" Xerces blue " ผีเสื้อสายพันธุ์แรกของอเมริกาที่สูญพันธุ์โดยมนุษย์




(ตัวอย่างผีเสื้อสีน้ำเงิน Xerces blue อายุ 93 ปี ที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้)
Cr.FIELD MUSEUM


เนื่องจากการพบเห็นครั้งสุดท้ายเมื่อประมาณ 80 ปีที่แล้วตามเนินทรายชายฝั่งแคลิฟอร์เนีย  ผีเสื้อสีน้ำเงิน " Xerces blue " จึงถูกสันนิษฐานว่าสูญพันธุ์ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา การสูญพันธุ์ของชนิดนี้ถือเป็นแมลงชนิดแรกในอเมริกาที่เกิดจากมนุษย์โดยตรง แต่ยังคงมีคำถามอยู่เสมอว่า มันเป็นสายพันธุ์ของตัวเองหรือไม่ และในความเป็นจริงมันสูญพันธุ์ไปเมื่อหลายปีก่อนหรือไม่ ซึ่งขณะนี้ งานวิจัยใหม่ได้ยืนยันสายพันธุ์และการสูญพันธุ์ของมัน ทำให้ทฤษฎีการสูญพันธุ์ของแมลงชนิดแรกโดยมนุษย์เป็นความจริง
ในผลงานวิจัยที่ตีพิมพ์เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2021 ที่ผ่านมาในวารสาร Biology Letters ระบุว่า การศึกษาวิเคราะห์ DNA ของ Xerces blue อายุ 93 ปี
( Glaucopsyche xerces ) ซึ่งเคยเป็นส่วนหนึ่งของคอลเล็กชันที่พิพิธภัณฑ์ Field Museum ในชิคาโก แสดงให้เห็นว่า DNA มีเอกลักษณ์มากพอที่จะนิยามมันว่าเป็นสายพันธุ์ของมันเอง และยังยืนยันว่า Xerces เป็นแมลงชนิดแรกที่ชาวอเมริกันสามารถกำจัดออกจากโลกได้

โดย Felix Grewe ผู้เขียนนำและผู้อำนวยการร่วมของศูนย์ข้อมูลชีวสารสนเทศ Grainger Bioinformatics Center ของพิพิธภัณฑ์ Field กล่าวในคำแถลงว่า
“เป็นเรื่องที่น่าสนใจที่จะยืนยันอีกครั้งว่าสิ่งที่ผู้คนคิดมาตลอดเกือบ 100 ปีนั้นเป็นความจริง นั่นคือ สายพันธุ์ที่ถูกขับเคลื่อนให้สูญพันธุ์โดยกิจกรรมของมนุษย์ โดยเฉพาะการเลี้ยงปศุสัตว์เป็นเวลาหลายสิบปี และการพัฒนาเมืองที่ถาโถมเข้ามาทำลายเนินทราย ทำให้ Xerces blue หายไป "

ผีเสื้อ Xerces Blue ถูกพบเห็นครั้งสุดท้ายในช่วงต้นทศวรรษ 1940 ในบริเวณอ่าวซานฟรานซิสโก
 เป็นหนึ่งในผีเสื้ออเมริกันกลุ่มแรกที่สูญพันธุ์จากการสูญเสียถิ่นที่อยู่ที่เกิดจากการพัฒนาเมือง

แม้ว่าการสูญพันธุ์จะดำเนินไปอย่างถาวร แต่ทีมวิจัยก็สามารถเก็บตัวอย่างเนื้อเยื่อสำหรับการวิเคราะห์ทางพันธุกรรม จากตัวอย่างที่ตรึงไว้ในลิ้นชักของคอลเล็กชันประวัติศาสตร์ธรรมชาติที่ดูแลโดยพิพิธภัณฑ์ Field Museum ในชิคาโก โดยการตัดชิ้นส่วนเล็ก ๆ ของช่องท้องจาก Xerces blue ที่ถูกจับได้ในปี 1928 เก็บไว้

อย่างไรก็ตาม แม้ว่า DNA เป็นโมเลกุลที่รู้กันทั่วไปว่ามีความเสถียร แต่ก็ยังคงเสื่อมโทรมตามกาลเวลา ทีมงานจึงต้องเปรียบเทียบชิ้นส่วนดีเอ็นเอจากหลายเซลล์เพื่อแยกจีโนมเข้าด้วยกัน คล้ายกับจิ๊กซอว์ขนาดเล็กที่มีความซับซ้อนมาก หลังจากจัดลำดับ DNA ของตัวอย่างในพิพิธภัณฑ์ ทีมงานได้เปรียบเทียบรหัสพันธุกรรมกับผีเสื้อสีน้ำเงินทั่วไปเพื่อดูว่ามีความแตกต่างทางพันธุกรรมหรือไม่ ซึ่งการเปรียบเทียบเผยให้เห็นว่า DNA ของ Xerces blue มีความชัดเจนเพียงพอที่จะรับรองการกำหนดให้เป็นสายพันธุ์ที่แยกจากกันจากสายพันธ์อื่น
 
