JJNY : หมอโอ๋ติดโควิดทั้งครอบครัวแม้ฉีดวัคซีนครบ│ไปตรวจคิวยาว รมควันดับ│ยายรอตรวจโควิดทั้งน้ำตา│ธุรกิจกลัวเจ็บแต่ไม่จบ

หมอโอ๋ เพจเลี้ยงลูกนอกบ้าน เผยติดโควิดทั้งครอบครัว แม้ฉีดวัคซีนครบ 2 โดส
https://www.khaosod.co.th/special-stories/news_6499940
 
 
หมอโอ๋ เพจเลี้ยงลูกนอกบ้าน เผยติดโควิดทั้งครอบครัว แม้ฉีดวัคซีนครบ 2 โดส ซ้ำยกการ์ดสูง-ใส่แมสก์ตลอด รับตอนนี้บุคลากรในโรงเรียนแพทย์ ติดเชื้อจำนวนมาก หอผู้ป่วยต้องปิดไปหลายวอร์ด

ผศ.พญ.จิราภรณ์ อรุณากูร หรือ กุมารแพทย์เวชศาสตร์วัยรุ่น รพ.รามาธิบดีฯ เจ้าของเพจ เลี้ยงลูกนอกบ้าน โพสต์ข้อความผ่านเพจ ระบุว่า

ติดโควิด-19 ความว่า #เมื่อหมอต้องต่อสู้กับโควิด
 
ตั้งแต่เขียนเพจมา โพสต์นี้เป็นโพสต์ที่มีความยากลำบากที่สุดในการตัดสินใจเขียน อยากเรียนให้ทราบว่า “หมอและครอบครัวติดเชื้อโควิดแล้วนะคะ” 
 
หมอมีประวัติสัมผัสบุคลากรที่มาทราบทีหลังว่ามีการติดเชื้อ หมอใส่หน้ากากป้องกันตลอดเวลาขณะทำงาน และไม่ได้กินข้าวร่วมกับใครในระยะเวลาที่มีความเสี่ยง ทาง IC รพ.ประเมินว่าเป็นกลุ่มเสี่ยงต่ำ แต่ให้ไปตรวจ เพราะเป็นบุคลากรทางการแพทย์
 
ตรวจครั้งแรก ผลเป็นลบ ทางหน่วยสอบสวนโรคติดเชื้อของรพ. ประเมินว่ามีความเสี่ยงต่ำ เพราะ “ฉีดวัคซีนครบ” ใส่แมสก์ตลอดเวลา ให้ทำงานได้ตามปกติ
 
ช่วงค่ำๆ ก่อนวันตรวจซ้ำ หมอมีไข้ต่ำๆ คัดจมูก กินอาหารเหมือนไม่ค่อยรู้รส เลยชวนสามีไปตรวจด้วยกันเลย ผลเป็นบวกทั้ง 2 คน
จากการสอบสวนโรค คาดว่าเราน่าจะได้รับเชื้อมาจากโรงพยาบาล เพราะไม่มีความเสี่ยงอื่นๆ
หมอส่งไทม์ไลน์ให้ทาง IC ของรพ. และได้แจ้งกับผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดแล้ว
 
เราสองคนทำงานเป็นอาจารย์ในโรงเรียนแพทย์ เราไม่ได้เป็นบุคลากรด่านหน้า แต่ก็ยังต้องทำงานพบปะกับคนไข้มากมาย
ขณะนี้มีบุคลากรในโรงเรียนแพทย์ ทยอยติดเชื้อกันเป็นจำนวนมาก มีหอผู้ป่วยต้องปิดไปหลายวอร์ด
 
เราสองคนมีความระมัดระวังสูงมากพอสมควร ไม่ได้ถอดแมสก์ขณะทำงาน และไม่ได้ทานข้าวกับใครในระยะที่มีความเสี่ยง (การ์ดสูงกว่านี้ก็ต้องเชียร์ลีดเดอร์แล้วค่ะ )
 
เราทั้งคู่ฉีด Sinovac ครบสองเข็ม เข็มสุดท้าย เมื่อประมาณสองเดือนก่อนพอดี
 
เมื่อรู้ว่าติดโควิด… สิ่งที่ยากลำบากไม่ใช่เพียงแค่การต้องเผชิญกับความกลัวสิ่งที่จะเกิดขึ้น แล้วแค่ปลอบใจตัวเองได้ว่า เราไม่น่าตาย เพราะฉีดวัคซีนที่น่าจะช่วยกันตายได้ แต่มันหมายถึงความเสี่ยงของทุกคนที่อยู่รอบข้างเรา …
 
