สวัสดีค่ะ จขกท. สอบ GRE ไป 2 รอบเมื่อตุลาคมและพฤศจิกาของปีที่แล้ว เพราะว่าได้ทุนไปเรียนต่อปริญญาโทที่อเมริกาค่ะ
GRE ในส่วนของ verbal reasoning คะแนนรอบสองได้ 162 จาก 170 คะแนน ซึ่งเป็น percentile ที่ 90 (ด้วยแรงฮึดเพราะมีคนบอกว่าคะแนนเดิมที่ 150 นิดๆ นั้นน้อยเกินไป) เลยอยากจะมาแบ่งปันว่ามีวิธียังไงบ้างที่ทำให้คะแนนดีขึ้น พื้นฐานเรามีภาษาอังกฤษที่โอเคอยู่แล้ว TOEFL ได้ 111 คะแนน แต่ไม่ได้แปลว่าคะแนน verbal ของ GRE จะใช้ได้ตามไปด้วยนะ มันยากและต้องใช้การเตรียมตัวมากจริงๆ ค่ะ ขออนุญาตไม่รีวิวส่วน quantitative แม้ว่าจริงๆ จะเรียนสายวิทย์ เพราะว่าคนไทยได้เลขเต็มกันเยอะมาก แถมเราไม่ได้เก่งเลขอะไรด้วย 5555+
ในส่วนของข้อสอบ part verbal จะแบ่งเป็น 3 ส่วนหลักๆ คือ
1. text completion - เลือกคำเติมในช่องว่าง อาจจะมีตั้งแต่ 1-3 ช่องให้เติม
2. sentence equivalence - เลือกคำเติมเหมือนกัน แต่ต้องหาคำที่เป็น synonym กันหรือทำให้ประโยคสมบูรณ์ได้ใจความเดียวกัน
3. reading comprehension - ตอบคำถามจาก passage **ซึ่งเป็นส่วนที่ยากที่สุดและสำหรับเราสำคัญที่สุด** เพราะคำตอบมักต้องใช้ตรรกะการวิเคราะห์ ไม่ใช่การกวาดตา fetch หาข้อมูลเหมือนที่อ่านเวลาสอบ TOEFL
การเตรียมตัว
-
ท่องศัพท์:ไม่มีทางอื่นค่ะ ต้องท่องเท่านั้น เพราะศัพท์ GRE เป็นศัพท์ที่ไม่ได้มีใช้ในชีวิตประจำวันเลยยย (ขีดเส้นปากกาแดงสามเส้นใต้คำว่าเลยยย) สำหรับเราท่องประมาณ 1,500 คำ ซึ่งจะมีผลมากสำหรับการทำ 2 parts แรกที่บอกไปด้านบน เพราะถ้าศัพท์ไม่พอเพียงก็จะเกิดอาการอ่านช้อยส์ไม่เข้าใจเลยซักตัวเลือกก็มีมาแล้ว แนะนำให้ค่อยๆ เขียนออกมาเองทีละคำค่ะ นั่งท่องจาก word list ของหนังสือหรือที่คนอื่นทำจะไม่เวิร์ค เราเขียนและหักลบคำที่รู้อยู่แล้วออกจาก high frequency vocab list จากหนังสือ GRE ของ Barron's (รูปด้านล่าง) ซึ่งสำหรับแล้วเราค่อนข้างครบและพอเพียงต่อการสอบค่ะ
ส่วนตัวบางคนบอกว่าทำ flashcards จะได้ผลมากกว่า แบบเขียนศัพท์ด้านหน้า ความหมายด้านหลัง เป็นบัตรคำมาเป็นกองๆ เพื่อลดการจำแบบเป็นอ้างอิงกันว่าคำนี้อยู่ถัดจากคำนี้ อันนี้เราว่าแล้วแต่ความสามารถทางการท่องส่วนตัวค่ะ เราถนัดเขียน word list มากกว่า เพราะเรียน 6 ปี ท่องหนักมากมาตลอด เลยไม่มีปัญหาอะไรค่ะ แต่แนะนำในส่วนของ app มือถือที่ช่วยท่องศัพท์ได้ดีคือของ Magoosh ค่ะ จะมีทั้งที่ทำมาเป็น flashcards (อู้ ไม่ต้องทำเอง) และมีเกมให้กดเลือกความหมายศัพท์ ว่างๆ ก็นั่งกดไปเพลินๆ pool คำศัพท์จะใกล้เคียงกับ Barron's ค่ะ อัน vocab builder จะน่าเบื่อน้อยกว่า
