พึ่งแต่งครั้งแรกเลยค่ะ อยากได้คำติชมเยอะๆค่ะ

the heart of the forest ดวงใจแห่งผืนป่า

ตอน รอยจูบ 1

“700บาทค่ะ” เสียงของพนักงานขายตั๋ว ที่กล่าวกับหญิงสาวร่างอวบ มัดผมทรงดังโงะปัดหน้าม้าลงเส้นผมสีน้ำตาลอ่อน สวมเสื้อกล้ามสีขาวโชว์เนินอกนิดๆแล้วทับด้วยเสื้อเชิ้ตสีดำ ท่อนล่างสวมกางเกงยีนต์สีเข้ม รองเท้าผ้าใบสีขาว สะพายกระเป๋าเป้ลายวัวมีเต็นท์สีเขียวเข้มทับบนกระเป๋าอีกที เธอกล่าวด้วยท่าทีเรียบเฉยเหมือนปกติของเธอ หญิงสาวเปิดกระเป๋าเงินใบเล็กสีขาวตรงกลางมีลายการ์ตูนหน้าวัว ออกพร้อมหยิบธนบัตรสีแดง 7 ใบ ออกมาแล้วยื่นให้กับพนักงานพร้อมรอยยิ้มน้อยๆ



“นี่ค่ะพี่” เสียงหวานละมุนกล่าว ก่อนยื่นมือรับตั๋วจากพนักงาน แล้วหันหน้าไปทางจุดขึ้นรถทัวร์ ที่มีคนถือป้ายว่า ‘กรุงเทพ - เชียงใหม่’



ฉัตรฟ้า หญิงสาวร่างอวบวัย 22 ปี ที่พึ่งเรียนจบมหาวิทยาลัยมาแบบหมาดๆ ได้ตัดสินใจไปเที่ยวต่างจังหวัดแบบแบกกระเป๋าเป้ใบเดียวด้วยตัวเองเป็นครั้งแรก เธอวางแผนเที่ยวเป็นเวลา 4วัน 3คืน เพื่อฉลองการเรียนจบ ครั้งนี้เธอเลือกสถานที่เที่ยวคือจังหวัดเชียงใหม่ ด้วยควาวชอบภูเขาป่าไม้และดอย ในคืนแรกนั้นเธอวางแผนว่าจะพักโรงแรมก่อน เนื่องจากเวลาที่เธอเลือกขึ้นรถโดยสารนั้นเป็นเวลา 06:00 น. เมื่อเดินทางออกจากกรุงเทพมาถึงเชียงใหม่ในระยะทาง 713 กิโลเมตร ก็เป็นเวลาค่ำแล้ว ทำให้เธอต้องหาห้องพักก่อนในคืนแรก



เมื่อฟ้าก้าวเท้าเดินออกจากสถานีขนส่ง บขส.เชียงใหม่ เธอก็เดินไปตามเส้นทางจีพี เอสที่ปรากฏมือถือของเธอ เพื่อมุ่งหน้าไปยังโรงแรมที่เธอจองไว้ตอนอยู่กรุงเทพ แต่ฟ้านั้นมีอาการหลงทิศที่ต่อให้มีอุปกรณ์นำทางเธอก็หลงได้อยู่ดี ประกอบกับเป็นสถานที่ไม่คุ้นเคยทำให้ฟ้ายิ่งเดินออกห่างจากโรงแรมไปมากขึ้นกว่าเดิม

