สวัสดีครับ เราเป็นคนนึงที่อยากไปเรียนต่อปริญญาโทต่างประเทศ ซึ่งเราต้องสอบ GRE เลยตัดสินใจเตรียมตัวจนถึงเวลาสอบรวมทั้งหมด 4 เดือน จริงๆ มีรีวิวค่อนข้างดี(มาก) จากพี่ท่านหนึ่งอยู่แล้วคือ
https://ppantip.com/topic/36098359 แต่กระทู้นี้เราอยากจะมาแชร์วิธีการเตรียมตัวฉบับของเราเอง อาจจะไม่ได้อธิบายมากเกี่ยวกับรูปแบบข้อสอบ (หาเอาเองได้ง่าย) แต่อยากจะมาโฟกัสที่การเตรียมตัวมากกว่า
1.
เตรียมใจ
ขั้นตอนนี้สำคัญมาก ยอมรับเลยว่าตอนแรกกลัวข้อสอบ GRE มาก ลองหาดูเล่นๆ ปรากฏว่าทำ verbal ไม่ได้เลย คือคิดว่าตัวเองยังไงก็ไม่ไหวแน่ๆ แต่สุดท้ายก็ต้องจำใจอ่านหนังสือเพราะอยากทำตามความฝันตัวเอง สำหรับคนที่มาอ่านแล้วรู้สึกเหมือนกันตอนแรก เราคือเพื่อนกันครับ5555 แต่ผมกล้ารับประกันเลยว่าถ้าใช้เวลากับมันและตั้งใจมากพอ สุดท้ายเราจะไม่กลัวมันและพอทำได้แน่ๆ (ไม่สัญญานะว่าจะคะแนนสูง แต่สุดท้ายคุณจะไม่กลัว GRE อีกต่อไปและเรียนรู้ตามศักยภาพที่มี) ซึ่งเราก็พอใจกับคะแนนสอบที่ได้มากๆ และคิดว่ามันจะไม่ได้แน่ๆ ถ้ายังกล้าๆกลัวๆ อยู่ ดังนั้นถ้าตั้งใจแน่แล้วก็ลุยเลย ไม่มีเสียเวลาเปล่าแน่นอน
2.
เตรียมตัว
ขออนุญาตแบ่งเป็นหลายๆ พาร์ตตาม timeline การเตรียมตัวของเรา
2.1
ศัพท์
ที่สุดของ verbal GRE แล้ว ถ้าไม่ท่องศัพท์จะทำอะไรไม่ได้เลย แล้วศัพท์ก็ยากมากกก แต่ยังไงก็ต้องท่อง เลยอยากมาบอกว่า
-ไม่ต้องเป็นห่วงเลยว่ามันจะท่องไปเรื่อยๆ ไม่รู้จักจบ จริงๆ ถ้าเรารู้แม่นๆ สัก 1500+ ก็พอสำหรับการสอบแล้ว เราเลือกท่องแบบจดเป็นลิสต์ตามตัวอักษร A-Z เลย รวมทั้งหมดประมาณ 2000 คำ (ไม่ค่อยถนัด flashcard เลยเลือกแบบนี้ แต่แล้วแต่คน) ซึ่งศัพท์เราเอามาจาก 3 sources คือ
1. Barron 800 Essential Words for GRE (หาได้ไม่ยาก)
2. Manhattan Prep 1000 GRE Words (หาได้ไม่ยากเช่นกันน)
3. จากแบบฝึกหัด อันไหนเจอซ้ำและนอกเหนือจากลิสต์ด้านบนก็จะพยายามจดไว้
- วิธีท่อง ของเราไม่ยากเลย คือใช้กระดาษปิด Definition แล้วพยายามทายศัพท์นั้น ของเราจะแบ่งตักอักษรตามวัน เช่นวันจันทร์จะท่องศัพท์ที่ขึ้นต้นด้วยตัว ABCD อังคาร DEFGH ไล่ไปเรื่อยๆ ตรงนี้แหละที่ต้องใช้เวลานาน ยิ่งเราใช้เวลาท่องมันหลายอาทิตย์ เราก็จะยิ่งจำได้แม่นขึ้น ดังนั้นคนเริ่มเร็วจะดีมากเลย ถ้าใครยังไม่ว่างพอที่จะอ่านเต็มรูปแบบอย่างน้อยก็ท่องศัพท์ไปก่อน เพราะมันใช้เวลานานมากกว่าจะจำได้เป็นส่วนใหญ่ (ของเราประมาณ 2 เดือน) แต่ไม่ต้องกลัว ท่องบ่อยๆ จำได้แน่นอนน แค่ต้องขยันหยิบมันขึ้นมาอ่านตามตาราง
2.2
verbal
อันนี้เราไม่ค่อยถนัดเลย TT สู้กับมันมานานมาก แต่จะพยายามเล่าให้ฟังนะครับ แต่อย่างแรกเลยคืออย่าไปกลัวมัน ตอนแรกมันจะยากยังไงก็ช่าง
มันยากอยู่แล้วละก็เราไม่เคยฝึกนี่5555 ต้องฝึกเท่านั้นถึงจะทำได้นะ
