยอรมัน
วันที่ 17 ส.ค.64 น.ส.
ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ครม.เห็นชอบในการลงนามในร่าง In-kind Donation Agreement ระหว่างกระทรวงสาธารณสุข ประเทศเยอรมนี กับกระทรวงสาธารณสุขของไทย ซึ่งเป็นการรับบริจาคยา Monoclonal Antibody (Casirivimab/Imdevimab) จากเยอรมนี ของบริษัท Regeneron และอนุมัติให้อธิบดีกรมควบคุมโรคเป็นผู้มีอำนาจลงนามในสัญญา
โดยครม.ยังเห็นชอบในการลงนามในร่าง FORM OF AGREEMENT Tripartite Agreement ระหว่างรัฐบาลภูฏาน รัฐบาลไทย และบริษัท AstraZeneca จำกัด ซึ่งเป็นการรับมอบวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ของบริษัท AstraZeneca จำกัด และอนุมัติให้อธิบดีกรมควบคุมโรคเป็นผู้มีอำนาจลงนามในสัญญา
ทั้งนี้รัฐบาลภูฏานมีความประสงค์จะมอบวัคซีนต้านโรคโควิด-19 ของบริษัท AstraZeneca จำนวน 130,000-150,000 โดส ให้แก่ประเทศไทย ผลิตโดย Statens Serum Institute ประเทศสวีเดน บนพื้นฐานของการส่งมอบคืนในอนาคต ตามข้อตกลงไตรภาคี ระหว่างรัฐบาลภูฏาน รัฐบาลไทย และบริษัท AstraZeneca จำกัด
ส่วนประเทศเยอรมนีมีความประสงค์บริจาค Monoclonal Antibody (Casirivimab/Imdevimab) จำนวน 1,000-2,000 ชุด โดยเป็นการบริจาคแบบไม่มีเงื่อนไข ซึ่งเป็นไปตามหลักมนุษยธรรม โดยประเทศไทยในฐานะผู้รับบริจาค ไม่ต้องชำระค่าตอบแทนสำหรับยา แต่มีภาระในการรับมอบจาก Bundeswehrapotheke (Military pharmacy) Epe และค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องได้แก่ ค่าขนส่ง ค่าจัดเก็บ.
ศาลเเพ่งสั่งตร.รายงานปฏิบัติตามคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว ให้ใช้ความระวังควบคุมการชุมนุมใน15 วัน
https://www.matichon.co.th/news-monitor/news_2890720
ศาลเเพ่งสั่งสำนักงานตำรวจเเห่งชาติรายงานการปฏิบัติตามคำสั่งศาลคุ้มครองชั่วคราว ที่ให้ใช้ความระวังควบคุมการชุมนุมใน15 วัน
เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม ศาลเเพ่งได้ออกเอกสารเเถลงข่าว ความว่าตามที่ปรากฏเป็นข่าวต่อสาธารณะว่า เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม ศาลแพ่งได้มีคำสั่งในคดีหมายเลขดำที่ พ3683/2564 ระหว่างนาย
ธนาพงศ์ เกิ่งไพบูลย์ กับพวกรวม 2คน กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กับพวกรวม 4คน ให้จำเลยที่ 1 (สำนักงานตำรวจแห่งชาติ) ใช้ความระมัดระวังในการปฏิบัติหน้าที่ควบคุมการชุมนุมและสลายการชุมนุม โดยคำนึงถึงความปลอดภัยของโจทก์ทั้งสองและสื่อมวลชน ภายใต้หลักเกณฑ์และแนวทางการปฏิบัติงานของสื่อมวลชน
และเมื่อวันที่ 11 ส.ค.64 ศาลแพ่งมีคำสั่งให้ยกคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งเรียกจำเลยที่ 1 หรือตัวแทนพร้อมเอกสารที่เกี่ยวข้องมาไต่สวน
