ประมาณ 3 ปีที่แล้วตอนนั้นใครเปิดร้านสะดวกซักได้ก่อนคือรวย เพราะยังไม่มีคู่แข่งแต่พอมาวันนี้ร้านที่เปิดก่อนก็เริ่มจะเหนื่อยกัน เพราะต่อให้ทำเลดีแค่ไหนอยู่รายล้อมด้วยหมู่บ้านสักวันก็จะมีคู่แข่งมาเปิดตามนี้อันนี้เป็นเรื่องที่เลี่ยงไม่ได้
แหล่งเงินทุน
1.เงินเก็บ ถ้าใช้เงินเย็นลงทุนก็จะไม่กดดันมากไม่เสียดอกเบี้ย
2.เงินกู้ อันนี้ต้องคิดดีๆ โดยปกติถ้ากู้ธนาคารดอกเบี้ยจะอยู่ที่ 9-14%แล้วแต่เงื่อนไขแล้วแต่สถาบันการเงิน ถ้ามีที่หรือทรัพย์ค้ำประกันก็จะถูกหน่อย แต่ถ้าจะให้ดอกถูกที่สุดคือ กู้กับธนาคารของรัฐที่เข้าร่วมพวกโครงการสินเชื่อSMEดอกเบี้ยจะอยู่ที่3-5% แต่เงื่อนไขและความยุ่งยากจะก็ทวีคูณไปหลายเท่า เช่น ต้องจดบริษัท ต้องจดทะเบียนพาณิชย์ ต้องเสียภาษีให้ถูกต้อง เงินจะได้แน่นอนแต่ได้ช้าประมาณต้องเปิดร้านและให้เครื่องเริ่มทำงานก่อนถึงจะได้เงิน (เจ้าของกระทู้กู้แบบนี้)
ประเภทของร้าน
ผมจะแบ่งร้านสะดวกซักเป็น2ประเภทใหญ่ๆคือ เครื่องบ้าน และ เครื่องอุตสาหกรรม
1.เครื่องบ้าน ฝาหน้า/ฝาบน ข้อดีคือลงทุนต่ำประมาณ40000-100,000
2.เครื่องอุตสาหกรรม เราจะมาเจาะที่ประเภทนี้
เครื่องอุตสาหกรรมเท่าที่เห็นคือมีแต่ฝาหน้าข้อดีคือ ทน ใช้งานได้นาน ซักเร็วและสะอาด ถ้าบำรุงรักษาดีไม่ต้องซ่อมบ่อย เครื่องอบเอากรองฝุ่นทำความสะอาดบ่อยๆการทำความร้อนก็จะมีประสิทธิภาพมาขึ้น
การลงทุนอยู่ประมาณ1ล้านปลายๆ-3.5ล้านแล้วแต่ขนาดของร้านเรา
รายรับรายจ่ายของร้านประเภทเครื่องอุตสาหกรรม
รายรับประมาณ 70,000-130,000 ช่วงพีคคือหน้าฝนช่วงโลวคือหน้าร้อน รายได้ช่วงพีค อาจพุ่งถึงแสนปลายๆหรือร้านใหญ่หน่อยก็เกิน2แสน
รายจ่าย
ค่าน้ำ6,000-13,000
ค่าไฟ6,000-12,000
ค่าแก๊สกณีระบบแก๊ส 7,000-15,000
ค่าเช่า 10,000-25,000 ราคาแปลผันตามทำเล
ค่าแม่บ้าน 8,000-10,000
รวมรายจ่ายจะอยู่ประมาณ 37,000-75,000 แล้วแต่ขนาดของร้าน (ยังไม่รวมเงินเดือนเจ้าของ)
ข้อเสีย
ค่าซ่อมบำรุงแพง แล้วแต่ร้านแล้วแต่ช่างถ้าเป็นแฟรนไชน์จะปีละประมาณ20,000-50,000 ถ้าไม่ก็จะซ่อมเป็นครั้งแพงแน่นอน ค่าอะไหล่ทั้งแบบแฟรนไชส์และไม่แฟรนไชส์แพงทั้งคู่ ยกตัวอย่างเช่นที่จับฝาประตูเครื่องซักหักค่าอะไหล์ประมาณ5,000-7,000
อายุการใช้งานเครื่องซัก-อบ ประมาณ5 ปี ต้องทำให้คืนทุนให้ได้ถ้าเลย5ปีเครื่องเก่าทำงานได้ไม่เป็นประสิทธิภาพ อาจต้องลงทุนอีกรอบ
ทำเลและกลุ่มเป้าหมาย