เวลาล่วงเลยไปจนดึก ฟ้าก็ยังไม่เจอโรงแรมที่จองไว้ ในตอนนี้เธอเลือกที่จะมองหาห้องพักรายวันตามข้างทางที่ราคา ‘ย่อมเยา’ แทน เพราะงบของเธอที่เก็บมาจากค่าขนมนั้นมีอย่างจำกัด ฟ้าเดินไปตามทางที่ถามกับผู้คนริมถนน แต่ดูเหมือนเธอจะหลงทางหนักขึ้นไปอีก ยิ่งเดินไปเท่าไหร่สองข้างทางรอบตัวฟ้าก็ยิ่งไร้ผู้คนมากขึ้น ดูเหมือนเธอจะเดินเข้าไปในซอยเปลี่ยวที่ดูจะไม่ใช่ย่านรื่นเริงนัก ด้วยเวลาตอนนี้ที่เข็มสั้นของนาฬิกาชี้เลข 10 แล้ว ท้องฟ้าที่เคยเป็นสีส้มเปลี่ยนสีน้ำเงินเข้ม บ้านเรือนรอบข้างปิดสนิท มีเพียงร้านเหล้าบาร์ขนาดเล็กที่เปิดอยู่ เธอจึงตั้งใจเข้าไปถามทางอย่างกล้าๆกลัวๆ เพราะเกรงว่าตนจะหลงทางไปกว่านี้



แอ๊ด… เสียงประตูร้านถูกเปิดออก ฟ้าก้าวขาไปในร้าน สิ่งที่เธอเห็นอย่างแรกคือเคาเตอร์บาร์ไม้เล็กๆตรงข้ามกับประตู หลังบาร์มีชายร่างเล็กใส่เสื้อเชิ้ตน้ำเงินเข้มแล้วสวมผ้ากันเปื้อนสีดำทับ เขาน่ามีส่วนสูงพอๆกับเธอ ด้านหลังชายหนุ่มมีชั้นขวดเหล้ามากมายหลากหลายแบบหลายยี่ห้อวางเรียงรายกันอย่างสวยงาม ตรงหน้าบาร์มีเก้าอี้บาร์ไม้ทรงสูงแบบกลมหมุนได้ ด้านซ้ายของร้านมีโต๊ะไม้สีอ่อนขนาดเล็กสองชุดตั้งอยู่โต๊ะแรกนั้นว่างเปล่า ส่วนโต๊ะสองมีชายฉกรรณ์ 3 คน พวกเขาทั้งสามมีใบหน้าที่เรียกได้ว่าดูดีใช่ย่อย คนแรกดวงตาทรงอัลมอนด์ จมูกเป็นสัน ริมฝีปากล่างใหญ่ ใส่เสื้อยืดสีดำสวมสร้อยคอสเตนเลส กางเกงยีนต์ขายาวสีอ่อนขาดๆ ตัดผมเกรียน ใส่ต่างหูแบบหวงสีเงินข้างขวา รองเท้าผ้าใบNikeสีดำ หันหน้ามองมาทางฟ้าด้วยความสงสัย คนที่สองใบหน้านิ่งเฉย เข้าใช้หางตามองเธอ ตาสองชั้นหลบใน จมูกโด่ง ปากบางเฉียบ ผมสีดำสนิท ไว้ทรงเปิดข้าง สวมเสื้อฮู้ดสีดำ กางเกงวอร์มสีดำเช่นกัน รองเท้าผ้าใบVanรุ่นยอดฮิต คนที่สามตาโตสองชั้น จมูกเรียวยาว ปากเล็ก สวมเชิ้ตขาว กางเกงขาสั้นสีดำ รองเท้าผ้าใบเสริมส้นสีขาวเรียบง่าย สวมนาฬิกาหนังสีน้ำตาลเข้ม ไว้หน้าม้าสไตล์เกาหลี ผมสีดำ ชายคนนี้ดูจะดี๊ด๋าทันทีที่เห็นฟ้าเดินเข้าร้านมา เธอจึงเลือกเดินหันหลังจะเดินออกร้าน แต่ด้วยความลังเลที่กลัวว่า จะไม่มีใครให้ถามอีกแล้ว จึงหันหน้ากลับมาถามชายหลังบาร์อย่างกล้าๆกลัวๆ

“เออ…พี่ค่ะ แถวนี้มีห้องพักรายวันที่ราคาไม่แพงบางไหมคะ” ฟ้าถามอย่างเกๆกังๆ แต่ สิ่งที่เจ้าของร้านตอบกลับที่ดูจะเป็นการเชิญชวนให้ฟ้าเข้ามานั่งในร้านก่อน

“อ่อ…ถ้าแถวนี้ไม่มีหรอกครับ น้องจะเข้ามาพักก่อนไหม ดูท่าจะเดินมาไกลอยู่” ชายหลังบาร์ยิ้มเล็กน้อยเขาถามต่อ

“น้องมาคนเดียวหรอครับ” เขาถามเธออย่างอ่อนโยน

“เอ่อ..เอิ่ม..คือ” ฟ้าได้แต่อ่ำอึ่ง ไม่รู้จะตอบอย่างไรดี

“มาคนเดียวละสิ เข้ามาพักก่อน เดี๋ยวพี่ถามเพื่อนให้ว่า มีห้องราคาถูกและดีใกล้ๆบ้างไหม น้องเป็นผู้หญิงมาเดินดึกๆแบบนี้คนเดียวมันอันตรายนะ” ชายร่างเล็กพยายามชวนอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ฟ้าดูท่าจะเห็นด้วยกับเขา



“ก็ได้ค่ะ ขอบคุณค่ะ” ฟ้ากล่าวพรางยิ้มน้อยๆ

ฟ้าเดินเข้าไปในร้าน ก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้ไม้หน้าบาร์ ชายหนุ่มร่างเล็กส่งแก้วน้ำมะนาวโซดาสีใส ที่มีมะนาวแผ่นบางๆสองแผ่นลอยประดับ ตรงขอบแก้วมีฟองเล็กๆ ด้วยความกระหายฟ้าค่อยๆยกแก้มขึ้นมาจิบ ก่อนที่จะนึกขึ้นได้ว่า เธอพึ่งรับมันมาจากชายที่พึ่งเจอกัน



“ชื่ออะไรละ พี่ชื่อชาลีนะ” ชายร่างเล็กหลังบาร์แนะนำตัวเอง

“ฟ้าชื่อฉัตรฟ้าค่ะ เรียกสั้น ๆว่าฟ้าค่ะ” ฟ้าแนะนำตัวเองบ้าง พลางมองไปที่กลุ่มชายที่นั่งอยู่อีกโต๊ะ ชาลีเห็นฟ้าเหลือบมองแบบนั้น ก็กล่าวแนะนำเพื่อนๆทันที

“ไม่ต้องกลัวพวกมันหรอก เพื่อนพี่เอง ว่างๆมันก็มาอุดหนุนร้านพี่บ้าง ก็อย่างที่เห็นแถวนี้คนน้อย ลูกค้าก็มีแต่ลูกค้าประจำ ส่วนเพื่อนพี่…คนหัวโต๊ะที่ใส่เสื้อยืดสีดำชื่อ ปาง ไอคนใส่เสื้อฮู้ดชื่อ ทีน อีกคนที่ใส่เสื้อเชิ้ตสีขาวชื่อ บีม ” ขณะที่ชาลีแนะนำเพื่อนแต่ละคนก็ยกมือทักทายฟ้าอย่างกันเอง ยกเว้นคนใส่ฮู้ด

“อ่อ…ค่ะยินดีที่ได้รู้จักค่ะ” ฟ้ายิ้มให้ก่อนยกแก้วขึ้นมาจิบแก้ประหม่าอีกครั้ง

“ไอปาง! โทรหาไปศรัณย์ทีดิ ให้มันหาห้องพักรายวันให้น้องเขาที เอาถูกและดีนะ ไม่ใกล้จากที่นี้ด้วย เดี๋ยวกูไปโทรถามพี่กูด้วย” ชาลีสั่งเพื่อนเสียงแข็ง ก่อนตัวเองจะเดินไปหลังร้านเพื่อคุยโทรศัพท์กับใครสักคน ส่วนปางก็ออกไปโทรหาคนที่ชื่อ ศรันย์ ด้านนอกร้าน



