ยิ่งลักษณ์-ทักษิณ ชวนกินผลไม้ไทย ฝากหน่วยงานรัฐหาตลาดใหม่ๆ-พัฒนาผลผลิต
https://www.matichon.co.th/politics/news_2808750
ยิ่งลักษณ์-ทักษิณ ชวนกินผลไม้ไทย ฝากหน่วยงานรัฐ หาตลาดใหม่ๆ-พัฒนาผลผลิต
เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางสาว
ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เขียนข้อควมทางเฟซบุ๊ก ระบุว่า
ในช่วงหน้าฝนของไทย จะเป็นช่วงที่ผลไม้ออกพร้อมกันจากหลายภาคทั่วประเทศไทย แต่ด้วยวิกฤติโรคระบาดประกอบกับช่วงนี้มีผลไม้หลากชนิดกำลังออกมาพร้อมๆ กัน ทำให้ดิฉันเป็นห่วงยอดการบริโภคและช่องการจำหน่ายผลไม้ที่อาจจะลดลง ส่งผลให้ผลผลิตล้นตลาด กระทบต่อชีวิตของเกษตรกรที่อาจต้องขายพืชผลในราคาต่ำ ขาดทุนกับสิ่งที่ได้ลงทุนลงแรงไป
ดิฉันเห็นว่าเราต้องเพิ่มมูลค่าให้กับผลไม้ด้วยการผูกเรื่องราวที่น่าสนใจของผลไม้หรือสินค้าเกษตรเข้ากับสิ่งรอบตัวในท้องถิ่นค่ะ พร้อมกันนี้อยากฝากไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นประสานหาตลาดใหม่ๆ และทำงานร่วมกับเกษตรกรในการพัฒนาพันธุ์ ป้องกันโรคระบาด อีกทั้งต้องมีการวางแผนการผลิตล่วงหน้า ซึ่งจะทำให้รู้ปริมาณผลผลิต ขณะเดียวกันต้องสร้างกลไกการแลกเปลี่ยนสินค้ากับจังหวัดอื่น พร้อมร่วมกับภาคเอกชนในพื้นที่ให้นำผลไม้บางส่วนไปแปรรูป สิ่งเหล่านี้ทุกฝ่ายต้องวางแผนร่วมกันเพื่อช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกรค่ะ ไม่ไช่ปล่อยไปตามยถากรรม
ดิฉันขอชื่นชมเกษตรกรที่พัฒนาตนเอง เช่น ทุเรียนและมังคุดจากสวนจิตนิยม ปราจีนบุรี ที่มีคนส่งมาให้ เป็นผลไม้ที่มีคุณภาพดีมากค่ะ ทราบมาว่าทำกันมา 4 ชั่วอายุคนแล้ว ใส่ใจในทุกรายละเอียด มุ่งมั่นทำให้สวนเป็นเกษตรอินทรีย์ 100% มีการคัดเลือกพันธุ์ที่ดี ปลูกพืชผสมผสาน ให้ความสำคัญกับน้ำที่ใช้ มีการบำรุงรักษาทุกต้นอย่างใกล้ชิด เพราะผลไม้ที่มาจากต้นที่มีอายุมากเท่าไหร่รสชาติก็จะยิ่งอร่อยมากเท่านั้นค่ะ อย่างเช่นทุเรียนกบชายน้ำของที่นี่มาจากต้นที่มีอายุกว่า 50 ปี สามารถเก็บรักษาไว้ได้นานโดยที่ไม่เสีย แม้ทิ้งไว้นานเนื้อก็จะไม่เละ ไม่เป็นปลาร้า ทำให้ทุเรียนผลแรกของฤดูกาล หรือที่เรียกว่าทุเรียนนางพญา จองกันข้ามปี ราคาลูกละแสนกว่าบาทเลยค่ะ
แต่ไม่ใช่เกษตรกรทุกรายที่จะขายสินค้าเกษตรรายได้ดี ดิฉันจึงอยากให้ทุกคนมีส่วนร่วมในการสนับสนุนผลไม้และสินค้าจากเกษตรกรไทยกันนะคะ อาจจะซื้อไปรับประทานเองหรือนำไปฝากญาติมิตรเพื่อนฝูงก็ถือว่าช่วยเกษตรกรได้ทางหนึ่ง ในภาวะที่สถานการณ์โรคระบาดยังไม่คลี่คลาย ใครที่ยังพอไหวอาจจะช่วยกันคนละไม้คนละมือเพื่อให้ทุกคนผ่านวิกฤติครั้งนี้ไปได้