-> GRE Vocabulary Flashcards:
https://itunes.apple.com/us/app/vocabulary-builder-from-magoosh/id890252250?mt=8
-> Vocabulary Builder:
https://itunes.apple.com/us/app/vocabulary-builder-from-magoosh/id890252250?mt=8
ถ้าใครถนัดดูเป็นคลิปก็จะแนะนำของ Magoosh อีกเหมือนกัน คือ GRE vocab wednesdays - คลิปจะมาทุกวันพุธ ทีละ 4-5 คำ และจะมาเป็นธีม เช่น ศัพท์เกี่ยวกับความแก่ ความตาย ความสับสน ฯลฯ ตอนนี้ใน playlist มี 170 กว่าคลิปแล้วค่ะ ง่ายดีเวลามาคนมาพูดให้ฟัง
->
https://www.youtube.com/playlist?list=PL0BE1A07536688372
-
อ่าน passage ของ GRE practice tests: อ่าน อ่านและอ่าน จนกว่าจะอ่านไม่ไหวแล้ว เพราะว่า passage ของ GRE จะจงใจเขียนให้ซับซ้อนเป็นพิเศษ และใส่ pivots หมุนข้อความกลับไปกลับมามามากจนแทบจิตหลุด ปัญหาสำคัญของ GRE คือคำตอบมักไม่อยู่ใน passage ค่ะ choice ดูเผินๆ น่าจะถูก มักเป็นคำตอบที่ผิดเสมอ (ซีเรียสนะ เพราะ ETS จะ recycle คำสำคัญใน passage นั้นมาสร้าง choice หลอก อ่านๆ แล้วเหมือนจะถูก แต่ผิด...)
หนังสือที่ดีมากก ก ไก่ล้านตัว สำหรับการให้ tips ในการทำ reading comprehension คือ Manhattan Prep ค่ะ จะมีคำอธิบายเยอะมาก และบอกว่า passage แต่ละแบบมีอะไรบ้าง และต้องเขียนอะไรออกมาตรงไหน ที่สำคัญสำหรับ passage ที่เป็นแบบ argument คือเราทดประโยคที่เป็น premises, assumptions และ conclusion ออกมาในกระดาษทดค่ะ เพื่อแยกแยะโครงสร้างข้อความ คำถามมักจะเป็นว่า "choice ข้อใดที่ทำให้ข้อความนี้ดูสมเหตุสมผลมากขึ้นหรือน้อยลง" ถ้าอ่านเฉยๆ รับรองว่าคิดไม่ออก และที่สำคัญอีกอย่างในกรณีที่เป็น passage แบบมาเล่าให้ฟังเฉยๆ คือต้องหัดอ่านให้เข้าใจว่า tone ของข้อความนี้ต้องการจะสื่ออะไรและผู้เขียนกำลังสนับสนุนอะไรอยู่ เล่มนี้จะหัดให้เราทำหมดเลย ให้สิบแปดดาว
tip นึงที่เราคิดว่ามีประโยชน์มากต่อการทำ reading comprehension คือการ "ทำตัวให้โง่ลง" อาจจะฟังดูงงๆ แต่นี่แหละสำคัญ
ปัญหานึงที่เรามี (และคิดว่าหลายคนคงจะเป็นเหมือนกัน) คือการใช้ความรู้ตัวเองตอบ ใช่สิ แบบนี้มันต้องถูกสิ ผลของ global warming มันก็ต้องเป็นแบบนี้ บลาๆๆ แต่ GRE หวังให้เราใช้ตรรกะและความรู้ที่บอกมาใน passage
เท่านั้น และคนสอบมักจะ assume เกินสิ่งที่ให้มาไปจนผิด เพราะฉะนั้นการรู้แค่นี้ รู้แค่สิ่งที่เขาเขียนมาในข้อความตรงหน้า สำคัญมากจริงๆ
อีกอย่างที่อยากแนะนำคือ
