สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 32
มันเริ่มมาแค่ช่วงหลังครับ ที่ทำให้ประเทศพัฒนามาได้จนถึงขั้นนี้ได้
ส่วนหนึ่งก็คือ วิสัยทัสน์ผู้นำเค้าดีมากๆ
เมื่อสมัย 30 ปีที่แล้ว ผมนำเข้าวัตถุดิบมาจากไต้หวันมากประกอบสินค้าของผม
จีนและอินเดียต่างเติบโตไล่ๆกันครับ เริ่มรับจ้างมาจากการเป็นผู้ผลิตทั้งคู่ ด้วยจำนวนประชากร ทำให้ค่าแรงนั้นถูกแสนถูก
และผู้ว่าจ้างก็ได้หลั่งไหลไปจ้างจีนกับอินเดียผลิต
ถ้าวิสัยทัศน์เลวร้ายทั้งคู่ ทุกวันนี้ก็คงเหมือนอินเดียครับ นอกจากจะรับจ้างไม่ค่อยได้แล้ว ยังเล็กลงๆไปเรื่อยๆ
แต่จีนไม่ครับ ผู้นำเค้าเล็งเห็นช่องทาง ช่วยเหลือผู้ประกอบการเต็มที่ มีการเว้นวรรคภาษี และให้ผู้ประกอบการทำให้ดีขึ้น และดีขึ้น
ให้มองภาพง่ายๆครับ เอาเท่าที่ผมรู้นะครับ วงการรถยนต์ของจีน เมื่อ 10กว่าปีที่แล้ว เค้ายังขายอีซูสุมังกรทองที่บ้านเราโละแล้ว เป็นรถยนต์ป้ายแดงอยู่เลย เราไปถึง D-Max แล้ว แต่ด้วยวิสัยทัศน์ผู้นำไงครับ เค้ามีเงินแล้ว เค้าจึงเริ่มซื้อกิจการของค่ายรถที่เจ๊ง มาทำเอง
Volvo คือ 1 ตัวอย่างครับ ซื้อค่ายไม่พอ ซื้อคนมาด้วย ให้เงินเต็มที่ ให้อิสระการทำงานแก่คนเก่าคนแก่ของทางยุโรปเต็มที่ ให้งบพัฒนาเค้าเต็มที่เพื่อแลกกับ Know How จน ค่ายรถยนต์ Geely เติบโตและยิ่งใหญ่ขึ้นมาได้
โทรศัพท์มือถือ เครื่องใช้ไฟฟ้า และอื่นๆอีกมากมาย ก็เช่นกันครับ ใช้โมเดลเดียวกันแบบนี้นี่แหละ
หันกลับมาดูโรงงานทางอินเดียครับ
การจะจ้างนักพัฒนาคนนึงขึ้นมาคือความสิ้นเปลือง จ้างบุคคลากรดีๆคือความสิ้นเปลือง
แบบนี้ก็ไม่ต้องไปไหนแหละครับ โดนเค้าซื้อตัวไปหมด TaTa ถึงได้เป็นแค่ TaTa อยู่ทุกวันนี้
ระบบการจัดเก็บภาษีก็ใช่ครับ เท่าที่ผมรู้มาคือ เมื่อคุณทำงาน เค้าจะจัดเก็บในอัตราที่ต่ำครับ เพื่อให้คุณตั้งตัวติด เมื่อคุณก้าวเข้ามาสู่ SME เค้าก็ยังไม่เก็บคุณในช่วงแรกครับ คุณไปได้ คุณพร้อมเมื่อไหร่ ค่อยมาคุยกัน ซึ่งมันต่างกับประเทศไทยตรงที่ แค่คุณก้าวเข้ามาทำธุรกิจครั้งแรก ไม่รู้อนาคตจะเป็นเช่นไร คุณก็ต้องจ่ายแล้ว ตรงนี้แหละครับ ที่ผมมองว่าต่างกันจริงๆ ต่างกันลิบลับ
