ตอบในฐานะเยาวชนที่แก่ประมาณนึงแล้วแต่ยังอยู่ในช่วงอายุเด็กๆและมีผู้ปกครองเป็นบุคลกรทางการแพทย์
1.) คิดว่าการไปชุมนุมท่ามกลางสถานการณ์แบบนี้เสี่ยงต่อการเกิดเป็นคลัสเตอร์มั้ย
เป็น รู้กันอยู่ว่าเป็น ไม่ต้องให้ใครตอบแต่ตาสีมาตอบก็เห็นอยู่ว่าเป็น คนเดินในตลาดยังติดกันได้ นับภาษาอะไรกับการชุมนุมที่มีคนจำนวนมาก มีน้ำ และมีการแหกปาก
2.) คิดว่าจะเป็นงานหนักกับตัวเองในอนาคตรึเปล่า
ยังไงถ้ามีคลัสเตอร์ผู้ปกครองเราก็จะลำบากมากขึ้นเพราะคนป่วยมากขึ้น ล่าสุดผปคไม่สามารถกลับบ้านมาได้ประมาณสองอาทิตย์แล้วเพราะสถานการณ์โควิดที่รุนแรง และก็อย่างที่รู้ว่าวัคซีนที่ผปคเราได้ทั้งสองเข็มคือซิโนแวค จะว่าด้อยค่าวัคซีนก็ว่าเถอะแต่ก็รู้ว่ามันไม่ได้ช่วยปกป้องอะไรพวกเขาได้เลย แต่พวกเขาต้องอยู่ในความเสี่ยงทุกวัน

3.) เป็นการย้อนแย้งการรณรงค์การควบคุมการแพร่ระบาดรึเปล่า (ของอุดมการณ์ผู้ชุมนุมเอง) เนื่องจากการรวมตัวเป็นกลุ่มใหญ่คือเสี่ยงมาก (แต่เราถามเพื่อนมาเพื่อนบอกว่าในกลุ่มชุมนุมมีการรณรงค์ให้คนที่มาต้องฉีดวัคซีนและผ่านการ Swab มา แต่เราคิดว่า ณ ตอนนั้นน่าจะยากที่จะตรวจสอบว่าใครทำมาแล้วบ้าง)
ย้อนแย้งมาก
ส่วนตัวไม่ได้เห็นด้วยกับรัฐบาล แต่ก็ไม่ได้เห็นด้วยกับผู้ชุมนุม ถามว่ามันใช่เวลามั้ยกับการที่ออกมาโวยวายในตอนที่จำนวนผู้ป่วยเยอะมากขนาดนี้ ถ้าไอ้ลำพังไปแพร่เชื้อในหมู่กันเองแล้วไม่ต้องถ่อไปรักษาที่โรงพยาบาลให้มันลำบากคนอื่นล่ะก็นะ เต็มที่เลยเถอะ อยากจะม็อบกันอีกสักแสนรอบก็ทำกันต่อไปเพราะเข้าใจในอุดมการณ์ แต่ไอ้ถ้าป่วยแล้วยังต้องไปโรงพยาบาลแบ่งทรัพยากรทางการแพทย์กับคนที่เขาป่วยและเดือดร้อนจริงๆล่ะก็นะ ถามว่าถูกต้องและสมกับที่ตัวเองตั้งใจเอาไว้มั้ยว่าจะช่วยเหลือประเทศอะ

เราไม่ได้ชอบรัฐาลและตอนเลือกตั้งก็ไม่ได้เลือกลุง การบริหารที่ไม่ถูกต้องก็ยิ่งย้ำชัดว่าเราไม่ได้คิดผิด พอถึงเลือกตั้งคราวหน้าเราก็แค่จะไม่เลือกลุงแค่นั้น ไม่ชอบม็อบในทุกม็อบและทุกรัฐบาล พวกงอแงไม่รับฟังเสียงส่วนมาก ถ้าทุกคนเห็นพ้องต้องกันว่ารัฐบาลนี้ไม่โอเคคราวหน้าทุกคนก็จะไม่เลือกพวกเขาแค่นั้น แต่ถ้าใครไม่พอใจผลการเลือกตั้งแล้วก็ม้อบตลอดเวลาแบบนี้ประเทศก็คงถึงจุดจบในไม่ช้าเพราะปัญหาไม่ได้เกิดแค่เพราะใครเป็นรัฐบาลแต่ปัญหาคือทุกคนไม่ยอมรับฟังเสียงส่วนใหญ่ต่างหาก