นิรันดร์

นิรันดร แต่งให้คุณดินสอสีน้ำ อยากจะให้วิจิตรบรรจงกว่านี้ แต่จนใจเรื่องเวลา ไอ้ครั้นจะสวกๆลวกเอา ก็เกรงว่าจะไม่แสดงออกให้ชัดเจนถึงความเคารพรัก

วารวารีฝันเห็นใบหน้าของชายคนหนึ่ง  จากที่เห็นในนิรมิตร ดวงตาคมวาว จมูกโด่งงอน รูปหน้ามีกรามแน่น ลักษณะแบบคนจริงจังและมั่นคง

 เค้าหน้านี้วนเวียนทุกคราว ยามที่เธออยู่ในห้วงความฝัน จะว่าจิตสร้างขึ้นมาก็ไม่ใช่ เพราะทุกองคาพยพ รูปร่างท่าทาง ทุกครั้งที่เธอเห็นเขา เหมือนเดิมทุกกระเบียดนิ้ว

อาการของเธอดีขึ้นเรื่อยๆ พยาบาลเดินเข้ามาตรวจ สอบถามอะไรสองสามประโยคแล้วก็ออกไป ในห้องคนไข้ส่วนตัวตอนนี้มีเธอกับคุณอรณีพี่เลี้ยงที่อยู่กับวารวารีมาตั้งแต่แบเบาะ

คุณอรณีกำลังทำงานเย็บปักถักร้อยอะไรของหล่อนไปเรื่อยเปื่อย ส่วนมากก็จะเป็นหมวกไหมพรมคลุมผมหรือไม่ก็ผ้าพันคอ  เนื่องจากอากาศเริ่มจะเย็น ตั้งแต่คุณอรณีเฝ้าอาการวารวารีมาได้ร่วมเดือนเศษ หล่อนทำงานฝีมือฆ่าเวลาเสร็จไปได้หลายชิ้น

“ชิ้นนี้เป็นชิ้นสุดท้ายแล้ว ที่น้าจะทำในห้องนี้ เผลอๆอาจเสร็จไม่ทันด้วยสิ เพราะหมอบอกว่าคุณหนูของน้าอรจะได้กลับบ้านเร็วๆนี้แล้ว” 

คุณอรณีพูดยิ้มๆเมื่อเห็นว่าหญิงสาวนอนตะแคงหันมามองสิ่งที่เธอทำอยู่ แต่ในใจของวารวารีไม่ได้พุ่งความสนใจไปถึงงานปักตามที่พี่เลี้ยงเธอเข้าใจเลย กว่าคุณอรณีจะรู้ตัวก็เมื่อคำถามๆหนึ่งผุดขึ้นมา

“คุณอรค่ะ ทำไมหนูถึงขับรถออกไปเกิดอุบัติเหตุได้ค่ะ เท่าที่จำได้ วารไม่ค่อยได้ขับรถเอง บ้านเรามีลุงแดงเป็นคนขับรถให้”

หญิงวัยกลางคนถึงกับหยุดกึก แสดงให้เห็นว่าคำถามนี้มีผลแค่ไหน ปกติคุณอรณีจะเป็นคนมือไม้ไม่เคยหยุดนิ่ง แม้จะสนทนากับใครไปด้วย หล่อนก็จะมือเป็นระวิงไปตลอด

คราวนี้หล่อนวางงานที่ทำค้างไว้บนโต๊ะเล็กข้างๆ ลุกขึ้นมาเอามือแตะหัวไหล่วารวารี ทอดสายตามาที่หล่อนอย่างหนักใจและเป็นห่วง

“หนูอรจะถามน้าไปให้ไม่สบายใจทำไม อุบัติเหตุเกิดได้ทุกเวลา บางทีเราระวังตัวอย่างดี เคราะห์หามยามร้าย เจอคนอื่นประมาท เราก็หนีภัยไม่พ้นเหมือนกัน”

ดูเหมือนสายตาของหญิงสาวจะทำให้คุณอรณีรู้ตัวว่า ยังไม่ได้ตอบอะไรที่ตรงกับคำถาม เธอเลยรีบปรับสีหน้าและพูดว่า

