ทำไมราคารถยนต์บ้านเราจึงแพงกว่า ชาติพัฒนาแล้ว 3 ถึง 4 เท่า อยากทราบสาเหตุ สามารถทำให้ราคาถูกกว่านี้ได้หรือไม่

เอามาทั้ง 3 แบรนด์ดังของแต่ละทวีป

เอเชีย
โตโยต้า รุ่นซูปร้า
ต่างประเทศทั้งในญี่ปุ่น ยุโรป และอเมริกา ขายคันละ 1 ล้านบาทต้นๆ
แต่ไทยขาย 5 ล้าน บาท

ยุโรป
บีเอ็ม ไอแปด
ต่างประเทศขายคันละ 4.5 ล้านบาท
แต่ไทยขาย 12 ล้านบาท

อเมริกา
เชฟโรเล็ต คอร์เวทท์
ต่างประเทศขายคันละ 1.8 ล้านบาท
แต่ไทยขาย 8 ล้านบาท


อยากทราบเหตุผลทำไมจึงแพง(กว่าชาติพัฒนาแล้ว) อนาคตมีโอกาสที่ราคาจะลดลงมีราคาเท่าๆประเทศที่พัฒนาแล้วเป็นไปได้ไหม ขอบคุณล่วงหน้าสำหรับคำตอบ
แก้ไขข้อความเมื่อ

สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 6
ผมว่าดีแล้วครับ แค่รถผลิตในประเทศยังติดวินาศสัตโล
ถ้าปล่อยให้รถนำเข้าราคาถูก บ้านเรายิ่งประสบปัญหามากกว่านี้

การตั้งกำแพงรถยนตร์นำเข้าราคาสูง เพื่อรักษาอุตสาหกรรมรถยนตร์ภายในประเทศ
ส่วนตัวแล้วเห็นด้วย ถ้าคุณรวยจริง จ่ายไหว ก็นำเข้ามาขับ

สิงคโปร์ มาเลเซีย คืออันดับต้นๆ ที่ภาษีรถนำเข้าแพงที่สุด
ส่วนไทยอันดับ 5

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ความคิดเห็นที่ 20
มันมีทั้งจากภาษีแพง และผู้ผลิตเอากำไรเยอะครับ

รถนำเข้า รถเครื่องแรง รถปล่อยมลพิษเยอะ รถเติมน้ำมัน E20 ไม่ได้ พวกนี้เสียภาษีแพงครับ
พวกรถยนต์ Hybrid ประกอบในประเทศ ปล่อยมลพิษน้อย และรถกระบะ เสียภาษีไม่แพงอย่างที่คิดนะครับ

ผมยกตัวอย่าง Toyota Camry ตัวแพงสุด ที่ผลิตในไทย ส่งไปขายที่ออสเตรเลีย

ราคาขายที่ออสเตรเลีย 46,990 AUD ประมาณ 1,150,000 บาท
ราคาขายของไทย 1,809,000 บาท

ภาษีของออสเตรเลีย
- ภาษีนำเข้า 5%
- ภาษีมูลค่าเพิ่ม 10%
และต้องมีค่าขนส่งรถมาจากไทยด้วย

ภาษีของไทย
- ภาษีชิ้นส่วนที่นำเข้ามาประกอบ 30% (ต้องนำเข้าชิ้นส่วนมาไม่เกิน 55% ไม่งั้นตีเป็นรถนอก) (ภาษีส่วนนี้ เสียเฉพาะชิ้นส่วนที่นำเข้ามาประกอบเท่านั้น ยิ่งผลิตในประเทศเยอะ ยิ่งเสียภาษีส่วนนี้น้อย)
- ภาษีสรรพสามิต (รถ Hybrid ขอ BOI ที่ CO2 ต่ำกว่า 100 g/km) 4%
- ภาษีมูลค่าเพิ่ม 7%

ส่วนตัวคิดว่าด้วยอัตราภาษีที่ต่างกันประมาณนี้ ไม่ทำให้ราคารถต่างกันได้ถึงราวๆ 6.5 แสนบาท แต่ถ้าถามว่าทำไมราคาต่างขนาดนี้
ปัจจัยคือ
- ตราบใดที่ขายแพงแล้วมีคนซื้อ ก็ไม่จำเป็นต้องลดราคา
- Camry 2.5 (รุ่นเบนซิน) เสียภาษีสรรพสามิต 20% ทำให้ต้นทุนแพง กดราคาขายต่ำไม่ได้ จะขายรุ่น Hybrid ที่เทคโนโลยีสูงกว่า แต่ราคาต่ำกว่าก็กระไรอยู่ กำไรของรุ่น Hybrid ก็อาจจะมาชดเชยส่วนนี้ได้


