.
เรื่องนี้เป็นเพียงจินตนาการของผู้เขียนนะคะ ไม่เคยเกิดขึ้นจริง แม้จะอิงเหตุการณ์จริงก็ตาม ผู้เขียนยืนยันว่าไม่เคยเกิดขึ้น ถ้าเขียนเรื่องนี้แล้วล็อกอินจะปลิวก็เชิญค่ะ ตามสบาย ! ไม่กลัวอยู่แล้ว และใครที่อ่านจบแล้วเห็นต่างจากเรื่องนี้ ไม่อนุญาตให้คอมเมนต์ค่ะ แสดงว่าเรายืนคนละที่ค่ะ…
**********************************************
….หากเธอได้ยินเสียงกลองกระหน่ำ
มันคือเสียงเท้าของมวลชน
กระหึ่มด้วยแรงประสานของเสรีชน
คนใต้ฟ้าเดียวกัน
ดวงดาวยังประกายทอแสง
จรัสแรงยามมืดมนบนฟ้าไกล
ผูกใจเรารวมประสาน
ศรัทธามั่นสู้ถึงวันเราได้ชัย
ปรบมือดั่งเสียงกลอง
และป่าวร้องว่าไม่ยอมให้ผู้ใด
มาทำลายริดรอนสิทธิ์เสรี
ที่เรามีตราบที่เรายังหายใจ
จับมือเดินก้าวไป ‘เราคือเพื่อนกัน’ …
เสียงเพลงขับขานกระตุ้นแรงใจให้ฮึดสู้ ผู้คนหลากหลายภูมิภาคต่างหลั่งไหลเข้ามารวมกันที่นี่ ทุกคนมีเป้าหมายเดียวกัน จุดหมายเดียวกัน ต่างพร้อมใจพลีกายร่วมกันอย่างไม่ได้นัดหมายเลยสักนิด
แนวหน้าสำคัญที่สุด ! เธอต้องไป ! เพราะมันเกี่ยวกับเธอ ชีวิต ความเป็นอยู่ หน้าที่การงาน ร่างกาย และเงินในกระเป๋าของเธอโดยตรง
อย่าพูดเลยว่าคนไหนมาเราก็ยังต้องทำงาน มันแน่นอนอยู่แล้ว เกิดมาใครไม่ทำงานก็อดตายสิคุณ แต่ถ้าเรามีคนที่ฉลาดและเห็นหัวคนอื่นเข้ามา การทำงานของเราก็จะง่ายขึ้น คุณภาพชีวิตก็จะดีขึ้นอีก ไม่ต้องรอเตียง ไม่ต้องเสี่ยงกับวัคซีนอะไรทั้งนั้น ฉันนึกในใจ นึกไปถึงคำพูดผู้ใหญ่บางคนพลางเบะปากให้กับผู้ใหญ่คนนั้น ที่เอาแต่พร่ำเพ้อว่าที่เป็นอยู่มันก็ดีแล้ว
ตอนนี้พวกเรามารวมตัวกัน ไม่รู้ใครชื่ออะไร ไม่รู้ใครมาจากไหน แต่พวกเรารักกัน ช่วยเหลือกัน ดูแลห่วงใยกันและกันแบบไม่ต้องรู้จักกันเลย พวกเราในนี้เข้าใจกันที่สุด บ้างก็มาเป็นกลุ่มเพื่อน ครอบครัว แฟนคู่รัก แม้กระทั่งมาคนเดียวเหมือนกับฉัน แต่ฉันไม่อยากจะพูดเลย ว่าฉันมีเพื่อนแล้วคุณ ฮา ง่ายไหม ! ง่ายไหมล๊า ฮา
พวกเราร่วมกันกู่ก้องร้องเพลง ปรบมือตามจังหวะเพลง แม้กระทั่งกรี๊ดกร๊าด หัวเราะ และเต้นเมื่อมีเพลงมันส์ ๆ อ่อ ฉันลืมบอกพวกคุณค่ะว่า พวกเราน่ะแต่งกายแนวเดียวกันหมดนะ คล้าย ๆ กัน แต่งโทนเทาโทนดำค่ะ พวกเรามีสัญลักษณ์ที่เด่นชัด พวกคุณคงไม่รู้ เป็นสัญลักษณ์หมู่ค่ะ ถ้าหากพวกเราชูสัญลักษณ์นี้จะรู้ได้เลยว่า
‘พวกเราคือเพื่อนกัน’