“อ๋อ ตอนนั้นลุงแดงเพิ่งกลับมาจากทำธุระให้คุณท่าน แกยังไม่ได้กินข้าว ป้าเนียนแม่ครัวเลยหาอะไรให้แกกิน หนูวารมีนัดกับเพื่อนตอนนั้นพอดี หนูของน้าเกรงใจลุงแดงที่กำลังกินข้าวอยู่ เลยแอบขับออกไปคนเดียว”

วารวารีจ้องมองคุณอรณีตาเป๋ง ทำเอาหญิงสูงอายุกว่าสะบัดร้อนสะบัดหนาว เพราะความใกล้ชิดกับหญิงสาวมาตั้งแต่เกิด ทำให้เธอรู้ดีว่าสายตาอย่างนี้เหมือนกำลังจะจับผิดดีๆนี้เอง

เธอลอบถอนหายใจโล่งอก เมื่อหญิงสาวที่เลี้ยงมากับมือ พลิกตัวนอนหงายมองเพดานห้องเหมือนครุ่นคิดอะไร ละความสนใจไปจากคุณอรณีชั่วขณะ

แต่แล้วคุณอรณีที่เพิ่งใจชื้นขึ้นหมาดๆ ก็หวิดเกือบสะดุ้งให้ถูกจับพิรุธได้ เพราะจู่ๆวารวันก็ถามขึ้นมา

“คนที่หนูกำลังจะไปหาก่อนเกิดอุบัติเหตุเป็นผู้ชายหรือเปล่าค่ะ หน้าคมเข้ม มีสันกรามด้วย”

คุณอรณีที่ทั้งชีวิตคร่ำเคร่งแต่เรื่องการบ้านการเรือน และถนัดแต่งานฝีมือ ไม่ได้มีเหลี่ยมคูอะไร จึงไม่ได้เตรียมตัวสำหรับคำถามนี้  ได้แต่พูดเอ่อๆอ่าๆ ขณะกำลังจะจนมุมอยู่รอมร่อ ใครคนหนึ่งก็เหมือนเสียงระฆังที่มาช่วยเอาไว้

ประตูห้องเปิดออก หญิงสาวตัวเล็กแต่ว่าหน้าตาจิ้มลิ้มคนหนึ่ง ในชุดเสื้อและกระโปรงที่เหมาะสมและรับกันกับรูปร่าง มือถือตระกร้าผลไม้คนหนึ่งก็เดินเข้ามา หล่อนยกมือไหว้คุณอรณีก่อนและหันไปทักคนเจ็บบนเตียงอย่างคุ้นเคย

“เป็นยังไงบ้างวาร เธอดูดีขึ้นตั้งเยอะ ฉันว่าไม่นานหมอคงให้เธอกลับบ้านแล้วล่ะ”

คุณอรณีรีบฉวยโอกาสนั้นเดินมารับตระกร้าจากหญิงสาวผู้มาเยือน พร้อมพูดจาทักทายอย่างคนรู้จักมักคุ้น

“เป็นยังไงบ้างจ้ะหนูเล็ก วันนี้ไม่ทำงานหรอกหรือจ้ะ”

หญิงสาวตัวเล็กสมชื่อยิ้มให้คุณอรณี

“เล็กเบี้ยวงานน่ะค่ะ ทำแค่ถึงเที่ยง แล้วบอกคุณพ่อว่าจะมาเยี่ยมยายวาร ท่านก็ให้มาค่ะ แถมฝากมาเยี่ยมด้วย”

คุณอรณีมองหญิงสาวอย่างเอ็นดู เธอเห็นหญิงสาวเบื้องหน้ามาแต่อ้อนแต่ออกเหมือนกัน พ่อแม่ของวารุณีสนิทสนมรักใคร่เป็นอย่างดีกับครอบครัววารวารี มักไปมาหาสู่กันเสมอ ทั้งสองสาวจึงเป็นเพื่อนเล่นเพื่อนรักกันตั้งแต่เด็ก

