แสงระวี….บทที่ 18 (รีไรท์)

กระทู้สนทนา

.


                 วันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว อย่างที่เคยได้ยินความสุขมักผ่านไปเร็วเสมอ ถ้าเป็นความทุกข์แค่นาทีเดียวมันช่างนานแสนนาน ต้นรักของแสงระวีกับหนึ่งเบ่งบานผลิดอกออกผลทุกวัน ทั้งต้นรักของเจนกับพี่มอส ปุ้มกับเก้า รวมทั้งเจลกับแฮ็กเกอร์อีกคู่ด้วย ความรักของทุกคนแม้จะอยู่ในวัยเรียนก็ไม่เคยมีอะไรต้องเสียหาย

                   เข้าปีที่สามของการคบหากันระหว่างแสงระวีและหนึ่ง ทุกคนเรียนชั้น ม.5 กันแล้ว ปีนี้แสงระวีตัดสินใจไปบ้านหนึ่ง ตัดสินใจไปทำความรู้จักกับพ่อแม่ของหนึ่งอย่างไม่เป็นทางการก่อน โดยการไปเป็นกลุ่มเพื่อน ส่วนการไปส่วนตัวกับหนึ่งค่อยว่ากันอีกที

                   ครั้งแรกของเธอที่จะไปบ้านหนึ่ง เธอครุ่นคิดตลอดทั้งวันจะทำตัวอย่างไร วางตัวอย่างไร พยายามไม่คิดมากและทำใจให้สบาย ๆ ที่สุด แต่มันก็อดที่จะคิดไม่ได้แม้ไปเป็นกลุ่มเพื่อนก็ตาม

                   หนึ่งอยากให้ไปทำความรู้จักกับที่บ้านของตนบ้าง เหตุผลมากมายที่ยกมาอ้าง ล้วนแต่สมเหตุสมผลทั้งนั้น หนึ่งขอร้องให้เธอไปพบพ่อกับแม่ของตนเองสักครั้งก็ยังดี ระยะเวลาสามปีที่คบกันมันไม่ได้น้อยเลยหากจะมาทำความรู้จักกับคนในครอบครัว

                 แสงระวีตัดสินใจแน่วแน่ที่จะไป แต่จะเป็นการไปกันเป็นกลุ่มเพื่อน และ สำหรับวันนี้เหมาะสมที่สุดแล้ว เนื่องจากเป็นวันสอบ เลิกก่อนเวลายังพอมีเวลาเหลือเฟือที่จะไปบ้านของหนึ่ง

                  หลังสอบวิชาสุดท้ายทุกคนมารวมตัวกันที่หน้าระเบียงห้อง เหลือแสงระวีคนเดียวที่ยังทำข้อสอบไม่เสร็จ หนึ่งนั่งรอย่างสบายใจ รวมทั้งเจนด้วย แสงระวีมองผ่านช่องประตูออกมาเห็นทั้งสองคนนั่งรออยู่จึงรีบทำข้อสอบเพื่อให้เสร็จโดยเร็ว

                 แสงระวีก้มหน้าก้มตาทำข้อสอบวิชาชีวะ ส่งข้อสอบและออกจากห้องสอบเป็นคนรองสุดท้าย ตามด้วยเพื่อนผู้ชายที่เก่งที่สุดของห้อง เป็นคนส่งข้อสอบครูเป็นคนสุดท้าย วันนี้สิ้นสุดการสอบกลางภาค และเป็นวันศุกร์สุดสัปดาห์ด้วย หยุดเสาร์อาทิตย์พักผ่อนให้เต็มที่ และ กลับมาเรียนอีกครั้งในวันจันทร์

                    ทำไมวันนี้ไม่เป็นวันสอบปลายภาควันสุดท้ายนะขี้เกียจมาเรียนชะมัด แสงระวีคิดในใจระหว่างยืนแม็กข้อสอบเข้าด้วยกัน พร้อมวางส่งให้ครูผู้คุมสอบ