- Reading comprehension : อันนี้เห็นด้วยกับรีวิวด้านบนที่แปะไว้เลยครับ พี่เขาอธิบายไว้แล้ว คือ RC ของ GRE จะซับซ้อนกว่า TOEFL/IELTS ค่อนข้างมาก ใช้ศัพย์ยากมากและยังต้องแข่งกับเวลามากๆ ด้วย Manhattan Prep เป็นหนังสือที่มีเทคนิคดีๆ ค่อนข้างเยอะ อธิบายละเอียดว่าควรคิดยังไงในการทำโจทย์แต่ละข้อ เราขอเสริมจากรีวิวด้านบนก็คือเราดูคลิปของ GregMat ด้วย อันนี้ก็ดีมากจริงๆ ใครเริ่มต้นอ่านอยากให้ลองดูคลิป RC ของพี่เขา เขาจะให้ไอเดียเลยว่า Passage นึงจริงๆ เนื้อเรื่องมันก็ Simple ไม่มีอะไร แค่เขียนให้มันยากและมีจุดพลิกแค่นั้นเอง Gregmat จะมี 3 วิธีที่เราชอบมากคือ Simplifying, Steriod, Find important words ใครเริ่มมาฝึกแรกๆ แนะนำว่ายังไม่ต้องจับเวลา ให้อ่านแล้วแบ่งแต่ละส่วนของประโยคว่า มีหน้าที่อะไร(เป็น main idea/ support/ example/ counter/ ...) และ ความหมายมันคืออะไร ถ้าทำได้แบบนี้ รับรองว่า RC จะไม่น่ากลัวเท่าที่คิดแน่ๆ
source : 1.
https://www.gregmat.com/learn-verbal - ช่องเรียน verbal ของ Gregmat เราแนะนำให้เริ่มดูคลิป The Three Reading Strategies Being Used Simultaneously ก่อน
2. Manhattan Prep เลยยย
- Sentence Equivalence : อันนี้อาศัยศัพท์ล้วนๆ จำได้มากก็มีโอกาสทำได้มาก จำได้น้อยก็อย่าหวังเลย ส่วนเทคนิคเอามาจาก Manhattan Prep เช่นเดิม เทคนิคที่สำคัญมากๆ คือ find your own word + reuse word in the question + synonym pair in answer รายละเอียดลองอ่านหนังหนังสือเลยน้าา ถ้าใช้ได้คล่องๆ รับรองว่าทำพาร์ทนี้ได้คะแนนดีแน่นอน น่าจะง่ายสุดใน verbal แล้วละ
- Text Completion : ใช้ศัพท์ล้วนๆ อีกเหมือนเดิม55555 ว่าแล้วก็ไปท่องต่อ อันนี้ไม่ได้มีเทคนิคเฉพาะเจาะจงอะไร ที่สำคัญที่สุดเลยคือต้องหา overall meaning ให้ได้ ต้องรู้ว่ามันพยายามจะสื่ออะไร แล้วพยายาม reuse word in the question มาตอบ อันนี้ต้องฝึกเยอะๆ
2.3
quant
พาร์ทนี้เราค่อนข้างไม่มีปัญหาเพราะเราจบมาทางนี้พอดี แต่เราจะมาแนะนำอย่างนึงว่าถ้าอยากได้คะแนน quant สูงมากๆ (165+) แค่เก่งอย่างเดียวไม่พอ คุณต้องฝึกให้เยอะที่สุดเท่าที่จะทำได้ ต้องเก็บรายละเอียดทุกเม็ด ต้องเข้าใจทุกข้อที่เราผิด เนื้อหามันไม่ได้ยากแต่มันยากตรงความละเอียดและรอบคอบ อย่างเราจะมีปัญหาเรื่อง percent กับพวก word problems ถ้าเราทำผิด เราจะจดสรุปทุกข้อผิดพลาดที่ทำไว้เลย แล้วคราวหน้าก็จะไม่ผิดอีก ถ้าใครยังไม่แม่น ลองหาหนังสือพื้นฐานดูนะะมีเยอะมากก สู้ๆ
ปล. อันนี้ดีมากเหมือนกันรวมไว้ครบเลย เกินพอด้วยซ้ำ
https://greprepclub.com/forum/gre-math-book-for-the-gre-exam-2609.html
2.4
Analytical Writing
สำคัญมากนะ แนะนำให้ฝึกไปด้วย อันนี้ source ที่เราแนะนำคือ Gregmat เจ้าเดิม เขาจะมี template ของ issue กับ argument task ให้เลย เราจดประโยคที่ใช้บ่อยๆเอาไว้แล้วฝึกทำตอนเช้าทุกวัน สิ่งที่ยากคือทำยังไงให้ทัน55555 ช่วงแรกเราก็ทำนานมาก ทำ task ละชั่วโมง จนค่อยๆ พัฒนานิ้ว+สมอง+สกิล จนเสร็จภายในครึ่งชั่วโมงได้ อันนี้ก็ต้องฝึกทำบ่อยๆ เลยไม่มีทางอื่น แต่รับรองว่าถ้าฝึกเยอะพอก็จะทำทันแน่ๆ เราฝึกประมาณ 50 tasks ก่อนไปสอบ
source : 1.