“น้าฝากขอบคุณคุณท่านด้วยนะจ้ะ คุยกันไปสองคนก่อน น้าขอตัวไปโทรศัพท์สักครู่”

พอคุณอรณีเดินออกจากห้องไป วารวารีที่เหมือนคอยจังหวะอยู่แล้ว ก็รีบถามขึ้นทันที เล่นเอาเพื่อนสาวตั้งตัวไม่ทัน

“ยายเล็ก ช่วงนี้ความทรงจำฉันไม่ค่อยดี พอคิดอะไรหนักๆแล้วจะปวดหัว เธอช่วยบอกฉันหน่อย ฉันเคยรู้จักหรือสนิทกับผู้ชายคนไหน ที่รูปร่างสูงๆ หุ่นทะมัดทะแมง โครงหน้าเหลี่ยมแต่หล่อเข้มบ้างไหม”

วารุณีนึกไม่ถึงว่าอยู่ดีๆ เพื่อนสนิทจะเปิดบทสนทนาด้วยคำถามนี้ จึงได้อึ้งไปชั่วขณะ แต่พอคืนสติได้ก็หัวเราะออกมา แล้วพูดอย่างเห็นเป็นเรื่องขัน

“โธ่ ยายวาร ผู้ชายที่เข้ามาจีบเธอ ฉันนับไม่หวาดไม่ไหวหรอก แล้วก็หน้าตาดีๆกันทั้งนั้นแหละ แต่เธอก็ไม่สนเลยสักคนนี้นา และไม่เคยให้ความหวังกับใครทั้งนั้น หนุ่มๆพวกนั้นพอรู้ตัวว่าจีบไม่ติดแน่ก็ค่อยๆทยอยหายกันไป เธอจะมาถามเอาอะไรตอนนี้ หรือนึกเสียดายขึ้นมา”

วารุณีทำน้ำเสียงหยอกล้อเพื่อนตัวเอง ราวกับสิ่งที่พูดไม่มีอะไรเป็นสาระสำคัญ หล่อนเดินอ้อมเตียงมาที่ตระกร้าผลไม้ หยิบลูกสาลี่กรอบขึ้นมา แล้วหันซ้ายหันขวา

“มีดมีหรือเปล่า ฉันจะปอกผลไม้ให้เธอกิน”

“ไม่รู้เหมือนกัน” วารวันตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ” แต่ผลไม้น่ะเอาไว้ก่อนเถอะ ประเดี๋ยวคุณอรกลับมาก็จัดการให้เอง เธอตอบคำถามฉันมาดีกว่า เพราะฉันคิดว่าคงไม่ได้ความจริงจากพ่อและแม่ฉันแน่ รวมถึงน้าอรด้วย”

“ถามอารายย่ะ หล่อน” วารุณีแกล้งทำเสียงยานคราง ทำทีเป็นว่ารำคาญ แต่ในใจเริ่มหวั่นๆ ด้วยความสนิทชิดเชื้อกันตั้งแต่เด็กทำให้หล่อนรู้ดีว่า ถ้าเพื่อนรักของหล่อนทำหน้านิ่งเฉยเมื่อไหร่ แสดงว่ากำลังจะคาดคั้นเอาความจริงกับเธอ

“ถามเหมือนเดิมนั่นแหละ แต่อยากได้คำตอบแบบตรงๆ” แม้วารวันไม่ได้แสดงสีหน้าอะไรออกมาให้คาดเดาได้ แต่น้ำเสียงหล่อนเริ่มเอาเรื่อง

โชคดีที่วารุณีตระเตรียมเรื่องมาอย่างดีกับทางบ้านวารวันแล้ว หล่อนจึงทำหน้านิ่งคิดอย่างแนบเนียน ลากเก้าอี้ตัวหนึ่งมานั่งข้างเตียง