วันนี้ฉันเดินทางมาในกรุงเทพก็เพื่อสิ่งนี้แหละ ฉันมาหาเพื่อน ๆ ที่คิดเหมือนกัน มีความคิดเดียวกัน ที่ตรงนี้จะมีสองกลุ่มค่ะ คือกลุ่มพวกของฉันเอง และ อีกกลุ่มที่เรียกตัวเองว่าผู้ดูแลรักษา ฉันหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะไม่เจอคนสนิทฉันนะ แต่คงไม่เจอโลกคงไม่กลมขนาดนั้น คนสนิทของฉันอยู่อีกจำพวกหนึ่งค่ะ ไม่ได้มายุ่งเกี่ยวหรือเกี่ยวข้องกับตรงนี้ ฉันก็สบายใจค่ะ ฉันอยากวาร์ปกลับไปขอบคุณตนเองมากที่สมัยนั้นไม่ให้คนสนิทลง ตชด. ไม่อย่างนั้นได้มาอยู่ที่นี่แหง ๆ วันนี้ฉันก็มาร่วมกิจกรรมที่นี่ได้อย่างสบายใจ
เอ๊ะ ! จุ๊ ๆ อย่าพูดเสียงดังไปค่ะ ถึงคนสนิทของฉันจะไม่ได้อยู่ที่นี่ แต่เขาห้ามฉันไม่ให้มานะคะ ฉันแอบมา ! เพราะฉะนั้นพวกคุณทราบแล้วว่าฉันอยู่ที่นี่ก็ห้ามเสียงดังไปค่ะ โอเคมั้ย ! สัญญาแล้วนะทุกคน และใครที่เห็นคนสนิทของฉันอยู่ที่นี่ ช่วยกระซิบบอกด้วยล่ะ ฉันจะได้แอบกลับทัน อิอิ เป็นไงฉันฉลาดมั้ยคะ แฮ่
อืมม์ นี่ทุกคน ถึงเราจะอยู่คนละสถานะกัน หน้าที่ต่างกัน เอ่อ… หมายถึงฉันกับคนสนิทของฉันค่ะ แต่เราก็มีหัวใจเดียวกันนะคะ เขาไม่เคยห้ามฉันเลยเวลาที่ฉันแสดงออก เขาไม่เคยห้ามเลยที่ฉันเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง เป็นผู้สนับสนุนปัจจัยทุนตลอดมา เพราะเรามีหัวใจเดียวกัน ขอเพียงแค่ฉันอย่ามาเป็นแนวหน้าก็พอ เขาบอกเป็นห่วงฉันค่ะ เป็นห่วงมากเกินกว่าจะให้มาอยู่ที่นี่ แต่ ! แฮ่ ! อิอิ ฮา วันนี้ฉันขอเป็นแนวหน้าบ้าง อยู่เบื้องหลังมานานละ
ฉันโชคดีมาก ๆ เลยนะคะ ที่ครอบครัวของฉัน รวมทั้งครอบครัวของคนสนิทฉันด้วยก็มีหัวใจเดียวกัน พวกเราเป็นครอบครัวที่มีหัวใจเดียวกันค่ะ เพียงแค่สถานะมันต่างกัน จึงแสดงออกได้ไม่เท่ากัน
สำหรับฉันนั้นสามารถแสดงออกได้เต็มที่ และ ฉันสัญญาว่าจะไม่ทำให้พวกท่านเดือดร้อนเพราะฉันค่ะ แม้กระทั่งคนสนิทของฉันเอง ฉันสัญญากับเขาว่าเขาจะไม่เดือดร้อนเพราะฉันแน่นอนค่ะทุกคน ไม่ต้องเป็นห่วง
ขณะนี้แกนนำพูดประกาศก้าวบนเวที พวกเราก็ชูสัญลักษณ์ไม่ขาด โห่ร้องกู่ก้องด้วยใจแห่งความหวัง พวกเราแม้จะโดนน้ำ สี แก๊สน้ำตา หรือกระทั่งกระสุนยางพวกเราก็ไม่หวั่นค่ะ พวกเราสู้แค่ตาย ถ้าหลังจากนี้มันจะเปลี่ยนแปลงอะไร ๆ ให้ดีขึ้น พวกเราก็ยอม
ผู้คนรอบ ๆ กายฉันต่างกู่ร้องด้วยหัวใจที่มีพลังเต็มเปี่ยม ยกมือชูสัญลักษณ์ขึ้นสุดแขน รวมทั้งฉันด้วย เหมือนสถานการณ์มันจะเป็นไปด้วยดี ทันใดนั้นก็เกิดการชุลมุนกันเกิดขึ้น ทุกคนฉันยืนอยู่ท่ามกลางความหวาดกลัวนั้น แต่ฉันไม่เป็นอะไรเลย