https://www.gregmat.com/learn-writing - ดู step by step guide ได้เลย ดีมากๆ
2.
https://www.ets.org/gre/revised_general/prepare/analytical_writing/issue/pool
3.
https://www.ets.org/gre/revised_general/prepare/analytical_writing/argument/pool
(2 กับ 3 เป็น pool topics ของ ets เลยย ฝึกจากอันนี้เยอะๆ เลยครับ โดยเฉพาะ issue เรื่องที่ออกบ่อยคือ education, government, leadership, successful พวกนี้ ถ้าจับทางได้จะเขียนได้ง่ายขึ้นเยอะ)
4.ช่อง youtube ของ Alice Chen - อันนี้เราชอบมากเลย อธิบาย writing ไดีดีมาก สอนการ brainstroming ด้วย
การเตรียมตัวโดยรวม
ถ้าใครจะใช้เวลาเท่าเรา (สำหรับเราคิดว่ากำลังดี)
- ช่วงเดือนแรก : พยายามจดศัพท์ให้หมด ท่องให้คุ้นชินบ้างเป็นบางคำ , อ่านพื้นฐาน Quant / verbal ให้เข้าใจ , เริ่มฝึกเขียน AWA
- เดือน 2-3 : อ่านพวก Manhattan Prep, GregMat ให้จบ ตอนนี้เป็นช่วงเวลาฝึกทำโจทย์ ไม่มีทางอื่น หลังถ้าพอทำได้แล้วควรจับเวลาไปด้วย(1 min for SE,TC และ 1.75 min for RC) ดูเฉลยก็สำคัญไม่แพ้กัน ต้องพยายามวิเคราะห์ให้ได้ว่าตัวเองผิดเพราะอะไร ทำไมถึงผิด อย่าทำแล้วผ่านไปเพราะมันจะไม่ได้อะไร เสียเวลาเปล่าาา หรือถ้าจะหา prepcourse ก็ได้เหมือนกันน สำหรับเราเช่า Magoosh 6 เดือนไป ดีอยู่นะแต่ชอบอ่านเองมากกว่า เลยไม่ค่อยได้ใช้ อันนี้แล้วแต่คนฮะ
source ที่ฮิตๆ ก็จะมี
1.
https://gre.magoosh.com/ - ของดีราคาถูก ถูกมากถ้าเทียบกับเจ้าอื่น
2. Subscription ของ Gregmat - ไม่แพงและดี ถ้าถูกใจไสตล์การสอนเขาก็จัดไป
3.
https://greprepclub.com/forum/ - เป็นสังคม GRE ที่ดีที่สุดแล้ว มีโจทย์ดีๆ + รีวิวเพียบ แต่ไม่มีคนไทยเลย TT
- โค้งสุดท้าย : 2 อาทิตย์สุดท้ายต้องฝึกจับเวลาจริงทุกเช้า คือทำยาวทั้งหมด 5 section เลย อย่างเราจะเริ่มทำตั้งแต่ 8.30 เลิกเที่ยงกว่าๆ อันนี้สำคัญมากเพราะจะฝึกสมองให้ชินกับความล้า ฝึกให้มันคิดได้แม้กระทั่งตอนล้า ถ้าไม่ฝึกแบบนี้รับรองตอนไปสอบจริงพลังหมดก่อนแน่นอน
souce เราเรียงตามนี้เลย
1. หนังสือ McGraw-Hill Education 8 GRE Practice Tests - มี 8 test แต่โจทย์มี V 25 ข้อกับ Q 25ข้อ (ตอนนี้ GRE แบบใหม่เปลี่ยนเป็น 20 ข้อหมดแล้ว) เราถือว่าดีนะ ทำให้มันหนักกว่าความเป็นจริง ตอนสอบจริงจะได้ชินกับความล้าของข้อสอบ
2. หนังสือ Kaplan Practice test - ดีเหมือนกันจ้า ฝึกให้ชินกับข้อสอบ
3. หนังสือ ETS official prep - อันนี้ก็ต้องดีที่สุดอยู่แล้ว เพราะของคนออกข้อสอบ555 ใกล้เคียงกับข้อสอบจริงมาก
4. สำคัญมาก!! คือ online prep : อาทิตย์สุดท้ายให้หันมาทำ online prep ตามเว็บให้หมด (ตามลิ้งนี้ไป :
https://web.facebook.com/notes/gre-preparation-free-guidance/12-gre-full-length-practice-test-mocks-completly-free/1823595957883339/) โดยคะแนนเราจะอยู่ใกล้เคียงกับ ets online prep นี่แหละ
3.
