สุดท้าย ecb ก็เลือกจะมองข้ามเงินเฟ้อตามเฟดอีกคน
แต่ถ้าถามว่า จะใช้ average inflation target เหมือนกันมั้ย
ecb ตอบว่า ไม่นะ
ประมาณว่าของเราเปลี่ยนจากถ้าเข้าใกล้ 2% เป็น 2%+- ว่ากันตามความผันผวนในระยะสั้น
พูดง่ายๆ คือ เห็นเงินเฟ้อกำลังขึ้น อย่าไปกังวลว่า จะไม่อัดเงินเข้า หรือจะขึ้นดอก
เพราะเราเปลี่ยนเป้าหมายเงินเฟ้อแล้วนะไม่ใช่ 2% แต่เป็น 2%+-
บอกเลยไม่เหมือนเงินเฟ้อเฉลี่ยนะ ไม่เหมือนกัน
แต่สำหรับคนที่มองถึงเรื่องผลกระทบไปสู่มาตรการ qe จะต่อ หรือไม่
มันก็กลายเป็นความไม่แน่นอนพอๆกับเฟด ที่เลือกจะใส่คำว่า ค่าเฉลี่ย ลงไป
และเฟดเองตอนนี้ก็เลือกที่จะหันไปมองตัวเลขการจ้างงานแทน
มันกลายเป็นเหมือนบรรดาธนาคารกลางไม่ได้ให้ความสำคัญกับเงินเฟ้อแล้ว
แต่ให้ความสำคัญกับ"ถ้า"หยุด QE ตลาดการเงินมันจะพังคามือเรา
(ใครจะอยากเป็น เรา ที่สั่งหยุด QE แล้วถูกเขียนในหนังสือการเงินว่า ทำให้ตลาดพัง)
นั่งงงกันไป
https://www.ft.com/content/ab3b8c36-2199-4230-b9b3-b9e12c09d44b
ถ้าอยากจะเรียนศิลปะในการพูด ให้เรียนกับเหล่าธ.กลาง
แต่ถ้าถามว่า จะใช้ average inflation target เหมือนกันมั้ย
ecb ตอบว่า ไม่นะ
ประมาณว่าของเราเปลี่ยนจากถ้าเข้าใกล้ 2% เป็น 2%+- ว่ากันตามความผันผวนในระยะสั้น
พูดง่ายๆ คือ เห็นเงินเฟ้อกำลังขึ้น อย่าไปกังวลว่า จะไม่อัดเงินเข้า หรือจะขึ้นดอก
เพราะเราเปลี่ยนเป้าหมายเงินเฟ้อแล้วนะไม่ใช่ 2% แต่เป็น 2%+-
บอกเลยไม่เหมือนเงินเฟ้อเฉลี่ยนะ ไม่เหมือนกัน
แต่สำหรับคนที่มองถึงเรื่องผลกระทบไปสู่มาตรการ qe จะต่อ หรือไม่
มันก็กลายเป็นความไม่แน่นอนพอๆกับเฟด ที่เลือกจะใส่คำว่า ค่าเฉลี่ย ลงไป
และเฟดเองตอนนี้ก็เลือกที่จะหันไปมองตัวเลขการจ้างงานแทน
มันกลายเป็นเหมือนบรรดาธนาคารกลางไม่ได้ให้ความสำคัญกับเงินเฟ้อแล้ว
แต่ให้ความสำคัญกับ"ถ้า"หยุด QE ตลาดการเงินมันจะพังคามือเรา
(ใครจะอยากเป็น เรา ที่สั่งหยุด QE แล้วถูกเขียนในหนังสือการเงินว่า ทำให้ตลาดพัง)
นั่งงงกันไป
https://www.ft.com/content/ab3b8c36-2199-4230-b9b3-b9e12c09d44b