ฟ้านั่งเงียบมองน้ำมะนาวโซดาในมือด้วยความกังวลใจ บีมเพื่อนคนหนึ่งของชาลีที่นั่งอยู่กลุ่มเดียวกับชายฉกรรณ์ลุกขึ้น ก่อนจะเดินมานั่งข้างฟ้าด้วยท่าทีลั่นล้า



“มาเที่ยวคนเดียวแบบนี้ แฟนไม่หวงหรอครับ” บีมถามด้วยเสียงกรุ้มกริ่ม

“ฟ้าไม่มีแฟนหรอกค่ะ” ฟ้าตอบด้วยน้ำเสียงเรียบง่ายปนเศร้าเล็กน้อย

“อะไรครับเนี่ย…น้องออกจะหน้าตาน่ารัก หุ่นก็ดูมีน้ำมีนวลกำลังดี ตาก็โต จมูกก็กำลังดี ปากอวบๆน่ารักดี แต่ไม่มีคนสนใจได้ไง โกหกพี่หรือเปล่า” บีมพูดพร้อมยิ้มมุมปาก

“ไม่มีจริงๆค่ะ” ฟ้ายืนยันความโสดที่มีมาตลอด20ปีอีกครั้ง พร้อมเสียงแข็ง

“ครับๆไม่มีครับ แล้วทำไมมาเที่ยวคนเดียวละ ไม่ชวนเพื่อนมาด้วย” บีมทำเสียงอ่อย

“อ้อ…พอดีเพื่อนทุกคนเขามีธุระกันหมด ฟ้าเลยมาคนเดียวค่ะ” ฟ้าตอบอย่างประหม่า

“แล้วจะพักกี่วันละ คนสวยเดียวมาแบบนี้แม่ไม่ว่าแย่หรอครับ” หนุ่มเจ้าพยายามถามต่อ

“คุณแม่ก็มีว่าบ้างนิดหน่อยละค่ะ ส่วนมาเที่ยวฟ้าก็ว่าจะพักที่นี่คืนหนึ่ง แล้วค่อยไปหาจุดกางเต็นท์เอานะคะ” ตอบด้วยฟ้าพร้อมกับสงสัยที่ชายหนุ่นคนนี้จะถามทำไมหนักหนา ตอนนั้นเองที่ชาลีเดินออกมาจากหลังร้าน พร้อมถามปาง

“ปาง ไอศรันย์โทรกลับมายัง” ชาลีถามอย่างสงสัย

“ยัง..” ปางตอบเนื่อยๆ

“พี่กูก็เขาบอกว่ามันมีอยู่นะ แต่กูว่ามันไกลไปหน่อย” ชาลีทำเสียงห้วน



เสียงรอสายโทรศัพท์ของปางดังขึ้น หน้าจอขึ้นชื่อว่า ศรันย์



“ว่าไง มีที่ไหนบ้าง” ปางถามอีกคนด้วยเสียงห้วน

“อ้อ..เออเคๆขอบใจ” พูดเสร็จปางก็วางสายทันที

“ไอชาลี หาห้องพักให้น้องฟ้าได้แหละ อยู่ตรงสามแยกใกล้ๆ ติดกับร้านขายขนมป้าคำปองนี่เอง เห็นว่าเปิดใหม่เลยมีโปรโมชั่นลดราคา แต่ใครจะเป็นคน…”ปางยังพูดไม่ทันขาดคำ บีมก็สวนขึ้นมาทันที

“กูเองเดี๋ยวกูไปส่งน้องเขาเอง!” บีมรีบอาสาทันทีทันใด

“พอเลย เจอสาวในสเปคเป็นไม่ได้เลย” ปางทำเข้มอย่างจริงจัง

“ไม่ต้องๆเลยอ่ะ นี้ไม่น่าไว้ใจสุดละไอบีม”ชาลีพูดเสริมด้วยอีกแรงก่อนที่จะเป็นคนอาสาเอง