เตรียมสอบ
สนามสอบอยู่แถวร่มเกล้า เผื่อเวลาไปดีๆ เพราะโคตรไกล สนามสอบอยู่ตึก 2 ชั้น 6 เลย ถ้าเราจองสอบในเว็บ ETS จ่ายตังเรียบร้อยก็เป็นอันใช้ได้ ไม่ต้องโทรไปถามสนามสอบนะเพราะเขาไม่เคยรับ55 อุปกรณ์อะไรไม่ต้องเอามาเยอะ เอาเข้าไม่ได้สักอย่างยกเว้นเสื้อกันหนาวกับบัตรประชาชน
- section แรกเป็น writing เหมือนฝึกที่บ้านเลย ฝึกมาเยอะๆๆ จะได้ไม่เสียกำลังใจตั้งแต่ part แรก (มหาลัยขอดู essay เราจาก ets ได้ด้วยนะเออ)
- เราเจอ section 2 (หลัง AWA) เป็น quant เลย ยากมากกกกกกกก ปกตืเราจะเหลือเวลาสัก 3-5 นาทีมาตรวจคำตอบตลอด แต่ชุดนี้คือทำไม่ทัน เหลือ 6 ข้อ มั่วยังไม่ทันเลย เราใจเสียมากเพราะไม่เหมือนกบตอนซ้อม แต่ก็ต้องสู้ต่อไป section 3 เป็น verbal ไม่มีความมั่นใจใดๆ ทั้งสิ้น แต่ก็เหมือนตอนซ้อมนั่นแหละ ความยากคล้ายๆ กัน
- หลังพักเราเจอ quant อันนี้ค่อนข้างง่ายกว่าอันแรกอยู่ เรารู้สึกว่าทำได้เยอะกว่าอันแรกมาก เลยพอมีกำลังใจละ ต่อมาเป็น verbal ก็เหมือนเดิม อันสุดท้ายเป็น quant พอมีลุ้นละว่าอันแรกอาจจะเป็น experimental อย่างน้อยก็มีโอกาส 1 ใน 3 ที่เราจะโชคดี เลยตั้งใจทำมาก หัวเบลอไปหมดแล้วแต่สู้ไม่ถอย นี่เป็นข้อดีของการทำ mock test เต็มๆที่บ้าน
- สุดท้ายทำเสร็จคะแนนก็จะออกมา แล้วให้เราเลือก school ได้ 4 ที่ ให้จำชื่อ State, country ไปเลยนะก่อนเข้าสอบ จะได้ไม่หลงในนั้น ถ้าออกมาข้างนอกแล้วเสียเงินแพง ถ้าคะแนนแย่ ไม่อยากยื่นก็กดออกไปเลย (แต่มายื่นเสียตังทีหลังในเว็บได้อยู่)
สุดท้ายเราโชคดี quant part แรกที่ยากๆเป็น experimental (unscored section) เป็นข้อคิดเลยว่าอย่าเสียกำลังใจ ตั้งใจทำต่อไป ยากถอดใจกลางห้องสอบ ค่าสอบก็แพง ถ้าเจออะไรยากๆก็ต้องสู้ เราได้คะแนนรวม 323 (v153 q170 3.5AWA)
สรุปคือ GRE มันยากจริง ยอมรับ แต่มันฝึกกันได้ เราก็ท้อมาตั้งแต่ต้นเหมือนกัน เราพยายามอ่านหนังสือเยอะมาก เสียเวลาเล่นเกม เที่ยว ทำนู่นนี่ไปเยอะ แต่สุดท้ายเราก็ทำได้ อยากบอกทุกคนว่าทุกคนก็ทำได้เหมือนกัน ทุกคนเรียนรู้ได้ทั้งนั้น อย่าเพิ่งยอมแพ้ตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่ม เป็นกำลังใจให้และหวังว่ารีวิวนี้จะเป็นประโยชน์ต่อใครหลายๆ คนนะครับ
ปล. ใครสงสัย inbox หรือเม้นถามไว้ได้เลยนะ ถ้าเห็นจะพยายามมาตอบให้นะครับ ;)
[รีวิว] การเตรียมตัวสอบ GRE ของเรา (ช่วงโควิด 2021)
1. เตรียมใจ
