เปิดร้านหยอดเหรียญดีจริงหรือ????
ดี...แต่..!!
หลาย ๆ ท่านได้สอบถามมาว่าการเปิดร้านหยอดเหรียญ ดีไหม กำไรดีจริงหรือ คืนทุนเร็วจริงหรือ เรามาหาคำตอบกัน..
ร้านซักผ้าหยอดเหรียญในปัจจุบัน เราพอแบ่งได้เป็น 2 กลุ่ม
กลุ่มแรกเป็นร้านหยอดเหรียญที่ใช้เครื่องซักผ้า home user ทั่ว ๆ ไป ทั้งระบบบฝาหน้า ฝาบน ส่วนใหญ่ขนาดไม่เกิน 10 กิโลกรัม ลักษณะร้านค้าไม่มีเครื่องอบผ้า ร้านขนาดเล็ก เน้นการซักอย่างเดียว ไม่มีเครื่องอำนวยความสะดวก สบาย
ส่วนกลุ่มที่ 2 เป็นกลุ่มที่ใช้เครื่องซักผ้าขนาดใหญ่ในเชิงพาณิชย์ (Commercial ) สินค้ากลุ่มนี้มีหลากหลายแบรนด์ หลายยี่ห้อ ทั้งจากเอเซีย ยุโรป อเมริกา ไทย กลุ่มนี้มีการอำนวยความสะดวกมากมาย เช่น free wifi , ฟรีเคมี , มีวงจรปิด บ้างร้านมีแอร์ มีพนักงานคอยให้บริการ ร้านสวยงาม สะดวกสบาย เรียกได้ว่าซักไป ทำงานได้แบบชิว ๆ กันไปเลย ที่เราจับมาเป็นประเด็นกันก็ในกลุ่มที่ 2 นี้ละครับ ซึ่งทุกวันนี้กำลังเป็นที่นิยม เปิดกันมากมาย หลายยี่ห้อ หลายแบรนด์ให้เราเลือกใช้ เลือกดู เลือกชม.. การแข่งขันในปัจจุบันถือว่าสูงมากที่เดียว ถนนบางสาย 3 กิโลเมตร มีกัน 5-7 ร้านค้า !! เรียกว่าเป็นธุรกิจกระแสตัวนึง ในปัจจุบัน (ปกติธุรกิจกระแสมาไว ไปไว มาเป็นช่วง ๆ เช่น ร้านกาแฟ )เรามาคอยดูกันว่ามันจะอยู่ได้นานแค่ไหนในบ้านเรา ซึ่งธุรกิจกลุ่มเคยเติบโตได้ดีมาแล้วในบางประเทศ โดยเฉพาะประเทศที่พัฒนาแล้ว เช่น ญี่ปุ่น เกาหลี สิงคโปร์ และไล่มาถึง มาเลเซีย ซึ่งปัจจุบันถือว่าเป็นขาลงโดยสมบูรณ์ แต่กำลังเติบโตได้ดี ในอินโดนีเซีย ไทยแลนด์บ้านเรา .. ตอนที่ไปสิงคโปร์ พรรคพวกเคยพาไปดู ไปใช้บริการ ตอนนี้ยังมีความรู้สึกว่ามันดี แปลกใหม่ น่าสนใจทีเดียว แต่มาวันนี้สิงคโปร์ เป็นขาลงไปเรียบร้อยไปแล้ว...มาเลเซียก็เช่นกันปัจจุบันมีกว่า 2000 สาขา เรียกได้ว่าอิ่มตัวสุด ๆ ซึ่งอาจจะมีคนเถียงว่าไม่จริง ซึ่งเรื่องนี้ก็ไม่ว่ากันนะครับ ปัจจุบันมีแบรนด์สิ้นค้าร้านหยอดเหรียญในมาเลเซีย ย้ายฐานมาเปิดในประเทศไทยอยู่มากพอสมควร
แล้วเปิดดีไหมละ????