“เอาล่ะ มีอยู่คนหนึ่ง รูปพรรณสัณฐานตามที่ว่า แต่ฉันไม่รู้ว่าเป็นผู้ชายคนเดียวกับที่เธอพูดถึงหรือเปล่า เลยไม่อยากพูดให้นึกและพอนึกไม่ออกเธอจะเกิดปวดหัวขึ้นมาขึ้นมาทันที หมอเจ้าของใช้เขาห้ามว่าอย่าเพิ่งเซ้าซี้เรื่องอะไรที่ทำให้เธอไม่สบายใจ เอาไว้ความจำเธอจะค่อยๆกลับมาเอง”

วารวันเงียบไปชั่วอึดใจ สายตาหล่อนมองเหม่อเหมือนกำลังทบทวนอะไร ก่อนถามวารุณีด้วยเสียงเลื่อนลอย

“ทำไมการพูดถึงผู้ชายคนนั้นถึงจะทำให้ฉันไม่สบายใจหรือ วารุณี ฉันนึกอะไรเกี่ยวกับตัวเขาไม่ออกเลย ไม่ว่าในแง่ไหน ดีหรือร้าย”

วารุณีรีบห้ามเสียงลนลาน

“อย่า ไม่ต้องคิดแล้ว ยายวาร ฉันจะเล่าให้เธอฟังเอง ผู้ชายที่รูปร่างหน้าตาตามที่เธอ
บอกน่ะเขาชื่อพี่นุภาพ เป็นทหารขับรถให้คุณพ่อของเธอชั่วคราว เพราะลุงแดงแกต้องไปผ่าตัดใส้ติ่งช่วงนั้น

มีอยู่วันหนึ่งเธอชวนฉันไปเล่นที่ศาลาริมน้ำ ตอนนั้นเราสองคนวัยเดียวกัน น่าจะสักเจ็ดขวบนี้แหละ คุณอรไปหยิบขนมให้เธอแค่แผล็บเดียว เธอลุกเดินไปที่บันไดท่าน้ำ เกิดลื่นอีท่าไหนยังไงไม่รู้ ผลัดตกน้ำลงไป คุณอรกลับมาเห็นเข้าปล่อยจานขนมหลุดมือเลย ร้องตะโกนโหวกเหวกให้คนช่วย ทำท่าจะกระโดดลงน้ำเองเสียด้วย

พอดีพี่นุภาพกำลังเช็ดรถอยู่แถวๆนั้น พอได้ยินเสียงก็รีบวิ่งมาทันที ห้ามไม่ให้คุณอรลงน้ำ แล้วกระโจนลงไปช่วยเธอขึ้นมา เอาตัวเธอวางพาดกับไหล่ วิ่งไปวิ่งมาจนเธอสำลักน้ำออกมาจนหมด

พอคุณพ่อคุณแม่ของเธอรู้เรื่องเข้า ก็ขอบอกขอบใจพี่นุภาพเป็นการใหญ่ หลังจากนั้นคุณพ่อของเธอก็ทำเรื่องขอพี่นุภาพมาจากกรม ให้ทำงานจิปาถะทั่วไป แต่ไม่ใช่คนใช้นะ ให้ช่วยคุณอรดูแลเธอนั่นแหละ 

หลังจากเหตุการณ์เธอตกน้ำ คุณพ่อของเธอก็บอกว่า ที่บ้านมีสระน้ำ และบ้านอยู่ติดน้ำ ถ้าลูกสาวว่ายน้ำไม่เป็นเห็นจะไม่ได้การ ท่านก็มอบหมายให้พี่นุภาพนี้แหละสอนเธอว่ายน้ำ โดยมีคุณอรเฝ้าดูอีกที 

พี่นุภาพสอนเธอว่ายน้ำ ขี่จักยาน ขับรถยนต์ สารพัด ฉันไปเที่ยวที่บ้านเธอพลอยได้อานิสงส์ไปด้วย อ๋อ ก่อนที่เธอกับฉันจะไปเรียนต่อเมืองนอก เขาสอนให้เราสองคนทำอาหารไทยง่ายๆด้วยนะ เพื่อที่จะได้ไม่อด”

“เกิดอะไรขึ้นกับเขา” วารวันพูดพลางกดปุ่มปรับระดับเตียงให้สูงขึ้น ท่าทางของเธอดูกระตือรือร้นขึ้นมาทันที