ขั้นตอนนี้สำคัญมาก ยอมรับเลยว่าตอนแรกกลัวข้อสอบ GRE มาก ลองหาดูเล่นๆ ปรากฏว่าทำ verbal ไม่ได้เลย คือคิดว่าตัวเองยังไงก็ไม่ไหวแน่ๆ แต่สุดท้ายก็ต้องจำใจอ่านหนังสือเพราะอยากทำตามความฝันตัวเอง สำหรับคนที่มาอ่านแล้วรู้สึกเหมือนกันตอนแรก เราคือเพื่อนกันครับ5555 แต่ผมกล้ารับประกันเลยว่าถ้าใช้เวลากับมันและตั้งใจมากพอ สุดท้ายเราจะไม่กลัวมันและพอทำได้แน่ๆ (ไม่สัญญานะว่าจะคะแนนสูง แต่สุดท้ายคุณจะไม่กลัว GRE อีกต่อไปและเรียนรู้ตามศักยภาพที่มี) ซึ่งเราก็พอใจกับคะแนนสอบที่ได้มากๆ และคิดว่ามันจะไม่ได้แน่ๆ ถ้ายังกล้าๆกลัวๆ อยู่ ดังนั้นถ้าตั้งใจแน่แล้วก็ลุยเลย ไม่มีเสียเวลาเปล่าแน่นอน
2. เตรียมตัว
ขออนุญาตแบ่งเป็นหลายๆ พาร์ตตาม timeline การเตรียมตัวของเรา
2.1 ศัพท์
ที่สุดของ verbal GRE แล้ว ถ้าไม่ท่องศัพท์จะทำอะไรไม่ได้เลย แล้วศัพท์ก็ยากมากกก แต่ยังไงก็ต้องท่อง เลยอยากมาบอกว่า
-ไม่ต้องเป็นห่วงเลยว่ามันจะท่องไปเรื่อยๆ ไม่รู้จักจบ จริงๆ ถ้าเรารู้แม่นๆ สัก 1500+ ก็พอสำหรับการสอบแล้ว เราเลือกท่องแบบจดเป็นลิสต์ตามตัวอักษร A-Z เลย รวมทั้งหมดประมาณ 2000 คำ (ไม่ค่อยถนัด flashcard เลยเลือกแบบนี้ แต่แล้วแต่คน) ซึ่งศัพท์เราเอามาจาก 3 sources คือ
1. Barron 800 Essential Words for GRE (หาได้ไม่ยาก)
2. Manhattan Prep 1000 GRE Words (หาได้ไม่ยากเช่นกันน)
3. จากแบบฝึกหัด อันไหนเจอซ้ำและนอกเหนือจากลิสต์ด้านบนก็จะพยายามจดไว้
- วิธีท่อง ของเราไม่ยากเลย คือใช้กระดาษปิด Definition แล้วพยายามทายศัพท์นั้น ของเราจะแบ่งตักอักษรตามวัน เช่นวันจันทร์จะท่องศัพท์ที่ขึ้นต้นด้วยตัว ABCD อังคาร DEFGH ไล่ไปเรื่อยๆ ตรงนี้แหละที่ต้องใช้เวลานาน ยิ่งเราใช้เวลาท่องมันหลายอาทิตย์ เราก็จะยิ่งจำได้แม่นขึ้น ดังนั้นคนเริ่มเร็วจะดีมากเลย ถ้าใครยังไม่ว่างพอที่จะอ่านเต็มรูปแบบอย่างน้อยก็ท่องศัพท์ไปก่อน เพราะมันใช้เวลานานมากกว่าจะจำได้เป็นส่วนใหญ่ (ของเราประมาณ 2 เดือน) แต่ไม่ต้องกลัว ท่องบ่อยๆ จำได้แน่นอนน แค่ต้องขยันหยิบมันขึ้นมาอ่านตามตาราง
2.2 verbal
อันนี้เราไม่ค่อยถนัดเลย TT สู้กับมันมานานมาก แต่จะพยายามเล่าให้ฟังนะครับ แต่อย่างแรกเลยคืออย่าไปกลัวมัน ตอนแรกมันจะยากยังไงก็ช่าง มันยากอยู่แล้วละก็เราไม่เคยฝึกนี่5555 ต้องฝึกเท่านั้นถึงจะทำได้นะ
- Reading comprehension : อันนี้เห็นด้วยกับรีวิวด้านบนที่แปะไว้เลยครับ พี่เขาอธิบายไว้แล้ว คือ RC ของ GRE จะซับซ้อนกว่า TOEFL/IELTS ค่อนข้างมาก ใช้ศัพย์ยากมากและยังต้องแข่งกับเวลามากๆ ด้วย Manhattan Prep เป็นหนังสือที่มีเทคนิคดีๆ ค่อนข้างเยอะ อธิบายละเอียดว่าควรคิดยังไงในการทำโจทย์แต่ละข้อ เราขอเสริมจากรีวิวด้านบนก็คือเราดูคลิปของ GregMat ด้วย อันนี้ก็ดีมากจริงๆ ใครเริ่มต้นอ่านอยากให้ลองดูคลิป RC ของพี่เขา เขาจะให้ไอเดียเลยว่า Passage นึงจริงๆ เนื้อเรื่องมันก็ Simple ไม่มีอะไร แค่เขียนให้มันยากและมีจุดพลิกแค่นั้นเอง Gregmat จะมี 3 วิธีที่เราชอบมากคือ Simplifying, Steriod, Find important words ใครเริ่มมาฝึกแรกๆ แนะนำว่ายังไม่ต้องจับเวลา ให้อ่านแล้วแบ่งแต่ละส่วนของประโยคว่า มีหน้าที่อะไร(เป็น main idea/ support/ example/ counter/ ...) และ ความหมายมันคืออะไร ถ้าทำได้แบบนี้ รับรองว่า RC จะไม่น่ากลัวเท่าที่คิดแน่ๆ
source : 1. https://www.gregmat.com/learn-verbal - ช่องเรียน verbal ของ Gregmat เราแนะนำให้เริ่มดูคลิป The Three Reading Strategies Being Used Simultaneously ก่อน
2. Manhattan Prep เลยยย
- Sentence Equivalence : อันนี้อาศัยศัพท์ล้วนๆ จำได้มากก็มีโอกาสทำได้มาก จำได้น้อยก็อย่าหวังเลย ส่วนเทคนิคเอามาจาก Manhattan Prep เช่นเดิม เทคนิคที่สำคัญมากๆ คือ find your own word + reuse word in the question + synonym pair in answer รายละเอียดลองอ่านหนังหนังสือเลยน้าา ถ้าใช้ได้คล่องๆ รับรองว่าทำพาร์ทนี้ได้คะแนนดีแน่นอน น่าจะง่ายสุดใน verbal แล้วละ
- Text Completion : ใช้ศัพท์ล้วนๆ อีกเหมือนเดิม55555 ว่าแล้วก็ไปท่องต่อ อันนี้ไม่ได้มีเทคนิคเฉพาะเจาะจงอะไร ที่สำคัญที่สุดเลยคือต้องหา overall meaning ให้ได้ ต้องรู้ว่ามันพยายามจะสื่ออะไร แล้วพยายาม reuse word in the question มาตอบ อันนี้ต้องฝึกเยอะๆ
2.3 quant
พาร์ทนี้เราค่อนข้างไม่มีปัญหาเพราะเราจบมาทางนี้พอดี แต่เราจะมาแนะนำอย่างนึงว่าถ้าอยากได้คะแนน quant สูงมากๆ (165+) แค่เก่งอย่างเดียวไม่พอ คุณต้องฝึกให้เยอะที่สุดเท่าที่จะทำได้ ต้องเก็บรายละเอียดทุกเม็ด ต้องเข้าใจทุกข้อที่เราผิด เนื้อหามันไม่ได้ยากแต่มันยากตรงความละเอียดและรอบคอบ อย่างเราจะมีปัญหาเรื่อง percent กับพวก word problems ถ้าเราทำผิด เราจะจดสรุปทุกข้อผิดพลาดที่ทำไว้เลย แล้วคราวหน้าก็จะไม่ผิดอีก ถ้าใครยังไม่แม่น ลองหาหนังสือพื้นฐานดูนะะมีเยอะมากก สู้ๆ
ปล. อันนี้ดีมากเหมือนกันรวมไว้ครบเลย เกินพอด้วยซ้ำ https://greprepclub.com/forum/gre-math-book-for-the-gre-exam-2609.html
2.4 Analytical Writing
สำคัญมากนะ แนะนำให้ฝึกไปด้วย อันนี้ source ที่เราแนะนำคือ Gregmat เจ้าเดิม เขาจะมี template ของ issue กับ argument task ให้เลย เราจดประโยคที่ใช้บ่อยๆเอาไว้แล้วฝึกทำตอนเช้าทุกวัน สิ่งที่ยากคือทำยังไงให้ทัน55555 ช่วงแรกเราก็ทำนานมาก ทำ task ละชั่วโมง จนค่อยๆ พัฒนานิ้ว+สมอง+สกิล จนเสร็จภายในครึ่งชั่วโมงได้ อันนี้ก็ต้องฝึกทำบ่อยๆ เลยไม่มีทางอื่น แต่รับรองว่าถ้าฝึกเยอะพอก็จะทำทันแน่ๆ เราฝึกประมาณ 50 tasks ก่อนไปสอบ