ประเด็นแรก ทำเลครับ ชัยภูมิดีมีชัยไปกว่าครึ่ง ถ้าบริเวณนั้น มีผู้ใช้บริการ หมายถึงจำนวน ครัวเรือน จำนวนผู้คน มีที่จอดรถเพื่ออำนวยความสะดวก ที่สำคัญสุด บริเวณนั้นรัศมี 3 กิโลเมตร ไม่มีธุรกิจประเภทนี้ มีแชร์ตลาด หรือคุณคิดไปแย่งตลาดหรือ Market Share จากคู่แข่งของคุณ ถ้ามีหาที่ใหม่เถอะครับ เพราะสุดท้าย สงครามราคาเพื่อความอยู่รอด มันก็เกิดขึ้น จาก 2 ปี คืนทุน กลายเป็น 3 ปี 4 ปี 5 ปี หรือสุดท้ายตายจากกันไป
ประเด็นที่ 2 ก็เรื่องการลงทุนนี่ละครับ ปัจจุบันมีให้เลือกมามาย ทั้งที่ขายความจริง ขายฝัน ส่วนเรื่องราคาก็มีตั้งแต่ 700,000 จนไปถึง 3,500,000 บาท หรืออาจจะมีสูงกว่านั้น .. ถ้าเรามาดูตัวเลขถือว่าเป็นธุรกิจที่ลงทุนไม่เบาเลยทีเดียว
ประเด็นที่ 3 การรับประกัน และการบริการหลังการขาย บอกได้เลยครับไม่มีเครื่องจักรตัวไหนในโลกานี้ อึด สุดทน จนไม่ต้องทำการซ่อมบำรุง ไม่ว่าจะรับประกัน 1 ปี 3 ปี หรือ ขายฝัน 5 ปี(5 ปีนี้ขายฝันจริง ๆ เลยครับ ไม่มีโรงงานผู้ผลิตใดในโลกที่รับประกัน สินค้า 5 ปี) และผู้ขายทุกรายวาดฝันให้ท่านเรื่องบริการหลังการขายที่สุดยอดทั้งที่ในความเป็นจริงไม่มีศูนย์บริการใกล้บ้านท่านด้วยซ้ำไป
ประเด็นสุดท้าย!! คิดจะลงทุน สอบถาม หา หรือได้ข้อมูลจากไหนมาละ?? แน่นอนละครับ ถ้าสอบถามผู้ค้า คงไม่มีผู้ค้าท่านใดบอกท่านหลอกครับว่า ธุรกิจตัวนี้ไม่ดีอย่างไร ถ้าคงจะได้คำตอบที่เลิศหรู ดูดี มีความฝัน นั่งรับเงินหมื่น เงินแสนต่อเดือนเป็นแน่แท้ และแน่นอนท่านจะเจอคำตอบของจุดคุ้มทุน ว่ามันรวดเร็วแค่ไหนเค้าไม่บอกท่านหรอกครับว่าอะไหล่ของเค้าแพงแค่ไหน ปีแรก สองปีแรก อาจไม่เจอปัญหา เมื่อหมดประกัน ท่านซักผ้าครึ่งเดือนเพื่อ ซ่อมมอเตอร์ 1 ตัว ผู้ค้าก็ผู้ค้าละครับต้องการขายสินค้า ผู้ลงทุนจะเป็นอย่างไรหลังจากลงทุนไปแล้วเป็นอีกเรื่องนึง ผู้ค้าบอกกันท่านแน่นอน ว่าระบบของเค้าดีกว่าคู่แข่ง เค้าบอกท่านแน่นอนว่าถ้าท่านเปิดข้าง ๆ คู่แข่ง คู่แข่งท่านเดี้ยงแน่นอน เพราะของเราระบบเหนือกว่า(ทั้ง ๆ ที่คู่แข่งท่านกับท่านใช้สินค้าจากโรงงานเดียวกัน ระบบเหมือนกัน ) นี่ละครับคือผู้ค้า เค้าต้องการเงินในมือท่าน หารสองเสมอที่คุยกับผู้ค้า ท่องไว้เสมอ อบพระมาพูดก็ไม่เชื่อ!!
“สรุปว่าน่าลงทันไหม??”
1. ได้ ถ้ารัศมีของท่านไม่มีคู่แข่ง
2. หางบลงทุนที่เหมาะกับท่าน อย่าวาดฝัน
3. หาบริษัทที่มีศูนย์บริการหลังการขายที่ชัดเจนใกล้บ้าน(ซึ่งไม่เป็นภาระในภายหลัง)
4. อย่าเชื่อในสิ่งที่ผู้ขายพูดทุกอย่าง อย่าลืมครับว่า เงินท่าน กิจการท่าน พวกเค้าไม่มารับผิดชอบกับเราวันที่เราสูญเสีย ขาดทุน จำไว้เสมอไม่มีสินค้าของใครดีไปกว่าใคร
[CR] ลงทุนร้านสะดวกซัก ดีจริงหรือ
ดี...แต่..!!