ถ้าลูกตรวจมาว่ายังไม่ติด หมอจะเอาลูกไปอยู่ที่ไหน? เพราะทุกบ้านที่ส่งไปเราก็ไม่อยากให้เค้าต้องรับกับความเสี่ยง?
แล้วลูกจะติดจากเราไหม? ถ้าลูกเป็นอะไรเราไปดูลูกไม่ได้ เราต้องใจจะขาดแน่ๆ
 
คุณพ่อที่มีโรคเรื้อรังมากมายจะติดไหม? ถ้าคุณพ่อติดไป หมอก็คงต้องเตรียมทำใจบ๊ายบายคุณพ่อได้เลย แม่บ้านที่อยู่กับเรายังไม่ได้วัคซีนเพราะยังไม่ถึงคิว เขาจะแย่มากไหม?
 
คนไข้ที่เราเจอเค้ามากมายขณะที่เราไม่รู้ตัว จะติดไปรึเปล่า? คนรอบตัวที่เรายังเจอเขาอยู่บ้าง จะโกรธเรามั้ยที่ทำให้เขาต้องเดือดร้อน งานที่กำลังต้องทำมากมาย ใครจะเป็นคนทำ ฯลฯ
 
นี่ขนาดหมอ คือ คนที่ถือว่ามี privilege ในสังคม มีบ้านที่มีห้องแยกหลายห้องถ้าจะต้องรอเตียง มีความเป็นบุคลากรทางการแพทย์ที่ทำให้เราน่าจะเข้าถึงบริการได้ไม่ยาก ยังรู้สึกว่าอะไรๆ มันยากไปหมด ต้องใช้พลังใจสูงมากๆ แล้วชาวบ้านทั่วไปล่ะ…
 
การติดเชื้อของคนๆ หนึ่ง ส่งผลกระทบต่อคนหลายคน โดยเฉพาะคนที่เป็นบุคลากรทางการแพทย์ คนไข้จำนวนมากของหมอถูกยกเลิก สามีต้องยกเลิกเคสที่นัดผ่าตัด คนใกล้ชิดต้องกักตัว
 
ที่สำคัญ…. ขณะนี้หมอกำลังมองลูกสาววัย 8 ขวบที่ไข้ขึ้นสูง ที่ได้รับการวินิจฉัยว่าติดเชื้อไปด้วย
กับแม่บ้านที่ยังไม่ได้วัคซีน แต่เริ่มมีอาการเหมือนเหนื่อยๆ
 
พร้อมได้ยินคำพูดแว่วๆ ว่า “อย่าเห็นแก่ตัว” ด้วยหัวใจที่รู้สึกเจ็บปวดอย่างบอกไม่ถูกจริงๆ
 
สุดท้ายนี้… หมออยากกราบขอบพระคุณ คุณหมอรุ่นใหม่ๆ หลายท่าน ที่ออกมายืนยันด้วยหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ตั้งแต่เริ่มต้น ว่าเราควรมีวัคซีน mRNA ให้กับประเทศไทย โดยต้องทนแรงกดดัน ทนการถูกต่อว่าจากผู้มีอำนาจ ทนการถูกกล่าวหาว่าชังชาติ แต่ยังยึดมั่นในหลักวิชาการที่ถูกต้อง และมีความกล้าหาญทางจริยธรรม
 
อยากเชิญชวนให้ไปฉีดวัคซีนเท่าที่มี เพราะอย่างน้อยมันก็อาจทำให้เรามีโอกาสที่จะรอด
 
อยากขอบคุณคนไทยทุกคนที่ส่งเสียงเรียกร้องวัคซีนที่มีประสิทธิภาพดีพอ ให้กับบุคลากรทางการแพทย์ มันไม่ใช่ความเห็นแก่ตัว แต่นี้คือเรื่องของส่วนรวม “เพราะเมื่อเราล้ม คุณจะล้ม
 
ขอบคุณ ที่มองเห็น ว่าทุกวันนี้เราไม่ควรต้องประสบชะตากรรมที่เจออยู่นี้ และควรจะมีคุณภาพชีวิตของทุกคนที่ดีกว่านี้ และต้องช่วยกันวางแผนที่จะป้องกันไม่ให้อะไรๆ เลวร้ายไปกว่านี้
 
ส่วนตัวหมอเชื่อว่า “พลังบวก” ไม่ได้แปลว่าเราควรเลือกเขียนถึงแต่สิ่งดีๆ โดยละเลยทำเป็นมองไม่เห็นปัญหาที่มีอยู่ตรงหน้าเต็มไปหมด
แต่พลังบวกเกิดขึ้นจากการ พูด “ความจริง” ที่เกิดขึ้น วิจารณ์สิ่งที่เกิดขึ้นแบบตรงไปตรงมา มี “empathy” กับคนที่เขามีความเดือดร้อน ซึ่งส่วนใหญ่ไม่ใช่คนที่อยู่ในสถานะที่มี Privelege อย่างพวกหมอ
 