ส่วนเรื่องคอรัปชั่น ก็อย่างที่คห.ข้างบนว่าไว้น่ะครับ ตัวบั่นทอนความเจริญของชาติอย่างร้ายแรง
เอาง่ายๆครับ ผมยกตัวอย่างให้ดูใกล้ๆนี้
เมื่อประมาณ 20 ปีที่แล้ว โรงงานรองเท้าชื่อดัง มีฐานผลิตอยู่ที่ไทยกับเวียดนาม
ต้นทุนการส่งออกไปต่างประเทศ ไทยกับเวียดนามต่างกันลิบเลยครับ
ค่าแรงเราสูงกว่าเวียดนาม แต่ กว่าสินค้าจะออกจากโรงงานถึงท่าเรื่อง ทางเวียดนามสูงกว่าเราเยอะครับ โดนเรียกเก็บส่วยตลอดทาง
ทำให้ตอนนั้น เวียดนามไปไหนไม่ได้มากทั้งๆที่ปัจจัยดีกว่าไทย
เมื่อจีนโต จีนก็กวาดตลาดไปหมด แต่... เรื่องแฟชั่น ที่ต้องผลิตเป็นจำนวนน้อยๆ แต่เปลี่ยนบ่อยๆ Fix Cost ไม่อาจจะช่วยได้ จึงหลงเหลือมาอยู่ที่เวียดนาม และไทยอยู่บ้าง แต่สุดท้าย เวียดนามก็เริ่มคว้าไปกินในช่วง 5 ปีท้ายนี้ เพราะเห็นจุดอ่อนของไทยครับ และตัวเค้าก็เริ่มปรับปรุงการคอรัปชั่นในภาคอุตสาหกรรมให้น้อยลง ลดภาษี ส่งเสริมอุตสาหกรรม
อย่างมีโรงงานที่จีนมาติดต่อผมเพื่อจะหุ้นเปิดโรงงานในไทย เมื่อ 5 ปีที่แล้ว เค้าดูไว้ 2 ที่ครับ เวียดนาม กับ เรา เค้าต้องการโยกเงินออกจากจีน
ทีนี้ของเรา นอกจากภาษีเสียแพงแล้ว ค่าแรงเราก็แพง หากใช้ต่างด้าว ขั้นตอนก็เยอะแยะไปหมด ไม่เคยมีโซนที่ชัดเจน ขนาดเขตโรงงานอุตสาหกรรมแท้ๆ ยังต้องไปทำประชาพิจารณ์ทางด้านสิ่งแวดล้อมกับชุมชน.... ตรงนี้ผมมองว่า บ้ามาก และเสียเวลามากๆๆๆๆ ในเมื่อ คุณโซนนิ่งขึ้นมาแล้ว ทำไมต้องทำ EIA อีก
สุดท้ายเค้าเลือกเวียดนามครับ เพราะไทยต้องเสียเวลา EIA เป็นปี
ผมไม่รู้ว่า ข้อมูลตรงนี้พอจะได้ประโยชน์กับเจ้าของกระทู้ได้หรือเปล่านะครับ
เป็นประสบการณ์จริงที่ผมค้าขายกับต่างประเทศครับ
ถามว่าต้องมาปรับใช้มั๊ย ผมบอกได้แค่ เลิกคอรัปชั่นครับ เลิกระบบอุปถัม เลิกเอาคนไม่มีความรู้มาปกครองประเทศครับ ไทยเรายังเหลือทรัพยากรให้ใช้อีกเยอะครับ ถ้าปรับได้วันนี้ ยังทันครับ
แต่ถ้าปรับช้ากว่านี้ ผมว่าคนไทยโดยรวม จนลงแน่นอน
ส่วนหนึ่งก็คือ วิสัยทัสน์ผู้นำเค้าดีมากๆ
เมื่อสมัย 30 ปีที่แล้ว ผมนำเข้าวัตถุดิบมาจากไต้หวันมากประกอบสินค้าของผม