หลาย ๆ ท่านได้สอบถามมาว่าการเปิดร้านหยอดเหรียญ ดีไหม กำไรดีจริงหรือ คืนทุนเร็วจริงหรือ เรามาหาคำตอบกัน..
ร้านซักผ้าหยอดเหรียญในปัจจุบัน เราพอแบ่งได้เป็น 2 กลุ่ม
กลุ่มแรกเป็นร้านหยอดเหรียญที่ใช้เครื่องซักผ้า home user ทั่ว ๆ ไป ทั้งระบบบฝาหน้า ฝาบน ส่วนใหญ่ขนาดไม่เกิน 10 กิโลกรัม ลักษณะร้านค้าไม่มีเครื่องอบผ้า ร้านขนาดเล็ก เน้นการซักอย่างเดียว ไม่มีเครื่องอำนวยความสะดวก สบาย
ส่วนกลุ่มที่ 2 เป็นกลุ่มที่ใช้เครื่องซักผ้าขนาดใหญ่ในเชิงพาณิชย์ (Commercial ) สินค้ากลุ่มนี้มีหลากหลายแบรนด์ หลายยี่ห้อ ทั้งจากเอเซีย ยุโรป อเมริกา ไทย กลุ่มนี้มีการอำนวยความสะดวกมากมาย เช่น free wifi , ฟรีเคมี , มีวงจรปิด บ้างร้านมีแอร์ มีพนักงานคอยให้บริการ ร้านสวยงาม สะดวกสบาย เรียกได้ว่าซักไป ทำงานได้แบบชิว ๆ กันไปเลย ที่เราจับมาเป็นประเด็นกันก็ในกลุ่มที่ 2 นี้ละครับ ซึ่งทุกวันนี้กำลังเป็นที่นิยม เปิดกันมากมาย หลายยี่ห้อ หลายแบรนด์ให้เราเลือกใช้ เลือกดู เลือกชม.. การแข่งขันในปัจจุบันถือว่าสูงมากที่เดียว ถนนบางสาย 3 กิโลเมตร มีกัน 5-7 ร้านค้า !! เรียกว่าเป็นธุรกิจกระแสตัวนึง ในปัจจุบัน (ปกติธุรกิจกระแสมาไว ไปไว มาเป็นช่วง ๆ เช่น ร้านกาแฟ )เรามาคอยดูกันว่ามันจะอยู่ได้นานแค่ไหนในบ้านเรา ซึ่งธุรกิจกลุ่มเคยเติบโตได้ดีมาแล้วในบางประเทศ โดยเฉพาะประเทศที่พัฒนาแล้ว เช่น ญี่ปุ่น เกาหลี สิงคโปร์ และไล่มาถึง มาเลเซีย ซึ่งปัจจุบันถือว่าเป็นขาลงโดยสมบูรณ์ แต่กำลังเติบโตได้ดี ในอินโดนีเซีย ไทยแลนด์บ้านเรา .. ตอนที่ไปสิงคโปร์ พรรคพวกเคยพาไปดู ไปใช้บริการ ตอนนี้ยังมีความรู้สึกว่ามันดี แปลกใหม่ น่าสนใจทีเดียว แต่มาวันนี้สิงคโปร์ เป็นขาลงไปเรียบร้อยไปแล้ว...มาเลเซียก็เช่นกันปัจจุบันมีกว่า 2000 สาขา เรียกได้ว่าอิ่มตัวสุด ๆ ซึ่งอาจจะมีคนเถียงว่าไม่จริง ซึ่งเรื่องนี้ก็ไม่ว่ากันนะครับ ปัจจุบันมีแบรนด์สิ้นค้าร้านหยอดเหรียญในมาเลเซีย ย้ายฐานมาเปิดในประเทศไทยอยู่มากพอสมควร
แล้วเปิดดีไหมละ????