                    “มืงสอบเอาโล่หรือไงเนี่ย” เจนบ่นเธอ ทำอย่างไรได้ล่ะ ก็คนมันทำข้อสอบได้หนิ ครูออกตรงกับที่อ่านมาพอดี ทำข้อสอบก็ได้ต้องอธิบายเขียนจัดเต็มไปเลย อย่างน้อย ๆ คงได้คะแนนความแถหรือความขยันบ้างล่ะ เธอมั่นใจในคำตอบแต่จะตรงกับคำตอบในใจของครูไหมต้องคอยลุ้นกันวันมาเรียน ปรายตามองพี่สาวที่บ่นตนเองเมื่อเดินออกมาจากห้อง ไม่ตอบโต้ใด ๆ ทั้งสิ้น

                  “เอ้าเจนกูไม่เดาเหมือนมืงหนิ กูอ่านมาก็ต้องเขียนให้หมด” แสงระวีตอบเจน พลางยิ้มมั่นใจในคำตอบของตนเองที่สุด วิชานี้ต้องได้ท็อปแน่นอน ยกเว้นเคนโด้คนที่เรียนเก่งที่สุด คนที่ออกจากห้องสอบคนสุดท้ายตามหลังมานั่นแหละ ต้องมาวัดกันกับคนนี้

                    “จ้าแม่สาวท็อปฟอร์มของห้อง เวลากูถามนะบอกไม่ได้ ๆ ทุกที เวลาคะแนนสอบออกมาเกือบท็อปตลอด” เจนบ่นอีกรอบที่รอเธอนาน

                    “เจนไม่ท็อปได้ไง นี่ใคร ! นี่ลูกศิษย์ใคร นี่แสงระวีลูกศิษย์ครูหนึ่งนะ” ปุ้มได้โอกาสล้อเธอ ปุ้มมาตั้งแต่ตอนไหนไม่ทันรู้ตัวเลย ทำเอาเขินทำตัวไม่ถูก ได้เพียงยิ้มให้เพื่อน ไม่ได้เป็นลูกศิษย์หนึ่งสักหน่อย และไม่ได้ติวทุกวิชาด้วย มีคำนวณบางวิชาเท่านั้นแหละที่ให้หนึ่งช่วยติว

                   “ปะ ๆ ไปกันได้แล้ว หนึ่งทำข้อสอบได้มั้ย” แสงระวีหันไปถามแฟนหนุ่ม ที่ยืนฟังพวกเธอคุยกันโดยไม่ออกความคิดเห็นใด ๆ

                   “ได้ทำมากกว่า ไม่รู้จะผ่านมั้ย” หนึ่งตอบหน้าตาเฉย ไม่เครียดทว่าทำไมดูนิ่งแปลก ๆ พูดออกมาประมาณว่าทำข้อสอบไม่ได้ แสงระวีก็ไม่เซ้าซี้ให้รำคาญ

                   เมื่อเพื่อน ๆ มาครบกันแล้วพวกเธอก็เดินออกไปจากอาคารเรียน เดินไปที่โรงรถเพื่อกลับบ้าน วันนี้พวกเธอจะไปฉลองสอบเสร็จที่บ้านของหนึ่ง

                  “วีมานั่งกับหนึ่งดิ จะไปซ้อนสามกับไอ้แฝดทำไมเนี่ย” ในโรงรถของโรงเรียน เจลกับเจนนั่งรถไปด้วยกัน ปุ้มซ้อนไปกับเก้า เธอต้องการที่จะซ้อนสามไปกับพี่สาว ไม่อยากซ้อนไปกับหนึ่ง ถ้าไปที่อื่นอาจจะยอมนั่งด้วย แต่นี่ไปบ้านหนึ่งมันเป็นความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูก มันคล้าย ๆ กับไม่กล้านั่นแหละ