“งั้นน้องฟ้าเดี๋ยวพี่ไปส่งเอง แต่ขอปิดร้านก่อนแปปนึงนะ” ชาลีบอกกับพลางหยิบนั้นนี้เข้าลิ้นชักเก็บของ

“ไม่เป็นไรค่ะพี่ชาลี บอกทางฟ้ามาก็ได้ค่ะ เดี๋ยวฟ้าไปเอง เท่านี้ก็เกรงใจจะแย่แล้วค่ะ” ฟ้ารีบกล่าวเสียงอ่อนด้วยความเกรงใจอีกฝ่ายมาแล้ว

“ไม่เป็นไรหรอก แค่นี้เอง อีกอย่างเจ้าบ้านจะปล่อยให้แขกเดินหลงทางในบ้านตัวเองได้ยังไง” ชาลีเงยหน้ามาขึ้นมายิ้มให้ฟ้าอย่างเป็นมิตร

“เออ..คือ..งั้นขอบคุณมากๆค่ะ” ฟ้ากล่าวขอบคุณพร้อมยกมือขึ้นมาไหว้

“เออ..ไม่เป็นไร ไม่ต้องไหว้! อายุเราน่าจะห่างกันไม่มากหรอก” ชาลีรีบพูดพร้อมโบกมือบอกฟ้าเป็นภาษากายว่าไม่เป็นไร

“ไอชาลีดีใจหน่อยดิ น้องเขาไหว้ซะสวยขนาดนี้เลย ฮ่า ฮ่า” ปางแซว

“ดีใจด้วยนะเพื่อน ในที่สุดก็มีคนมาเคารพแล้ว” บีมรีบสมทบปางต่อทันที

“พวกนี้ยิ้ม! เห็นน้องฟ้าไหมทำหน้าเลิกลั่กหมดแล้ว” ชาลีหันไปดุเพื่อนๆก่อนจะหันมายิ้มให้ฟ้า ที่ตอนนี้ทำหน้าเลิกลั่กได้น่ารักสุดๆ



ปัง! เสียงประตูม้วนเหล็กหน้าร้านถูกเลื่อนลงมาปิด แล้วล็อคด้วยแม่กุญแจอีกที เพื่อนๆคนอื่นของชาลีก็พากันกลับไปหมดแล้ว แต่ก่อนกลับฟ้าสังเกตเห็นคนที่ชื่อ ทีน มองเธอด้วยสายตาแปลกๆที่ฟ้าก็ไม่เข้าใจ ทั้งๆที่ตอนอยู่ในร้านก็ไม่พูดกับเธอเลยสักคำ ผิดจากคนอื่น ๆที่ดูจะใจดีกับเธอมากๆ แต่ถึงฟ้าจะรู้สึกอย่างนั้นแต่ก็ต้องสลัดความคิดนี้ทิ้งเนื่องด้วยเวลาในตอนนี้ก็ปาเข้าไปเที่ยงคืนแล้ว เธอไม่มีเวลาให้มาคิดเรื่องอื่น เรื่องที่เธอต้องคิดตอนนี้คือ เธอต้องรีบไปถึงห้องพักให้ได้เร็วๆ จะได้รีบๆออกจากสถานการณ์ที่แสนอึดอัดนี้เสียที



“ทางนี้ เดินตามพี่มา ไม่นานก็ถึงแล้ว ประมาณ20นาที” ชาลีพูดพร้อมก้าวเท้าเดินนำฟ้าไปก่อน

“ค่ะพี่ชาลี” ฟ้ารีบก้าวเท้าตามไปติดๆ

“เอ่อ…ฟ้า พี่ได้ยินที่ฟ้าคุยกับบีม..ว่าฟ้าเที่ยวคนเดียวเพราะเพื่อนๆไม่ว่าง แล้วฟ้าไม่มีพี่น้องหรอ ทำไมไม่ชวนมา” ชาลีเอ่ยถามก็ด้วยหวังว่าจะทำลายบรรยากาศที่เงียบเชียบนี้

