JJNY : ‘เครือข่ายบุคลากรแพทย์’ค้านนิรโทษฯ│หญิงติดโควิด ตายทั้งกลม│น้องหมอแอ้มจี้แก้กฎนำเข้าวัคซีน│ศก.ทรุด คนจนกระทบหนัก

‘เครือข่ายบุคลากรแพทย์’ แถลงค้าน พ.ร.ก.นิรโทษฯ ชี้ไม่จำเป็น ‘พลาดโดยสุจริตใจ’ มีหลาย กม.คุ้มครอง
https://www.matichon.co.th/local/quality-life/news_2881844
 
 
 
‘เครือข่ายบุคลากรแพทย์’ แถลงค้าน พ.ร.ก.นิรโทษกรรมวัคซีน ชี้ไม่จำเป็น ‘พลาดโดยสุจริตใจ’ มีหลายกฎหมายคุ้มครองอยู่
 
เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม ภาคีบุคลากรสาธารณสุข ได้เผยแพร่แถลงการณ์ร่วมเครือข่ายบุคลากรทางการแพทย์ เรียกร้องถึงกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ขอแสดงความกังวลต่อสาระสำกัญในร่าง พ.ร.ก.จำกัดความรับผิดสำหรับบุคลากรสาธารณสุขในการรักษาพยาบาลผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ. … ที่อาจมีการประกาศใช้
  
โดยมีใจความระบุว่า 
 
การพยายามผลักดันร่าง พ.ร.ก.จำกัดความรับผิดฯ โดยรัฐบาล รวมถึงการออกแถลงการณ์ขอมาตรการคุ้มครอง โดยปลัด สธ.พร้อมผู้บริหาร และสภาวิชาชีพ อาจส่งผลนำไปสู่การสกัดกั้นกระบวนการตรวจสอบผู้มีอำนาจบริหารสั่งการให้ไม่ต้องรับผิดชอบต่อประชาชนอย่างเป็นธรรมได้
 
หากมีการบริหารจัดการต่อสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 โดยบุคคลหรือหมู่คณะใด ซึ่งนำมาสู่ความเสียหายทั้งในทางชีวิตของประชาชน การสูญเสีย  และความเจ็บปวด ด้วยวิถีที่ผิดแผกจากความสุจริตหรือพ้นไปจากหลักวิชาชีพ เครือข่ายบุคลากรทางการแพทย์ยืนยันว่า จำเป็นต้องสอบสวนหาข้อเท็จจริง และจะต้องรับผิดทางกฎหมายเพื่อเป็นข้อยืนยันความบริสุทธิ์ใจต่อประชาชน
 
สำหรับแถลงการณ์ฉบับเต็ม มีรายละเอียด ดังนี้
 
 

   
สลด  หลังเข้ารพ.10วัน สัปเหร่อทำพิธีก่อนเผา
https://www.khaosod.co.th/covid-19/news_6560665
 
สุดเศร้า หญิงวัย 39 ปี ท้อง 6 เดือน ติดโควิด ตายทั้งกลม หลังเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลในพื้นที่ จ.ชัยนาท ได้ประมาณ 10 วัน ด้าน สัปเหร่อทำพิธี
   
วันที่ 13 ส.ค.2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่เมรุ วัดวังเคียน ต.นางลือ อ.เมือง จ.ชัยนาท ญาตินำร่างสาว วัย 39 ปี ซึ่งกำลังตั้งครรภ์ 6 เดือน เสียชีวิตจากการติดเชื้อโควิด-19 คลัสเตอร์แคมป์คนงาน จ.สมุทรสาคร ขอกลับมารักษาตัวที่โรงพยาบาลชัยนาทนเรนทร ได้ประมาณ 10 วัน และเสียชีวิตเมื่อวันที่ 11 
ส.ค.ที่ผ่านมา ส่วนสามียังถูกกักตัวอยู่ที่บ้านพักที่ จ.สมุทรสาคร ไม่สามารถมาร่วมงานศพได้
 