ส่วนรถหรูอย่าง Benz (รุ่นที่ประกอบไทย) นี่ยิ่งแล้วใหญ่
- รุ่นที่รหัสไม่มีตัวอักษรลงท้าย (เครื่องเบนซินธรรมดา) สรรพสามิตประมาณ 20% - 35%
- รุ่นที่อักษรลงท้ายเป็นตัว D (เครื่องดีเซล) สรรพสามิตประมาณ 20% - 30%
- รุ่นที่อักษรลงท้ายเป็นตัว E (เครื่อง Hybrid) สรรพสามิต 4-8%

ด้วยภาษีเพียวๆ ไม่มีทางที่รถ Benz จะมีต้นทุนแพงกว่าต่างประเทศ 2 หรือ 3 เท่าได้
แต่ต้นทุนอีกตัวนึงที่ต้องมีคือค่าโรงงานประกอบ เนื่องจากรถ Benz ที่ประกอบในไทย ทำเพื่อขายในไทยเอง ไม่ได้ส่งออก

ที่ผมไม่พูดถึงต้นทุนนี้กับ Camry เพราะมันประกอบมาจากโรงงานที่ไทยเหมือนกัน ก็ควรจะมีต้นทุนส่วนนี้เท่าๆกันทั้งที่ขายในไทยและออสเตรเลีย


ในความคิดของผม สรรพสามิตรถยนต์นำเข้าที่แพงขนาดนี้ ในทางนึงช่วยให้รัฐมีรายได้ แต่ในอีกทางก็ทำให้ความเหลือมล้ำในสังคมเพิ่มขึ้นมากไปอีก
ระบบขนส่งมวลชนในไทย (ไม่นับกรุงเทพฯ) อยู่ในขั้นย่ำแย่ ไปไหนมาไหนแทบไม่มีรถสาธารณะ ในหลายๆจังหวัดของประเทศ การจะไปหางานที่ได้เงินเดือนหลักหมื่น ต้องเดินทางเป็นสิบๆกิโลจากบ้าน เพื่อไปทำงาน ในเมื่อรถสาธารณะไม่มี ก็ต้องซื้อรถเอง

เงินเดิอนหมื่นเดียว เป๋็นหนี้รถไปแล้ว 5-6 แสนบาท (อย่าไปพูดถึงรถมือสอง เพราะถึงจะราคาถูก แต่มันเป็นภาระ ไม่ใช่เครื่องมือทำมาหากินที่ดีซักเท่าไหร่) คนที่ไม่ยอมลงทุนในส่วนนี้ ก็ก้มหน้าก้มตาทำงานแถวบ้าน รายได้หลักพันกันต่อไป

ถ้ายอมให้นำเข้ารถได้ราคาถูกเหมือนประเทศอื่นๆ มีเงิน 1-2 แสน ก็ซื้อรถเล็กๆของญี่ปุ่นได้แล้ว ภาระหนี้ก็เบาลงไปมาก
ความคิดเห็นที่ 21
รถนำเข้าแพง อันนี้ไม่ค่อยแปลกใจ
แต่รถที่ผลิตได้เองมีโรงงานในไทย ทำไมเรายังขายแพง ฮอนด้า โตโยต้า มาสด้า นี่ก็ผลิตเองในไทย แต่คือราคาแพงมากเมื่อเทียบกับอเมริกา

ที่อเมริกา ราคารถถูกกว่าบ้านเราครึ่งนึง
ในขณะที่ค่าแรงสูงกว่า  ช่างสวนทางจริงๆ
เช่นราคาขายมาสด้า2 บ้านเรานี่ซื้อมาสด้า cx-5 ที่อเมริกาได้เลย

มีใครตอบแบบง่ายๆ ได้บ้างคะว่าทำไมรถที่เราผลิตเองได้ก็ยังขายแพง??
พยายามทำความเข้าใจ ก็ยังไม่เข้าใจสักที 😂😂
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่