เกิดจลาจลกันขึ้นระหว่างทั้งสองฝ่าย ฝ่ายตรงข้ามฉีดน้ำแรงดันสูงเข้ามา แก๊สน้ำตาถาโถมเข้ามาไม่ยั้ง แม้กระทั่งกระสุนยางที่ฝ่ายตรงข้ามยิงกราดเข้ามาไม่ขาดสาย ทว่ามันไม่สามารถทำอะไรฉันได้สักอย่าง แต่ผู้คนรอบ ๆ ข้างฉันต่างหลบหนีตายกันจ้าละหวั่น ฉันยืนเคว้งคว้างท่ามกลางความวุ่นวายของผู้คน ฝ่ายของฉันไม่มีอาวุธตอบโต้เลยสักอย่าง มีเพียงขวดน้ำเปล่าที่พกมาดื่มด้วย นั่นแหละค่ะ คือ อาวุธชั้นดีของพวกเรา
ฉันกับเพื่อน ๆ ต่างเขวี้ยงขวดน้ำไปที่ฝ่ายตรงข้าม บ้างมีน้ำอยู่ในขวด บ้างก็ไม่มี ไม่รู้พวกเราไปหาขวดน้ำมาจากไหนกันนะ เพราะแค่นึกมันก็มีอยู่ในมือแล้ว ต่างระดมเขวี้ยงไปยังฝ่ายตรงข้ามนั้น ทั้งสองฝ่ายปะทะกันดุเดือดมาก
ฉันประเมินสถานการณ์แล้ว พวกเราท่าจะไม่ไหว ท่าจะเสียเปรียบ เจอทั้งแก๊สน้ำตา กระสุนยาง และ น้ำแรงดันสูงขนาดนี้ อย่างไรก็สู้ไม่ไหวแน่ มันต้องมีเกราะกำบัง อะไรล่ะที่เป็นเกราะกำบังได้ รถ ! ใช่รถดั๊ม ! ต้องเอารถดั๊มมาดั๊มเป็นเกราะให้พวกเรา พอฉันคิดได้แว่บเดียว ไม่รู้ขบวนรถดั๊มมาจากไหนขับเข้ามาจอดที่นี่หลายสิบคัน
‘ทีมงานรถดั๊มซ้อออดิโอ้’ มีผู้หญิงคนหนึ่งแต่งกายด้วยชุดดำเหมือนอย่างพวกเรา ชูป้ายไฟเขียนว่า ทีมงานรถดั๊มซ้อออดิโอ้ พวกเราเฮกันใหญ่ จะได้มีเกราะป้องกันแก๊สน้ำตาและน้ำแรงดันสูงแล้ว
ขบวนรถดั๊มค่อย ๆ เคลื่อนมาจอดทำแนวกำแพง จอดเรียงแถวหน้ากระดาน จากนั้นก็ดั๊มยกกระบะขึ้น ป้องกันน้ำและแก๊สน้ำตาได้เป็นอย่างดี ทว่าสถานการณ์ยังคงวุ่นวาย ต่างฝ่ายต่างพยายามวิ่งเข้าหากัน แต่ฉันไม่เป็นอะไรเลยค่ะทุกคน
มีผู้หญิงคนหนึ่งโดนกระสุนยางหัวแตก ! ยิงไม่เข้าแต่สามารถทำให้บาดเจ็บได้ ! เป็นแผลถลอก เป็นลอยแดงและมีเลือดซึม ถ้าเป็นกระสุนจริงฉันไม่อยากจะคิดเลยค่ะ ฉันเหลือบไปเห็นคนยิงแล้ว ฉันโมโหมาก !
“ทนไม่ไหวแล้วโว้ย !” ในมือของฉันมีขวดน้ำเปล่าถืออยู่ มีน้ำครึ่งขวด ถ้าฉันปาไปโดนไอ้นั่น ไอ้ฝ่ายตรงข้ามมันก็คงจะเจ็บไม่น้อยเหมือนกัน ฉันกำลังจะกู่เข้าไปทันใดนั้นก็มีลำแขนหนาแข็งแรงกอดคอรั้งฉันเอาไว้
ฉันไม่รู้เลยว่าคนนั้นเป็นใคร มันพยายามล็อกคอฉัน ฉุดกระฉากลากถูฉันออกไปจากตรงนี้ ฉันเองก็พยายามดิ้นสู้ พยายามแกะท่อนแขนแข็งแรงนั้นออกให้ได้ เพราะฉันจะไปจัดการไอ้คนที่มันยิงเพื่อนอุดมการณ์เดี๋ยวกันกับฉันจนบาดเจ็บ
“ปล่อย ! ปล่อยกู ! กูจะไปปาหัวมัน” ฉันพยายามฮึดสู้ พยามแกะท่อนแขนนี้ออก เพื่อน ๆ ที่มาที่นี่ต่างมองและหัวเราะเยาะฉัน ทำไมไม่ช่วยฉันเลย ปากก็พยายามตะโกนบอกให้ปล่อยตลอดเวลา
“กลับบ้าน !” เสียงชายคนนั้นพูด แขนก็ล็อกคอฉันลากถูฉันไปตามทางเดิน มันจะพาฉันออกไปจากตรงนี้ให้ได้ค่ะทุกคน ช่วยฉันด้วยค่ะ ใครก็ได้ช่วยฉันด้วย
“ปล่อยกู ปล่อยกูสิโว้ย กูจะไปปาหัวมัน !”