“ฟ้ามีพี่น้องค่ะ แต่ก็ไม่มีใครมาได้เหมือนกัน พี่สาวฟ้าต้องเรียนรู้งานต่อจากคุณแม่ ส่วนน้องสาวก็ยังเรียนม.ปลายค่ะ” ฟ้าตอบอย่างไม่คิดอะไร

“ที่บ้านฟ้ามีธุรกิจครอบครัวด้วยหรอ เท่จังเลยนะ” ชาลีถามด้วยท่าทางร่าเริง

“ไม่เท่หรอกค่ะ ที่บ้านเปิดเป็นร้านของเก่านะคะ” ฟ้าเสียงปกติ

“อ้าว..งั้นตอนนี้ฟ้าทำงานอะไรละ” ชาลีเอ่ยถามหญิงสาวพร้อมใบหน้าสงสัย

“คุณแม่วางตัวให้มาช่วยงานคุณยายนะคะ ท่านว่าจะเพาะต้นกล้าขายแล้วส่งเข้ากลับไปขายในกรุงเทพอีกทีคะ แต่ท่านยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะหาทำเลที่ไหนดี” ฟ้าก็ตอบกลับอย่างเรียบเฉยไม่คิดอะไรเช่นเดิม

“ส่งกลับเข้ากรุงเทพ แสดงว่าจะออกมาอยู่ต่างจังหวัดหรอ” ชาลีชวนคุยต่อ

“ค่ะ แต่คุณแม่ยังไม่รู้ว่าจะไปจังหวัดไหน เห็นแกว่าเบื่อกรุงเทพนะคะ” อีกครั้งที่ฟ้าตอบอย่างไม่คิดอะไร และเธอเองก็ไม่สังเกตว่ายิ่งเดินมานานเท่าไหร่ สองข้างทางนั้นยิ่งเปล่าเปลี่ยวกว่าตอนที่เธอเดินร้านขึ้นทุกที เพราะตึกราบ้านช่องที่อยู่ติดกันตอนนี้เริ่มห่างกันไปทุกทีๆ ไฟที่แต่ละบ้านเคยเปิดสลัวๆตอนนี้ปิดหมดแล้วเหลือเพียงความมืด

“แล้วฟ้าจะทำได้หรอ งานเกษตรใช้แรงหนักๆแบบนี้ พี่ไม่ได้จะว่านะ…แต่หนูดูจ้ำม่ำนิดๆนะ..จะไหวหรอ” ชาลีพยายามเบี่ยงเบนความสนใจ

“ไหวค่ะ..ฟ้าชอบงานสวนมาแต่เด็กแล้วค่ะ คุณยายเป็นคนค่อยสอนนะคะ” ฟ้าที่ยังคงจดจ่ออยู่กับการคุย ก็เริ่มรู้สึกเวียนๆหัวอย่างกะทันหัน ขาทั้งสองข้างทรุดลงกับพื้นถนนลูกรังทันที กระเป๋าลายวัวของเธอหล่นลงจากบ่าทันที สาวน้อยพยายามเงยหน้าอย่างช้าๆ มองหาความช่วยเหลือจากชายที่นำทางเธอ ริมฝีปากอวบพยายามอ้าปากขอความเหลือ แต่กลับได้ยินประโยคอื่นแทน

“ได้เวลาพอดีเลยน้องฟ้า ยาออกฤทธิ์สักที ถึงจะนานไปหน่อยก็เถอะ แต่ช่วยรอประเดี๋ยวนะ อย่าพึ่งหลับนะ รอพวกศรันย์เอารถมารับถึงตอนนั้นค่อยหลับก็ได้” ชาลีก้มหน้าพูดกับฟ้า ด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานไม่เปลี่ยน ไม่มีความตื่นตระหนกตกใจแต่อย่างใด ราวกับสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าเค้าเป็นเรื่องปกติ

“พี่..ทำอะไร..ฟ้า..ทั้งที..เมื่อกี้..ยังปกติอยู่เลย” หญิงสาวถามด้วยเสียงสั่น
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่