                 “จะดีเหรอ แม่หนึ่งไม่ว่าเอาเหรอ” ถามเพราะลังเลมาก

                “ป่านนี้แล้วท่านไม่ว่าหรอกวี พ่อแม่หนึ่งรู้แล้วว่ามืงคบกันน่ะ” เจลพูดตัดบท อาจจะรำคาญที่เธอเรื่องมาก เธอมองหน้าพี่สาวที่พูดแบบนั้นเหมือนไม่เข้าใจเธอเลย “น่าวีงั้นก็มาซ้อนสามนี่แหละถ้างั้น หนึ่งขับไปคนเดียวก็แล้วกัน” เจลรีบพูดเพราะเจอสายตาของเธอ ไม่ได้จะต่อว่าแต่มองแบบไม่เข้าใจทำไมพูดแบบนั้น

                    “วีมาซ้อนกับหนึ่งแม่ไม่ว่าหรอก ไม่ต้องคิดมาก จะคิดมากทำไมเนี่ย ” หนึ่งพูดพร้อมปัดเบาะรถมอเตอไซค์ให้แสงระวีนั่ง ทำติดตลกทุกคนหัวเราะในท่าทางกุลีกุจอของหนึ่งที่อยากให้แฟนสาวซ้อนท้ายนั่งรถไปด้วย

                    “ก็ได้” พร้อมถอนหายใจ ไม่กล้าก็ไม่กล้า ทว่าก็แคร์หนึ่งเหลือเกิน

                     ทั้งหกคนขับรถมุ่งหน้าไปยังบ้านของหนึ่ง “วีให้หนึ่งไปส่งบ้านมั้ย ถ้าเกิดไม่ทันรถรับส่งอ่ะ นี่ก็จะสี่โมงเย็นแล้ว ถ้าจะกลับรถรับส่งคงอยู่เล่นได้ไม่นาน แม่ทำกับข้าวรอตั้งเยอะแหนะ” หนึ่งคุยผ่านกระแสลมกับแสงระวี ขณะขับรถไปบ้าน

                    “เฮ้ย ! แม่ทำกับข้าวรอเลยเหรอ พ่ออยู่มั้ย พี่นิวด้วย” แสงระวีถามด้วยท่าทางตกใจเมื่อได้ยินเขาพูดเช่นนั้น หัวใจเต้นแรง ทำไมมันไม่มีความรู้สึกตื่นเต้นเลย มีแต่ความกลัว ความคิดมาก หัวใจเต้นเร็วด้วยความกลัวต่างหาก ปราศจากความดีใจหรืออะไรเลย

                     “ใจเย็น ๆ ดิ ! โถ่… แม่ใจดีออก เชื่อหนึ่งนะ” พูดจบหนึ่งรีบบิดรถให้ไปถึงบ้านโดยเร็ว มาถึงเห็นรถยนต์จอดในบ้านสองคัน ตายแล้วอยู่กันทั้งพ่อแม่เลยเหรอเธออุทานในใจ ไม่นานรถมอเตอร์ไซค์ของเจนและเก้าก็วิ่งเข้ามาจอดในบ้านของหนึ่งด้วย ตามหลังพวกเธอมาติด ๆ

                    “แม่ ! อยู่ไหนเนี่ย” หนึ่งตะโกนเรียกผู้เป็นแม่พร้อมเดินเข้าไปในบ้าน เฮ้ย ! หนึ่งจะเรียกแม่ทำไมเธอยังไม่พร้อม ขมวดคิ้วต่อว่าหนึ่งในใจ ตนเองยังยืนอยู่ที่รถ ไม่ยอมเดินตามหนึ่งเข้าไป ไม่ส่งสัญญาณให้เธอทำใจก่อนเลย ทั้งที่วันนี้มีเวลาทำใจทั้งวัน เธอก็ยังทำใจไม่ได้จนถึงนาทีสุดท้ายที่เข้ามายืนในบ้านของหนึ่ง

                    เก้ามาถึงทำตัวปกติอย่างกับบ้านของตนเอง เดินตามหนึ่งเข้าไปในบ้าน พวกเธอสามคนพี่น้องและปุ้มรออยู่ด้านนอก ไม่นานแม่ของหนึ่งก็เดินออกมาหน้าบ้านต้อนรับพวกเธอ ยิ้มให้พวกเธออย่างคนกันเอง