อย่าอ่าน skim ซึ่งเป็นสิ่งที่เราทำตอนสอบ TOEFL คือการอ่านจบคร่าวๆ ไปอ่านคำถามแล้วกลับมา fetch คำตอบใน passage ซึ่งได้ผลกับ TOEFL เพราะมันง่าย แต่จะทำแบบนั้นกับ GRE ไม่ได้เนื่องจากจะพินาศ ให้ค่อยๆ อ่าน อ่านจนกว่าจะเข้าใจจริงๆ จะได้ผลมากกว่า เพราะคำถามจะเป็นตรรกะให้วิเคราะห์ (แต่ passage บางอันจะค่อนข้างยาว จะปวดหัวมากถ้าเป็นเรื่องการเมืองหรือศิลปะยุคเรเนซองค์ = = ถ้าใครมีปัญหาอ่านช้าอาจจะต้องหัดอ่านเยอะๆ บ่อยๆ เพื่อเพิ่ม speed ค่ะ) เวลาอ่านให้หัด
underline keywords และ circle pivots ค่ะ (เช่น although, nevertheless, however ฯลฯ) คำที่มันจะพลิกความหมายประโยคไปอีกทาง จะทำให้เข้าใจมากขึ้น
_____________________________________________________________________________________________________
หนังสืออื่นๆ ที่เราเคยใช้ก็มี Kaplan GRE Premier ซึ่งส่วนตัวเราว่าง่ายเกินไป ไม่สมน้ำสมเนื้อกับข้อสอบจริง (ทั้ง verbal และเลข) แต่มีข้อดีคือคำอธิบายอ่านง่าย หนังสือน่าอ่านสบายตา ถ้าจะเริ่มจากเล่มนี้สวยๆ ขำๆ ก่อนก็ได้ และที่มีซื้อมาอีกคือ practice test ของ Grockit ค่ะ รวบรวมโจทย์ verbal มาได้ดี และมีให้ทำเยอะมากกก (ซึ่งไม่รู้ยังมีขายรึเปล่านะ เพราะ Grockit ถูกเทคโอเวอร์โดย Kaplan ไปแล้ว ขนาดเวบยังปิดไป แต่เราเคยซื้อที่ศูนย์หนังสือจุฬาเมื่อตุลาปีที่แล้วค่ะ)
ถ้ามีคำถามอะไรเพิ่มเติมทิ้งไว้ได้ค่ะ ถามเรื่องส่วนเลขหรือ essay ก็ได้ถ้าสงสัย เดี๋ยวจะกลับมาตอบให้นะคะ ^^
[รีวิว] วิธีพัฒนาคะแนนสอบ GRE verbal reasoning ให้ได้ percentile ที่ 90
GRE ในส่วนของ verbal reasoning คะแนนรอบสองได้ 162 จาก 170 คะแนน ซึ่งเป็น percentile ที่ 90 (ด้วยแรงฮึดเพราะมีคนบอกว่าคะแนนเดิมที่ 150 นิดๆ นั้นน้อยเกินไป) เลยอยากจะมาแบ่งปันว่ามีวิธียังไงบ้างที่ทำให้คะแนนดีขึ้น พื้นฐานเรามีภาษาอังกฤษที่โอเคอยู่แล้ว TOEFL ได้ 111 คะแนน แต่ไม่ได้แปลว่าคะแนน verbal ของ GRE จะใช้ได้ตามไปด้วยนะ มันยากและต้องใช้การเตรียมตัวมากจริงๆ ค่ะ ขออนุญาตไม่รีวิวส่วน quantitative แม้ว่าจริงๆ จะเรียนสายวิทย์ เพราะว่าคนไทยได้เลขเต็มกันเยอะมาก แถมเราไม่ได้เก่งเลขอะไรด้วย 5555+
ในส่วนของข้อสอบ part verbal จะแบ่งเป็น 3 ส่วนหลักๆ คือ
1. text completion - เลือกคำเติมในช่องว่าง อาจจะมีตั้งแต่ 1-3 ช่องให้เติม
2. sentence equivalence - เลือกคำเติมเหมือนกัน แต่ต้องหาคำที่เป็น synonym กันหรือทำให้ประโยคสมบูรณ์ได้ใจความเดียวกัน
3. reading comprehension - ตอบคำถามจาก passage **ซึ่งเป็นส่วนที่ยากที่สุดและสำหรับเราสำคัญที่สุด** เพราะคำตอบมักต้องใช้ตรรกะการวิเคราะห์ ไม่ใช่การกวาดตา fetch หาข้อมูลเหมือนที่อ่านเวลาสอบ TOEFL
