ภาวะตาแห้ง คืออะไร ?
ภาวะตาแห้ง (Dry eye) เป็นภาวะที่พบได้ทั่วไปในทุกเพศทุกวัย สาเหตุหลักมาจากการที่ต่อมน้ำตาไม่สามารถผลิตน้ำตาได้เพียงพอ หรือน้ำตาที่ผลิตอาจมีคุณภาพที่ไม่ดี ไม่คงตัว ไม่สามารถรักษาความชุ่มชื้นของดวงตาได้ นำมาสู่อาการอักเสบ ระคายเคือง และอาจเกิดการทำลายพื้นผิวดวงตาได้
อาการของภาวะตาแห้ง มีอะไรบ้าง ?
อาการของภาวะตาแห้งส่วนมากจะเป็นที่ตาทั้งสองข้าง โดยอาการที่พบ ได้แก่
- แสบตา คันตา ระคายเคืองตา
- ตามัว มองภาพไม่ชัด
- รู้สึกเหมือนมีสิ่งแปลกปลอมอยู่ในตา
- มีขี้ตาเป็นเมือกเหนียวอยู่ในตาหรือรอบดวงตา
- ตาไวต่อแสง สู้แสงไม่ได้
- ตาแดง
- น้ำตาไหล
ภาวะตาแห้ง มีสาเหตุมาจากอะไร ?
น้ำตา (Tear film) มีอยู่ด้วยกัน 3 ชั้น คือ ชั้นไขมัน (Lipid layer) ชั้นน้ำ (Aqueous layer) และชั้นเมือก (Mucous layer) หากเกิดปัญหาที่ชั้นใดชั้นหนึ่งของน้ำตา จะส่งผลให้เกิดภาวะตาแห้งได้ โดยทั่วไปเราสามารถแบ่งสาเหตุที่ทำให้เกิดภาวะตาแห้งออกเป็น 2 สาเหตุหลักๆ คือ
1. การผลิตน้ำตาลดลง อันมีสาเหตุมาจาก
- อายุที่มากขึ้น เกิดการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกาย
- ภาวะความเจ็บป่วยบางอย่าง เช่น โรคภูมิแพ้ที่ตา โรคโชเกร็น (Sjogren's syndrome) โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ (Rheumatoid arthritis) โรคลูปัส (Systemic Lupus Erythematosus: SLE) โรคของต่อมไทรอยด์ การขาดวิตามินเอ
- การใช้ยาบางประเภท เช่น ยาแก้แพ้ ยาฮอร์โมนทดแทน ยาต้านซึมเศร้า ยาลดความดันโลหิต ยารักษาสิว ยาคุมกำเนิด ยารักษาโรคพาร์กินสัน
- ใส่คอนแทคเลนส์เป็นเวลานาน เคยทำเลสิก หรือผ่าตัดดวงตา
2.น้ำตาเกิดการระเหยไวขึ้น อันมีสาเหตุมาจาก
- ต่อมไขมันที่เปลือกตาทำงานผิดปกติ (Meibomian gland dysfunction: MGD) โดยปกติต่อมไมโบเมียนจะทำหน้าที่สร้างน้ำตาชั้นไขมัน ทำให้น้ำตาระเหยได้ช้า หากต่อมนี้ทำงานผิดปกติ จะทำให้น้ำตาระเหยไวขึ้นจนเกิดภาวะตาแห้งในที่สุด
- การจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์หรือสมาร์ทโฟนเป็นเวลานานเกินไป หรือการทำกิจกรรมอื่นๆ ที่ทำให้การกระพริบตาลดลง
- ความผิดปกติของเปลือกตา เช่น เปลือกตาม้วนออก (Ectropion) เปลือกตาม้วนเข้า (Entropion) เปลือกตาปิดไม่สนิท
- สารกันเสียที่อยู่ในยาหยอดตา
- อยู่ในบริเวณที่มีลมแรง มีฝุ่นควัน หรืออากาศแห้ง เป็นเวลานาน
กลุ่มเสี่ยงของภาวะตาแห้งมีอะไรบ้าง ?
