โรงเรียนเราเป็นโรงเรียนโรงเรียนนึงค่ะที่เรียนออนไลน์มาตั้งแต่เปิดเทอม ถ้านับแล้วก็ประมาณ 2-3 เดือนแล้วแหละ เมื่ออาทิตย์ก่อนโรงเรียนเราก็เพิ่งประกาศว่าจะให้นักเรียนเรียนวิชาละ40นาทีพัก10นาทีทำแบบนี้วนไปเรื่อยๆ1สัปดาห์ซึ่งมันจบไปเมื่อสัปดาห์ก่อนนี้แล้ว ที่มันจบก็เพราะครูได้รับความเห็นจากผู้ปกครองหลายๆคนอยากจะให้คณะครูเพิ่มเวลาเรียนให้นักเรียนเป็นปกติโดยไม่คำนึงถึงเครื่องมืออุปกรณ์สื่อสารหรือนักเรียนเลย ทำไมครูถึงชอบฟังความเห็นของผู้ปกครองของนักเรียนมากกว่านักเรียน ทำไมครูถึงไม่ฟังความคิดเห็นของนักเรียนเลย ทำไมต้องฟังแต่ผู้ปกครอง ผู้ปกครองได้มาเรียนด้วยหรอคะ ถ้ามานั่งเรียนด้วยทำไมไม่เข้าใจหน่อยว่าการจ้องคอมนานๆมันส่งผลเสียขนาดไหน ยกตัวอย่างเป็นเราเลยก็ได้ค่ะ เราจ้องคอมนานจนตาลาย บ้านหมุน ปวดหัว ทำไมถึงไม่เข้าใจบ้าง ไม่ฟังนักเรียนบ้าง เพื่อนเราก็เครียดเพราะผู้ปกครองกดดันกับการเรียนจนปวดหัว มือสั่น มือเย็น เมื่อไหร่จะเข้าใจสักทีว่าเด็กสมัยนี้มันเครียดขนาดไหนกับการเรียนออนไลน์ เครียดกับเรื่องเรียนออนไลน์ไม่พอยังต้องมาเครียดกับการเลือกเส้นทางในการเรียนอีก เด็กทุกคนไม่ได้อยากเป็นหมออยากเป็นแพทย์ อยากเป็นพยาบาล อยากเป็นตำรวจอะไรพวกนี้อะ ต้องให้บอกยังไงผู้ใหญ่ถึงจะเข้าใจ เพื่อนเราแพนิคเลยด้วยซ้ำ ไม่ใช่ว่าเดี๋ยวนี้แตะอะไรหน่อยก็ไม่ได้นะคะ แต่ควรปรับตัวให้เข้ากับยุคกับสมัยหน่อย ไม่ใช่ว่าว่าอะไรไม่ได้เลยแต่ถ้าจะติก็ติแบบไม่ใช้คำรุนแรงก็ได้อะ ทำไมบางคนถึงต้องเลือกใช้คำรุนแรงในการติเด็ก แทนที่จะแบบค่อยๆบอกค่อยๆติ แล้วก็เลิกว่าเด็กแบบแนวๆดูถูกได้แล้วค่ะ 'แค่อยู่บ้านยังทำไม่ได้เลย จะไปอยู่ที่อื่นนี่จะรอดเหรอ' ไม่ใช่ทุกคนนะคะที่จะเอาคำดูถูกมาเป็นแรงผลักดันได้อะ ฟังแรกๆก็ไม่ได้อะไรหรอก แต่ฟังหลายๆครั้งมันก็บั่นทอนจิตใจเหมือนกันนะคะ เด็กแบบเราเราก็เครียด เหนื่อยเป็นนะคะ เรียนหนังสือก็ใช่ว่าจะไม่เหนื่อย ไม่ต้องมาบลัฟว่าใครเหนื่อยกว่านะคะ มันเหนื่อยคนละแบบ