เปิดประสบการณ์เจอ !!!ผี!!! ที่Hungary ในขณะที่เดินทางไปทำContent ที่ต่างประเทศ!!!
ผมได้มีโอกาสเดินทางไปในหลากหลายสถานที่ทั่วโลก ซึ่งแต่ละที่ก็ล้วนแต่เป็นสถานที่ ที่มีเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ แทบทั้งสิ้น ไม่มากก็น้อย หลายที่ตั้งใจไปเพื่อไปดูเรื่องราวที่เคยเกิดขึ้นมาในอดีต ซึ่งปัจจุบันได้กลายเป็นพิพิธภัณฑ์ ให้คนทั่วไปได้เข้ามาเยี่ยมชม
อย่างเช่น ค่ายกักกันชาวยิวที่มีชื่อว่า Auschwitz ใน Poland ที่ฆ่าชาวยิวไปกว่า 6ล้านคน
หรือ Old Museum (Altes Museum) ใน Berlin ที่ในอดีต ที่เคยเป็นที่กล่าว สุนทรพจน์ ของอด็อฟ ฮิตเลอร์ ผู้นำนาซี ที่ปัจจุบันไม่เหลือไว้ซึ่งประวัติศาสตร์ใดๆ(อาจจะเนื่องจากเยอรมันไม่อยากให้คนได้จดจำประวัติศาสตร์อันเลวร้ายครั้งในอดีต)
จึงปรับเปลี่ยนสถานที่ให้กลายเป็นพิพิธภัณฑ์ศิลป ซึ่งถ้าไม่ค้นหารูปและประวัติมาก่อน ก็จะไม่มีทางรู้ได้เลยว่าที่แห่งนี้เคยเป็นสถานที่สำคัญของกองทัพนาซีในอดีตมาก่อน เพราะไม่มีป้ายหรือสัญลักษณ์ใดๆได้กล่าวถึงเรื่องราวเกี่ยวกับนาซีเลย
บางโรงแรมในยุโรปที่ผมได้ไปพัก บางแห่งมีอายุกว่า 400 ปี ลิฟท์ยังเป็นระบบโบราณอยู่เลย
(ขออนุญาตใช้ภาพแทนสถานที่จริงนะครับเพื่อไม่ให้กระทบกับเจ้าของธุรกิจ)
และได้พบกับเรื่องราวที่เหนือธรรมชาติก็มี
ทุกที่ย่อมมีคนตาย ทุกที่มีประวัติของมัน ผมเชื่ออย่างนั้น และการที่เราได้เจอกับสิ่งลี้ลับผมก็มีความเชื่อที่ว่ามันเป็นเรื่องของ คลื่นพลังงาน ที่มันจูนกันมาเจอโดยบังเอิญ
ผมเป็นคนที่พบเจอเรื่องราวลี้ลับอยู่เสมอ และ ไม่ใช่ทุกที่ที่ผมจะเจอและสัมพัสได้ บางที่ ที่เขาว่ามี คลื่นผมมันจูนไม่เจอก็ไม่เจอนะ แต่บางทีถ้าคลื่นเราตรงกัน ผมก็เจอในแบบที่เรียกว่า เล่าให้ใครฟังใครก็ไม่น่าเชื่อ ตัวผมเองยังไม่อยากเชื่อเลยก็มี
วันนี้ผมจึงอยากมาเล่าเหตุการณ์ที่ผมพบเจอมาในเรื่องของการทับซ้อนของเวลาให้ได้ฟังกัน
จากที่กล่าวมาผมเคยไปนอนที่โรงแรมแห่งหนึ่งใน Hungary ซึ่งเป็นโรงแรมที่มีสภาพค่อนข้างClassic
เพราะเป็นตึกที่มีอายุกว่า 400ปี ตัวลิฟท์ยังเป็นลิฟท์เปลือยแบบระบบโบราณที่ใช้กลไกเฟืองในการยกลิฟท์อยู่เลย ขนลุกกันตั้งแต่ก้าวเท้ามาเลยก็ว่าได้ แต่ในใจคิดเมืองเก่าก็ต้องพักแบบนี้แหละถึงจะได้อารมณ์
โดยที่ตัวตึกภายในจะเป็นรูปตัวU แบบที่อยู่จุดใหนก็สามารถมองเห็นกันได้ทั้งหมด ซึ่งเป็นการออกแบบที่ไม่พบเห็นนักในสมัยนี้
(ขออนุญาตใช้ภาพแทนสถานที่จริงนะครับเพื่อไม่ให้กระทบกับเจ้าของธุรกิจ)
และทางเข้าก็จะเป็นประตูเหล็กสีดำบานใหญ่ที่ปัจจุบันให้เปิดด้วย Key card และติดตั้งบานสวิงเพื่อให้เวลาประตูปิด จะได้ปิดได้ช้าลง
และมีทางเดินทอดยาว เข้าไปในโถงรูปตัวU ด้านใน
(ขออนุญาตใช้ภาพแทนสถานที่จริงนะครับเพื่อไม่ให้กระทบกับเจ้าของธุรกิจ)
หลังจากที่ผมเข้ามา Check in เพราะจะต้องนอนที่นี่ 2 คืน โดยการจองผ่าน Air Bnb ก็ได้รหัสเพื่อที่จะไปเปิดประตูห้องที่อยู่บนชั้น5 ทำทุกอย่างตาม Link Youtube ที่เขาให้มา...