“กูบอกให้มืงกลับบ้าน ! “ ชายคนนั้นตะโกนสุดเสียง พร้อมเหวี่ยงฉันทุ่มลงกับพื้น ทันใดนั่นเองที่ฉันได้เห็นหน้าคนที่ล็อกคอฉัน ฉันตกใจมาก เป็นคนสนิทของฉันเองค่ะ มาได้อย่างไรกัน “กูบอกให้มืงกลับบ้านเดี๋ยวนี้ “ เขาออกคำสั่ง พร้อมฉุดฉันให้ยืนขึ้น ลากฉันออกไปจากตรงนี้เพื่อกลับบ้าน มันก็ยังล็อกคอฉันลากออกไปเช่นเดิม ไม่ยอมให้ฉันเดินดี ๆ เลยค่ะ พอฉันรู้ว่าเป็นใครก็ยอมให้เขาลากถูไปแต่โดยดี จำยอม ไม่ขัดขืน และยอมจำนนยอมรับผิดแต่โดยดี
ฉันอายเพื่อน ๆ ที่มาในวันนี้มาก แต่ละคนต่างหัวเราะกับภาพที่เห็น ต่างหัวเราะให้ฉันที่โดนคนสนิทลากตัวออกไปจากพื้นที่ ฉันยิ้มและโบกมืออำลาทุกคน
‘ขอโทษ’ นะแนวหน้าทุกคน วันนี้ฉันเกมแล้ว วันหน้าเจอกันใหม่ สัญญาว่าจะแอบมาให้เนียนที่สุด ฉันรักพวกคุณนะ หัวใจดวงนี้ฉันมอบให้พวกคุณ พวกคุณเก่งมาก กล้ามากเลย
ขณะนั้นเหตุการณ์ก็ยังวุ่นวายอยู่ ทั้งสองฝ่ายต่างปะทะกันดุเดือด แต่ทุกคนก็ยังหันมาหัวเราะให้กับการถูกลากคอออกไปของฉัน
“ขณะนี้มีชายฉกรรจ์ไม่ทราบชื่อได้เข้าไปจับตัวและลากผู้ที่มาม็อบในวันนี้ออกไปค่ะ ไม่แน่ใจว่าเป็นเจ้าหน้าที่ส่วนไหน พวกเราจะติดตามรายงานความปลอดภัยของผู้ที่มาวันนี้ให้ถึงที่สุดค่ะ” มีผู้สื่อข่าวรายงานเมื่อเห็นฉันโดนลากออกไป
ฉันโบกมือบอกว่าไม่ใช่ ๆ แก่นักข่าว “ผัวหนูเองค่ะ ไม่ใช่เจ้าหน้าที่หน่วยไหนค่ะ ผัวหนูเอง” ฉันตะโกนร้องบอกกับนักข่าว ทว่าไม่มีใครฟังฉันเลยสักคน
“เราได้รับรายงานว่า ผู้ที่มาม็อบไม่ทราบชื่อว่านางสาวอะไร โดนจับตัวลากออกไปจากม็อบค่ะ คาดว่าน่าจะเป็นเจ้าหน้าที่หน่วยอะไรสักอย่าง มาจับตัวออกไป “ สำนักข่าวแต่ละสำนักต่างรายงานเหตุการณ์เกี่ยวกับฉันกันหมด ฉันเองก็ได้แต่โบกมือว่าไม่ใช่ ๆ ไม่ใช่โจร ไม่ใช่ผู้ก่อการร้าย ไม่ใช่เจ้าหน้าที่อะไรทั้งนั้น
“ทุกคนผัวหนูเองค่ะ ผัว… หนู….เอง!!!!” ฉันแหกปากบอกกับสำนักข่าวทุกสำนัก ก็ไม่มีใครฟังสักคน ในขณะที่ฉันก็โดนลากออกไป เมื่อไหร่จะถึงรถสักที
“กูบอกให้มืงกลับบ้าน !” ทันใดนั้นคนสนิทของฉันก็แหกปากขึ้นอีก ภาพหมุนวนเป็นวงกลมกลับตาละปัดไปหมด
“กลับบ้าน !” ฉันร้องอุทานออกมาพร้อมสะดุ้งตื่น เห็นฝ้าเพดานสีที่คุ้นตา หันมองไปรอบ ๆ นี่ห้องของฉันเอง ฉันไม่ได้ไปม็อบ ฉันแค่ฝันไป ทุกคนเรื่องราวที่ฉันเล่ามาฉันแค่ฝันไปค่ะ มันเป็นเพียงความฝัน ฉันฝันค่ะทุกคน ฮา ฝันเป็นตุเป็นตะมาก
“อะไร ! ฝันเหรอ” เปียวหันมาถามฉัน เขาเองก็พึ่งจะตื่นเหมือนกัน ตื่นเพราะฉันตะโกนเมื่อครู่นี่แหละ
“อือฝัน ! “ ฉันตอบ ทันใดนั้นเสียงนาฬิกาปลุกก็ดังขึ้นบอกเวลาแปดโมงเช้า ฉันต้องตื่นไปทำงาน ทว่าวันนี้หยุดฉันจึงกะจะนอนต่อ
“ฝันว่าอะไรอ่ะ ร้องซะดังลั่นเลย ฝันว่าได้กลับบ้านเหรอ” เปียวแฟนของฉันถาม
“เปล่า ! ฝันว่าได้ไปม็อบ แล้วโดนเธอจับได้ เธอแมร่งโคตรกวนตีนรู้ปะ ล็อกคอลากชั้นกลับบ้าน แถมยังตะโกนใส่หน้าชั้นอีกว่า กูบอกให้มืงกลับบ้าน ชิ !” กลอกตาค่อนขอดให้แฟนหนุ่ม
“สม ! อยากแอบไปในฝันดีนัก” เปียวพูดกลั้วหัวเราะ “แป้งเราไปม็อบกันมั้ยเย็นนี้” เปียวชวน ฉันแทบลมจับไม่อยากจะเชื่อหูตนเอง ไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน เพราะเปียวเองเป็นคนห้ามไม่ให้ฉันไปยุ่ง ห้ามไปเป็นแนวหน้า เป็นเบื้องหลังและปัจจัยได้ แต่วันนี้กลับเป็นคนชวนเสียเอง
ชื่อเดียวเอี่ยวทุกเรื่อง ‘ขอโทษ’………หัวใจนี้ฉันให้เธอ
.
