1) กราฟนี้ไม่ได้บอกว่าการล็อคดาวน์ที่ทำอยู่ได้ผล เป็นเพียง "โดยคาดว่า" ประสิทธิภาพ 20%, 25% ประสิทธิภาพจริงก็ดูหน้างานเอง อีกหน่อยกราฟจริงที่ปรากฏก็จะบอกเอง
2) การล็อคดาวน์เป็นแค่การชลอสถานการณ์เพื่อประวิงเวลาเท่านั้น จำนวนผู้เสียชีวิตรวมดูได้จากพื้นที่ใต้กราฟ จะเห็นว่าถ้าปล่อยไปให้สูงก็จบเร็ว ถ้าประวิงเวลาก็จบช้า พื้นที่ใต้กราฟก็เท่ากันอยู่ดี
3) สิ่งที่มีผลจริงๆในการลดผู้เสียชีวิตคือวัคซีน ดูที่เส้นสีเขียว เร่งฉีดวัคซีนให้ผู้สูงอายุ ซึ่งเป็นกลุ่มบอบบาง จะลดพื้นที่ใต้กราฟได้ส่วนหนึ่ง แล้วก็กระดกขึ้นอีกครั้งเมื่อได้ฉีดกลุ่มบอบบางนี้เสร็จสิ้นแล้ว
4) สิ่งที่มีผลจริงๆในการลดผู้เสียชีวิตอีกอย่างคือ การคัดกรอง ยามีประสิทธิภาพ แจกจ่ายเนิ่นๆและเพียงพอ และผู้ป่วยได้รับการดูแลอย่างถูกต้อง ทั้งหมดนี้ยังไม่ได้เอามาคิด โดยประเมินว่าจะเรายังทำได้เหมือนเดิม ซึ่งความจริงพอถึงจุดพีค การคัดกรองไม่ทั่ว ยาไม่พอ บุคลากร สถานที่ไม่พอจะมีผลขึ้นอีก
5) การล็อคดาวน์ที่ได้ผลต่อการลดจำนวนจริงๆต้องทำแต่เนิ่นๆ เมื่อวงกว้างไปทั่วประเทศแล้วก็ไม่มีจังหวัดใดสีขาวให้ต้องปกป้องอีก ต้องมาเน้นมาตรการหยุดการเคลื่อนไหวออกนอกบ้านแทน ซึ่งทำได้ยากกว่า คนต้องกินต้องใช้ ต้องหาเงิน เงินชดเชยไม่มี เขาก็ต้องทำกิน
6) วัคซีนต้องมาให้เร็ว ถ้ามาหลังจากกราฟตกไปแล้วสูญเสียไปแล้ว คนมีภูมิคุ้มกันไปแล้วเป็นส่วนใหญ่ วัคซีนก็แค่มาเสริมภูมิคุ้มกันให้กับคนที่มีอยู่แล้วไม่ให้ติดซ้ำ
7) ประเทศไทยมีกำลังในการฉีด 20 ล้านโดสต่อเดือน แต่แนวโน้มว่าจะได้มาเพียงเดือนละ 10 ล้านโดสเท่านั้น ถ้าจะฉีดให้ได้ 100 ล้านโดสก็ยังต้องใช้เวลาอีก 8 เดือน ทุกๆเดือนที่ผ่านไปมีความสูญเสีย การสูญเสียน้อยที่สุดในตอนนี้คือหาวัคซีนให้ได้เต็มความสามารถในการฉีดคือ 20 ล้านโดสต่อเดือนจะเป็นวัคซีนอะไรก็ดีกว่าไม่ได้ฉีด
[covid-19] มาทำความเข้าใจแบบจำลองคาดการณ์สถานการณ์โควิด-19 ที่ สธ แถลงอีกสักครั้ง
1) กราฟนี้ไม่ได้บอกว่าการล็อคดาวน์ที่ทำอยู่ได้ผล เป็นเพียง "โดยคาดว่า" ประสิทธิภาพ 20%, 25% ประสิทธิภาพจริงก็ดูหน้างานเอง อีกหน่อยกราฟจริงที่ปรากฏก็จะบอกเอง
2) การล็อคดาวน์เป็นแค่การชลอสถานการณ์เพื่อประวิงเวลาเท่านั้น จำนวนผู้เสียชีวิตรวมดูได้จากพื้นที่ใต้กราฟ จะเห็นว่าถ้าปล่อยไปให้สูงก็จบเร็ว ถ้าประวิงเวลาก็จบช้า พื้นที่ใต้กราฟก็เท่ากันอยู่ดี
3) สิ่งที่มีผลจริงๆในการลดผู้เสียชีวิตคือวัคซีน ดูที่เส้นสีเขียว เร่งฉีดวัคซีนให้ผู้สูงอายุ ซึ่งเป็นกลุ่มบอบบาง จะลดพื้นที่ใต้กราฟได้ส่วนหนึ่ง แล้วก็กระดกขึ้นอีกครั้งเมื่อได้ฉีดกลุ่มบอบบางนี้เสร็จสิ้นแล้ว
4) สิ่งที่มีผลจริงๆในการลดผู้เสียชีวิตอีกอย่างคือ การคัดกรอง ยามีประสิทธิภาพ แจกจ่ายเนิ่นๆและเพียงพอ และผู้ป่วยได้รับการดูแลอย่างถูกต้อง ทั้งหมดนี้ยังไม่ได้เอามาคิด โดยประเมินว่าจะเรายังทำได้เหมือนเดิม ซึ่งความจริงพอถึงจุดพีค การคัดกรองไม่ทั่ว ยาไม่พอ บุคลากร สถานที่ไม่พอจะมีผลขึ้นอีก
5) การล็อคดาวน์ที่ได้ผลต่อการลดจำนวนจริงๆต้องทำแต่เนิ่นๆ เมื่อวงกว้างไปทั่วประเทศแล้วก็ไม่มีจังหวัดใดสีขาวให้ต้องปกป้องอีก ต้องมาเน้นมาตรการหยุดการเคลื่อนไหวออกนอกบ้านแทน ซึ่งทำได้ยากกว่า คนต้องกินต้องใช้ ต้องหาเงิน เงินชดเชยไม่มี เขาก็ต้องทำกิน
6) วัคซีนต้องมาให้เร็ว ถ้ามาหลังจากกราฟตกไปแล้วสูญเสียไปแล้ว คนมีภูมิคุ้มกันไปแล้วเป็นส่วนใหญ่ วัคซีนก็แค่มาเสริมภูมิคุ้มกันให้กับคนที่มีอยู่แล้วไม่ให้ติดซ้ำ
7) ประเทศไทยมีกำลังในการฉีด 20 ล้านโดสต่อเดือน แต่แนวโน้มว่าจะได้มาเพียงเดือนละ 10 ล้านโดสเท่านั้น ถ้าจะฉีดให้ได้ 100 ล้านโดสก็ยังต้องใช้เวลาอีก 8 เดือน ทุกๆเดือนที่ผ่านไปมีความสูญเสีย การสูญเสียน้อยที่สุดในตอนนี้คือหาวัคซีนให้ได้เต็มความสามารถในการฉีดคือ 20 ล้านโดสต่อเดือนจะเป็นวัคซีนอะไรก็ดีกว่าไม่ได้ฉีด