จีนและอินเดียต่างเติบโตไล่ๆกันครับ เริ่มรับจ้างมาจากการเป็นผู้ผลิตทั้งคู่ ด้วยจำนวนประชากร ทำให้ค่าแรงนั้นถูกแสนถูก
และผู้ว่าจ้างก็ได้หลั่งไหลไปจ้างจีนกับอินเดียผลิต
ถ้าวิสัยทัศน์เลวร้ายทั้งคู่ ทุกวันนี้ก็คงเหมือนอินเดียครับ นอกจากจะรับจ้างไม่ค่อยได้แล้ว ยังเล็กลงๆไปเรื่อยๆ
แต่จีนไม่ครับ ผู้นำเค้าเล็งเห็นช่องทาง ช่วยเหลือผู้ประกอบการเต็มที่ มีการเว้นวรรคภาษี และให้ผู้ประกอบการทำให้ดีขึ้น และดีขึ้น
ให้มองภาพง่ายๆครับ เอาเท่าที่ผมรู้นะครับ วงการรถยนต์ของจีน เมื่อ 10กว่าปีที่แล้ว เค้ายังขายอีซูสุมังกรทองที่บ้านเราโละแล้ว เป็นรถยนต์ป้ายแดงอยู่เลย เราไปถึง D-Max แล้ว แต่ด้วยวิสัยทัศน์ผู้นำไงครับ เค้ามีเงินแล้ว เค้าจึงเริ่มซื้อกิจการของค่ายรถที่เจ๊ง มาทำเอง
Volvo คือ 1 ตัวอย่างครับ ซื้อค่ายไม่พอ ซื้อคนมาด้วย ให้เงินเต็มที่ ให้อิสระการทำงานแก่คนเก่าคนแก่ของทางยุโรปเต็มที่ ให้งบพัฒนาเค้าเต็มที่เพื่อแลกกับ Know How จน ค่ายรถยนต์ Geely เติบโตและยิ่งใหญ่ขึ้นมาได้
โทรศัพท์มือถือ เครื่องใช้ไฟฟ้า และอื่นๆอีกมากมาย ก็เช่นกันครับ ใช้โมเดลเดียวกันแบบนี้นี่แหละ
หันกลับมาดูโรงงานทางอินเดียครับ
การจะจ้างนักพัฒนาคนนึงขึ้นมาคือความสิ้นเปลือง จ้างบุคคลากรดีๆคือความสิ้นเปลือง
แบบนี้ก็ไม่ต้องไปไหนแหละครับ โดนเค้าซื้อตัวไปหมด TaTa ถึงได้เป็นแค่ TaTa อยู่ทุกวันนี้
ระบบการจัดเก็บภาษีก็ใช่ครับ เท่าที่ผมรู้มาคือ เมื่อคุณทำงาน เค้าจะจัดเก็บในอัตราที่ต่ำครับ เพื่อให้คุณตั้งตัวติด เมื่อคุณก้าวเข้ามาสู่ SME เค้าก็ยังไม่เก็บคุณในช่วงแรกครับ คุณไปได้ คุณพร้อมเมื่อไหร่ ค่อยมาคุยกัน ซึ่งมันต่างกับประเทศไทยตรงที่ แค่คุณก้าวเข้ามาทำธุรกิจครั้งแรก ไม่รู้อนาคตจะเป็นเช่นไร คุณก็ต้องจ่ายแล้ว ตรงนี้แหละครับ ที่ผมมองว่าต่างกันจริงๆ ต่างกันลิบลับ
ส่วนเรื่องคอรัปชั่น ก็อย่างที่คห.ข้างบนว่าไว้น่ะครับ ตัวบั่นทอนความเจริญของชาติอย่างร้ายแรง
เอาง่ายๆครับ ผมยกตัวอย่างให้ดูใกล้ๆนี้
เมื่อประมาณ 20 ปีที่แล้ว โรงงานรองเท้าชื่อดัง มีฐานผลิตอยู่ที่ไทยกับเวียดนาม