ดิฉันเองแม้ตัวอยู่ไกลแต่ก็พร้อมสนับสนุนและเป็นสื่อกลางในการช่วยประชาสัมพันธ์พืชผลทางการเกษตรให้กับพี่น้องประชาชนทุกจังหวัดค่ะ ท่านสามารถใช้ช่องแสดงความเห็นข้างล่างเพื่อโพสต์ผลิตภัณฑ์การเกษตรของท่านได้เลยนะคะ
https://www.facebook.com/Y.Shinawatra/posts/4500304850013935
'วัคซีน' ฝุ่นตลบ 'อัยการ' โต้ถูกโยนบาป ยันไม่ได้ยื้อสัญญาโมเดอร์นา อภ. เพิ่งส่งให้ตรวจ
https://www.matichon.co.th/covid19/news_2808722
‘วัคซีน’ ฝุ่นตลบ ‘อัยการ’ โต้ถูกโยนบาป ยันไม่ได้ยื้อสัญญาโมเดอร์นา องค์การเภสัชฯ เพิ่งส่งเอกสารให้ตรวจ
วันที่ 3 กรกฎาคม สัญญาซื้อวัคซีนป้องกันโควิดทางเลือกยังล่าช้า หลายฝ่ายออกมาตั้งคำถามว่าติดขัดตรงไหน อย่างไร กระทั่งมีข่าวปล่อยโยนบาปให้ไปสำนักอัยการสูงสุดว่า ร่างสัญญาจัดซื้อวัคซีนโมเดอร์นาค้างอยู่ที่สำนักงานอัยการฯนานหลายเดือนแล้ว ทางสำนักงานอัยการฯจึงต้องออกมาชี้แจงว่า ไม่เป็นความจริง
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม นาย
ประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวว่า ตามที่มีข่าวว่าองค์การเภสัชกรรม(อภ.) ยังไม่ได้เซ็นสัญญาซื้อวัคซีนโมเดอร์นากับผู้ขายได้ เพราะการตรวจร่างสัญญาจัดซื้อค้างอยู่ที่สำนักงานอัยการฯหลายเดือนแล้วนั้น ขอชี้แจงว่า 1.ข่าวดังกล่าวไม่มีมูลความจริง เพราะไม่เคยมีหน่วยงานใดหรือองค์กรใดส่งร่างสัญญาเกี่ยวกับการจัดซื้อวัคซีนโมเดอร์นาให้กับสำนักงานอัยการสูงสุดพิจารณาตรวจร่างแต่อย่างใด
นาย
ประยุทธกล่าวว่า
2. ที่ผ่านมาสำนักงานอัยการสูงสุดเคยได้รับการร้องขอจาก อภ. ให้ตรวจร่างสัญญาจัดซื้อวัคซีนซิโนแวค ซึ่งสำนักงานอัยการสูงสุดได้พิจารณาตรวจร่างสัญญาให้แล้วเสร็จภายใน 1 วัน และสำนักงานอัยการสูงสุดได้รับการร้องขอจากสถาบันวัคซีนแห่งชาติ และกรมควบคุมโรค ให้ตรวจร่างสัญญาจัดซื้อวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า ซึ่งทั้งสองสัญญาสำนักงานอัยการสูงสุดพิจารณาตรวจร่างสัญญาแล้วเสร็จภายใน 5 วัน โดยสำนักงานอัยการสูงสุดพิจารณาตรวจร่างสัญญาอย่างรอบคอบ รัดกุมและรวดเร็ว เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับประเทศชาติ และประชาชน
ต่อมา นาย