การเตรียมตัว
- ท่องศัพท์:ไม่มีทางอื่นค่ะ ต้องท่องเท่านั้น เพราะศัพท์ GRE เป็นศัพท์ที่ไม่ได้มีใช้ในชีวิตประจำวันเลยยย (ขีดเส้นปากกาแดงสามเส้นใต้คำว่าเลยยย) สำหรับเราท่องประมาณ 1,500 คำ ซึ่งจะมีผลมากสำหรับการทำ 2 parts แรกที่บอกไปด้านบน เพราะถ้าศัพท์ไม่พอเพียงก็จะเกิดอาการอ่านช้อยส์ไม่เข้าใจเลยซักตัวเลือกก็มีมาแล้ว แนะนำให้ค่อยๆ เขียนออกมาเองทีละคำค่ะ นั่งท่องจาก word list ของหนังสือหรือที่คนอื่นทำจะไม่เวิร์ค เราเขียนและหักลบคำที่รู้อยู่แล้วออกจาก high frequency vocab list จากหนังสือ GRE ของ Barron's (รูปด้านล่าง) ซึ่งสำหรับแล้วเราค่อนข้างครบและพอเพียงต่อการสอบค่ะ
ส่วนตัวบางคนบอกว่าทำ flashcards จะได้ผลมากกว่า แบบเขียนศัพท์ด้านหน้า ความหมายด้านหลัง เป็นบัตรคำมาเป็นกองๆ เพื่อลดการจำแบบเป็นอ้างอิงกันว่าคำนี้อยู่ถัดจากคำนี้ อันนี้เราว่าแล้วแต่ความสามารถทางการท่องส่วนตัวค่ะ เราถนัดเขียน word list มากกว่า เพราะเรียน 6 ปี ท่องหนักมากมาตลอด เลยไม่มีปัญหาอะไรค่ะ แต่แนะนำในส่วนของ app มือถือที่ช่วยท่องศัพท์ได้ดีคือของ Magoosh ค่ะ จะมีทั้งที่ทำมาเป็น flashcards (อู้ ไม่ต้องทำเอง) และมีเกมให้กดเลือกความหมายศัพท์ ว่างๆ ก็นั่งกดไปเพลินๆ pool คำศัพท์จะใกล้เคียงกับ Barron's ค่ะ อัน vocab builder จะน่าเบื่อน้อยกว่า
-> GRE Vocabulary Flashcards: https://itunes.apple.com/us/app/vocabulary-builder-from-magoosh/id890252250?mt=8
-> Vocabulary Builder: https://itunes.apple.com/us/app/vocabulary-builder-from-magoosh/id890252250?mt=8
ถ้าใครถนัดดูเป็นคลิปก็จะแนะนำของ Magoosh อีกเหมือนกัน คือ GRE vocab wednesdays - คลิปจะมาทุกวันพุธ ทีละ 4-5 คำ และจะมาเป็นธีม เช่น ศัพท์เกี่ยวกับความแก่ ความตาย ความสับสน ฯลฯ ตอนนี้ใน playlist มี 170 กว่าคลิปแล้วค่ะ ง่ายดีเวลามาคนมาพูดให้ฟัง
-> https://www.youtube.com/playlist?list=PL0BE1A07536688372
- อ่าน passage ของ GRE practice tests: อ่าน อ่านและอ่าน จนกว่าจะอ่านไม่ไหวแล้ว เพราะว่า passage ของ GRE จะจงใจเขียนให้ซับซ้อนเป็นพิเศษ และใส่ pivots หมุนข้อความกลับไปกลับมามามากจนแทบจิตหลุด ปัญหาสำคัญของ GRE คือคำตอบมักไม่อยู่ใน passage ค่ะ choice ดูเผินๆ น่าจะถูก มักเป็นคำตอบที่ผิดเสมอ (ซีเรียสนะ เพราะ ETS จะ recycle คำสำคัญใน passage นั้นมาสร้าง choice หลอก อ่านๆ แล้วเหมือนจะถูก แต่ผิด...)