ซึ่งในขณะที่กำลังจะไขประตูอยู่ ตัวประตูก็เขย่าเองจากทางด้านใน (ปั้งๆๆ)ในใจตอนนั้นก็คิดว่าน่าจะเป็นลมจากหน้าต่างด้านในที่ไม่ได้ปิด
แต่พอไขเข้าไปปรากฏว่า แม่เจ้า ด้านในมันไม่มีหน้าต่าง! ซึ่งก็ไม่ได้คิดอะไรปลอบใจตัวเอง เพราะมันก็เป็นไปได้หมดหลายสาเหตุ
และวางกระเป๋าลงที่หัวเตียง ก่อนที่จะลงไปซื้อของที่ร้านสะดวกซื้อบริเวณที่พัก และกลับมานอน
ซึ่งในคืนแรก ระหว่างที่ผมได้กลับมานอนผมก็ได้ฝันว่า มีกลุ่มคนที่แต่งตัวด้วยชุดสีดำไส่หมวก ยืนประชุมกันอยู่กลางห้องด้วยสีหน้าเคร่งเครียด บนโต๊ะมีแผนที่กางอยู่ ทุกคนพยายามชี้มือไปตามแผนที่เหมือนวางแผนอะไรกันสักอย่างด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
(ขออนุญาตใช้ภาพแทนเหตุการณ์จริงนะครับเพื่อให้เห็นภาพ)
จนตื่นขึ้นมาผมก็เห็นว่ากระเป๋าผมจากที่อยู่ข้างหัวผมมันดันไปอยู่ปลายเท้าแบบคว่ำหน้าลงมาและของถูกเทออกมา จากกระเป๋า
ซึ่งแปลกมากเพราะผมเป็นคนที่จะต้องเอากระเป๋าไว้หัวนอนอยู่เสมอเวลาไปนอนตามโรงแรมหรือสถานที่ ที่ไม่ใช่บ้านเพราะระวังตัวให้เป็นนิสัย
ผมนั่งนิ่งๆอยู่สักพัก และมองไปที่ประตูว่ามีใครเข้ามาหรือเปล่า ก็เห็นว่าโซ่ก็ยังคล้องประตูอยู่จากด้านใน
เป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีคนเข้ามาได้ ทั้งยังเป็นห้องที่ไม่มีหน้าต่างอีกด้วย ก็เลย งง ใน งง ว่ากระเป๋ามันไปอยู่ปลายเตียงได้อย่างไรว่ะ....
จนมาถึงคืนที่สอง เป็นคืนสุดท้ายสำหรับการนอนที่นี่ ก่อนที่ผมจะเดินทางย้ายประเทศไปโปแลนด์โดยทางรถไฟ ก็ไม่ได้ทำอะไรมากนอกจากเตรียมตัวเดินทาง จึงตัดสินใจเดินไปร้านสะดวกซื้อเพื่อซื้อของต่างๆตุนไว้ สำหรับการเดินทางบนรถไฟเป็นเวลา1คืน ไม่ว่าจะเป็นแปลงสีฟัน ขนม น้ำต่างๆ รวมถึงของกินสำหรับคืนนี้ด้วย ซึ่งทำให้ผมต้องถือของถึงสองมือ...