ประยุทธให้สัมภาษณ์อีกครั้งว่า หลัง อภ.เเถลงว่าส่งร่างสัญญาจัดซื้อวัคซีนโมเดอร์นา ให้สำนักงานอัยการฯช่วงบ่ายวันเดียวกันนี้ ก็คาดว่า สำนักงานอัยการฯจะได้รับร่างดังกล่าวช่วงเช้าวันที่ 5 กรกฏาคมซึ่งทางสำนักงานอัยการฯ จะพิจารณาตรวจร่างสัญญาโดยเร็วและรอบคอบ
นาย
ประยุทธกล่าวว่า ส่วนสัญญาจัดซื้อวัคซีนไฟเซอร์จากกรมควบคุมโรค เมื่อวันที่ 29 มิถุนายนที่ผ่านมา สำนักงานอัยการฯได้รับร่างสัญญาจัดซื้อจำนวน 20 ล้านโดส โดยวันเดียวกันนี้ทางอัยการตรวจร่างสัญญาเสร็จเเล้ว และแจ้งให้กรมควบคุมโรคมารับร่างสัญญาในวันที่ 5 กรกฎาคมนี้
ด้าน นพ.วิฑูรย์ ด่านวิบูลย์ ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม (อภ.) กล่าวถึงการจัดหาวัคซีนทางเลือกวัคซีนโมเดอร์นา ว่า เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม ได้ประชุมหารือร่วมกันระหว่าง อภ. กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) สมาคมโรงพยาบาลเอกชน และ บริษัท ซิลลิค ฟาร์มา จํากัด ซึ่งเป็นตัวแทนของโมเดอร์นาในต่างประเทศเพียงผู้เดียวทำหน้าที่เป็นผู้นำเข้าและขึ้นทะเบียนวัคซีนโมเดอร์นาในประเทศไทย
“ได้รับคำยืนยันจากบริษัทว่า ในช่วงแรกวัคซีนที่จะนำเข้ามาในไตรมาส 4/2564 และไตรมาสที่ 1/2565 รวม 5 ล้านโดส ส่วนร่างสัญญาจัดหาสินค้า (Supply Agreement) ได้ส่งให้อัยการสูงสุดแล้วเมื่อบ่ายวันที่ 2 กรกฎาคม หลังจากนั้นจะลงนามสัญญาจัดหาสินค้ากับบริษัท ซิลลิคฯ ตามกำหนดเดิมต้นเดือนสิงหาคม โดยช่วงเดือนกรกฎาคมนี้ ให้โรงพยาบาลเอกชน แจ้งจำนวนวัคซีน พร้อมงบประมาณให้กับ อภ.” นพ.
วิฑูรย์ กล่าว
ด้าน นพ.
บุญ วนาสิน ประธานกรรมการ บริษัท ธนบุรี เฮลท์ แคร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ THG เปิดเผยผ่านรายการ เรื่องเล่าเช้านี้ กรณีการนำเข้าวัคซีนโมเดอร์นา และไฟเซอร์ ที่ล่าช้า ว่า เครือโรงพยาบาลธนบุรี วางแผนตั้งแต่เดือนตุลาคม 2563 เพื่อนำเข้าวัคซีน 4-5 ชนิด 50 ล้านโดส แต่รัฐบาลบอกว่าต้องซื้อขายผ่านรัฐต่อรัฐ และห้ามซื้อวัคซีน 5 ชนิดที่รัฐบาลจะสั่งซื้อ จึงเหลือเพียง 3 ยี่ห้อที่เอกชนซื้อได้ คือ โมเดอร์นา ไฟเซอร์ และโนวาแวกซ์ แต่ต้องซื้อผ่าน อภ. แต่ก็สงสัยว่าทำไมจึงล่าช้า
“ผมโทรไปต่อว่าประธานบริษัทผู้ผลิตที่สนิทกัน โทรไปหาทูตสหรัฐ ว่าคุณเห็นประเทศไทยเป็นอย่างไร เราเป็นเพื่อนที่ดีกับคุณมาตลอด ทำไมคุณให้เราช้า ขณะที่ประเทศอื่น ในเอเชียอย่างฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย มาเลเซีย สิงคโปร์ ได้แล้ว แต่ไทยไม่มีสักโดส เขาตอบว่าทางเราไม่เซ็นสัญญา” นพ.