โดยร่างผู้เสียชีวิต ซึ่งไม่ได้ทำการผ่านำทารกออก ถูกนำมาส่งโดยรถกู้ชีพโรงพยาบาลชัยนาทนเรนทร เจ้าหน้าที่สวมชุด PPE นำขึ้นเมรุ และนำเข้าเตาเผาทันที แต่ก่อนจะจุดไฟ สัปเหร่อได้นำเครื่องเซ่น ประกอบด้วย ดอกไม้ ธูป เทียน หมาก พลู มาทำพิธีบอกกล่าว ขอขมากรรม เนื่องจากศพ ตายทั้งกลม โดยปกติจะต้องทำการผ่าทารกออกแล้วนำไปฝัง ส่วนร่างของแม่จะทำการเผา เพราะความเชื่อโบราณที่ว่า ถ้าเผาศพพร้อมกันโดยไม่ผ่าทารกออกวิญญาณแม่จะเฮี้ยน จะไปรบกวนสัปเหร่อ
 
นายนิพลธ์ ปัญญาทร สัปเหร่อ ผู้ทำพิธี เปิดเผยว่า โดยปกติคนที่ตายทั้งกลมต้องแยกลูกออกจากแม่ ไม่งั้นจะเฮี้ยน เป็นความเชื่อตั้งแต่สมัยโบราณ ตั้งแต่ทำมาเคยผ่าหลายศพแล้ว จะทำให้เขาไม่มีแรงแค้น แต่ตอนนี้ยุคโควิดไม่มีใครผ่าให้ ตอนนี้ทำได้อย่างเดียวคือขอขมากรรมเขา บอกเขาว่าเราต้องทำอย่างนี้ อย่าได้มีเวรกรรมต่อกัน อย่าได้อาฆาตแค้นต่อกัน คือเราทำตามหน้าที่ของเรา
 
นายนิพลธ์ กล่าวต่อว่า โดยปกติศพตายทั้งกลมต้องผ่านำทารกออกนำไปฝัง นำร่างแม่ไปเผา ส่วนตัวเคยเจอแรง ๆ หลายเคสแล้ว คิดเพียงว่าเราไม่ได้เบียดเบียนเขา เราช่วยเขา คิดดีกับเขา เขาก็จะไม่มากวนเราแถมบางทีมาช่วยเราอีก
 

 
3ชีวิตโควิดคร่า! น้อง"หมอแอ้ม"เผยพ่อ-แม่สิ้นด้วย จี้แก้กฎนำเข้าวัคซีนมาตรฐาน
https://www.khaosod.co.th/special-stories/news_6560409
 
สลดซ้ำ “หมอเตี๋ยว” น้องชาย “หมอแอ้ม” แพทย์รพ.ภูมิพลอดุลยเดช โควิดคร่าชีวิต เผย เชื้อมรณะพรากครอบครัวเราไป 3 ชีวิต คุณพ่อ-คุณแม่ สิ้นไปก่อนไม่นาน ชี้น่าจะถึงเวลาแก้บางกฎ เพื่อให้คนไทยได้วัคซีน “ที่มาตรฐาน”
 

จากกรณีการเสียชีวิตของ “หมอแอ้ม” น.อ.หญิง แพทย์หญิงสรัญยา ฬาพานิช แพทย์รพ.ภูมิพลอดุลยเดช ด้วยโรคโควิด-19 โดยคุณหมอเคยเป็น
ผอ.รพ.กองบิน อารมณ์ดี ตัดสินใจเด็ดขาด เป็นผู้นำที่ลูกน้องรัก เพิ่งย้ายกลับมาประจำรพ.ภูมิพลอดุลยเดชได้ไม่นาน
 
ล่าสุดเรื่องนี้ มีผู้ใช้เซฟบุ๊ก AVELA Clinique โพสต์ ระบุว่า 
 
เคสพี่สาวผม (นอ หญิง ดร พญ สรัญยา ฬาพานิช) เป็นเเพทย์ที่เเม้จะฉีดวัคซีนไปแล้วก็ยังติดเชื้อโควิดและเสียชีวิต
 