ประเด็นแรก ทำเลครับ ชัยภูมิดีมีชัยไปกว่าครึ่ง ถ้าบริเวณนั้น มีผู้ใช้บริการ หมายถึงจำนวน ครัวเรือน จำนวนผู้คน มีที่จอดรถเพื่ออำนวยความสะดวก ที่สำคัญสุด บริเวณนั้นรัศมี 3 กิโลเมตร ไม่มีธุรกิจประเภทนี้ มีแชร์ตลาด หรือคุณคิดไปแย่งตลาดหรือ Market Share จากคู่แข่งของคุณ ถ้ามีหาที่ใหม่เถอะครับ เพราะสุดท้าย สงครามราคาเพื่อความอยู่รอด มันก็เกิดขึ้น จาก 2 ปี คืนทุน กลายเป็น 3 ปี 4 ปี 5 ปี หรือสุดท้ายตายจากกันไป
ประเด็นที่ 2 ก็เรื่องการลงทุนนี่ละครับ ปัจจุบันมีให้เลือกมามาย ทั้งที่ขายความจริง ขายฝัน ส่วนเรื่องราคาก็มีตั้งแต่ 700,000 จนไปถึง 3,500,000 บาท หรืออาจจะมีสูงกว่านั้น .. ถ้าเรามาดูตัวเลขถือว่าเป็นธุรกิจที่ลงทุนไม่เบาเลยทีเดียว
ประเด็นที่ 3 การรับประกัน และการบริการหลังการขาย บอกได้เลยครับไม่มีเครื่องจักรตัวไหนในโลกานี้ อึด สุดทน จนไม่ต้องทำการซ่อมบำรุง ไม่ว่าจะรับประกัน 1 ปี 3 ปี หรือ ขายฝัน 5 ปี(5 ปีนี้ขายฝันจริง ๆ เลยครับ ไม่มีโรงงานผู้ผลิตใดในโลกที่รับประกัน สินค้า 5 ปี) และผู้ขายทุกรายวาดฝันให้ท่านเรื่องบริการหลังการขายที่สุดยอดทั้งที่ในความเป็นจริงไม่มีศูนย์บริการใกล้บ้านท่านด้วยซ้ำไป
ประเด็นสุดท้าย!! คิดจะลงทุน สอบถาม หา หรือได้ข้อมูลจากไหนมาละ?? แน่นอนละครับ ถ้าสอบถามผู้ค้า คงไม่มีผู้ค้าท่านใดบอกท่านหลอกครับว่า ธุรกิจตัวนี้ไม่ดีอย่างไร ถ้าคงจะได้คำตอบที่เลิศหรู ดูดี มีความฝัน นั่งรับเงินหมื่น เงินแสนต่อเดือนเป็นแน่แท้ และแน่นอนท่านจะเจอคำตอบของจุดคุ้มทุน ว่ามันรวดเร็วแค่ไหนเค้าไม่บอกท่านหรอกครับว่าอะไหล่ของเค้าแพงแค่ไหน ปีแรก สองปีแรก อาจไม่เจอปัญหา เมื่อหมดประกัน ท่านซักผ้าครึ่งเดือนเพื่อ ซ่อมมอเตอร์ 1 ตัว ผู้ค้าก็ผู้ค้าละครับต้องการขายสินค้า ผู้ลงทุนจะเป็นอย่างไรหลังจากลงทุนไปแล้วเป็นอีกเรื่องนึง ผู้ค้าบอกกันท่านแน่นอน ว่าระบบของเค้าดีกว่าคู่แข่ง เค้าบอกท่านแน่นอนว่าถ้าท่านเปิดข้าง ๆ คู่แข่ง คู่แข่งท่านเดี้ยงแน่นอน เพราะของเราระบบเหนือกว่า(ทั้ง ๆ ที่คู่แข่งท่านกับท่านใช้สินค้าจากโรงงานเดียวกัน ระบบเหมือนกัน ) นี่ละครับคือผู้ค้า เค้าต้องการเงินในมือท่าน หารสองเสมอที่คุยกับผู้ค้า ท่องไว้เสมอ อบพระมาพูดก็ไม่เชื่อ!!
“สรุปว่าน่าลงทันไหม??”
1. ได้ ถ้ารัศมีของท่านไม่มีคู่แข่ง
2. หางบลงทุนที่เหมาะกับท่าน อย่าวาดฝัน
3. หาบริษัทที่มีศูนย์บริการหลังการขายที่ชัดเจนใกล้บ้าน(ซึ่งไม่เป็นภาระในภายหลัง)
4. อย่าเชื่อในสิ่งที่ผู้ขายพูดทุกอย่าง อย่าลืมครับว่า เงินท่าน กิจการท่าน พวกเค้าไม่มารับผิดชอบกับเราวันที่เราสูญเสีย ขาดทุน จำไว้เสมอไม่มีสินค้าของใครดีไปกว่าใคร
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้