ในวันนี้ โจทก์ทั้งสองยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งเรียกจำเลยที่ 1 หรือตัวแทนพร้อมเอกสารที่เกี่ยวข้องมาไต่สวนเพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงว่าจำเลยที่ 1 ได้ดำเนินการประการใดบ้างเพื่อให้เจ้าพนักงานตำรวจปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่งของศาลดังกล่าวและเพื่อให้ได้ความว่าจำเลยที่ 1 จะดำเนินการหรือมีมาตรการอย่างไรต่อไปเพื่อให้คำสั่งของศาลดังกล่าวมีสภาพบังคับใช้ได้จริงในทางปฏิบัติหรือในประเด็นอื่นอันเกี่ยวข้องกับคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว เพื่อให้ศาลมีคำสั่งหรือมาตรการใดๆตามที่ศาลเห็นสมควรเพื่อบังคับตามคำสั่งศาลต่อไป โดยกล่าวอ้างว่าโจทก์ทั้งสองและสื่อมวลชนอื่นได้ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และแนวทางการปฏิบัติงานของสื่อมวลชนแล้ว นั้น
ศาลแพ่งได้พิจารณาคำร้องดังกล่าวแล้วมีคำสั่งว่า พิเคราะห์แล้ว โจทก์ทั้งสองบรรยายคำร้องโดยกล่าวอ้างว่า โจทก์ทั้งสองและสื่อมวลชนอื่นได้ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และแนวทางการปฏิบัติงานของสื่อมวลชนแล้ว แต่กลับถูกเจ้าพนักงานตำรวจควบคุมฝูงชนและสลายการชุมนมใช้อาวุธปืนยิงกระสุนยาง ถูกสื่อมวลชนหลายราย โดยมิได้ใช้ความระมัดระวังในการปฏิบัติหน้าที่ ทั้งนี้ ตามคำร้องโจทก์ทั้งสองมีความประสงค์ขอให้ศาลเรียกจำเลยที่ 1 หรือผู้แทนมาไต่สวนเพื่อให้ปรากฏข้อเท็จจริงว่า จำเลยที่ 1 จะดำเนินการหรือมีมาตรการอย่างไรเพื่อให้การเป็นไปตามคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว
เห็นว่า ในชั้นนี้กรณีมีเหตุสมควรให้จำเลยที่ 1รายงานมาตรการ วิธีการ และขั้นตอนในการปฏิบัติตามคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวต่อศาลภายใน 15วัน นับแต่วันทราบคำสั่ง กรณีไม่จำต้องเรียกจำเลยที่ 1หรือผู้แทนมาไต่สวน หมายแจ้งคำสั่งให้จำเลยที่ 1ทราบ
ชาวสวนฟาดลำไยร่วงกราว เครียดราคาเหลือ 3 บาท ขาดทุนย่อยยับ
https://ch3plus.com/news/program/253718
เคราะห์ซ้ำกรรมซัด ชาวสวนลำไยปีนี้ขาดทุนย่อยยับ เพราะนอกจากราคาจะตกต่ำแล้ว ล้งยังไม่รับซื้ออีก เครียดหนักใช้ไม้ฟาดผลลำไยที่อยู่บนต้นให้ร่วงหล่น ตัดพ้อไม่รู้จะเอาไว้ทำไม
โดยคลิปที่แชร์กันในโลกออนไลน์ หลังสมาชิกเฟซบุ๊กที่ใช้ชื่อว่า เขี้ยวพยัค หนองช้างคืน นำไปโพสต์ เป็นภาพของชายคนหนึ่ง ใช้ไม้ฟาดไปที่ต้นลำไย ที่กำลังมีผลเต็มต้น จนผลผลิตร่วงหล่นไปกับพื้น ลักษณะเหมือนฟาดไปบ่นไปด้วยความเครียด
ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่บ้านหนองช้างคืน อำเภอเมืองลำพูน ก็ไปพบกับบุคคลในภาพ ชื่อนาย
กิตติศักดิ์ เวชกามา อายุ 43 ปี เป็นเกษตรกรชาวสวนลำไย ก็ได้เล่าเหตุการณ์ให้ฟังว่า ที่ต้องใช้ไม้มาฟาดผลลำไยให้ร่วงหล่นไป ก็เพราะว่าเครียด จากราคาลำไยตกต่ำ เกรดเอเหลือแค่กิโลกรัมละ 3 บาท ไม่คุ้มกับที่ต้องลงทุนไป ทั้งที่ผลผลิตปีนี้ค่อนข้างดี ลูกโต ผิวสาย ไม่มีแมลงรบกวน แต่ราคากลับดิ่งลงเหว แถมล่าสุดล้ง และโรงงานลำไยอบแห้ง ปิดรับซื้อผลผลิต 3 วัน ทำให้ลำไยที่แก่จัดเน่าเสีย แล้วของตัวเองยังเหลืออีกตั้ง 6 สวน ที่ยังไม่ได้เก็บเกี่ยวผลผลิต แล้วกว่าจะได้เก็บขาย ราคาจะเหลือสักกี่บาท หรืออาจจะไม่มีราคาเลยก็ได้ จึงเกิดความเครียด ก็อยากให้หน่วยงานเข้ามาช่วยเหลือดูแล ให้เกษตรกรอยู่ได้ไม่ขาดทุนไปมากกว่านี้
