ตลาดหุ้นไทยหลังจากนี้จะเป็นอย่างไร #มุมมองส่วนตัว

20 กค 2564

ตลาดหุ้นไทยหลังจากนี้จะเป็นอย่างไร?? 

ผมเริ่มเล่นหุ้นมาตั้งแต่ สมัยเรียนอยู่มัธยม 6 แล้วจำได้ว่าเป็นเทอมสุดท้ายก่อนจบรั้วโรงเรียน ช่วงที่เพิ่งเริ่มเล่นนั้นติดหุ้นมาก คิดว่าจะได้เงินง่ายๆ โดยทุกวันไม่เป็นอันเรียนหนังสือ พอตกเย็นต้องรีบกับบ้านไปเปิดคอมดูหน้าจอ เรื่องเรียนคิดแต่คำนวณวันลาไม่ให้ขาดสิทธิสอบ มาเรียนก็ใส่ชุดผิดวันบ่อยๆ  พลาดโอกาสถ่ายรูปรวมรุ่นไปอย่างน่าเสียดาย
 
วันที่ลา ไม่ได้ไปเรียนก็นั่งรถเมล์ไปหอสมุดแห่งชาติสามเสน ไปหาหนังสืออ่านและที่สำคัญไปใช้คอมพิวเตอร์เพื่อติดตามราคาหุ้น แอบทำแบบนี้มาตลอด 1 เทอม
 
    จากนั้นก็เกิดเหตุการณ์ซับไฟร์ม ตลาดหุ้นไทยตกหนักมาก แต่ระยะเวลาไม่นานหุ้นไทยก็ขึ้นไปอย่างรวดเร็วใช้เวลาฟื้นแค่ 1 ปี ก็กลับมาเป็นขาขึ้นมาตลอดจนถึงเหตุการณ์โควิด ที่เป็นขาขึ้นได้ยาวนานตลอด 10 ปีที่ผ่านมานี้ เพราะประเทศไทยไม่ได้เกี่ยวข้องในวิกฤตที่สหรัฐอเมริกา และการท่องเที่ยวเราแข็งแกร็งมากจากสถิตนักท่องเทียวเพิ่มขึ้นเฉลียปีละ 10 เปอร์เซ็นต์เป็นเวลายาวนานที่ 10 ปี ส่วนนึงได้รับอานิสงส์จากคนจีนที่รวยขึ้น ประเทศที่คนจีนให้ความสนใจเป็นประเทศแรก นั้นคือประเทศไทยเป็นความพอเหมาะพอเจาะในหลายๆ ด้าน เช่น
ความมีชื่อเสียงด้านสาธารณะสุข ราคาตั๋วเครื่องบินที่ถูกกว่าแต่ก่อนมาก นิสัยคนไทยที่เอื้อเฟื้อเผยแผ่ และคนไทยมีความใจดีต่อนักท่องเทียวเป็นอย่างมาก เทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน
 
ก่อนหน้าสถานะการณ์โควิด ตลาดหุ้นไทยก็มีการปรับฐานย่อตัวลง เนื่องจากตัวเลขเศรษฐกิจเราไม่ได้ร้อนแรงเหมือนที่นักลงทุนคิด storyเรื่องการท่องเที่ยวถูกให้ราคามากเป็นพิเศษอย่างยาวนานหลายปี จุดสูงสุดของตลาดที่ 1800 จุด ซึ่งผมเห็นว่าตลอด 10 ปีที่ผ่านมานี้ GDP โตประมาณ 3-4เปอร์เซนต์ต่อปี แต่ตลาดหุ้นขึ้นมาแล้วเฉลี่ยถึงเกือบ 10% ต่อปี เป็นการให้ราคาล่วงหน้าไปแล้ว แต่ในเมื่อตัวเลขออกมาสะท้อนความจริงที่ว่าการท่องเทียวช่วยดัน GDP ขึ้นส่วนนึงเท่านั้น
ที่เหลือต้องใช้การส่งออก การผลิต ซึ่งเรายังด้อยอยู่ เนื่องจากนโยบายปล่อยให้เอกชนทำกันเอง ไม่มีการส่งเสริมจากทางรัฐ รวมถึงการส่งเสริม EMS ที่เป็นรากฝอยของเศรษฐกิจกับไม่ได้รับประโยชน์เท่าที่ควร
แผนพัฒนารัฐบาลได้ให้ความสำคัญถึงแผนยุทธศาสตร์โครงสร้างพื้นฐานระยะยาวมากกว่า 10 ปี เป็นเมกะโปรเจคภาครัฐถูกมาใช้เพื่อดัน GDP ขึ้นมาแต่หลักๆประเทศเราก็ยังไม่มีเศรษฐกิจใหม่มาทดแทนอยู่ดี อะไรที่อยู่มาดีๆ สักวันก็ต้องมีคู่แข่งมาแข่งขันดึงส่วนแบ่งไปถ้าเราไม่ปรับตัว อสังหาและการผลิตเป็นเหตุให้ก่อนหน้าโควิดหุ้นไทยถึงปรับฐานลงมา