การจะเปิดร้านไม่ว่าจะร้านอะไรก็ตามเราต้องศึกษาพื้นที่และทำเลให้ดีโดยปกติทำเลที่เหมาะจะทำร้านสะดวกซักคือ มหาวิทยาลัย condo apartment ชุมชนที่มีหมู่บ้าน แต่ละทำเลก็จะมีข้อดีข้อเสียต่างกันไปหมาวิทยาลัยลูกค้าเยอะแต่ปิดเทอมทีมีปวดหัวเหมือนกัน ชุมชนหมู่บ้านลูกค้าจะเสถียรแต่คู่แข่งจะมาเปิดตามง่าย เรื่องคู่แข่งเลี่ยงไม่ได้ถ้าทำเลดียังไงก็มีคู่แข่งอันนี้คือข้อเสียของธุรกิจนี้บางที่แข่งกันโหดมาก ร้านกำแพงติดกันเลยก็มีและสุดท้ายก็จะแข่งกันที่ราคาจะมีร้านที่ลดราคาเพื่อดึกลูกค้าแต่หารู้ไม่นั่นคือหนทางแห่งหายนะการลดราคาตัดราคาไม่ใช่ทางออกเสมอไป เพราะเมื่อเราลดราคากำไรต่อรอบเราน้อยลงระยะเวลาที่จะคืนทุนก็จะนานขึ้นสภาพเครื่องก็จะเก่าเร็ว จะมีค่าซ่อมบำรุง ค่าเสื่อมอะไรต่างๆตามมามากมาย สุดท้ายก็จะกลายเป็นขาดทุน
ต้องรู้ว่าลูกค้าที่จะมาซักเป็นกลุ่มไหน ถ้าอยู่ใกล้ตลาดลูกค้าส่วนใหญ่เป็นแม่ค้า แรงงานต่างด้าว ก็ควรเลือกเครื่องที่จะลงให้ถูกประเภทถ้าเอาเครื่องดีๆไปลงแป๊บเดียวพัง เพราะพวกนี้มือหนัก มหาวิทยาลัยเอาเครื่องฝาบนไปลงก็ไม่ค่อยเข้า
ปัญหาระหว่างเปิดร้าน
อันนี้จะเอามาบอกคล่าวๆเท่าที่เคยเจอและจำได้แต่รับรองไม่น้อยอย่างที่คิด
1.น้ำไม่เข้าเครื่อง
2.ซักแล้วไฟดับ
3.ลูกค้าเคลมเสื้อผ้าเสียหาย(เสื้อผ้าบางชนิดห้ามซักเครื่อง)
4.โครงชุดชั้นในติดวาวน้ำทิ้งต้องไปเอาออก อันนี้เจอบ่อย
5.หยอดเหรียญแล้วเครื่องไม่รับเหรียญ
6.เครื่องกินเหรียญ
7.ลูกค้าใช้ผงซักฟอก (โดยปกติควรใช้น้ำยาซักแบบเหลว)
8.ลูกค้ามีปัญหาแล้วโทรมาตอนดึกประมาณตี1-ตี2ก็มีโทรมา จริงๆมันก็เป็นการบริการลูกค้าแต่ก็รบกวนเวลานอนเรา
9.เครื่องอบไม่ร้อน
10.เครื่องอบหมุนแล้วหยุดแต่เวลายังเดินทำให้เหมือนไม่ได้อบ
11.ลูกค้าเอาผ้าเปียกเข้าเครื่องอบ (ควรเป็นผ้าที่ผ่านการปั่นหมาดมา)
12.ลูกค้าแอบเอาผ้าเช็ดเท้าผ้าที่ใช้กับสัตว์เลี้ยงมาซัก
13.เครื่องแลกเหรียญกินแบงค์
14.เครื่องขายน้ำยาค้าง
15.ลูกค้าทำอุปกรณ์ร้านชำรุด
ยังมีอีกเยอะที่ยังคิดไม่ออก ปัญหาทุกอย่างสามารถแก้ได้แต่ความยากในการแก้ไขก็แล้วแต่ปัญหา
สรุป
เราทำกระทู้นี้เพื่อแบ่งปันประสบการณ์เราเริ่มทำร้านเมื่อ3ปีที่แล้ว ตอนนี้มี2สาขา ยังโชคดีที่กู้แบงค์มาน้อยตอนนี้ใกล้หมดหนี้แล้วเหนื่อยเหมือนกันไม่ง่ายไม่สบายเหมือนที่หลายคนคิด และเมื่อเวลายิ่งผ่านไปคู่แข่งเพิ่มรายได้ลดเลยคิดว่าจะไม่ทำเพิ่มแล้วเอาแค่นี้ให้รอดพอ ใครที่จะทำให้คิดดีๆครับตอนนี้มีร้านซักผ้าเซ้งเพียบลองไปหาข้อมูลให้ดี ทำการบ้านให้ละเอียด สำหรับใครที่กำลังจะลงทุนก็เป็นกำลังใจให้ครับมันไม่ได้แย่ไปทุกอย่างแต่มันก็ไม่ดีเหมือนตอนผมเริ่ม