ที่สำคัญ คือ “ช่วยส่งเสียง” สร้างการเปลี่ยนแปลงให้กับคนที่ไม่มีโอกาสแม้แต่จะส่งเสียง ยังเชื่อมั่นใน “พลังบวก” ของสังคมเสมอนะคะ
หมอโอ๋เพจเลี้ยงลูกนอกบ้าน ผู้ที่วันนี้พบว่าเราไม่ควรต้องเดินทางมาถึงจุดนี้เลยจริงๆ
 
ป.ล. ต้องขออภัยที่ไม่ได้แจ้งข่าวตั้งแต่วันแรกนะคะ พอดีมีอะไรต้องทำหลายอย่าง และอยากเตรียมตัวลูกสาววัย 8 ขวบให้พร้อมรับมือกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้ก่อน

https://www.facebook.com/takekidswithus/posts/2932819267035406
 


หนุ่มป่วยหวั่นติดโควิดคิดมาก ไปรอ5ชม.เครียดรมควันดับ
https://www.dailynews.co.th/news/38613/
 
เมื่อวันที่ 10 ก.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลางดึกคืนที่ผ่านมา (9 ก.ค.) พ.ต.ท.รัฐวัตต์ อยู่พิพัฒน์ สว.(สอบสวน)สภ.บางแก้ว จ.สมุทรปราการ รับแจ้งเหตุพบผู้เสียชีวิตในรถยนต์ที่จอดอยู่ริมถนนเทพรัตน ช่องทางคู่ขนานขาเข้า หลักกิโลเมตรที่ 25 ต.บางโฉลง อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมชุดสืบสวน แพทย์เวร รพ.บางพลี และเจ้าหน้าที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุพบรถเก๋งฮอนด้า สีน้ำเงิน ทะเบียนกรุงเทพมหานคร จอดติดเครื่องเปิดแอร์อยู่ ประตูทั้ง 4 บานไม่ได้ล็อก
 
ตรวจสอบภายใน พบศพ นายเดชาชัย (สงวนนามสกุล) อายุ 28 ปี เสียชีวิตในสภาพเอนเบาะอยู่ในที่นั่งคนขับ และยังสวมหน้ากากอนามัยอยู่ บริเวณเบาะนั่งข้างคนขับพบก้อนเจลแอลกอฮฮล์สีส้มสำหรับอุ่นอาหารหลายก้อน ส่วนที่พักเท้าหลังรถด้านซ้ายพบเตาถ่านมีร่องรอยจุดไฟเหลือแต่ขี้เถ้า และมีถุงถ่านวางอยู่ข้างๆ ตรวจสอบตามร่างกายไม่มีบาดแผลหรือร่องรอยถูกทำร้าย คาดเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 5 ชั่วโมง จึงบันทึกไว้เป็นหลักฐาน ก่อนนำศพส่งชันสูตรสาเหตุการเสียชีวิตอย่างละเอียดอีกครั้ง
 
สอบสวนเบื้องต้นทราบว่า ผู้ตายเป็นพนักงานโกดังสินค้าประเภทยาเวชภัณฑ์ เป็นคนเงียบๆไม่ค่อยพูดค่อยจา และเก็บตัว เมื่อประมาณ 1 สัปดาห์ ได้บ่นกับพี่สาวว่าไม่ค่อยสบาย มีไข้ จนเป็นกังวลว่าจะติดโควิด-19 ทำให้คิดมากกลัวติดโควิด แล้วจะถูกกักตัวรักษาทำงานหาเงินไม่ได้ เพราะมีภาระต้องหาเงินส่งค่างวดรถที่เพิ่งออกมาได้ไม่นาน พี่สาวจึงแนะนำให้ไปตรวจหาเชื้อที่โรงพยาบาล
 
ก่อนเกิดเหตุเช้าวันที่ 9 ก.ค.ผู้ตายจึงขับรถออกไปขอตรวจโควิดที่โรงพยาบาลแล้วกลับมาบ้านบ่นว่าคนเยอะรอนานกว่า 5 ชั่วโมงยังไมได้ตรวจจึงขับรถกลับมาบ้านก่อน จากนั้นเวลาประมาณ 4 โมงเย็นก็ขับรถออกไปอีก กระทั่งค่ำพี่สาวเห็นผิดสังเกต โทรศัพท์ตามก็ไม่รับสาย กระทั่งมาพบศพดังกล่าว
 