                 แสงระวีอยู่ไม่เป็นสุขนัก ตื่นเต้น ไม่เป็นตัวของตัวเอง มันยิ่งกว่าคราวที่พ่อกับแม่รู้ว่ามีแฟนครั้งแรกเสียอีก แสงระวีหายใจไม่เต็มปอด หายใจฝืด ๆ อย่างไรไม่รู้ พวกเธอยกมือไหว้ทำความเคารพแม่ของหนึ่งตามมารยาท

                 แม่ยิ้มให้ ดูเหมือนจะใจดีอย่างที่หนึ่งพูดเอาไว้ เก้าอีกคนที่เป็นคนการันตีให้เธอ ดูเหมือนแม่จะชอบมองและยิ้มให้เธอมากกว่าใคร ทำให้ยิ่งทำตัวไม่ถูกเข้าไปอีก มันสั่นไปทั้งตัวหมดแล้ว

                 เธอสังเกตรถยนต์ที่จอดในโรงรถสองคัน  ฟอร์จูนเนอร์คันที่คุ้นตา คันของพ่อที่หนึ่งเคยขับไปรับที่บ้าน พ่อของหนึ่งต้องอยู่ด้วยแน่นอนตอนนี้คงอยู่ในบ้าน ทำไมหนึ่งพาเธอมาเชือดขนาดนี้ แทนที่จะพามาเจอทีละคนก็ได้ นี่อะไรเล่นอยู่กันครบทั้งพ่อและแม่กันเลย

                  “ไหว้พระเถอะลูก แม่ทำกับข้าวไว้รอเยอะแยะเลย หนึ่งบอกว่าคนพิเศษจะมาบ้าน เอ้ย ! เพื่อน ๆ จะมาบ้านแม่ก็เลยทำกับข้าวไว้รอน่ะ” ในระหว่างที่แม่พูดก็ชายตามามองเธอด้วย พร้อมส่งยิ้มให้

                   คำพูดประโยคแรกเกือบทำเอาแสงระสีเป็นลมล้มพับลงตรงนั้น คนพิเศษอะไร พูดไปได้ “จะกินตรงนี้หรือไปศาลาตรงนู้นมั้ยจ๊ะเพื่อน ๆ ” แม้ชี้ไปยังศาลาที่ทำเป็นซุ้มกล้วยไม้ ดูแล้วสบายตาและสดชื่นที่สุด มีกล้วยไม้หลากสี ทั้งสีม่วง สีขาว มีเปลญวนหนึ่งอันผูกไว้ข้าง ๆ ศาลาด้วย น่าจะเป็นมุมโปรดของใครสักคนในบ้านนี้ ถ้าเป็นแสงระวีนะจะจองมุมนี้คนเดียวเลย นึกชมซุ้มกล้วยไม้ของแม่แฟน

                 “ตรงไหนก็ได้ค่ะแม่ ตรงนี้ก็ได้ ตรงไหนดีวี” ปุ้มเป็นคนตอบ พร้อมหันไปถามแสงระวี

                 ค่อนขอดให้เพื่อนสองฝาแฝดก็อยู่ทำไมไม่เรียก ดันมาเรียกชื่อเธอเสียนี่ “ตรงซุ้มกล้วยไม้ดีกว่านะ” แสงระวีตอบกลั้วยิ้ม ยังเขินอยู่

                 “ชอบตรงนั้นเหรอจ๊ะ เหมือนพี่นิวเลยพี่นิวก็ชอบมุมนั้น หนูรู้จักพี่นิวมั้ย” แม่ของหนึ่งถามพร้อมยิ้มให้ ไม่มีแววตาที่หยามเหยียดหรือไม่ชอบสักนิด  