เจาะลึกธุรกิจร้านสะดวกซัก(กระแสที่มาแรงและจะไปเร็วในอีกไม่นาน)
แหล่งเงินทุน
1.เงินเก็บ ถ้าใช้เงินเย็นลงทุนก็จะไม่กดดันมากไม่เสียดอกเบี้ย
2.เงินกู้ อันนี้ต้องคิดดีๆ โดยปกติถ้ากู้ธนาคารดอกเบี้ยจะอยู่ที่ 9-14%แล้วแต่เงื่อนไขแล้วแต่สถาบันการเงิน ถ้ามีที่หรือทรัพย์ค้ำประกันก็จะถูกหน่อย แต่ถ้าจะให้ดอกถูกที่สุดคือ กู้กับธนาคารของรัฐที่เข้าร่วมพวกโครงการสินเชื่อSMEดอกเบี้ยจะอยู่ที่3-5% แต่เงื่อนไขและความยุ่งยากจะก็ทวีคูณไปหลายเท่า เช่น ต้องจดบริษัท ต้องจดทะเบียนพาณิชย์ ต้องเสียภาษีให้ถูกต้อง เงินจะได้แน่นอนแต่ได้ช้าประมาณต้องเปิดร้านและให้เครื่องเริ่มทำงานก่อนถึงจะได้เงิน (เจ้าของกระทู้กู้แบบนี้)
ประเภทของร้าน
ผมจะแบ่งร้านสะดวกซักเป็น2ประเภทใหญ่ๆคือ เครื่องบ้าน และ เครื่องอุตสาหกรรม
1.เครื่องบ้าน ฝาหน้า/ฝาบน ข้อดีคือลงทุนต่ำประมาณ40000-100,000
2.เครื่องอุตสาหกรรม เราจะมาเจาะที่ประเภทนี้
เครื่องอุตสาหกรรมเท่าที่เห็นคือมีแต่ฝาหน้าข้อดีคือ ทน ใช้งานได้นาน ซักเร็วและสะอาด ถ้าบำรุงรักษาดีไม่ต้องซ่อมบ่อย เครื่องอบเอากรองฝุ่นทำความสะอาดบ่อยๆการทำความร้อนก็จะมีประสิทธิภาพมาขึ้น
การลงทุนอยู่ประมาณ1ล้านปลายๆ-3.5ล้านแล้วแต่ขนาดของร้านเรา
รายรับรายจ่ายของร้านประเภทเครื่องอุตสาหกรรม
รายรับประมาณ 70,000-130,000 ช่วงพีคคือหน้าฝนช่วงโลวคือหน้าร้อน รายได้ช่วงพีค อาจพุ่งถึงแสนปลายๆหรือร้านใหญ่หน่อยก็เกิน2แสน
รายจ่าย
ค่าน้ำ6,000-13,000
ค่าไฟ6,000-12,000
ค่าแก๊สกณีระบบแก๊ส 7,000-15,000
ค่าเช่า 10,000-25,000 ราคาแปลผันตามทำเล
ค่าแม่บ้าน 8,000-10,000
รวมรายจ่ายจะอยู่ประมาณ 37,000-75,000 แล้วแต่ขนาดของร้าน (ยังไม่รวมเงินเดือนเจ้าของ)
ข้อเสีย
ค่าซ่อมบำรุงแพง แล้วแต่ร้านแล้วแต่ช่างถ้าเป็นแฟรนไชน์จะปีละประมาณ20,000-50,000 ถ้าไม่ก็จะซ่อมเป็นครั้งแพงแน่นอน ค่าอะไหล่ทั้งแบบแฟรนไชส์และไม่แฟรนไชส์แพงทั้งคู่ ยกตัวอย่างเช่นที่จับฝาประตูเครื่องซักหักค่าอะไหล์ประมาณ5,000-7,000
อายุการใช้งานเครื่องซัก-อบ ประมาณ5 ปี ต้องทำให้คืนทุนให้ได้ถ้าเลย5ปีเครื่องเก่าทำงานได้ไม่เป็นประสิทธิภาพ อาจต้องลงทุนอีกรอบ
ทำเลและกลุ่มเป้าหมาย