เรื่องนี้เป็นเพียงจินตนาการของผู้เขียนนะคะ ไม่เคยเกิดขึ้นจริง แม้จะอิงเหตุการณ์จริงก็ตาม ผู้เขียนยืนยันว่าไม่เคยเกิดขึ้น ถ้าเขียนเรื่องนี้แล้วล็อกอินจะปลิวก็เชิญค่ะ ตามสบาย ! ไม่กลัวอยู่แล้ว และใครที่อ่านจบแล้วเห็นต่างจากเรื่องนี้ ไม่อนุญาตให้คอมเมนต์ค่ะ แสดงว่าเรายืนคนละที่ค่ะ…
**********************************************
….หากเธอได้ยินเสียงกลองกระหน่ำ
มันคือเสียงเท้าของมวลชน
กระหึ่มด้วยแรงประสานของเสรีชน
คนใต้ฟ้าเดียวกัน
ดวงดาวยังประกายทอแสง
จรัสแรงยามมืดมนบนฟ้าไกล
ผูกใจเรารวมประสาน
ศรัทธามั่นสู้ถึงวันเราได้ชัย
ปรบมือดั่งเสียงกลอง
และป่าวร้องว่าไม่ยอมให้ผู้ใด
มาทำลายริดรอนสิทธิ์เสรี
ที่เรามีตราบที่เรายังหายใจ
จับมือเดินก้าวไป ‘เราคือเพื่อนกัน’ …
เสียงเพลงขับขานกระตุ้นแรงใจให้ฮึดสู้ ผู้คนหลากหลายภูมิภาคต่างหลั่งไหลเข้ามารวมกันที่นี่ ทุกคนมีเป้าหมายเดียวกัน จุดหมายเดียวกัน ต่างพร้อมใจพลีกายร่วมกันอย่างไม่ได้นัดหมายเลยสักนิด
แนวหน้าสำคัญที่สุด ! เธอต้องไป ! เพราะมันเกี่ยวกับเธอ ชีวิต ความเป็นอยู่ หน้าที่การงาน ร่างกาย และเงินในกระเป๋าของเธอโดยตรง
อย่าพูดเลยว่าคนไหนมาเราก็ยังต้องทำงาน มันแน่นอนอยู่แล้ว เกิดมาใครไม่ทำงานก็อดตายสิคุณ แต่ถ้าเรามีคนที่ฉลาดและเห็นหัวคนอื่นเข้ามา การทำงานของเราก็จะง่ายขึ้น คุณภาพชีวิตก็จะดีขึ้นอีก ไม่ต้องรอเตียง ไม่ต้องเสี่ยงกับวัคซีนอะไรทั้งนั้น ฉันนึกในใจ นึกไปถึงคำพูดผู้ใหญ่บางคนพลางเบะปากให้กับผู้ใหญ่คนนั้น ที่เอาแต่พร่ำเพ้อว่าที่เป็นอยู่มันก็ดีแล้ว
ตอนนี้พวกเรามารวมตัวกัน ไม่รู้ใครชื่ออะไร ไม่รู้ใครมาจากไหน แต่พวกเรารักกัน ช่วยเหลือกัน ดูแลห่วงใยกันและกันแบบไม่ต้องรู้จักกันเลย พวกเราในนี้เข้าใจกันที่สุด บ้างก็มาเป็นกลุ่มเพื่อน ครอบครัว แฟนคู่รัก แม้กระทั่งมาคนเดียวเหมือนกับฉัน แต่ฉันไม่อยากจะพูดเลย ว่าฉันมีเพื่อนแล้วคุณ ฮา ง่ายไหม ! ง่ายไหมล๊า ฮา
พวกเราร่วมกันกู่ก้องร้องเพลง ปรบมือตามจังหวะเพลง แม้กระทั่งกรี๊ดกร๊าด หัวเราะ และเต้นเมื่อมีเพลงมันส์ ๆ อ่อ ฉันลืมบอกพวกคุณค่ะว่า พวกเราน่ะแต่งกายแนวเดียวกันหมดนะ คล้าย ๆ กัน แต่งโทนเทาโทนดำค่ะ พวกเรามีสัญลักษณ์ที่เด่นชัด พวกคุณคงไม่รู้ เป็นสัญลักษณ์หมู่ค่ะ ถ้าหากพวกเราชูสัญลักษณ์นี้จะรู้ได้เลยว่า ‘พวกเราคือเพื่อนกัน’