แม้ว่าทุกคนจะมีโอกาสการเกิดภาวะตาแห้ง แต่จะมีโอกาสมากขึ้นถ้าหาก
- มีอายุ 50 ปี ขึ้นไป
- เป็นเพศหญิง เนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนขณะตั้งครรภ์ หรือจากการใช้ยาคุมกำเนิดหรือยาฮอร์โมนทดแทน
- รับประทานอาหารที่มีปริมาณวิตามินเอ หรือกรดไขมันโอเมก้า 3 น้อย
- ใส่คอนแทคเลนส์ หรือเคยทำเลสิก
อาการแทรกซ้อนใดบ้างที่อาจเกิดขึ้นจากภาวะตาแห้ง ?
- เกิดการติดเชื้อที่ดวงตา
- เปลือกตาอักเสบ
- มีรอยที่กระจกตา กระจกตาเป็นแผล
- ลดคุณภาพการใช้ชีวิต โดยเฉพาะกิจกรรมที่ใช้สายตาเป็นหลัก เช่น การอ่านหนังสือ การขับรถ
การรักษาภาวะตาแห้ง ทำอย่างไรได้บ้าง ?
- จัดการที่สาเหตุที่ทำให้เกิดภาวะตาแห้ง เช่น รักษาโรคหรือภาวะที่เป็น เปลี่ยนไปใช้ยาที่ไม่มีอาการข้างเคียงทำให้ตาแห้ง
- การใช้ยารักษา ซึ่งแพทย์จะเลือกใช้ตามความรุนแรงของภาวะตาแห้งน้ำตาเทียม มีทั้งแบบยาหยอดตา เจล หรือขี้ผึ้งป้ายตา
- ยาลดการอักเสบของเปลือกตา เช่น ยาปฏิชีวนะ Azithromycin, Doxycycline
- ยาหยอดตาที่ช่วยลดการอักเสบของผิวดวงตา เช่น ยากลุ่มสเตียรอยด์ หรือยากดภูมิ Cyclosporine
- ยากระตุ้นการสร้างน้ำตา เช่น Diquafosol, Pilocarpine
- ซีรัมของตนเอง (Autologous serum) เป็นการนำเลือดของผู้ป่วยคนนั้นๆ มาทำเป็นยาหยอดตา
- ประคบตาด้วยน้ำอุ่น ช่วยลดการอุดตันของต่อมไขมันที่เปลือกตา
- นวดและทำความสะอาดเปลือกตา เพื่อกำจัดเชื้อโรคหรือสิ่งสกปรกที่อยู่บริเวณรอบเปลือกตา
- การรักษาด้วยแสง IPL (Intense Pulse Light)
เราจะป้องกันการเกิดภาวะตาแห้งได้อย่างไร ?
- หยุดพักสายตาเป็นช่วงๆ หากต้องใช้เวลาทำงานเป็นเวลานาน โดยหลับตา 1-2 นาที หรือกระพริบตาถี่ๆ เพื่อช่วยกระจายน้ำตาให้เคลือบทั่วดวงตา
- หยอดน้ำตาเทียมเป็นประจำ เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้ดวงตา
- ระวังอย่าให้ลมแรงๆ ปะทะดวงตาโดยตรง เช่น ลมจากพัดลม เครื่องปรับอากาศ ที่เป่าผม
- สวมแว่นกันแดดหรือแว่นที่ครอบดวงตา เพื่อป้องกันแสงและลม
- หากจำเป็นต้องอยู่ในบริเวณที่มีอากาศแห้ง ควรหลับตาเป็นพักๆ เพื่อลดการระเหยของน้ำตา
- ตั้งจอคอมพิวเตอร์ให้อยู่ระดับต่ำกว่าสายตา เพื่อลดการระเหยของน้ำตา เนื่องจากหากตั้งอยู่สูงกว่าระดับสายตา ตาจะต้องเปิดกว้างขึ้น ทำให้ตาแห้งง่ายมากขึ้น
- ไม่ใส่คอนแทคเลนส์เป็นเวลานาน
- หยุดสูบบุหรี่ หรือหลีกเลี่ยงควันบุหรี่
- รับประทานอาหารที่มีปริมาณวิตามินเอสูง (เช่น น้ำมันตับปลา เครื่องในสัตว์ ไข่แดง แครอท บร็อคโคลี่ ฟักทอง) หรือกรดไขมันโอเมก้า 3 สูง (เช่น ปลาทะเลน้ำลึก เมล็ดแฟลกซ์ วอลนัท น้ำมันข้าวโพด น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันรำข้าว)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้“ตาแห้ง” อาการยอดฮิต ของคนติดจอ ข้อมูลจาก https://www.bumrungrad.com/th/health-blog/august-2021/dry-eye-syndrome
“ตาแห้ง” อาการยอดฮิต ของคนติดจอ
ภาวะตาแห้ง (Dry eye) เป็นภาวะที่พบได้ทั่วไปในทุกเพศทุกวัย สาเหตุหลักมาจากการที่ต่อมน้ำตาไม่สามารถผลิตน้ำตาได้เพียงพอ หรือน้ำตาที่ผลิตอาจมีคุณภาพที่ไม่ดี ไม่คงตัว ไม่สามารถรักษาความชุ่มชื้นของดวงตาได้ นำมาสู่อาการอักเสบ ระคายเคือง และอาจเกิดการทำลายพื้นผิวดวงตาได้
อาการของภาวะตาแห้ง มีอะไรบ้าง ?
