ทะเลาะกับย่า จัดการอารมณ์ยังไงดี

คือเราชอบทะเลาะกับย่าค่ะ จริงๆก็ไม่เรียกว่าทะเลาะเพราะย่าแค่บ่นเรา แต่มันไม่ได้นานๆทีบ่น มันหลายครั้ง ซึ่งความที่ย่าเลี้ยงเรามาแต่เด็กทำให้เรารักย่ามากแต่ว่าตอนนี้เราเริ่มโตขึ้นมันมีปัญหาชีวิตต่างๆเข้ามาทั้งเคลียดเรื่องการเรียนออนไลน์ การบ้านและอื่นๆอีก ทำให้ตอนนั้นเราอารมณ์อ่อนไหวมากแล้วเราเผลอทำอะไรเสียงดังเช่นเดินกระทืบเท้าเสียงดัง วางนั่นนี่เสียงดังมากกว่า หน้าไม่มีสีสันหน้าบึ้งตึงกว่าปกติ ทำให้ย่าก็บ่นกึ่งๆว่า
      แล้วเราไม่ได้เป็นแบบนี้แค่ครั้งเดียวเราเป็นหลายครั้งแล้วด้วยความย่าเป็นคนแก่ก็ต้องขี้บ่นเป็นประจำอยู่แล้ว บางครั้งย่าใช้เอาของไปเก็บแล้วถามแค่ว่าเอาไว้ตรงไหนก็โดนบ่นยาวเลยว่าใช้อะไรไม่ได้ คือเราแค่ถามว่าเอาไว้ไหนเพราะมันเป็นของที่ปกติจะไม่มีในบ้าน แต่ก็ยังโดนบ่น เรียกไปทำนู่นนี่ตอนเราเรียนหรือทำงานอยู่บ้างล่ะ ทำให้บางครั้งเราหงุดหงิดแล้วโดนย่าบ่นตลอด
     ทุกวันก็ไม่มีอะไรหรอกค่ะ แต่วันนี้อารมณ์เรามันอ่อนไหวกว่าปกติเพราะการบ้านอาทิตย์นี้มันเยอะมาก ที่ต้องส่งวันจันทร์มันก็มีแต่พ่อกับแม่จะพาไปบ้านยายเราเลยค่อนข้างเครียดเพราะที่บ้านยายไม่ค่อบมีสัญญาน ขนาดตู้บุญเติมธรรมดายังอยู่ห่างจากบ้านยายเกือบสิบโลแล้วอีกอย่างที่เราฟันธงได้คือพ่อแม่เราต้องพาเราค้างที่ทุ่งนาแน่นอนแล้วที่นั่นไม่มีไฟฟ้า ต่อให้มีแบตสำรองแต่ว่าก็ต้องโดนใช้จนหมดภายในครึ่งวันอยู่ดีเพราะพาวเวอร์แบ๊งค์ของเราแค่สองชิ้นจุแค่ชิ้นละ 4000 ใช้ด้วยกันหกคนยังไงก็ไม่พอ
     แล้วเราไม่อยากไปเลยจะบอกพ่อกับแม่แต่ว่าพวกทันให้ไปทุกคน คือเราก็บอกเหตุผลไปแล้วแต่ว่าพวกท่านก็ยังจะให้เราไปบอกว่าเน็ตเดี๋ยวแชร์ให้พาวเวอร์แบงค์ก็มีเราจะไม่กังวลหรอกถ้าเกิดว่าของเราเราได้ใช้แค่คนเดียว แต่มันไม่ใช่ พอน้องแบตหมดพ่แก็จะบอกให้น้องมายืมพาวเวอร์แบงค์เรา
     แล้วตอนนั้นเราอารมณ์ไม่ดีอยู่ กอปรกับกำลังเครียดเรื่องงานกับเรื่องเรียนมากๆตอนกินข้าวเช้าเลยเผลอวางจานข้าวเสียงดังแล้วก็ให้บึ้งทำให้ย่าว่าเราว่า ทำอะไรเสียงดัง หน้าบูดหน้าบึ้ง แล้วไม่ได้ใช้โทนเสียงธรรมดาใช้เสียงดัง ทำให้เราไปแอบร้องไห้ในห้องครัวประมาณสิบนาที พอคิดว่าน่าจะหยุดแล้ว(ที่จริงก็หยุดร้องแล้วแค่มีคราบน้ำตานิดหน่อย)เลยไปกินข้าวต่อ แต่มันไม่หยุด พอเราเห็นหน้ายายมันก็ทะลักออกมาทุกที อารมณ์ทุกอย่างที่เก็บไว้มันเหมือนค่อยๆไหลออกมา คือกินข้าวคลุกน้ำตาของแท้แต่ยังไม่มีใครเห็น จนแม่มาเห็นแล้วถามว่าร้องไห้ทำไมเราก็ไม่ตอบ คือมันตอบไม่ได้อ่ะอธิบายไม่ถูก แล้วเราเป็นคนที่ยิ่งโดนถามยิ่งโดนปลอบจะยิ่งร้องหนักกว่าเดิม เราร้องต่อพร้อมกินข้าวจนหมดจาน พอพ่อถอยรถออกจากบ้านจะไปบ้านยายเราก็ยังไม่หยุดร้อง 