source : 1. https://www.gregmat.com/learn-writing - ดู step by step guide ได้เลย ดีมากๆ
2.https://www.ets.org/gre/revised_general/prepare/analytical_writing/issue/pool
3.https://www.ets.org/gre/revised_general/prepare/analytical_writing/argument/pool
(2 กับ 3 เป็น pool topics ของ ets เลยย ฝึกจากอันนี้เยอะๆ เลยครับ โดยเฉพาะ issue เรื่องที่ออกบ่อยคือ education, government, leadership, successful พวกนี้ ถ้าจับทางได้จะเขียนได้ง่ายขึ้นเยอะ)
4.ช่อง youtube ของ Alice Chen - อันนี้เราชอบมากเลย อธิบาย writing ไดีดีมาก สอนการ brainstroming ด้วย
การเตรียมตัวโดยรวม
ถ้าใครจะใช้เวลาเท่าเรา (สำหรับเราคิดว่ากำลังดี)
- ช่วงเดือนแรก : พยายามจดศัพท์ให้หมด ท่องให้คุ้นชินบ้างเป็นบางคำ , อ่านพื้นฐาน Quant / verbal ให้เข้าใจ , เริ่มฝึกเขียน AWA
- เดือน 2-3 : อ่านพวก Manhattan Prep, GregMat ให้จบ ตอนนี้เป็นช่วงเวลาฝึกทำโจทย์ ไม่มีทางอื่น หลังถ้าพอทำได้แล้วควรจับเวลาไปด้วย(1 min for SE,TC และ 1.75 min for RC) ดูเฉลยก็สำคัญไม่แพ้กัน ต้องพยายามวิเคราะห์ให้ได้ว่าตัวเองผิดเพราะอะไร ทำไมถึงผิด อย่าทำแล้วผ่านไปเพราะมันจะไม่ได้อะไร เสียเวลาเปล่าาา หรือถ้าจะหา prepcourse ก็ได้เหมือนกันน สำหรับเราเช่า Magoosh 6 เดือนไป ดีอยู่นะแต่ชอบอ่านเองมากกว่า เลยไม่ค่อยได้ใช้ อันนี้แล้วแต่คนฮะ
source ที่ฮิตๆ ก็จะมี
1. https://gre.magoosh.com/ - ของดีราคาถูก ถูกมากถ้าเทียบกับเจ้าอื่น
2. Subscription ของ Gregmat - ไม่แพงและดี ถ้าถูกใจไสตล์การสอนเขาก็จัดไป
3. https://greprepclub.com/forum/ - เป็นสังคม GRE ที่ดีที่สุดแล้ว มีโจทย์ดีๆ + รีวิวเพียบ แต่ไม่มีคนไทยเลย TT
- โค้งสุดท้าย : 2 อาทิตย์สุดท้ายต้องฝึกจับเวลาจริงทุกเช้า คือทำยาวทั้งหมด 5 section เลย อย่างเราจะเริ่มทำตั้งแต่ 8.30 เลิกเที่ยงกว่าๆ อันนี้สำคัญมากเพราะจะฝึกสมองให้ชินกับความล้า ฝึกให้มันคิดได้แม้กระทั่งตอนล้า ถ้าไม่ฝึกแบบนี้รับรองตอนไปสอบจริงพลังหมดก่อนแน่นอน
souce เราเรียงตามนี้เลย
1. หนังสือ McGraw-Hill Education 8 GRE Practice Tests - มี 8 test แต่โจทย์มี V 25 ข้อกับ Q 25ข้อ (ตอนนี้ GRE แบบใหม่เปลี่ยนเป็น 20 ข้อหมดแล้ว) เราถือว่าดีนะ ทำให้มันหนักกว่าความเป็นจริง ตอนสอบจริงจะได้ชินกับความล้าของข้อสอบ
2. หนังสือ Kaplan Practice test - ดีเหมือนกันจ้า ฝึกให้ชินกับข้อสอบ
3. หนังสือ ETS official prep - อันนี้ก็ต้องดีที่สุดอยู่แล้ว เพราะของคนออกข้อสอบ555 ใกล้เคียงกับข้อสอบจริงมาก