อาการของภาวะตาแห้งส่วนมากจะเป็นที่ตาทั้งสองข้าง โดยอาการที่พบ ได้แก่
- แสบตา คันตา ระคายเคืองตา
- ตามัว มองภาพไม่ชัด
- รู้สึกเหมือนมีสิ่งแปลกปลอมอยู่ในตา
- มีขี้ตาเป็นเมือกเหนียวอยู่ในตาหรือรอบดวงตา
- ตาไวต่อแสง สู้แสงไม่ได้
- ตาแดง
- น้ำตาไหล
ภาวะตาแห้ง มีสาเหตุมาจากอะไร ?
น้ำตา (Tear film) มีอยู่ด้วยกัน 3 ชั้น คือ ชั้นไขมัน (Lipid layer) ชั้นน้ำ (Aqueous layer) และชั้นเมือก (Mucous layer) หากเกิดปัญหาที่ชั้นใดชั้นหนึ่งของน้ำตา จะส่งผลให้เกิดภาวะตาแห้งได้ โดยทั่วไปเราสามารถแบ่งสาเหตุที่ทำให้เกิดภาวะตาแห้งออกเป็น 2 สาเหตุหลักๆ คือ
1. การผลิตน้ำตาลดลง อันมีสาเหตุมาจาก
- อายุที่มากขึ้น เกิดการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกาย
- ภาวะความเจ็บป่วยบางอย่าง เช่น โรคภูมิแพ้ที่ตา โรคโชเกร็น (Sjogren's syndrome) โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ (Rheumatoid arthritis) โรคลูปัส (Systemic Lupus Erythematosus: SLE) โรคของต่อมไทรอยด์ การขาดวิตามินเอ
- การใช้ยาบางประเภท เช่น ยาแก้แพ้ ยาฮอร์โมนทดแทน ยาต้านซึมเศร้า ยาลดความดันโลหิต ยารักษาสิว ยาคุมกำเนิด ยารักษาโรคพาร์กินสัน
- ใส่คอนแทคเลนส์เป็นเวลานาน เคยทำเลสิก หรือผ่าตัดดวงตา
2.น้ำตาเกิดการระเหยไวขึ้น อันมีสาเหตุมาจาก
- ต่อมไขมันที่เปลือกตาทำงานผิดปกติ (Meibomian gland dysfunction: MGD) โดยปกติต่อมไมโบเมียนจะทำหน้าที่สร้างน้ำตาชั้นไขมัน ทำให้น้ำตาระเหยได้ช้า หากต่อมนี้ทำงานผิดปกติ จะทำให้น้ำตาระเหยไวขึ้นจนเกิดภาวะตาแห้งในที่สุด
- การจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์หรือสมาร์ทโฟนเป็นเวลานานเกินไป หรือการทำกิจกรรมอื่นๆ ที่ทำให้การกระพริบตาลดลง
- ความผิดปกติของเปลือกตา เช่น เปลือกตาม้วนออก (Ectropion) เปลือกตาม้วนเข้า (Entropion) เปลือกตาปิดไม่สนิท
- สารกันเสียที่อยู่ในยาหยอดตา
- อยู่ในบริเวณที่มีลมแรง มีฝุ่นควัน หรืออากาศแห้ง เป็นเวลานาน
กลุ่มเสี่ยงของภาวะตาแห้งมีอะไรบ้าง ?