                 “วีรู้จักและเคยเจอพี่นิวแล้วค่ะ” พวกเธอทั้งสี่คนยืนคุยกับเจ้าของบ้าน รอหนึ่งกับเก้าออกมาสมทบ สองคนนั้นเข้าไปทำอะไรอยู่ในบ้านกันตั้งนานสองนานไม่ยอมออกมาสักที

                  สักพักหนึ่งกับเก้าเดินออกมาจากในบ้าน ถือถาดกับข้าวออกมาด้วย เธอแอบมองหนึ่งกับแม่หน้าคล้ายกันมาก พี่นิวน่าจะเหมือนพ่อ พอนึกถึงตรงนี้เหมือนพ่อได้ยินที่เธอคิดหรือไร เดินตามหลังหนึ่งกับเก้าออกมาจากในบ้าน

                 พวกเธอยกมือไว้พร้อมกัน พ่อยิ้มพร้อมรับไหว้ตอบ ทั้งพ่อและแม่ของหนึ่งทั้งสองยิ้มเก้ออย่างเดียว คงทำตัวไม่ถูกเหมือนกับเธอ เพราะต่างฝ่ายต่างเป็นการเจอกันครั้งแรก

                  “กินไหนอ่ะ” หนึ่งเลิกคิ้วถามสายตาจ้องที่แสงระวีเป็นเชิงคำถาม

                 “กินที่ศาลาลูก ตรงนั้นเย็นดี” แม่เป็นคนตอบแทน “ตามสบายเลยนะ แล้วนี้ต้องกลับไปโรงเรียนอีกมั้ย บ้านอยู่ไหนกัน”

                  “ไม่ค่ะกลับบ้านเลย กลับมอเตอร์ไซค์ค่ะ” เจนเป็นคนตอบ ทุกคนเดินไปยังศาลาที่ว่า ซุ้มกล้วยไม้สวยมาก หนึ่งกับเก้าถือถาดกับข้าวเดินตามหลังมา ส่วนแม่กับพ่อกลับเข้าไปในบ้าน พวกเธอขึ้นไปนั่งบนศาลากันตามสบาย

                แสงระวียังไม่หายตื่นเต้นดีเลย ถึงพ่อแม่ของหนึ่งจะอยู่แค่ภายในบ้าน ไม่ออกมาป้วนเปี้ยนกวนใจก็ตาม มันก็ไม่กล้าแม้แต่จะเดินออกห่างพี่สาวฝาแฝด หรือไม่ยอมให้ทั้งสองคนทิ้งไว้เพียงลำพัง ถึงจะมีปุ้มทั้งคนก็ตาม ก็ยังไม่อุ่นใจเท่ามีเจลกับเจนอยู่ด้วย

                  นับว่าเป็นการเปิดตัวครั้งแรกตั้งแต่คบกันมา ถึงจะเป็นการเปิดตัวแบบไม่เป็นทางการก็ตาม ถือว่าได้ศึกษานิสัยใจคอภายนอกของทั้งสองฝ่ายคร่าว ๆ ไม่ว่าจะเป็นทางด้านพ่อแม่ของหนึ่งหรือทางด้านแสงระวีเอง ถึงจะไม่ได้คุยกันอย่างเป็นทางการก็ตาม แสงระวีก็พอจะรู้ว่าทั้งสองคนใจดี

                  “วีเป็นไรเห็นเงียบมาทั้งวันแล้ว” หนึ่งอดถามไม่ได้ ด้วยท่าทางของเธอบ่งบอกชัดเจน “อึดอัดเหรอ กลับมั้ย” หนึ่งพูดพร้อมแสดงสีหน้าและแววตาเกรงใจอย่างที่สุด คงบังคับเธอมากสินะ

                 “เปล่าเลย วีไม่อึดอัดเลย มาแรก ๆ ก็มีบ้างแหละ ตอนนี้สบายใจและ” แสงระวียิ้มให้หนึ่งอย่างจริงใจ ไม่อึดอัดจริง ๆ นับตั้งแต่วันนี้ตนเองพร้อมจะทำเพื่อหนึ่งทุกอย่าง ทำทุกอย่างให้มีความสุข
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่