วันนี้ฉันเดินทางมาในกรุงเทพก็เพื่อสิ่งนี้แหละ ฉันมาหาเพื่อน ๆ ที่คิดเหมือนกัน มีความคิดเดียวกัน ที่ตรงนี้จะมีสองกลุ่มค่ะ คือกลุ่มพวกของฉันเอง และ อีกกลุ่มที่เรียกตัวเองว่าผู้ดูแลรักษา ฉันหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะไม่เจอคนสนิทฉันนะ แต่คงไม่เจอโลกคงไม่กลมขนาดนั้น คนสนิทของฉันอยู่อีกจำพวกหนึ่งค่ะ ไม่ได้มายุ่งเกี่ยวหรือเกี่ยวข้องกับตรงนี้ ฉันก็สบายใจค่ะ ฉันอยากวาร์ปกลับไปขอบคุณตนเองมากที่สมัยนั้นไม่ให้คนสนิทลง ตชด. ไม่อย่างนั้นได้มาอยู่ที่นี่แหง ๆ วันนี้ฉันก็มาร่วมกิจกรรมที่นี่ได้อย่างสบายใจ
เอ๊ะ ! จุ๊ ๆ อย่าพูดเสียงดังไปค่ะ ถึงคนสนิทของฉันจะไม่ได้อยู่ที่นี่ แต่เขาห้ามฉันไม่ให้มานะคะ ฉันแอบมา ! เพราะฉะนั้นพวกคุณทราบแล้วว่าฉันอยู่ที่นี่ก็ห้ามเสียงดังไปค่ะ โอเคมั้ย ! สัญญาแล้วนะทุกคน และใครที่เห็นคนสนิทของฉันอยู่ที่นี่ ช่วยกระซิบบอกด้วยล่ะ ฉันจะได้แอบกลับทัน อิอิ เป็นไงฉันฉลาดมั้ยคะ แฮ่
อืมม์ นี่ทุกคน ถึงเราจะอยู่คนละสถานะกัน หน้าที่ต่างกัน เอ่อ… หมายถึงฉันกับคนสนิทของฉันค่ะ แต่เราก็มีหัวใจเดียวกันนะคะ เขาไม่เคยห้ามฉันเลยเวลาที่ฉันแสดงออก เขาไม่เคยห้ามเลยที่ฉันเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง เป็นผู้สนับสนุนปัจจัยทุนตลอดมา เพราะเรามีหัวใจเดียวกัน ขอเพียงแค่ฉันอย่ามาเป็นแนวหน้าก็พอ เขาบอกเป็นห่วงฉันค่ะ เป็นห่วงมากเกินกว่าจะให้มาอยู่ที่นี่ แต่ ! แฮ่ ! อิอิ ฮา วันนี้ฉันขอเป็นแนวหน้าบ้าง อยู่เบื้องหลังมานานละ
ฉันโชคดีมาก ๆ เลยนะคะ ที่ครอบครัวของฉัน รวมทั้งครอบครัวของคนสนิทฉันด้วยก็มีหัวใจเดียวกัน พวกเราเป็นครอบครัวที่มีหัวใจเดียวกันค่ะ เพียงแค่สถานะมันต่างกัน จึงแสดงออกได้ไม่เท่ากัน
สำหรับฉันนั้นสามารถแสดงออกได้เต็มที่ และ ฉันสัญญาว่าจะไม่ทำให้พวกท่านเดือดร้อนเพราะฉันค่ะ แม้กระทั่งคนสนิทของฉันเอง ฉันสัญญากับเขาว่าเขาจะไม่เดือดร้อนเพราะฉันแน่นอนค่ะทุกคน ไม่ต้องเป็นห่วง
ขณะนี้แกนนำพูดประกาศก้าวบนเวที พวกเราก็ชูสัญลักษณ์ไม่ขาด โห่ร้องกู่ก้องด้วยใจแห่งความหวัง พวกเราแม้จะโดนน้ำ สี แก๊สน้ำตา หรือกระทั่งกระสุนยางพวกเราก็ไม่หวั่นค่ะ พวกเราสู้แค่ตาย ถ้าหลังจากนี้มันจะเปลี่ยนแปลงอะไร ๆ ให้ดีขึ้น พวกเราก็ยอม
ผู้คนรอบ ๆ กายฉันต่างกู่ร้องด้วยหัวใจที่มีพลังเต็มเปี่ยม ยกมือชูสัญลักษณ์ขึ้นสุดแขน รวมทั้งฉันด้วย เหมือนสถานการณ์มันจะเป็นไปด้วยดี ทันใดนั้นก็เกิดการชุลมุนกันเกิดขึ้น ทุกคนฉันยืนอยู่ท่ามกลางความหวาดกลัวนั้น แต่ฉันไม่เป็นอะไรเลย