เดินกระหืดกระหอบ เนื่องจากอากาศที่หนาวมากในเวลาเย็น เดินมาจนถึงหน้าตึก ถ้าจำไม่ผิดน่าจะเป็นเวลาราวๆห้าโมงเย็นกว่าๆ
ในจังหวะนั้นก็เห็นคุณยายแก่ๆท่านนึงแต่งตัวด้วยชุดสีดำ กระโปรงยาวครึ่งน่อง สวมหมวกคลุมผมแบบโบราณ เดินช้ามากๆ เหมือนลุงป้อม กำลังเปิดประตูเข้าไปในตึก ในตอนนั้นที่ตัวเองก็ถือของสองมือขี้เกียจที่จะต้องรูดKey Card จึงกึ่งเดินกึ่งวิ่งก่อนที่ประตูจะปิดลง ผมใช้เท้าแทรกก่อนที่ประตูจะปิด และเปิดมันออกมา แต่ภาพที่เห็นคือคุณยายท่านนั้นหายไป!
(ขออนุญาตใช้ภาพแทนเหตุการณ์จริงเพื่อให้เห็นภาพนะครับ)
ซึ่งการเดินที่ช้าขนาดนั้นมันเป็นไปไม่ได้ที่ท่านจะหายไปได้เร็วขนาดนั้น!!!
และตัวตึกมันก็เห็นกันได้ทั้งหมด ผมทิ้งของลงวิ่งไปดูตามทางเดินต่างๆก็ไม่มี (ตอนนั้นหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่าย Video) ใจตกไปที่ตาตุ่มรีบเก็บของและเดินเข้าห้องไปทันที
คืนนั้นได้แต่นั่งทบทวนเหตุการณ์ที่ตัวเองเจอจนทำให้ไม่กล้านอน จำได้ว่ากว่าจะหลับก็ปาไปเกือบเช้า จนนาฬิกาปลุกดังผมจึงตื่นเพื่อรีบออกเดินทางไปขึ้นรถไฟ
ซึ่งในขณะที่ขนของลงจากลิฟท์ปรากฏว่า ลิฟท์ค้างอี๊กกกก!!!! ผมติดอยู่ในนั้นน่าจะ5-10 นาทีได้ แต่มันรู้สึกว่านานมากกกกกกกกก
(ขออนุญาตใช้ภาพแทนสถานที่จริงนะครับเพื่อไม่ให้กระทบกับเจ้าของธุรกิจ)
จนมีพี่นักดนตรีที่ถือกีตาร์เหมือนเพิ่งกลับเข้ามา เพราะที่นี่มีส่วนที่เป็น อพาร์ทเม้นด้วย ก็สอดมือเข้ามาดึงอะไรบางอย่าง ทำให้ลิฟท์เปิดออก จึงได้คุยกัน ว่าลิฟท์ตัวนี้มันมี ทริก คนในตึกจะรู้ว่าถ้ามันค้างต้องทำอย่างไรมันถึงจะเปิด
และผมก็ถามถึงความเก่าของตึกนี้ซึ่งพี่นักดนตรีก็บอกว่าเท่าที่เขาจำได้นะ ที่นี่เคยเป็นที่ ที่ใช้ในการหลบซ่อนของพวกชาวยิวในสงครามโลกครั้งที่ 2 มาก่อน ซึ่งชาวยิวในตอนนั้นมีมากในฮังการี่
พอได้ยินเช่นนั้นผมถึงกับเสียวท้ายทอยวูปขึ้นมาเลย ก่อนที่จะเดินออกจากตึกรีบไปขึ้นรถไฟ และสลบยาวไปจนถึงโปแลนด์
จริงๆผมเจอเหตุการณ์ที่อธิบายไม่ได้อยู่บ่อยครั้งมากๆๆ และจะมาเล่าให้ทุกคนได้ฟังอีกในโอกาสหน้า ซึ่งในชีวิตผมไม่เคยเห็นผี ที่เป็นแบบมีเลือดไหล หรือ มาหลอกแบบที่เค้ามาเล่ากันในรายการ