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่า หลังมีอาการป่วยประกอบกับเป็นช่วงระบาดโควิด ทำให้ผู้ตายคิดมากกลัวติดเชื้อโควิด-19 มานานเกือบสัปดาห์ สะสมนานเข้าจนตัดสินใจไปตรวจหาเชื้อที่โรงพยาบาล แต่พบว่ามีคนรอตรวจจำนวนมาก รอนานกว่า 5 ชั่วโมงก็ยังไม่ได้ตรวจเลยอาจเกิดความเครียดหมดความอดทนรอ ขับรถกลับบ้านก่อนตัดสินใจขับรถออกมาหาซื้ออุปกรณ์เตา ถ่าน ก่อเหตุรมควันฆ่าตัวตาย ส่วนสาเหตุที่แท้จริงอยู่ระหว่างกองพิสูจน์หลักฐานตรวจสอบที่เกิดเหตุและผลชันสูตรสาเหตุการตายอย่างละเอีดยอีกครั้ง
 

 
จวกระบบรัฐ!ยายรอตรวจโควิดทั้งน้ำตา ตั้งแต่เที่ยงคืน-ตี5ถึงเวลาถูกแซงคิว
https://www.dailynews.co.th/news/38636/
 
โซเชียล รุมจวกระบบการจัดระเบียบภาครัฐเป็นสูญ หลังยายโควิดพรากแม่ไม่นานเผายังไม่เห็นศพ พาครอบครัวต่อแถวตรวจหาเชื้อทั้งน้ำตา สุดช้ำมาเที่ยงคืนเป็นคนที่ 60 ผ่าน 5 ชม.เปิดรับคิวแย่งไม่ทันกลายเป็นคิวที่ 200
 
เมื่อวันที่ 10 ก.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เพจ”เส้นด้าย – Zendai” โพสต์คลิปวีดีโอ พร้อมข้อความระบุว่า 
 
“รอคิวตรวจทั้งน้ำตา เมื่อคืนช่วงใกล้เข้าสู่วันใหม่ เราเจอคุณยายและครอบครัวมาตรวจเชิงรุกที่ตลาดมหานาค​ พอเราคุยก็ทราบว่า คุณ​ยายพาครอบครัว​มารอตั้งแต่​”เที่ยงคืน​” ตลอดคืนนั้น ฝนตก คุณยายพึ่งเสียคุณ​แม่จากโควิดเมื่อวานเช่นกัน ตลอดการพูดคุย ความรู้​สึกสูญเสีย​ยังอยู่ตลอดการคุย คนข้างๆและคุณยายร้องไห้ระหว่าง​การเล่าถึงแม่ที่พึ่งจากไปโดยที่ไม่มีโอกาสจะเห็นหน้ากันในวันสุดท้าย
 
เที่ยงคืน​ในคืนที่ฝนตก คนเยอะมากๆ แต่การจัดระเบียบ​จากภาครัฐ = 0 เรียกว่า ไม่มีเลย น่าจะตรงกว่า ตอนตี5 เริ่มมีการจัดบัตรคิว แต่ก็เต็มไปด้วยความวุ่นวาย ภายใต้สถานการณ์ที่​ทุกคนต้องเอาตัวรอดหลายคนเริ่มแทรกคิว เบียดเสียดไม่มีการเว้นระยะ​ห่าง จากเดิมคุณยายควรได้คิวที่ 60 กว่า ก็กลายเป็น​คิวที่ 200 หลายๆคนมารอทั้งคืน แต่ต้องกลับบ้านเพราะรัฐให้สิทธิ​ประชาชนตรวจฟรี เพียง 2 ครั้ง คนท้องก็ไม่รับตรวจ จุดตรวจนี้อยู่ห่างจากทำเนียบ​รัฐบาล​ไม่กี่กิโล ขบวนของคนใหญ่คนโตผ่านตลอดวัน ท่านเห็นประชาชนบ้างไหมครับว่าตอนนี้​เค้าเป็นอย่างไรกันบ้าง?”
 
หลังโพสต์ออกไปมีผู้เข้ามาคอมเมนต์แสดงความคิดเห็นต่างๆนานา ทั้งสงสาร ให้กำลังใจ ต่อว่ารัฐบาล เกี่ยวกับการบริหาร รวมถึงระบบการจัดการ และมีการแชร์กันออกไปจำนวนมาก
 
ขอบคุณ ข้อมูล เพจ “”เส้นด้าย – Zendai”
https://www.facebook.com/zendai.org/posts/133117682270587
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่