“ถ้าเขาทำให้ฉันขนาดนี้ ทำไมฉันไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับเขาเลยล่ะ วารุณี”

“เธอไม่ได้ลืมพี่นุภาพหรอก เขาอยู่ในนี้” วารุณีเอานิ้วชี้แตะที่ขมับเพื่อนสนิท “ความทรงจำของเธอหายไปชั่วคราวเท่านั้น แล้วมันจะค่อยๆกลับมาเอง”

“แล้วทำไมฉันไม่เห็นเขาอีกเลย” วารวันพูดเหมือนกับรำพึงกับตัวเอง วารุณียกมือขึ้นลูบต้นแขนเพื่อนสาว ดวงตาของเธอก็มีแววหวนระลึกถึงพี่ชายผู้อารีย์คนนั้นเช่นกัน

“คุณพ่อเธอเห็นว่าพี่นุภาพใฝ่ดี ท่านจึงสนับสนุนและอุปถัมภ์ทุกวิถีทางให้พี่แกได้เรียนต่อ จนกระทั่ง พี่นุภาพไปได้สูงถึงโรงเรียนนายเรือ เรียนจบนายร้อย ย้ายไปประจำการที่ต่างจังหวัด พอเราสองคนเรียนจบฝึกงานเสร็จเขาก็ย้ายไปแล้ว เราถึงไม่ได้เห็นพี่นุภาพเขาอีกเลย” 

“ฉันเกิดอุบัติเหตุรถชน เขาไม่คิดจะมาเยี่ยมฉันบ้างเลยหรือ โทรมาก็ยังดี” หญิงสาวนึกตัดพ้อในใจ แต่แล้วก็ต้องหัวใจหวิวหลุดลอยไป เมื่อวารุณีบังเอิญพูดขึ้นมาราวกับว่าอ่านใจหล่อนออก

“ป่านนี้ลูกคงเดินได้แล้วมั้ง ก็แกแต่งงานไปตั้งสามปีแล้ว”

คุณอรเปิดประตูเข้ามา ไม่ทันจับใจความได้ว่าสองสาวพูดอะไรกัน เธอเดินไปเปิดผ้าม่านรับแสงแดงอ่อนๆ แต่ก็เพียงพอที่ฉาบฉายใบหน้าซีดของคนเจ็บที่อยู่บนเตียงไม่ให้เป็นที่ผิดสังเกต

“โธ่” วารวันเค้นเสียงในใจ “ที่แท้ก็ไปแต่งงานมีเมียแล้วนี่เอง ไม่ได้คิดถึงน้องสาวคนนี้อีกแล้ว”

ใกล้เวลาหมดเยี่ยม วารวันไม่ได้นึกถึงชายคนนั้นอีก หล่อนเป็นคนใจเด็ดอย่างนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไร อารมณ์เปลี่ยนผันไปได้อย่างรวดเร็ว ในเมื่อพี่นุภาพไม่คิดถึงเธออีก ทำไมเธอต้องเก็บเอาเขามาใส่ใจ

คุณอรเดินมาส่งวารุณี สาวสองวัยมองหน้าอย่างรู้กัน คนที่สูงวัยกว่าเอ่ยขึ้น

“ป้าใจหายหมด  วารทำท่าจะจำอะไรได้ขึ้นมา ตอนที่นุภาพเสียขาไปหนึ่งข้างและปลีกตัวไปอยู่อย่างเจียมตัวในฐานะผู้พิการ วารเกิดคลั่งขับรถไปหาจนเกิดอุบัติเหตุ”

วารุณีระบายลมหายใจยาว

“พี่นุภาพน่าสงสารมาก แอบรักยายวารมาตั้งนาน อุตส่าห์ดิ้นรนจนจบนายร้อยเพื่อให้คู่ควรกัน แต่เคราะห์ร้ายมาเกิดอุบัติเหตุเป็นคนเสียขา ใจของแกเด็ดมาก ยอมอยู่คนเดียวไปจนตาย แต่ไม่อยากได้ความสงสารจากยายวาร”
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่