เกิดจลาจลกันขึ้นระหว่างทั้งสองฝ่าย ฝ่ายตรงข้ามฉีดน้ำแรงดันสูงเข้ามา แก๊สน้ำตาถาโถมเข้ามาไม่ยั้ง แม้กระทั่งกระสุนยางที่ฝ่ายตรงข้ามยิงกราดเข้ามาไม่ขาดสาย ทว่ามันไม่สามารถทำอะไรฉันได้สักอย่าง แต่ผู้คนรอบ ๆ ข้างฉันต่างหลบหนีตายกันจ้าละหวั่น ฉันยืนเคว้งคว้างท่ามกลางความวุ่นวายของผู้คน ฝ่ายของฉันไม่มีอาวุธตอบโต้เลยสักอย่าง มีเพียงขวดน้ำเปล่าที่พกมาดื่มด้วย นั่นแหละค่ะ คือ อาวุธชั้นดีของพวกเรา
ฉันกับเพื่อน ๆ ต่างเขวี้ยงขวดน้ำไปที่ฝ่ายตรงข้าม บ้างมีน้ำอยู่ในขวด บ้างก็ไม่มี ไม่รู้พวกเราไปหาขวดน้ำมาจากไหนกันนะ เพราะแค่นึกมันก็มีอยู่ในมือแล้ว ต่างระดมเขวี้ยงไปยังฝ่ายตรงข้ามนั้น ทั้งสองฝ่ายปะทะกันดุเดือดมาก
ฉันประเมินสถานการณ์แล้ว พวกเราท่าจะไม่ไหว ท่าจะเสียเปรียบ เจอทั้งแก๊สน้ำตา กระสุนยาง และ น้ำแรงดันสูงขนาดนี้ อย่างไรก็สู้ไม่ไหวแน่ มันต้องมีเกราะกำบัง อะไรล่ะที่เป็นเกราะกำบังได้ รถ ! ใช่รถดั๊ม ! ต้องเอารถดั๊มมาดั๊มเป็นเกราะให้พวกเรา พอฉันคิดได้แว่บเดียว ไม่รู้ขบวนรถดั๊มมาจากไหนขับเข้ามาจอดที่นี่หลายสิบคัน
‘ทีมงานรถดั๊มซ้อออดิโอ้’ มีผู้หญิงคนหนึ่งแต่งกายด้วยชุดดำเหมือนอย่างพวกเรา ชูป้ายไฟเขียนว่า ทีมงานรถดั๊มซ้อออดิโอ้ พวกเราเฮกันใหญ่ จะได้มีเกราะป้องกันแก๊สน้ำตาและน้ำแรงดันสูงแล้ว
ขบวนรถดั๊มค่อย ๆ เคลื่อนมาจอดทำแนวกำแพง จอดเรียงแถวหน้ากระดาน จากนั้นก็ดั๊มยกกระบะขึ้น ป้องกันน้ำและแก๊สน้ำตาได้เป็นอย่างดี ทว่าสถานการณ์ยังคงวุ่นวาย ต่างฝ่ายต่างพยายามวิ่งเข้าหากัน แต่ฉันไม่เป็นอะไรเลยค่ะทุกคน
มีผู้หญิงคนหนึ่งโดนกระสุนยางหัวแตก ! ยิงไม่เข้าแต่สามารถทำให้บาดเจ็บได้ ! เป็นแผลถลอก เป็นลอยแดงและมีเลือดซึม ถ้าเป็นกระสุนจริงฉันไม่อยากจะคิดเลยค่ะ ฉันเหลือบไปเห็นคนยิงแล้ว ฉันโมโหมาก !
“ทนไม่ไหวแล้วโว้ย !” ในมือของฉันมีขวดน้ำเปล่าถืออยู่ มีน้ำครึ่งขวด ถ้าฉันปาไปโดนไอ้นั่น ไอ้ฝ่ายตรงข้ามมันก็คงจะเจ็บไม่น้อยเหมือนกัน ฉันกำลังจะกู่เข้าไปทันใดนั้นก็มีลำแขนหนาแข็งแรงกอดคอรั้งฉันเอาไว้
ฉันไม่รู้เลยว่าคนนั้นเป็นใคร มันพยายามล็อกคอฉัน ฉุดกระฉากลากถูฉันออกไปจากตรงนี้ ฉันเองก็พยายามดิ้นสู้ พยายามแกะท่อนแขนแข็งแรงนั้นออกให้ได้ เพราะฉันจะไปจัดการไอ้คนที่มันยิงเพื่อนอุดมการณ์เดี๋ยวกันกับฉันจนบาดเจ็บ
“ปล่อย ! ปล่อยกู ! กูจะไปปาหัวมัน” ฉันพยายามฮึดสู้ พยามแกะท่อนแขนนี้ออก เพื่อน ๆ ที่มาที่นี่ต่างมองและหัวเราะเยาะฉัน ทำไมไม่ช่วยฉันเลย ปากก็พยายามตะโกนบอกให้ปล่อยตลอดเวลา
“กลับบ้าน !” เสียงชายคนนั้นพูด แขนก็ล็อกคอฉันลากถูฉันไปตามทางเดิน มันจะพาฉันออกไปจากตรงนี้ให้ได้ค่ะทุกคน ช่วยฉันด้วยค่ะ ใครก็ได้ช่วยฉันด้วย
“ปล่อยกู ปล่อยกูสิโว้ย กูจะไปปาหัวมัน !”