จากการสำรวจโรงร่อนที่รับซื้อลำไยรูดร่วง ในพื้นที่อำเภอสารภี จังหวัดเชียงใหม่ พบส่วนใหญ่ปิดการรับซื้อ จะเหลือเพียงไม่กี่แห่งที่ยังเปิดรับซื้ออยู่ แต่จะซื้อเฉพาะสวนขาประจำเท่านั้น หากเป็นเจ้าอื่นจะไม่รับซื้อเลย โดยราคารับซื้อวันนี้อยู่ที่ เกรดAA-10 บาท,A-3 บาท,B-2 บาท ส่วนเกรด C ไม่รับซื้อแล้ว
ส่วนพ่อค้าที่รับซื้อเหมาสวน โดยติดมัดจำไว้ในอัตรา 30-40 %หลายรายต้องยอม เสียสละเงินค่ามัดจำให้กับเจ้าของสวน แล้วไม่มาเก็บผลผลิต หรือบางรายที่จ่ายเป็นเงินสดให้กับเจ้าของสวน ก็จะฝืนมาเก็บผลผลิตไปขาย เผื่อจะได้ทุนคืนบ้าง ดีกว่าปล่อยให้เน่าเสียคาต้น
JJNY : 4in1 ครม.เห็นชอบยืมแอสตร้าภูฏาน│ศาลเเพ่งสั่งตร.รายงาน│ชาวสวนลำไยเครียดขาดทุนย่อยยับ│โรงงานไม้พังงา ปิดกิจการถาวร
https://www.khaosod.co.th/covid-19/news_6569104
ครม.เห็นชอบลงนาม ยืมวัคซีนแอสตร้า จากภูฏาน ก่อนส่งคืนให้ในอนาคต พร้อมเห็นชอบลงนามรับบริจาคยาโมโนโคลนอลแอนติบอดี้ จากเยอรมัน
วันที่ 17 ส.ค.64 น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ครม.เห็นชอบในการลงนามในร่าง In-kind Donation Agreement ระหว่างกระทรวงสาธารณสุข ประเทศเยอรมนี กับกระทรวงสาธารณสุขของไทย ซึ่งเป็นการรับบริจาคยา Monoclonal Antibody (Casirivimab/Imdevimab) จากเยอรมนี ของบริษัท Regeneron และอนุมัติให้อธิบดีกรมควบคุมโรคเป็นผู้มีอำนาจลงนามในสัญญา
โดยครม.ยังเห็นชอบในการลงนามในร่าง FORM OF AGREEMENT Tripartite Agreement ระหว่างรัฐบาลภูฏาน รัฐบาลไทย และบริษัท AstraZeneca จำกัด ซึ่งเป็นการรับมอบวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ของบริษัท AstraZeneca จำกัด และอนุมัติให้อธิบดีกรมควบคุมโรคเป็นผู้มีอำนาจลงนามในสัญญา
ทั้งนี้รัฐบาลภูฏานมีความประสงค์จะมอบวัคซีนต้านโรคโควิด-19 ของบริษัท AstraZeneca จำนวน 130,000-150,000 โดส ให้แก่ประเทศไทย ผลิตโดย Statens Serum Institute ประเทศสวีเดน บนพื้นฐานของการส่งมอบคืนในอนาคต ตามข้อตกลงไตรภาคี ระหว่างรัฐบาลภูฏาน รัฐบาลไทย และบริษัท AstraZeneca จำกัด
ส่วนประเทศเยอรมนีมีความประสงค์บริจาค Monoclonal Antibody (Casirivimab/Imdevimab) จำนวน 1,000-2,000 ชุด โดยเป็นการบริจาคแบบไม่มีเงื่อนไข ซึ่งเป็นไปตามหลักมนุษยธรรม โดยประเทศไทยในฐานะผู้รับบริจาค ไม่ต้องชำระค่าตอบแทนสำหรับยา แต่มีภาระในการรับมอบจาก Bundeswehrapotheke (Military pharmacy) Epe และค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องได้แก่ ค่าขนส่ง ค่าจัดเก็บ.