หนังสือที่ดีมากก ก ไก่ล้านตัว สำหรับการให้ tips ในการทำ reading comprehension คือ Manhattan Prep ค่ะ จะมีคำอธิบายเยอะมาก และบอกว่า passage แต่ละแบบมีอะไรบ้าง และต้องเขียนอะไรออกมาตรงไหน ที่สำคัญสำหรับ passage ที่เป็นแบบ argument คือเราทดประโยคที่เป็น premises, assumptions และ conclusion ออกมาในกระดาษทดค่ะ เพื่อแยกแยะโครงสร้างข้อความ คำถามมักจะเป็นว่า "choice ข้อใดที่ทำให้ข้อความนี้ดูสมเหตุสมผลมากขึ้นหรือน้อยลง" ถ้าอ่านเฉยๆ รับรองว่าคิดไม่ออก และที่สำคัญอีกอย่างในกรณีที่เป็น passage แบบมาเล่าให้ฟังเฉยๆ คือต้องหัดอ่านให้เข้าใจว่า tone ของข้อความนี้ต้องการจะสื่ออะไรและผู้เขียนกำลังสนับสนุนอะไรอยู่ เล่มนี้จะหัดให้เราทำหมดเลย ให้สิบแปดดาว
tip นึงที่เราคิดว่ามีประโยชน์มากต่อการทำ reading comprehension คือการ "ทำตัวให้โง่ลง" อาจจะฟังดูงงๆ แต่นี่แหละสำคัญ
ปัญหานึงที่เรามี (และคิดว่าหลายคนคงจะเป็นเหมือนกัน) คือการใช้ความรู้ตัวเองตอบ ใช่สิ แบบนี้มันต้องถูกสิ ผลของ global warming มันก็ต้องเป็นแบบนี้ บลาๆๆ แต่ GRE หวังให้เราใช้ตรรกะและความรู้ที่บอกมาใน passage เท่านั้น และคนสอบมักจะ assume เกินสิ่งที่ให้มาไปจนผิด เพราะฉะนั้นการรู้แค่นี้ รู้แค่สิ่งที่เขาเขียนมาในข้อความตรงหน้า สำคัญมากจริงๆ
อีกอย่างที่อยากแนะนำคือ อย่าอ่าน skim ซึ่งเป็นสิ่งที่เราทำตอนสอบ TOEFL คือการอ่านจบคร่าวๆ ไปอ่านคำถามแล้วกลับมา fetch คำตอบใน passage ซึ่งได้ผลกับ TOEFL เพราะมันง่าย แต่จะทำแบบนั้นกับ GRE ไม่ได้เนื่องจากจะพินาศ ให้ค่อยๆ อ่าน อ่านจนกว่าจะเข้าใจจริงๆ จะได้ผลมากกว่า เพราะคำถามจะเป็นตรรกะให้วิเคราะห์ (แต่ passage บางอันจะค่อนข้างยาว จะปวดหัวมากถ้าเป็นเรื่องการเมืองหรือศิลปะยุคเรเนซองค์ = = ถ้าใครมีปัญหาอ่านช้าอาจจะต้องหัดอ่านเยอะๆ บ่อยๆ เพื่อเพิ่ม speed ค่ะ) เวลาอ่านให้หัด underline keywords และ circle pivots ค่ะ (เช่น although, nevertheless, however ฯลฯ) คำที่มันจะพลิกความหมายประโยคไปอีกทาง จะทำให้เข้าใจมากขึ้น
หนังสืออื่นๆ ที่เราเคยใช้ก็มี Kaplan GRE Premier ซึ่งส่วนตัวเราว่าง่ายเกินไป ไม่สมน้ำสมเนื้อกับข้อสอบจริง (ทั้ง verbal และเลข) แต่มีข้อดีคือคำอธิบายอ่านง่าย หนังสือน่าอ่านสบายตา ถ้าจะเริ่มจากเล่มนี้สวยๆ ขำๆ ก่อนก็ได้ และที่มีซื้อมาอีกคือ practice test ของ Grockit ค่ะ รวบรวมโจทย์ verbal มาได้ดี และมีให้ทำเยอะมากกก (ซึ่งไม่รู้ยังมีขายรึเปล่านะ เพราะ Grockit ถูกเทคโอเวอร์โดย Kaplan ไปแล้ว ขนาดเวบยังปิดไป แต่เราเคยซื้อที่ศูนย์หนังสือจุฬาเมื่อตุลาปีที่แล้วค่ะ)
ถ้ามีคำถามอะไรเพิ่มเติมทิ้งไว้ได้ค่ะ ถามเรื่องส่วนเลขหรือ essay ก็ได้ถ้าสงสัย เดี๋ยวจะกลับมาตอบให้นะคะ ^^