แต่ตัวผมเองมักจะเจอในลักษณะของการซ้อนกันของเวลาซะมากกว่า สิ่งที่เห็นทุกคนล้วนเป็นเหมือนคนปรกติ ต่างแค่ช่วงเวลาและการแต่งกายบางอย่าง ซึ่งผมมองว่ามันก็เป็นประสบการณ์ที่แปลกมากๆอีกประสบการณ์นึงในชีวิตที่ใครไม่เคยเจอก็คงไม่รู้ว่ามันเป็นอย่างไร ซึ่งเหตุการณ์ต่างๆที่เจอเพื่อนร่วมงานผมจะรู้ดี เพราะมีเหตุการณ์แปลกๆเวลาไปถ่ายงานกันตามสถานที่ต่างๆ ซึ่งบางที่ผมรู้สึกได้อย่างขนลุก จนหัวหน้าเดินเข้าไปถามยาม ยามจึงตอบว่ามีคนตายตรงจุดที่ผมรู้สึกเลย ทั้งสองจุด ซึ่งแปลกมากไว้ผมจะมาเล่าให้ฟัง และยังมีเรื่องราวของการย้ายบ้านที่อเมริกาจนเจอเหตุการณ์ประหลาดพร้อมเพื่อนอีก
จากภาพที่เห็นใน Internet ทำให้ผมนึกถึงเรื่องราวที่ตัวเองเจอมาจึงอยากมาแชร์ประสบการณ์ให้เพื่อนๆได้ฟังกัน ครับ
#LAMKATANK
#เรื่องลี้ลับ
#เรื่องผี
#Hungary
ติดตามช่องทางเพิ่มเติมได้ที่
Facebook / LAMKATANK
Youtube / LAMKATANK
Instagram / LAMKATANK
Tiktok / LAMKATANK
ภาพจาก
https://gabrielwhiteboard.blogspot.com
https://www.atchuup.com/same-place-in-history-different-time/
เปิดประสบการณ์เจอ !!!ผี!!! ที่Hungary ในขณะที่เดินทางไปทำContent ที่ต่างประเทศ!!!
ผมได้มีโอกาสเดินทางไปในหลากหลายสถานที่ทั่วโลก ซึ่งแต่ละที่ก็ล้วนแต่เป็นสถานที่ ที่มีเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ แทบทั้งสิ้น ไม่มากก็น้อย หลายที่ตั้งใจไปเพื่อไปดูเรื่องราวที่เคยเกิดขึ้นมาในอดีต ซึ่งปัจจุบันได้กลายเป็นพิพิธภัณฑ์ ให้คนทั่วไปได้เข้ามาเยี่ยมชม
อย่างเช่น ค่ายกักกันชาวยิวที่มีชื่อว่า Auschwitz ใน Poland ที่ฆ่าชาวยิวไปกว่า 6ล้านคน
หรือ Old Museum (Altes Museum) ใน Berlin ที่ในอดีต ที่เคยเป็นที่กล่าว สุนทรพจน์ ของอด็อฟ ฮิตเลอร์ ผู้นำนาซี ที่ปัจจุบันไม่เหลือไว้ซึ่งประวัติศาสตร์ใดๆ(อาจจะเนื่องจากเยอรมันไม่อยากให้คนได้จดจำประวัติศาสตร์อันเลวร้ายครั้งในอดีต)