ศาลเเพ่งสั่งตร.รายงานปฏิบัติตามคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว ให้ใช้ความระวังควบคุมการชุมนุมใน15 วัน
https://www.matichon.co.th/news-monitor/news_2890720
ศาลเเพ่งสั่งสำนักงานตำรวจเเห่งชาติรายงานการปฏิบัติตามคำสั่งศาลคุ้มครองชั่วคราว ที่ให้ใช้ความระวังควบคุมการชุมนุมใน15 วัน
เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม ศาลเเพ่งได้ออกเอกสารเเถลงข่าว ความว่าตามที่ปรากฏเป็นข่าวต่อสาธารณะว่า เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม ศาลแพ่งได้มีคำสั่งในคดีหมายเลขดำที่ พ3683/2564 ระหว่างนายธนาพงศ์ เกิ่งไพบูลย์ กับพวกรวม 2คน กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กับพวกรวม 4คน ให้จำเลยที่ 1 (สำนักงานตำรวจแห่งชาติ) ใช้ความระมัดระวังในการปฏิบัติหน้าที่ควบคุมการชุมนุมและสลายการชุมนุม โดยคำนึงถึงความปลอดภัยของโจทก์ทั้งสองและสื่อมวลชน ภายใต้หลักเกณฑ์และแนวทางการปฏิบัติงานของสื่อมวลชน
และเมื่อวันที่ 11 ส.ค.64 ศาลแพ่งมีคำสั่งให้ยกคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งเรียกจำเลยที่ 1 หรือตัวแทนพร้อมเอกสารที่เกี่ยวข้องมาไต่สวน
ในวันนี้ โจทก์ทั้งสองยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งเรียกจำเลยที่ 1 หรือตัวแทนพร้อมเอกสารที่เกี่ยวข้องมาไต่สวนเพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงว่าจำเลยที่ 1 ได้ดำเนินการประการใดบ้างเพื่อให้เจ้าพนักงานตำรวจปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่งของศาลดังกล่าวและเพื่อให้ได้ความว่าจำเลยที่ 1 จะดำเนินการหรือมีมาตรการอย่างไรต่อไปเพื่อให้คำสั่งของศาลดังกล่าวมีสภาพบังคับใช้ได้จริงในทางปฏิบัติหรือในประเด็นอื่นอันเกี่ยวข้องกับคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว เพื่อให้ศาลมีคำสั่งหรือมาตรการใดๆตามที่ศาลเห็นสมควรเพื่อบังคับตามคำสั่งศาลต่อไป โดยกล่าวอ้างว่าโจทก์ทั้งสองและสื่อมวลชนอื่นได้ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และแนวทางการปฏิบัติงานของสื่อมวลชนแล้ว นั้น
ศาลแพ่งได้พิจารณาคำร้องดังกล่าวแล้วมีคำสั่งว่า พิเคราะห์แล้ว โจทก์ทั้งสองบรรยายคำร้องโดยกล่าวอ้างว่า โจทก์ทั้งสองและสื่อมวลชนอื่นได้ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และแนวทางการปฏิบัติงานของสื่อมวลชนแล้ว แต่กลับถูกเจ้าพนักงานตำรวจควบคุมฝูงชนและสลายการชุมนมใช้อาวุธปืนยิงกระสุนยาง ถูกสื่อมวลชนหลายราย โดยมิได้ใช้ความระมัดระวังในการปฏิบัติหน้าที่ ทั้งนี้ ตามคำร้องโจทก์ทั้งสองมีความประสงค์ขอให้ศาลเรียกจำเลยที่ 1 หรือผู้แทนมาไต่สวนเพื่อให้ปรากฏข้อเท็จจริงว่า จำเลยที่ 1 จะดำเนินการหรือมีมาตรการอย่างไรเพื่อให้การเป็นไปตามคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว
เห็นว่า ในชั้นนี้กรณีมีเหตุสมควรให้จำเลยที่ 1รายงานมาตรการ วิธีการ และขั้นตอนในการปฏิบัติตามคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวต่อศาลภายใน 15วัน นับแต่วันทราบคำสั่ง กรณีไม่จำต้องเรียกจำเลยที่ 1หรือผู้แทนมาไต่สวน หมายแจ้งคำสั่งให้จำเลยที่ 1ทราบ
ชาวสวนฟาดลำไยร่วงกราว เครียดราคาเหลือ 3 บาท ขาดทุนย่อยยับ
https://ch3plus.com/news/program/253718
เคราะห์ซ้ำกรรมซัด ชาวสวนลำไยปีนี้ขาดทุนย่อยยับ เพราะนอกจากราคาจะตกต่ำแล้ว ล้งยังไม่รับซื้ออีก เครียดหนักใช้ไม้ฟาดผลลำไยที่อยู่บนต้นให้ร่วงหล่น ตัดพ้อไม่รู้จะเอาไว้ทำไม
โดยคลิปที่แชร์กันในโลกออนไลน์ หลังสมาชิกเฟซบุ๊กที่ใช้ชื่อว่า เขี้ยวพยัค หนองช้างคืน นำไปโพสต์ เป็นภาพของชายคนหนึ่ง ใช้ไม้ฟาดไปที่ต้นลำไย ที่กำลังมีผลเต็มต้น จนผลผลิตร่วงหล่นไปกับพื้น ลักษณะเหมือนฟาดไปบ่นไปด้วยความเครียด
ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่บ้านหนองช้างคืน อำเภอเมืองลำพูน ก็ไปพบกับบุคคลในภาพ ชื่อนายกิตติศักดิ์ เวชกามา อายุ 43 ปี เป็นเกษตรกรชาวสวนลำไย ก็ได้เล่าเหตุการณ์ให้ฟังว่า ที่ต้องใช้ไม้มาฟาดผลลำไยให้ร่วงหล่นไป ก็เพราะว่าเครียด จากราคาลำไยตกต่ำ เกรดเอเหลือแค่กิโลกรัมละ 3 บาท ไม่คุ้มกับที่ต้องลงทุนไป ทั้งที่ผลผลิตปีนี้ค่อนข้างดี ลูกโต ผิวสาย ไม่มีแมลงรบกวน แต่ราคากลับดิ่งลงเหว แถมล่าสุดล้ง และโรงงานลำไยอบแห้ง ปิดรับซื้อผลผลิต 3 วัน ทำให้ลำไยที่แก่จัดเน่าเสีย แล้วของตัวเองยังเหลืออีกตั้ง 6 สวน ที่ยังไม่ได้เก็บเกี่ยวผลผลิต แล้วกว่าจะได้เก็บขาย ราคาจะเหลือสักกี่บาท หรืออาจจะไม่มีราคาเลยก็ได้ จึงเกิดความเครียด ก็อยากให้หน่วยงานเข้ามาช่วยเหลือดูแล ให้เกษตรกรอยู่ได้ไม่ขาดทุนไปมากกว่านี้
จากการสำรวจโรงร่อนที่รับซื้อลำไยรูดร่วง ในพื้นที่อำเภอสารภี จังหวัดเชียงใหม่ พบส่วนใหญ่ปิดการรับซื้อ จะเหลือเพียงไม่กี่แห่งที่ยังเปิดรับซื้ออยู่ แต่จะซื้อเฉพาะสวนขาประจำเท่านั้น หากเป็นเจ้าอื่นจะไม่รับซื้อเลย โดยราคารับซื้อวันนี้อยู่ที่ เกรดAA-10 บาท,A-3 บาท,B-2 บาท ส่วนเกรด C ไม่รับซื้อแล้ว
ส่วนพ่อค้าที่รับซื้อเหมาสวน โดยติดมัดจำไว้ในอัตรา 30-40 %หลายรายต้องยอม เสียสละเงินค่ามัดจำให้กับเจ้าของสวน แล้วไม่มาเก็บผลผลิต หรือบางรายที่จ่ายเป็นเงินสดให้กับเจ้าของสวน ก็จะฝืนมาเก็บผลผลิตไปขาย เผื่อจะได้ทุนคืนบ้าง ดีกว่าปล่อยให้เน่าเสียคาต้น