“กูบอกให้มืงกลับบ้าน ! “ ชายคนนั้นตะโกนสุดเสียง พร้อมเหวี่ยงฉันทุ่มลงกับพื้น ทันใดนั่นเองที่ฉันได้เห็นหน้าคนที่ล็อกคอฉัน ฉันตกใจมาก เป็นคนสนิทของฉันเองค่ะ มาได้อย่างไรกัน “กูบอกให้มืงกลับบ้านเดี๋ยวนี้ “ เขาออกคำสั่ง พร้อมฉุดฉันให้ยืนขึ้น ลากฉันออกไปจากตรงนี้เพื่อกลับบ้าน มันก็ยังล็อกคอฉันลากออกไปเช่นเดิม ไม่ยอมให้ฉันเดินดี ๆ เลยค่ะ พอฉันรู้ว่าเป็นใครก็ยอมให้เขาลากถูไปแต่โดยดี จำยอม ไม่ขัดขืน และยอมจำนนยอมรับผิดแต่โดยดี
ฉันอายเพื่อน ๆ ที่มาในวันนี้มาก แต่ละคนต่างหัวเราะกับภาพที่เห็น ต่างหัวเราะให้ฉันที่โดนคนสนิทลากตัวออกไปจากพื้นที่ ฉันยิ้มและโบกมืออำลาทุกคน ‘ขอโทษ’ นะแนวหน้าทุกคน วันนี้ฉันเกมแล้ว วันหน้าเจอกันใหม่ สัญญาว่าจะแอบมาให้เนียนที่สุด ฉันรักพวกคุณนะ หัวใจดวงนี้ฉันมอบให้พวกคุณ พวกคุณเก่งมาก กล้ามากเลย
ขณะนั้นเหตุการณ์ก็ยังวุ่นวายอยู่ ทั้งสองฝ่ายต่างปะทะกันดุเดือด แต่ทุกคนก็ยังหันมาหัวเราะให้กับการถูกลากคอออกไปของฉัน
“ขณะนี้มีชายฉกรรจ์ไม่ทราบชื่อได้เข้าไปจับตัวและลากผู้ที่มาม็อบในวันนี้ออกไปค่ะ ไม่แน่ใจว่าเป็นเจ้าหน้าที่ส่วนไหน พวกเราจะติดตามรายงานความปลอดภัยของผู้ที่มาวันนี้ให้ถึงที่สุดค่ะ” มีผู้สื่อข่าวรายงานเมื่อเห็นฉันโดนลากออกไป
ฉันโบกมือบอกว่าไม่ใช่ ๆ แก่นักข่าว “ผัวหนูเองค่ะ ไม่ใช่เจ้าหน้าที่หน่วยไหนค่ะ ผัวหนูเอง” ฉันตะโกนร้องบอกกับนักข่าว ทว่าไม่มีใครฟังฉันเลยสักคน
“เราได้รับรายงานว่า ผู้ที่มาม็อบไม่ทราบชื่อว่านางสาวอะไร โดนจับตัวลากออกไปจากม็อบค่ะ คาดว่าน่าจะเป็นเจ้าหน้าที่หน่วยอะไรสักอย่าง มาจับตัวออกไป “ สำนักข่าวแต่ละสำนักต่างรายงานเหตุการณ์เกี่ยวกับฉันกันหมด ฉันเองก็ได้แต่โบกมือว่าไม่ใช่ ๆ ไม่ใช่โจร ไม่ใช่ผู้ก่อการร้าย ไม่ใช่เจ้าหน้าที่อะไรทั้งนั้น
“ทุกคนผัวหนูเองค่ะ ผัว… หนู….เอง!!!!” ฉันแหกปากบอกกับสำนักข่าวทุกสำนัก ก็ไม่มีใครฟังสักคน ในขณะที่ฉันก็โดนลากออกไป เมื่อไหร่จะถึงรถสักที
“กูบอกให้มืงกลับบ้าน !” ทันใดนั้นคนสนิทของฉันก็แหกปากขึ้นอีก ภาพหมุนวนเป็นวงกลมกลับตาละปัดไปหมด
“กลับบ้าน !” ฉันร้องอุทานออกมาพร้อมสะดุ้งตื่น เห็นฝ้าเพดานสีที่คุ้นตา หันมองไปรอบ ๆ นี่ห้องของฉันเอง ฉันไม่ได้ไปม็อบ ฉันแค่ฝันไป ทุกคนเรื่องราวที่ฉันเล่ามาฉันแค่ฝันไปค่ะ มันเป็นเพียงความฝัน ฉันฝันค่ะทุกคน ฮา ฝันเป็นตุเป็นตะมาก
“อะไร ! ฝันเหรอ” เปียวหันมาถามฉัน เขาเองก็พึ่งจะตื่นเหมือนกัน ตื่นเพราะฉันตะโกนเมื่อครู่นี่แหละ
“อือฝัน ! “ ฉันตอบ ทันใดนั้นเสียงนาฬิกาปลุกก็ดังขึ้นบอกเวลาแปดโมงเช้า ฉันต้องตื่นไปทำงาน ทว่าวันนี้หยุดฉันจึงกะจะนอนต่อ
“ฝันว่าอะไรอ่ะ ร้องซะดังลั่นเลย ฝันว่าได้กลับบ้านเหรอ” เปียวแฟนของฉันถาม
“เปล่า ! ฝันว่าได้ไปม็อบ แล้วโดนเธอจับได้ เธอแมร่งโคตรกวนตีนรู้ปะ ล็อกคอลากชั้นกลับบ้าน แถมยังตะโกนใส่หน้าชั้นอีกว่า กูบอกให้มืงกลับบ้าน ชิ !” กลอกตาค่อนขอดให้แฟนหนุ่ม
“สม ! อยากแอบไปในฝันดีนัก” เปียวพูดกลั้วหัวเราะ “แป้งเราไปม็อบกันมั้ยเย็นนี้” เปียวชวน ฉันแทบลมจับไม่อยากจะเชื่อหูตนเอง ไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน เพราะเปียวเองเป็นคนห้ามไม่ให้ฉันไปยุ่ง ห้ามไปเป็นแนวหน้า เป็นเบื้องหลังและปัจจัยได้ แต่วันนี้กลับเป็นคนชวนเสียเอง