จึงปรับเปลี่ยนสถานที่ให้กลายเป็นพิพิธภัณฑ์ศิลป ซึ่งถ้าไม่ค้นหารูปและประวัติมาก่อน ก็จะไม่มีทางรู้ได้เลยว่าที่แห่งนี้เคยเป็นสถานที่สำคัญของกองทัพนาซีในอดีตมาก่อน เพราะไม่มีป้ายหรือสัญลักษณ์ใดๆได้กล่าวถึงเรื่องราวเกี่ยวกับนาซีเลย
บางโรงแรมในยุโรปที่ผมได้ไปพัก บางแห่งมีอายุกว่า 400 ปี ลิฟท์ยังเป็นระบบโบราณอยู่เลย
(ขออนุญาตใช้ภาพแทนสถานที่จริงนะครับเพื่อไม่ให้กระทบกับเจ้าของธุรกิจ)
และได้พบกับเรื่องราวที่เหนือธรรมชาติก็มี
ทุกที่ย่อมมีคนตาย ทุกที่มีประวัติของมัน ผมเชื่ออย่างนั้น และการที่เราได้เจอกับสิ่งลี้ลับผมก็มีความเชื่อที่ว่ามันเป็นเรื่องของ คลื่นพลังงาน ที่มันจูนกันมาเจอโดยบังเอิญ
ผมเป็นคนที่พบเจอเรื่องราวลี้ลับอยู่เสมอ และ ไม่ใช่ทุกที่ที่ผมจะเจอและสัมพัสได้ บางที่ ที่เขาว่ามี คลื่นผมมันจูนไม่เจอก็ไม่เจอนะ แต่บางทีถ้าคลื่นเราตรงกัน ผมก็เจอในแบบที่เรียกว่า เล่าให้ใครฟังใครก็ไม่น่าเชื่อ ตัวผมเองยังไม่อยากเชื่อเลยก็มี
วันนี้ผมจึงอยากมาเล่าเหตุการณ์ที่ผมพบเจอมาในเรื่องของการทับซ้อนของเวลาให้ได้ฟังกัน
จากที่กล่าวมาผมเคยไปนอนที่โรงแรมแห่งหนึ่งใน Hungary ซึ่งเป็นโรงแรมที่มีสภาพค่อนข้างClassic
เพราะเป็นตึกที่มีอายุกว่า 400ปี ตัวลิฟท์ยังเป็นลิฟท์เปลือยแบบระบบโบราณที่ใช้กลไกเฟืองในการยกลิฟท์อยู่เลย ขนลุกกันตั้งแต่ก้าวเท้ามาเลยก็ว่าได้ แต่ในใจคิดเมืองเก่าก็ต้องพักแบบนี้แหละถึงจะได้อารมณ์
โดยที่ตัวตึกภายในจะเป็นรูปตัวU แบบที่อยู่จุดใหนก็สามารถมองเห็นกันได้ทั้งหมด ซึ่งเป็นการออกแบบที่ไม่พบเห็นนักในสมัยนี้
(ขออนุญาตใช้ภาพแทนสถานที่จริงนะครับเพื่อไม่ให้กระทบกับเจ้าของธุรกิจ)
และทางเข้าก็จะเป็นประตูเหล็กสีดำบานใหญ่ที่ปัจจุบันให้เปิดด้วย Key card และติดตั้งบานสวิงเพื่อให้เวลาประตูปิด จะได้ปิดได้ช้าลง
และมีทางเดินทอดยาว เข้าไปในโถงรูปตัวU ด้านใน
(ขออนุญาตใช้ภาพแทนสถานที่จริงนะครับเพื่อไม่ให้กระทบกับเจ้าของธุรกิจ)
หลังจากที่ผมเข้ามา Check in เพราะจะต้องนอนที่นี่ 2 คืน โดยการจองผ่าน Air Bnb ก็ได้รหัสเพื่อที่จะไปเปิดประตูห้องที่อยู่บนชั้น5 ทำทุกอย่างตาม Link Youtube ที่เขาให้มา...