แม้ว่าทุกคนจะมีโอกาสการเกิดภาวะตาแห้ง แต่จะมีโอกาสมากขึ้นถ้าหาก
- มีอายุ 50 ปี ขึ้นไป
- เป็นเพศหญิง เนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนขณะตั้งครรภ์ หรือจากการใช้ยาคุมกำเนิดหรือยาฮอร์โมนทดแทน
- รับประทานอาหารที่มีปริมาณวิตามินเอ หรือกรดไขมันโอเมก้า 3 น้อย
- ใส่คอนแทคเลนส์ หรือเคยทำเลสิก
อาการแทรกซ้อนใดบ้างที่อาจเกิดขึ้นจากภาวะตาแห้ง ?
- เกิดการติดเชื้อที่ดวงตา
- เปลือกตาอักเสบ
- มีรอยที่กระจกตา กระจกตาเป็นแผล
- ลดคุณภาพการใช้ชีวิต โดยเฉพาะกิจกรรมที่ใช้สายตาเป็นหลัก เช่น การอ่านหนังสือ การขับรถ
การรักษาภาวะตาแห้ง ทำอย่างไรได้บ้าง ?
- จัดการที่สาเหตุที่ทำให้เกิดภาวะตาแห้ง เช่น รักษาโรคหรือภาวะที่เป็น เปลี่ยนไปใช้ยาที่ไม่มีอาการข้างเคียงทำให้ตาแห้ง
- การใช้ยารักษา ซึ่งแพทย์จะเลือกใช้ตามความรุนแรงของภาวะตาแห้งน้ำตาเทียม มีทั้งแบบยาหยอดตา เจล หรือขี้ผึ้งป้ายตา
- ยาลดการอักเสบของเปลือกตา เช่น ยาปฏิชีวนะ Azithromycin, Doxycycline
- ยาหยอดตาที่ช่วยลดการอักเสบของผิวดวงตา เช่น ยากลุ่มสเตียรอยด์ หรือยากดภูมิ Cyclosporine
- ยากระตุ้นการสร้างน้ำตา เช่น Diquafosol, Pilocarpine
- ซีรัมของตนเอง (Autologous serum) เป็นการนำเลือดของผู้ป่วยคนนั้นๆ มาทำเป็นยาหยอดตา
- ประคบตาด้วยน้ำอุ่น ช่วยลดการอุดตันของต่อมไขมันที่เปลือกตา
- นวดและทำความสะอาดเปลือกตา เพื่อกำจัดเชื้อโรคหรือสิ่งสกปรกที่อยู่บริเวณรอบเปลือกตา
- การรักษาด้วยแสง IPL (Intense Pulse Light)
เราจะป้องกันการเกิดภาวะตาแห้งได้อย่างไร ?
- หยุดพักสายตาเป็นช่วงๆ หากต้องใช้เวลาทำงานเป็นเวลานาน โดยหลับตา 1-2 นาที หรือกระพริบตาถี่ๆ เพื่อช่วยกระจายน้ำตาให้เคลือบทั่วดวงตา
- หยอดน้ำตาเทียมเป็นประจำ เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้ดวงตา
- ระวังอย่าให้ลมแรงๆ ปะทะดวงตาโดยตรง เช่น ลมจากพัดลม เครื่องปรับอากาศ ที่เป่าผม
- สวมแว่นกันแดดหรือแว่นที่ครอบดวงตา เพื่อป้องกันแสงและลม
- หากจำเป็นต้องอยู่ในบริเวณที่มีอากาศแห้ง ควรหลับตาเป็นพักๆ เพื่อลดการระเหยของน้ำตา
- ตั้งจอคอมพิวเตอร์ให้อยู่ระดับต่ำกว่าสายตา เพื่อลดการระเหยของน้ำตา เนื่องจากหากตั้งอยู่สูงกว่าระดับสายตา ตาจะต้องเปิดกว้างขึ้น ทำให้ตาแห้งง่ายมากขึ้น
- ไม่ใส่คอนแทคเลนส์เป็นเวลานาน
- หยุดสูบบุหรี่ หรือหลีกเลี่ยงควันบุหรี่
- รับประทานอาหารที่มีปริมาณวิตามินเอสูง (เช่น น้ำมันตับปลา เครื่องในสัตว์ ไข่แดง แครอท บร็อคโคลี่ ฟักทอง) หรือกรดไขมันโอเมก้า 3 สูง (เช่น ปลาทะเลน้ำลึก เมล็ดแฟลกซ์ วอลนัท น้ำมันข้าวโพด น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันรำข้าว)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้