4. สำคัญมาก!! คือ online prep : อาทิตย์สุดท้ายให้หันมาทำ online prep ตามเว็บให้หมด (ตามลิ้งนี้ไป : https://web.facebook.com/notes/gre-preparation-free-guidance/12-gre-full-length-practice-test-mocks-completly-free/1823595957883339/) โดยคะแนนเราจะอยู่ใกล้เคียงกับ ets online prep นี่แหละ
3. เตรียมสอบ
สนามสอบอยู่แถวร่มเกล้า เผื่อเวลาไปดีๆ เพราะโคตรไกล สนามสอบอยู่ตึก 2 ชั้น 6 เลย ถ้าเราจองสอบในเว็บ ETS จ่ายตังเรียบร้อยก็เป็นอันใช้ได้ ไม่ต้องโทรไปถามสนามสอบนะเพราะเขาไม่เคยรับ55 อุปกรณ์อะไรไม่ต้องเอามาเยอะ เอาเข้าไม่ได้สักอย่างยกเว้นเสื้อกันหนาวกับบัตรประชาชน
- section แรกเป็น writing เหมือนฝึกที่บ้านเลย ฝึกมาเยอะๆๆ จะได้ไม่เสียกำลังใจตั้งแต่ part แรก (มหาลัยขอดู essay เราจาก ets ได้ด้วยนะเออ)
- เราเจอ section 2 (หลัง AWA) เป็น quant เลย ยากมากกกกกกกก ปกตืเราจะเหลือเวลาสัก 3-5 นาทีมาตรวจคำตอบตลอด แต่ชุดนี้คือทำไม่ทัน เหลือ 6 ข้อ มั่วยังไม่ทันเลย เราใจเสียมากเพราะไม่เหมือนกบตอนซ้อม แต่ก็ต้องสู้ต่อไป section 3 เป็น verbal ไม่มีความมั่นใจใดๆ ทั้งสิ้น แต่ก็เหมือนตอนซ้อมนั่นแหละ ความยากคล้ายๆ กัน
- หลังพักเราเจอ quant อันนี้ค่อนข้างง่ายกว่าอันแรกอยู่ เรารู้สึกว่าทำได้เยอะกว่าอันแรกมาก เลยพอมีกำลังใจละ ต่อมาเป็น verbal ก็เหมือนเดิม อันสุดท้ายเป็น quant พอมีลุ้นละว่าอันแรกอาจจะเป็น experimental อย่างน้อยก็มีโอกาส 1 ใน 3 ที่เราจะโชคดี เลยตั้งใจทำมาก หัวเบลอไปหมดแล้วแต่สู้ไม่ถอย นี่เป็นข้อดีของการทำ mock test เต็มๆที่บ้าน
- สุดท้ายทำเสร็จคะแนนก็จะออกมา แล้วให้เราเลือก school ได้ 4 ที่ ให้จำชื่อ State, country ไปเลยนะก่อนเข้าสอบ จะได้ไม่หลงในนั้น ถ้าออกมาข้างนอกแล้วเสียเงินแพง ถ้าคะแนนแย่ ไม่อยากยื่นก็กดออกไปเลย (แต่มายื่นเสียตังทีหลังในเว็บได้อยู่)
สุดท้ายเราโชคดี quant part แรกที่ยากๆเป็น experimental (unscored section) เป็นข้อคิดเลยว่าอย่าเสียกำลังใจ ตั้งใจทำต่อไป ยากถอดใจกลางห้องสอบ ค่าสอบก็แพง ถ้าเจออะไรยากๆก็ต้องสู้ เราได้คะแนนรวม 323 (v153 q170 3.5AWA)
สรุปคือ GRE มันยากจริง ยอมรับ แต่มันฝึกกันได้ เราก็ท้อมาตั้งแต่ต้นเหมือนกัน เราพยายามอ่านหนังสือเยอะมาก เสียเวลาเล่นเกม เที่ยว ทำนู่นนี่ไปเยอะ แต่สุดท้ายเราก็ทำได้ อยากบอกทุกคนว่าทุกคนก็ทำได้เหมือนกัน ทุกคนเรียนรู้ได้ทั้งนั้น อย่าเพิ่งยอมแพ้ตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่ม เป็นกำลังใจให้และหวังว่ารีวิวนี้จะเป็นประโยชน์ต่อใครหลายๆ คนนะครับ
ปล. ใครสงสัย inbox หรือเม้นถามไว้ได้เลยนะ ถ้าเห็นจะพยายามมาตอบให้นะครับ ;)