ซึ่งในขณะที่กำลังจะไขประตูอยู่ ตัวประตูก็เขย่าเองจากทางด้านใน (ปั้งๆๆ)ในใจตอนนั้นก็คิดว่าน่าจะเป็นลมจากหน้าต่างด้านในที่ไม่ได้ปิด
แต่พอไขเข้าไปปรากฏว่า แม่เจ้า ด้านในมันไม่มีหน้าต่าง! ซึ่งก็ไม่ได้คิดอะไรปลอบใจตัวเอง เพราะมันก็เป็นไปได้หมดหลายสาเหตุ
และวางกระเป๋าลงที่หัวเตียง ก่อนที่จะลงไปซื้อของที่ร้านสะดวกซื้อบริเวณที่พัก และกลับมานอน
ซึ่งในคืนแรก ระหว่างที่ผมได้กลับมานอนผมก็ได้ฝันว่า มีกลุ่มคนที่แต่งตัวด้วยชุดสีดำไส่หมวก ยืนประชุมกันอยู่กลางห้องด้วยสีหน้าเคร่งเครียด บนโต๊ะมีแผนที่กางอยู่ ทุกคนพยายามชี้มือไปตามแผนที่เหมือนวางแผนอะไรกันสักอย่างด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
(ขออนุญาตใช้ภาพแทนเหตุการณ์จริงนะครับเพื่อให้เห็นภาพ)
จนตื่นขึ้นมาผมก็เห็นว่ากระเป๋าผมจากที่อยู่ข้างหัวผมมันดันไปอยู่ปลายเท้าแบบคว่ำหน้าลงมาและของถูกเทออกมา จากกระเป๋า
ซึ่งแปลกมากเพราะผมเป็นคนที่จะต้องเอากระเป๋าไว้หัวนอนอยู่เสมอเวลาไปนอนตามโรงแรมหรือสถานที่ ที่ไม่ใช่บ้านเพราะระวังตัวให้เป็นนิสัย
ผมนั่งนิ่งๆอยู่สักพัก และมองไปที่ประตูว่ามีใครเข้ามาหรือเปล่า ก็เห็นว่าโซ่ก็ยังคล้องประตูอยู่จากด้านใน
เป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีคนเข้ามาได้ ทั้งยังเป็นห้องที่ไม่มีหน้าต่างอีกด้วย ก็เลย งง ใน งง ว่ากระเป๋ามันไปอยู่ปลายเตียงได้อย่างไรว่ะ....
จนมาถึงคืนที่สอง เป็นคืนสุดท้ายสำหรับการนอนที่นี่ ก่อนที่ผมจะเดินทางย้ายประเทศไปโปแลนด์โดยทางรถไฟ ก็ไม่ได้ทำอะไรมากนอกจากเตรียมตัวเดินทาง จึงตัดสินใจเดินไปร้านสะดวกซื้อเพื่อซื้อของต่างๆตุนไว้ สำหรับการเดินทางบนรถไฟเป็นเวลา1คืน ไม่ว่าจะเป็นแปลงสีฟัน ขนม น้ำต่างๆ รวมถึงของกินสำหรับคืนนี้ด้วย ซึ่งทำให้ผมต้องถือของถึงสองมือ...
เดินกระหืดกระหอบ เนื่องจากอากาศที่หนาวมากในเวลาเย็น เดินมาจนถึงหน้าตึก ถ้าจำไม่ผิดน่าจะเป็นเวลาราวๆห้าโมงเย็นกว่าๆ
ในจังหวะนั้นก็เห็นคุณยายแก่ๆท่านนึงแต่งตัวด้วยชุดสีดำ กระโปรงยาวครึ่งน่อง สวมหมวกคลุมผมแบบโบราณ เดินช้ามากๆ เหมือนลุงป้อม กำลังเปิดประตูเข้าไปในตึก ในตอนนั้นที่ตัวเองก็ถือของสองมือขี้เกียจที่จะต้องรูดKey Card จึงกึ่งเดินกึ่งวิ่งก่อนที่ประตูจะปิดลง ผมใช้เท้าแทรกก่อนที่ประตูจะปิด และเปิดมันออกมา แต่ภาพที่เห็นคือคุณยายท่านนั้นหายไป!
(ขออนุญาตใช้ภาพแทนเหตุการณ์จริงเพื่อให้เห็นภาพนะครับ)
ซึ่งการเดินที่ช้าขนาดนั้นมันเป็นไปไม่ได้ที่ท่านจะหายไปได้เร็วขนาดนั้น!!!