การจะเปิดร้านไม่ว่าจะร้านอะไรก็ตามเราต้องศึกษาพื้นที่และทำเลให้ดีโดยปกติทำเลที่เหมาะจะทำร้านสะดวกซักคือ มหาวิทยาลัย condo apartment ชุมชนที่มีหมู่บ้าน แต่ละทำเลก็จะมีข้อดีข้อเสียต่างกันไปหมาวิทยาลัยลูกค้าเยอะแต่ปิดเทอมทีมีปวดหัวเหมือนกัน ชุมชนหมู่บ้านลูกค้าจะเสถียรแต่คู่แข่งจะมาเปิดตามง่าย เรื่องคู่แข่งเลี่ยงไม่ได้ถ้าทำเลดียังไงก็มีคู่แข่งอันนี้คือข้อเสียของธุรกิจนี้บางที่แข่งกันโหดมาก ร้านกำแพงติดกันเลยก็มีและสุดท้ายก็จะแข่งกันที่ราคาจะมีร้านที่ลดราคาเพื่อดึกลูกค้าแต่หารู้ไม่นั่นคือหนทางแห่งหายนะการลดราคาตัดราคาไม่ใช่ทางออกเสมอไป เพราะเมื่อเราลดราคากำไรต่อรอบเราน้อยลงระยะเวลาที่จะคืนทุนก็จะนานขึ้นสภาพเครื่องก็จะเก่าเร็ว จะมีค่าซ่อมบำรุง ค่าเสื่อมอะไรต่างๆตามมามากมาย สุดท้ายก็จะกลายเป็นขาดทุน
ต้องรู้ว่าลูกค้าที่จะมาซักเป็นกลุ่มไหน ถ้าอยู่ใกล้ตลาดลูกค้าส่วนใหญ่เป็นแม่ค้า แรงงานต่างด้าว ก็ควรเลือกเครื่องที่จะลงให้ถูกประเภทถ้าเอาเครื่องดีๆไปลงแป๊บเดียวพัง เพราะพวกนี้มือหนัก มหาวิทยาลัยเอาเครื่องฝาบนไปลงก็ไม่ค่อยเข้า
ปัญหาระหว่างเปิดร้าน
อันนี้จะเอามาบอกคล่าวๆเท่าที่เคยเจอและจำได้แต่รับรองไม่น้อยอย่างที่คิด
1.น้ำไม่เข้าเครื่อง
2.ซักแล้วไฟดับ
3.ลูกค้าเคลมเสื้อผ้าเสียหาย(เสื้อผ้าบางชนิดห้ามซักเครื่อง)
4.โครงชุดชั้นในติดวาวน้ำทิ้งต้องไปเอาออก อันนี้เจอบ่อย
5.หยอดเหรียญแล้วเครื่องไม่รับเหรียญ
6.เครื่องกินเหรียญ
7.ลูกค้าใช้ผงซักฟอก (โดยปกติควรใช้น้ำยาซักแบบเหลว)
8.ลูกค้ามีปัญหาแล้วโทรมาตอนดึกประมาณตี1-ตี2ก็มีโทรมา จริงๆมันก็เป็นการบริการลูกค้าแต่ก็รบกวนเวลานอนเรา
9.เครื่องอบไม่ร้อน
10.เครื่องอบหมุนแล้วหยุดแต่เวลายังเดินทำให้เหมือนไม่ได้อบ
11.ลูกค้าเอาผ้าเปียกเข้าเครื่องอบ (ควรเป็นผ้าที่ผ่านการปั่นหมาดมา)
12.ลูกค้าแอบเอาผ้าเช็ดเท้าผ้าที่ใช้กับสัตว์เลี้ยงมาซัก
13.เครื่องแลกเหรียญกินแบงค์
14.เครื่องขายน้ำยาค้าง
15.ลูกค้าทำอุปกรณ์ร้านชำรุด
ยังมีอีกเยอะที่ยังคิดไม่ออก ปัญหาทุกอย่างสามารถแก้ได้แต่ความยากในการแก้ไขก็แล้วแต่ปัญหา
สรุป
เราทำกระทู้นี้เพื่อแบ่งปันประสบการณ์เราเริ่มทำร้านเมื่อ3ปีที่แล้ว ตอนนี้มี2สาขา ยังโชคดีที่กู้แบงค์มาน้อยตอนนี้ใกล้หมดหนี้แล้วเหนื่อยเหมือนกันไม่ง่ายไม่สบายเหมือนที่หลายคนคิด และเมื่อเวลายิ่งผ่านไปคู่แข่งเพิ่มรายได้ลดเลยคิดว่าจะไม่ทำเพิ่มแล้วเอาแค่นี้ให้รอดพอ ใครที่จะทำให้คิดดีๆครับตอนนี้มีร้านซักผ้าเซ้งเพียบลองไปหาข้อมูลให้ดี ทำการบ้านให้ละเอียด สำหรับใครที่กำลังจะลงทุนก็เป็นกำลังใจให้ครับมันไม่ได้แย่ไปทุกอย่างแต่มันก็ไม่ดีเหมือนตอนผมเริ่ม