     'จนย่าบอกว่า จะร้องอะไรนักหนา มันเสียเวลานะ จะพาไปทำมาหากินไปหาเงินทำไมไม่ไป ทำเขาเสียเวลา ' เราก็เลยบอกว่าก็ไปเลยไม่ต้องมาสน แล้วบมันยิ่งร้อนหนักกว่าเดิมจนแทบหายใจไม่ทัน แล้วย่าก็บอกว่า 'เขาจะฆ่าแกนะ ไปสิ รีบไปเร็วๆ' คือแบบ ตอนนั้นคือจะฆ่าก็ฆ่าดิ ก็ไม่ได้อยากอยู่เหมือนกัน จะมาก็มาจะได้หลุดพ้นสักที (เขาในที่นี้หมายถึงพ่อกับแม่)
     ต่อมาเราไม่ยอมไปจนย่าบอกว่าจะอยู่กับเราเองให้พ่อกับแม่กับน้องไปก่อน ตอนนั้นที่ย่าเผลอเรารีบวิ่งไปแอบร้องที่หลังบ้านอยู่ตรงนั้นแทบชั่วโมงจนย่าหาเจอแล้วเกลี้ยกล่อมให้เราพาย่าขับมอไซค์ตามไปทีหลัง ความรู้สึกตอนนั้นคือ เรายังต้องไปอีกหรอ คืออยากให้หนูเรียนเก่งๆได้เกรดดีๆแต่ไม่เคยเข้าใจหนูเลยงี้หรอ ถ้าเป็นเทอมก่อนๆก่อนที่จะมีโควิดไม่ได้เรียนออนไลน์คือไปได้ แต่นี่มันไม่ใช่ไง แล้วยังคาดหวังเกรดสี่จากหนูหรอ อะไรอ่ะ
     ความที่เป็นพี่คนโตต้องแบกความหวังอะไรหลายๆอย่างแล้วพ่อกับแม่มีแต่ลูกสาว เราเลยต้องทำเป็นทุกอย่าง แต่ใครมันจะไปทำได้ ทุกอย่างที่อัดอั้นในใจมันไหลออกมากับน้ำตา ตอนนั้นคือย่าถามก็ไม่ตอบ ไม่หือไม่อือ ไม่สน นั่งกอดเข่าเหม่อน้ำตาไหลคนเดียวอยู่ในห้องแต่งตัว (วิ่งหนีมากอีกแล้ว) จนกระทั่งถึงบ่านสามถึงหยุดร้องแต่ก็ยังสะอื้นอยู่ พอคุยกับย่าได้สองสามคำแต่ว่าก็ยังไม่มองหน้าเหมือนเดิม ย่าถามก็พูดตอบสั้นๆไม่มีคะค่ะแต่ก็ยังเรียกว่าแม่ (เราเรียกย่าว่าแม่) เรารู้สึกว่าตอนนี้เราตึงใส่ย่ามากแต่มันห้ามไม่ได้ ถ้าพูดยาวๆหรือมองหน้ามันต้องไหลอีกแน่ๆ
     คือแกมันไม่ไหว ทุกวันนี้วันพักฉันแทบจะไม่มี พอร้องไห้แล้วก็ปวดหัวก็ยิ่งเครียด  ยิ่งเห็นหน้าย่าน้ำตาก็ยิ่งไหล
     คือเราควรจัดการอารมณ์ยังไงดี ควรควบคุมอารมณ์ยังไง เราไม่อยากร้องไห้โดยที่ตัวเองก็ควบคุมไม่ได้อีก ไม่อยากอารมณ์เสียใส่ย่า ไม่อยากโวยวาย ไม่อยากทำอะไรไม่ดีใส่คนในครอบครัวทั้งนั้นอ่ะ ไม่อยากให้ใครเห็นน้ำตา เราควรจัดการอารมณ์ตัวเองยังไง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่