และตัวตึกมันก็เห็นกันได้ทั้งหมด ผมทิ้งของลงวิ่งไปดูตามทางเดินต่างๆก็ไม่มี (ตอนนั้นหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่าย Video) ใจตกไปที่ตาตุ่มรีบเก็บของและเดินเข้าห้องไปทันที
คืนนั้นได้แต่นั่งทบทวนเหตุการณ์ที่ตัวเองเจอจนทำให้ไม่กล้านอน จำได้ว่ากว่าจะหลับก็ปาไปเกือบเช้า จนนาฬิกาปลุกดังผมจึงตื่นเพื่อรีบออกเดินทางไปขึ้นรถไฟ
ซึ่งในขณะที่ขนของลงจากลิฟท์ปรากฏว่า ลิฟท์ค้างอี๊กกกก!!!! ผมติดอยู่ในนั้นน่าจะ5-10 นาทีได้ แต่มันรู้สึกว่านานมากกกกกกกกก
(ขออนุญาตใช้ภาพแทนสถานที่จริงนะครับเพื่อไม่ให้กระทบกับเจ้าของธุรกิจ)
จนมีพี่นักดนตรีที่ถือกีตาร์เหมือนเพิ่งกลับเข้ามา เพราะที่นี่มีส่วนที่เป็น อพาร์ทเม้นด้วย ก็สอดมือเข้ามาดึงอะไรบางอย่าง ทำให้ลิฟท์เปิดออก จึงได้คุยกัน ว่าลิฟท์ตัวนี้มันมี ทริก คนในตึกจะรู้ว่าถ้ามันค้างต้องทำอย่างไรมันถึงจะเปิด
และผมก็ถามถึงความเก่าของตึกนี้ซึ่งพี่นักดนตรีก็บอกว่าเท่าที่เขาจำได้นะ ที่นี่เคยเป็นที่ ที่ใช้ในการหลบซ่อนของพวกชาวยิวในสงครามโลกครั้งที่ 2 มาก่อน ซึ่งชาวยิวในตอนนั้นมีมากในฮังการี่
พอได้ยินเช่นนั้นผมถึงกับเสียวท้ายทอยวูปขึ้นมาเลย ก่อนที่จะเดินออกจากตึกรีบไปขึ้นรถไฟ และสลบยาวไปจนถึงโปแลนด์
จริงๆผมเจอเหตุการณ์ที่อธิบายไม่ได้อยู่บ่อยครั้งมากๆๆ และจะมาเล่าให้ทุกคนได้ฟังอีกในโอกาสหน้า ซึ่งในชีวิตผมไม่เคยเห็นผี ที่เป็นแบบมีเลือดไหล หรือ มาหลอกแบบที่เค้ามาเล่ากันในรายการ
แต่ตัวผมเองมักจะเจอในลักษณะของการซ้อนกันของเวลาซะมากกว่า สิ่งที่เห็นทุกคนล้วนเป็นเหมือนคนปรกติ ต่างแค่ช่วงเวลาและการแต่งกายบางอย่าง ซึ่งผมมองว่ามันก็เป็นประสบการณ์ที่แปลกมากๆอีกประสบการณ์นึงในชีวิตที่ใครไม่เคยเจอก็คงไม่รู้ว่ามันเป็นอย่างไร ซึ่งเหตุการณ์ต่างๆที่เจอเพื่อนร่วมงานผมจะรู้ดี เพราะมีเหตุการณ์แปลกๆเวลาไปถ่ายงานกันตามสถานที่ต่างๆ ซึ่งบางที่ผมรู้สึกได้อย่างขนลุก จนหัวหน้าเดินเข้าไปถามยาม ยามจึงตอบว่ามีคนตายตรงจุดที่ผมรู้สึกเลย ทั้งสองจุด ซึ่งแปลกมากไว้ผมจะมาเล่าให้ฟัง และยังมีเรื่องราวของการย้ายบ้านที่อเมริกาจนเจอเหตุการณ์ประหลาดพร้อมเพื่อนอีก
จากภาพที่เห็นใน Internet ทำให้ผมนึกถึงเรื่องราวที่ตัวเองเจอมาจึงอยากมาแชร์ประสบการณ์ให้เพื่อนๆได้ฟังกัน ครับ
#LAMKATANK
#เรื่องลี้ลับ
#เรื่องผี
#Hungary
ติดตามช่องทางเพิ่มเติมได้ที่
Facebook / LAMKATANK
Youtube / LAMKATANK
Instagram / LAMKATANK
Tiktok / LAMKATANK
ภาพจาก
https://gabrielwhiteboard.blogspot.com
https://www.atchuup.com/same-place-in-history-different-time/