มาถึงเหตุการณ์โควิดในปัจจุบัน แม้มีแผนแม่บทพัฒนาชาติอยู่ในระยะยาว แต่ระยะสั้นแบบนี้เราจะผ่านมันไปได้อย่างไร ในเมื่อตอนนี้เรากำลังป่วยหนัก ปล่อยไว้ก็ต้องรอดได้แน่นอน แต่จะมีส่วนนึงที่ต้องตายไปอย่างแน่นอน และที่ตายไปนั้นคือความมั่นใจ ความเช่ือมันในประเทศ

คำถามคือทำไมสถานะการจริงมันแย่ แต่ตลาดหุ้นลงน้อยมาก ผมขอเขียนด้วยความคิดเห็นส่วนตัวว่าตลาดไทยมีการเกร็งกำไรสูง และมี Story ใหม่ๆ ให้ได้เก็งกำไรอยู่เรื่อยๆ มีหุ้นหลายตัวที่ Free Float ต่ำกลับมาเล่น แม้กลต จะปรับสูตรคำนวณใหม่สุดท้ายไม่มีอะไรเกิดขึ้น สังเกตุได้จากหุ้นใหม่ๆ ที่เข้ามาตลาดจะถูกดันราคาขึ้นสูง และหุ้นที่ Free Float ต่ำถูกดันขึ้นทำให้ตลาดไม่ได้ลงกว่าที่ควรจะเป็นไป ด้วยเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นนี้
 
ผมมองว่านับจากนี้เราควรสังเกตุว่าจะมีแนวโน้มทำให้เกิดความวุ่ยวายจากโควิดแต่ไม่ใช่ตัวเลขคนติดเชื้ออีกต่อไปแล้ว สำหรับผมโควิดถูกมองข้ามไปแล้ว เพราะทำอะไรไม่ได้มากและรวดเร็วทันใจ มีเงินก็ไม่สามารถไปซื้อวัคซีนได้ได้เต็มจำนวน อย่างที่เราต้องการได้  

เราพลาดที่ประมาทโควิดเกินไป ยังไงก็แล้วแต่ภายใน 1 ปีหรือไม่เกินปีสิ้นปี 65 โควิดก็ต้องจบ เราก็จะได้เปิดประเทศแบบที่ต่างประเทศทำ ตอนนี้ทำได้เพียงอดทนรอเท่านั้น
 
สิ่งที่ยังไม่จบคือความแตกแยกในสังคม และเศรษฐกิจใหม่ยังไม่ได้เกิดขึ้นที่จะช่วยดัน GDP ให้กลับมาเติบโตมากขึ้นจะแก้ไขอย่างไร
 
ปัญหาไม่ได้เกิดจากโครงสร้าวพื้นฐานที่เรา แต่เกิดจากการบริหารทรัพยากรที่มีไม่ได้เกิดประโยชน์เท่าที่ควร เราคงไปได้สูงสุดที่เคยทำได้คือ 1800 จุด ในฐานะนักลงทุนมีหน้าที่บริหารความเสี่ยงกับผลตอบแทนที่จะได้ แต่สำหรับผม ‘หุ้นไทยยังแพงไป’

#สินธรนาวี
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่