ภาพของสมณะจากสันติอโศกโดนแก๊สน้ำตาในวันชุมนุมของม็อบแช่แข็งยังติดตา ตั้งแต่วันนั้นมา ท่านโพธิรักษ์คงเข็ดเขี้ยว เพราะไม่ค่อยมีข่าวคราวอะไรให้หวือหวา หรือคงเลิกกู้ชาติไปแล้วก็เป็นได้
พลตรีจำลองก็เช่นกัน ห่างหายไปจากสื่อต่างๆ ไ่ม่แน่ใจว่าท้อแท้ในความรัก(ชาติ) หรือเริ่มเข้าใจในสัจธรรมความจริง ความจริงของหลักแห่งไตรลักษณ์ คืออนิจจัง (ไม่เที่ยง) ทุกขัง (เป็นทุกข์) และอนัตตา (ไม่ใช่ตัวตน ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา) หรือคงสำนึกได้ว่าโดนหลอกใช้เอา เสียคนตอนแก่ จนแยกแยะไม่ออกเลยว่า อะไรคือประชาธิปไตย อะไรคืออำนาจของประชาชน อะไรคืออำนาจแฝงอำนาจประชาชน
เมื่้อหันมามองม็อบหน้ากากแล้วก็ได้แต่สมเพชในความคิด ความคิดของพวกย้อนยุค ย้อนศรไปสู่ยุคถ้ำ ยุคหิน ยุคชนเผ่า ซึ่งไม่ต่างอะไรกับพวกแช่แข็ง รู้ทั้งรู้ว่าเป็นไปไม่ได้ที่พวกหน้ากากที่ไร้อุดมการณ์ทางประชาธิปไตย และขาดความจริงใจกับประชาชน จะล้มรัฐบาลนี้ได้ นอกจากรอโอกาสที่จะใช้อำนาจนอกระบบมาเท่านั้น ซึ่งเป็นได้แค่ฝันกลางเเดด
เป็นม็อบประหลาดที่สุดเท่าที่เคยเห็นมา ใส่หน้ากากแล้วเดินๆๆๆ แล้วก็กลับบ้าน น่าขำนัก หาสาระ หาคำอธิบายสังคมให้เข้าใจไม่ได้ แม้พวกเดียวกันเอง ยังไม่เข้าใจในบทบาทท่าที
ครั้นจะหันมาใช้บริการสันติอโศก คงได้รับการปฏิเสธ เพราะจะให้นักบวชใส่หน้ากาก คงเป็นภาพที่ประหลาดพิลึก
บอกตรงๆ ว่าไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นอะไรกับม็อบหน้ากากๆ เหล่านี้เลย คิดเสมอว่า " เเค่เม็ดกรวดเม็ดทรายในรองเท้า ที่น่ารำคาญ ก็แค่นั้น"
เมื่อม็อบขาดพลตรีจำลอง เมื่อไม่มีโพธิรักษ์ เมื่อไร้เงาสันติอโศก อยู่ได้เกิน 3 ชั่วโมงก็เก่งแล้ว
พลตรีจำลองก็เช่นกัน ห่างหายไปจากสื่อต่างๆ ไ่ม่แน่ใจว่าท้อแท้ในความรัก(ชาติ) หรือเริ่มเข้าใจในสัจธรรมความจริง ความจริงของหลักแห่งไตรลักษณ์ คืออนิจจัง (ไม่เที่ยง) ทุกขัง (เป็นทุกข์) และอนัตตา (ไม่ใช่ตัวตน ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา) หรือคงสำนึกได้ว่าโดนหลอกใช้เอา เสียคนตอนแก่ จนแยกแยะไม่ออกเลยว่า อะไรคือประชาธิปไตย อะไรคืออำนาจของประชาชน อะไรคืออำนาจแฝงอำนาจประชาชน
เมื่้อหันมามองม็อบหน้ากากแล้วก็ได้แต่สมเพชในความคิด ความคิดของพวกย้อนยุค ย้อนศรไปสู่ยุคถ้ำ ยุคหิน ยุคชนเผ่า ซึ่งไม่ต่างอะไรกับพวกแช่แข็ง รู้ทั้งรู้ว่าเป็นไปไม่ได้ที่พวกหน้ากากที่ไร้อุดมการณ์ทางประชาธิปไตย และขาดความจริงใจกับประชาชน จะล้มรัฐบาลนี้ได้ นอกจากรอโอกาสที่จะใช้อำนาจนอกระบบมาเท่านั้น ซึ่งเป็นได้แค่ฝันกลางเเดด
เป็นม็อบประหลาดที่สุดเท่าที่เคยเห็นมา ใส่หน้ากากแล้วเดินๆๆๆ แล้วก็กลับบ้าน น่าขำนัก หาสาระ หาคำอธิบายสังคมให้เข้าใจไม่ได้ แม้พวกเดียวกันเอง ยังไม่เข้าใจในบทบาทท่าที
ครั้นจะหันมาใช้บริการสันติอโศก คงได้รับการปฏิเสธ เพราะจะให้นักบวชใส่หน้ากาก คงเป็นภาพที่ประหลาดพิลึก
บอกตรงๆ ว่าไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นอะไรกับม็อบหน้ากากๆ เหล่านี้เลย คิดเสมอว่า " เเค่เม็ดกรวดเม็ดทรายในรองเท้า ที่น่ารำคาญ ก็แค่นั้น"