ทั้งนี้ ผีเสื้อนั้นเคยอาศัยอยู่บนคาบสมุทรซานฟรานซิสโกเท่านั้น แต่ในช่วงต้นทศวรรษ 1940 ไม่ถึงหนึ่งศตวรรษหลังจากการบรรยายทางวิทยาศาสตร์อย่างเป็นทางการในช่วงทศวรรษ 1850 ผีเสื้อปีกใยแมงมุม (gossamer-winged) และผีเสื้อเงิน (silvery blue) ที่มีอยู่อย่างแพร่หลายก็หายไป ซึ่งการหายตัวไปอย่างรวดเร็วของพวกมันอาจเกิดจากการสูญเสียถิ่นที่อยู่ และอาหารจากพืชพื้นเมืองอันเป็นผลมาจากการพัฒนาเมือง และอาจเป็นไปได้ว่ามดสายพันธุ์ที่รุกรานอาจแพร่กระจายไปแม้ว่าจะมีการขนส่งสินค้าทางเรือ 
 

คอลเล็กชั่น Xerces blue ที่พิพิธภัณฑ์ Chicago's Field / Cr.ภาพ: Field Museum 

ทำให้ Corrie Moreau ผู้เขียนร่วมและนักกีฏวิทยาจากมหาวิทยาลัย Cornell มีความเห็นว่า ในตอนแรกมีความสับสนรอบ ๆ สายพันธ์ Xerces blue และการสูญพันธุ์ของพวกมันก็เกิดจากความคล้ายคลึงกันกับผีเสื้อ silvery blue สายพันธุ์ที่แพร่หลายมากในตอนนั้น ซึ่งทั้งสองสายพันธุ์มีลักษณะร่วมกันหลายอย่าง ทำให้บางคนเชื่อว่า Xerces blue เป็นประชากรที่แยกตัวของสายพันธุ์ที่แพร่หลายนี้

หลังจากลำดับพันธุกรรมได้รับการปะติดปะต่อกันแล้ว ก็นำมาเปรียบเทียบกับผีเสื้อ silvery blue ทั้งสองแตกต่างกันมากพอที่จะพิสูจน์ได้ในที่สุดว่า
ทั้งสองเป็นสายพันธุ์ที่แยกจากกัน ดังนั้น Xerces blue จึงเป็นสายพันธ์ที่สูญพันธุ์ไปแล้ว  Moreau ยังกล่าวว่า Xerces blue เป็นผีเสื้อที่มีความโดดเด่นที่สุดสำหรับการอนุรักษ์ เพราะเป็นแมลงตัวแรกในอเมริกาเหนือที่เราทราบดีว่ามนุษย์นำไปสู่การสูญพันธุ์ 

จากนั้น Grewe สรุปในตอนท้ายว่า ในตอนนี้ เป้าหมายของทีมวิจัยคือความพยายามในการอนุรักษ์ ซึ่งตรงข้ามกับการฟื้นคืนชีพในสไตล์ Jurassic Park 
ซึ่งในปัจจุบัน เรากำลังอยู่ท่ามกลาง " คติของแมลง " (insect apocalypse) ซึ่งมีความสำคัญมากกว่าที่เคยเป็นมา หมายถึง การปกป้องแมลงอื่น ๆ จากการพบกับชะตากรรมเดียวกันกับ Xerces blue ไม่เพียงแต่สำหรับประชากรของพวกมันเอง แต่เพื่อรักษาความหลากหลายทางชีวภาพและระบบนิเวศที่ดี

ผีเสื้อ El Segundo blue
 เป็นพันธุ์เฉพาะถิ่นของเนินทรายชายฝั่ง ปัจจุบันพบในถิ่นที่อยู่นี้ในเขตลอสแองเจลีส ซึ่งขยายจากคาบสมุทร Palos Verdes ทางเหนือ
ไปยังพื้นที่ชุ่มน้ำ Ballona ซึ่งนับตั้งแต่ขึ้นบัญชีรายชื่อว่าใกล้สูญพันธุ์ El Segundo blue ก็เริ่มถูกพบใน Santa Barbara County รัฐแคลิฟอร์เนีย

ปัจจุบัน ทีมนักวิจัยระบุว่า ผีเสื้อนั้นถือเป็นตัวเลือกของการฟื้นคืนชีพของสัตว์ที่สูญพันธุ์ไปแล้ว อาจจะโดยการใช้เครื่องมือแก้ไขยีนเพื่อสร้างสิ่งมีชีวิตหรือเพื่อสร้างญาติที่สูญพันธุ์ไปแล้วขึ้นใหม่ ผ่านการโคลนนิ่งหรือการจัดการทางพันธุกรรมอื่นๆ แต่การนำพวกมันกลับคืนสู่ถิ่นที่อยู่พื้นเมืองตามเดิม น่าจะเป็นอุปสรรคที่ใหญ่ที่สุดที่นักอนุรักษ์ต้องเผชิญ