ต้นทุนการส่งออกไปต่างประเทศ ไทยกับเวียดนามต่างกันลิบเลยครับ
ค่าแรงเราสูงกว่าเวียดนาม แต่ กว่าสินค้าจะออกจากโรงงานถึงท่าเรื่อง ทางเวียดนามสูงกว่าเราเยอะครับ โดนเรียกเก็บส่วยตลอดทาง
ทำให้ตอนนั้น เวียดนามไปไหนไม่ได้มากทั้งๆที่ปัจจัยดีกว่าไทย
เมื่อจีนโต จีนก็กวาดตลาดไปหมด แต่... เรื่องแฟชั่น ที่ต้องผลิตเป็นจำนวนน้อยๆ แต่เปลี่ยนบ่อยๆ Fix Cost ไม่อาจจะช่วยได้ จึงหลงเหลือมาอยู่ที่เวียดนาม และไทยอยู่บ้าง แต่สุดท้าย เวียดนามก็เริ่มคว้าไปกินในช่วง 5 ปีท้ายนี้ เพราะเห็นจุดอ่อนของไทยครับ และตัวเค้าก็เริ่มปรับปรุงการคอรัปชั่นในภาคอุตสาหกรรมให้น้อยลง ลดภาษี ส่งเสริมอุตสาหกรรม
อย่างมีโรงงานที่จีนมาติดต่อผมเพื่อจะหุ้นเปิดโรงงานในไทย เมื่อ 5 ปีที่แล้ว เค้าดูไว้ 2 ที่ครับ เวียดนาม กับ เรา เค้าต้องการโยกเงินออกจากจีน
ทีนี้ของเรา นอกจากภาษีเสียแพงแล้ว ค่าแรงเราก็แพง หากใช้ต่างด้าว ขั้นตอนก็เยอะแยะไปหมด ไม่เคยมีโซนที่ชัดเจน ขนาดเขตโรงงานอุตสาหกรรมแท้ๆ ยังต้องไปทำประชาพิจารณ์ทางด้านสิ่งแวดล้อมกับชุมชน.... ตรงนี้ผมมองว่า บ้ามาก และเสียเวลามากๆๆๆๆ ในเมื่อ คุณโซนนิ่งขึ้นมาแล้ว ทำไมต้องทำ EIA อีก
สุดท้ายเค้าเลือกเวียดนามครับ เพราะไทยต้องเสียเวลา EIA เป็นปี
ผมไม่รู้ว่า ข้อมูลตรงนี้พอจะได้ประโยชน์กับเจ้าของกระทู้ได้หรือเปล่านะครับ
เป็นประสบการณ์จริงที่ผมค้าขายกับต่างประเทศครับ
ถามว่าต้องมาปรับใช้มั๊ย ผมบอกได้แค่ เลิกคอรัปชั่นครับ เลิกระบบอุปถัม เลิกเอาคนไม่มีความรู้มาปกครองประเทศครับ ไทยเรายังเหลือทรัพยากรให้ใช้อีกเยอะครับ ถ้าปรับได้วันนี้ ยังทันครับ
แต่ถ้าปรับช้ากว่านี้ ผมว่าคนไทยโดยรวม จนลงแน่นอน
ความคิดเห็นที่ 4
เพราะแบบนี้ไง อยู่กับระบบการปกครองแบบนี้มาตลอดเป็นพันๆ ปี
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ส่วนฝรั่ง ไม่ยอมจมปลักอยู่กับระบบเดิมๆ แต่เปลี่ยนแปลงไปสู่ระบบใหม่ที่ดีกว่า
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
วิทยาการความรู้ของฝรั่ง ก็ลองดูปีที่ก่อตั้ง มหาลัย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ส่วนฝรั่ง ไม่ยอมจมปลักอยู่กับระบบเดิมๆ แต่เปลี่ยนแปลงไปสู่ระบบใหม่ที่ดีกว่า