ครอบครัวเราเสียชีวิตจากโควิด ตอนนี้ สามชีวิตครับ คือคุณแม่ เมื่อ 25/7 คุณพ่อ 31/7 แล้วก็พี่สาว เมื่อวานนี้
 
ผมคิดว่าผมมีสิทธิที่จะพูดความรู้สึก และความต้องการที่เห็นสถานการณ์โควิด ในประเทศปัจจุบันนี้ ผมเองไม่อยากจะโทษวัคซีนใดๆว่าดีหรือไม่ดี เพราะ หลายยี่ห้อฉีดครบก็มีเสียชีวิตครับ
 
แต่โดยหลักทางวิชาการที่ยอมรับในหลายๆประเทศทั่วโลกนั่น ชนิด mrna หรือ subunit protien น่าจะเป็นคำตอบที่ดีในเบื้องต้นนี้ครับ และเเม้ว่าวัคซีนที่น่าจะครอบคลุมทุกเชื้อน่าจะเป็นล็อตของปีหน้า แต่เรารอเเบบนั้นไม่ได้นะครับ เราต้องมีวัคซีนที่มาตรฐานจำนวนมากกว่าที่มีตอนนี้ครับ
 
ปัญหาของเราคือ “กฎที่ออกว่า ใครจะซื้อต้องผ่านหน่วยงานรัฐ” ผมเองไม่มั่นใจในเรื่องกฎหมายเท่าไรนัก แต่ผมคิดว่า ถ้าเราสามารถออกกฎแบบที่ ราชกิจจาฯ ที่ให้ สถาบันวิจัยจุฬาภรณ์นำเข้าได้ ก็น่าจะออกให้บรรดา โรงพยาบาลเอกชน หรือ องค์กรเอกชน สามารถนำเข้าได้ ถ้าไม่เชื่อใจโรงพยาบาลเอกชนที่ใด ก็ผ่านตัวสมาคมโรงพยาบาลเอกชน ก็น่าจะเป็นสมาคมใหญ่ในระดับที่น่าเชื่อถือได้นะครับ
 
การนำเข้าวัคซีนที่ยอมรับ ในต่างประเทศมามากที่สุด เท่าที่ทำได้ ในทุกๆทาง โดยไม่ต้องอาศัยกฎเกณฑ์ ผ่านหน่วยงานรัฐ น่าจะอนุโลมให้ใช้ในสถานการณ์ ที่คนไทยได้ฉีดวัคซีนเพียง 25% (นี่คือรวมเชื้อตายและ mrna) ของประชากร เพราะวัคซีนยิ่งเยอะ (โดยเฉพาะพวก mrna และ Subunit Protein) มันก็จะยิ่งดีไม่ใช่หรือครับ มันน่าจะถึงเวลาที่เราควรแก้บางกฎ เพื่อให้คนไทยได้วัคซีน “ที่มาตรฐาน” ที่จะพอป้องกันตัวเองได้ อย่างน้อย เราก็พอมองเห็นทางสว่างข้างหน้าครับ
 
ผมเชื่อว่า ถ้าออกกฎที่แก้ได้ จะมีบริษัท หรือ โรงพยาบาลมากมาย หรือแม้แต่หน่วยงานใดๆ ที่จะยินดีติดต่อเอง และเราจะผ่านวิกฤตนี้ไปได้ อย่างรวดเร็ว
เพราะเราเสียเวลามามากเกินไปแล้วครับ กับคำว่ารอ วัคซีนที่มาตรฐาน ครับ เปิดโอกาสให้องค์กรต่างๆ นำเข้าวัคซีนเองเถอะครับ มีมากดีกว่ามีไม่พอนะครับ
 
นายแพทย์สิทธิพงศ์ ฬาพานิช (หมอเตี๋ยว)
 
ขอบคุณข้อมูล-ภาพ เฟซบุ๊ก AVELA Clinique

https://www.facebook.com/AVELAClinique/posts/377252093802086
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่