อย่างไรก็ตาม  Moreau เตือนว่า ในขณะที่ทำอย่างนั้น บางทีเราควรใช้เวลา พลังงาน และเงิน เพื่อให้แน่ใจว่าเราสามารถปกป้องสายพันธ์ blues ที่ใกล้สูญพันธุ์ที่มีอยู่ได้ด้วย หนึ่งในนั้นคือ " El Segundo blue " ( Euphilotes battoides allyni ) ที่ใกล้สูญพันธุ์ ซึ่งมีถิ่นกำเนิดในพื้นที่ลอสแองเจลิส โดยมันและผีเสื้อกลุ่มอื่นๆ ถูกคุกคามมากขึ้นเรื่อยๆ จากภัยคุกคามมากมาย เช่น การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การเปลี่ยนแปลงการใช้ที่ดิน และการใช้สารกำจัดศัตรูพืช 

สำหรับ Felix Grewe นักชีววิทยาเชิงวิวัฒนาการที่พิพิธภัณฑ์ Field กับการค้นพบครั้งใหม่นี้ มันแสดงให้เห็นว่าเหตุใดคอลเลกชั่นพิพิธภัณฑ์ระยะยาว
จึงมีความสำคัญมาก และประโยชน์ที่แท้จริงของตัวอย่างอาจยังไม่ชัดเจนเป็นเวลาหลายปี ซึ่งในท้ายที่สุด หากแมลงสูญพันธุ์ โดยไม่มีการเก็บตัวอย่าง เพื่อปกป้องพวกมันไว้ เทคนิคทางพันธุกรรมที่ใช้ในการศึกษาเพื่อให้ความกระจ่างถึงตัวตนที่แท้จริงของผีเสื้อ Xerces blue นั้นก็คงไม่ได้ใช้



รูปลักษณ์ใหม่ที่เรียกว่า "คติของแมลง" ถูกพบในการผสมผสานของแนวทางในท้องถิ่น
รวมทั้งการเพิ่มขึ้นของความอุดมสมบูรณ์ของแมลงน้ำจืดบางชนิดเช่น water strider ในอเมริกาเหนือ

Xerces Blue เป็นผีเสื้อขนาดเล็กสีสันสดใส โดดเด่นด้วยสีน้ำเงินรุ้งที่พื้นผิวปีกด้านบนของตัวผู้ และมีจุดสีซีดด้านล่าง แต่เดิมอธิบายไว้ในปี 1852 เป็นสายพันธ์ประจำถิ่น ซึ่งครั้งหนึ่งเคยพบเห็นได้ทั่วไปในเนินทรายชายฝั่งของคาบสมุทรซานฟรานซิสโกตอนบน ซึ่งรวมถึงไซต์ต่างๆ ที่ขณะนี้อยู่ภายในพื้นที่นันทนาการแห่งชาติ Golden Gate National Recreation Area

ผีเสื้อเป็นที่สนใจเป็นพิเศษสำหรับนักกีฏวิทยา (lepidopterists) เนื่องจากจำนวนประชากรของผีเสื้อแสดงรูปแบบปีกที่หลากหลายซึ่งส่งผลให้เกิดรูปแบบที่มีชื่อหลายแบบ น่าเสียดายที่การพัฒนาเมืองที่เติบโตขึ้นส่งผลให้เกิดการรบกวนและการสูญเสียที่อยู่อาศัยอย่างกว้างขวาง 

ในช่วงต้นทศวรรษ 1940  Xerces Blue ถูกผลักดันให้สูญพันธุ์ จนกลายเป็นผีเสื้อตัวแรกและเป็นที่รู้จักมากที่สุดแห่งหนึ่งในสหรัฐอเมริกาที่สูญเสียไปเนื่องจากผลกระทบจากมนุษย์ วันนี้ McGuire Center แห่งพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ธรรมชาติฟลอริดา เป็นหนึ่งในสถาบันเพียงไม่กี่แห่งในสหรัฐฯ ที่มีตัวอย่างของ Xerces Blue

นอกจากนั้น การสูญพันธุ์ของผีเสื้อเป็นแรงบันดาลใจให้ก่อตั้งสมาคม Xerces Society for Invertebrate Conservation ในปี 1971 และในความหมายที่แท้จริง ได้นำไปสู่การเน้นย้ำถึงการอนุรักษ์แมลงและถิ่นที่อยู่ของพวกมันแบบร่วมสมัย โดยโครงการที่กำลังดำเนินอยู่ ได้แก่ การฟื้นฟูถิ่นที่อยู่ของสัตว์ใกล้สูญพันธุ์ การให้ความรู้สาธารณะเกี่ยวกับความสำคัญของพื้นเมืองการถ่ายละอองเรณูและการฟื้นฟูและการป้องกันของแหล่งต้นน้ำ



ผู้เขียนนำการศึกษา Felix Grewe และ Corrie Moreau กำลังทำงานใน Pritzker DNA Lab ของ Field Museum 




(ขอขอบคุณที่มาของข้อมูลทั้งหมดและขออนุญาตนำมา)
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่