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
วิทยาการความรู้ของฝรั่ง ก็ลองดูปีที่ก่อตั้ง มหาลัย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แสดงความคิดเห็น
ประสิทธิภาพคนจีน สูงขนาดนี้ แล้วทำไม ถึงด้อยพัฒนา มาตั้งหลายพันปี
แต่จีน ซึ่งไม่มีนักวิทยาศาสตร์ นามกระเดื่องโลกเลยสักคน ใช้เวลาเพียงสามสิบปี นับแต่เหตุการณ์เทียนอันเหมิน ซึ่งขณะนั้นเทคโนโลยีจีนยังล้าหลังมาก
แต่กลับมาไล่ทันตะวันตก และแซงขึ้นเป็นอันดับหนึ่งของโลกในบางสาขาด้วยซ้ำ
ไม่ต้องอะไรมาก ประเทศผู้ให้กำเนิดนิวตันอย่างอังกฤษ หลุยส์ ปาสเตอร์ ของฝรั่งเศส กาลิเลโอแห่งอิตาลี ไอน์สไตน์แห่งเยอรมัน มาถึงปัจจุบัน ประเทศเหล่านี้ ล้วนตามหลังจีน ทั้งที่เมื่อสองพันกว่าปีก่อน อริสโตเติล วางรากฐานทางวิทยาศาสตร์ให้อย่างแข็งแกร่ง ในขณะที่ช่วงเวลาเดียวกันนั้น จีนอยู่ในยุคขงจื้อ ซึ่งไม่ได้มีความเป็นวิทยาศาสตร์อะไรเลย
ล่าสุดเมื่อวานนี้ จีนสร้างห้องแลปตรวจโควิดแบบเที่ยงตรง ระดับล้านคนต่อวัน เสร็จภายในสิบชั่วโมง
จีนไปทำอะไรอยู่ตั้งสองพันปี ถึงได้ล้าหลังมากๆ จนถึงขนาดถูกญี่ปุ่นรุกเข้าไปสังหารหมู่ประชาชนระดับล้านคนได้สบายๆ เฉพาะที่นานกิง ก็ถูกฆ่าอย่างโหดร้ายไปสามแสนคน
เคยอ่านประวัติศาสตร์ นโปเลียน เคยถูกเหล่าแม่ทัพเสนอให้บุกจีน นโปเลียนตอบกลับไปว่า ยักษ์กำลังหลับอยู่ จะไปปลุกให้ตื่นทำไม แสดงว่า นโปเลียนคงมองเห็นอะไรที่คนอื่นมองไม่เห็น
อยากให้ผู้รู้ทั้งทางประวัติศาสตร์ และ วิทยาศาสตร์ ช่วยกันวิเคราะห์ว่า อะไร ทำให้จีนมาถึงทุกวันนี้ได้
ปล. ไม่ได้เป็นติ่งจีน แต่อยากให้วิเคราะห์กัน เพราะเผื่อจะสามารถนำมาใช้กับประเทศไทยได้ ไม่แน่อีกสามสิบปีข้างหน้า เราอาจกลายเป็นอภิมหาอำนาจเคียงคู่อังกฤษ ฝรั่งเศส ที่ขนาดประเทศ และประชากรใกล้เคียงเรา แม้ประเทศเราไม่มีนักวิทยาศาสตร์นานกระเดื่องโลกก็เถอะ ส่วนใครทีจะตอบว่า เพราะจีนก๊อป ก็ขอให้วิเคราะห์ว่า ก็อปยังไง ถึงได้ขนาดนี้ ประเทศเราจะได้ทำบ้าง