บุญกล่าวและว่า อยากฟังความชัดเจนจากรัฐบาลว่าทำไมการสั่งวัคซีน mRNA ถึงได้ช้า ทั้งที่ไฟเซอร์และโมเดอร์นา ได้ผลดีที่สุด ผลข้างเคียงน้อยสุด
บุคลากรการแพทย์-ประชาชน ร่วมลงชื่อ ร้องรัฐบาลซื้อวัคซีน mRNA เร่งด่วน ทะลุแสนคน
https://www.matichon.co.th/politics/news_2808651
ล่าชื่อร้องรัฐบาลซื้อวัคซีน mRNA เร่งด่วน ทะลุแสนชื่อ บุคลากรการแพทย์ร่วมด้วยทั่วประเทศ
จากกรณีที่ ภาคีบุคลากรสาธารณสุข และ บุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้า ร่วมกันเปิดแคมเปญล่าชื่อ เรียกร้องไห้รัฐบาลนำเข้าวัคซีน mRNA อย่างเร่งด่วน เพราะกังวลว่าสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิดในประเทศไทยจะแย่ลง วัคซีนที่มีไม่รองรับสายพันธุ์เดลต้า โดยเฉพาะบุคลากรทางการแพทย์ด้านหน้าซึ่งต้องแบกรับความเสี่ยงมากที่สุด และอาจเป็นผู้กระจายเชื้อได้
ล่าสุดวันที่ 2 มิถุนายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แคมเปญดังกล่าวมีบุคลากรทางการแพทย์ และประชาชน เข้าร่วมลงชื่อมากกว่า 100,000 รายชื่อ เพื่อเรียกร้องข้อเสนอต่อรัฐบาล โดยเป็นบุคลากรทางการแพทย์จากทั่วประเทศด้วย แต่ทั้งนี้ยังไม่มีการเปิดเผยจำนวนว่ามีจำนวนเท่าใด
ทั้งนี้แคมเปญดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 29 มิถุนายน ที่ผ่านมา โดย กลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้า ภาคีบุคลากรสาธารณสุข ได้ร่วมกันเปิดแคมเปญรณรงค์รวบรวมรายชื่อบุคลากรทางการแพทย์จากทั่วประเทศ เพื่อส่งเสียงเรียกร้องไปยังรัฐบาล เร่งจัดหาวัคซีนที่มีประสิทธิภาพสูง ทั้งในการป้องกันการเสียชีวิตและป้องกันการแพร่ระบาด ในการต่อสู้กับโควิดเป็นการเร่งด่วน
แถลงการณ์ของบุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้าเพื่อเรียกร้องการนำเข้า mRNA วัคซีนสำหรับโรคโควิด 19 เป็นกรณีเร่งด่วน ระบุว่า
เนื่องจากสถานการณ์การติดเชื้อของโรคโควิด 19 ในประเทศไทย มีความน่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง จำนวนการคนติดเชื้อและการเสียชีวิตมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ นอกจากนี้ทางบุคลากรทางการแพทย์มีความเป็นห่วงว่าสถานการณ์อาจจะแย่ลงได้เนื่องจากสายพันธ์เดลต้า มักจะมีการแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็วกว่าสายพันธ์อื่นๆ
ในมุมมองทางการแพทย์ ในขณะนี้ประเทศไทยจำนวนบุคลากรจำกัด วัสดุอุปกรณ์รวมถึงสถานที่จำเป็นในการรองรับผู้ป่วยโดยเฉพาะผู้ป่วยวิกฤตมีความจำกัด ทางบุคลากรทางการแพทย์ได้ตระหนักถึงความสำคัญในการเร่งการนำเข้า mRNA วัคซีน ซึ่งในทางการแพทย์ถือว่าเป็นวัคซีนที่มีประสิทธิภาพสูง** จะมีประโยชน์อย่างยิ่ง ในแง่การป้องการเสียชีวิต การป้องกันการแพร่ระบาดได้สูง ซึ่งจะนำมาซึ่งประโยชน์ต่อการควบคุมโรคโควิด 19
ทางกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้าขอเรียกร้องให้รัฐบาล รวมถึงองค์การเภสัชกรรมมีการนำเข้า mRNA vaccine (Pfizer และ Moderna) เข้ามาเป็นการเร่งด่วน เพื่อทำการสร้างภูมิคุ้มกันให้กับประชาชนต่อไป
JJNY : ยิ่งลักษณ์-ทักษิณ ชวนกินผลไม้ไทย│'อัยการ'โต้ถูกโยนบาป│ลงชื่อร้องซื้อmRNAทะลุแสน│จะได้แท็บเล็ต แม่ใจสลาย-ลูกผูกคอ
https://www.matichon.co.th/politics/news_2808750
ยิ่งลักษณ์-ทักษิณ ชวนกินผลไม้ไทย ฝากหน่วยงานรัฐ หาตลาดใหม่ๆ-พัฒนาผลผลิต
เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เขียนข้อควมทางเฟซบุ๊ก ระบุว่า
ในช่วงหน้าฝนของไทย จะเป็นช่วงที่ผลไม้ออกพร้อมกันจากหลายภาคทั่วประเทศไทย แต่ด้วยวิกฤติโรคระบาดประกอบกับช่วงนี้มีผลไม้หลากชนิดกำลังออกมาพร้อมๆ กัน ทำให้ดิฉันเป็นห่วงยอดการบริโภคและช่องการจำหน่ายผลไม้ที่อาจจะลดลง ส่งผลให้ผลผลิตล้นตลาด กระทบต่อชีวิตของเกษตรกรที่อาจต้องขายพืชผลในราคาต่ำ ขาดทุนกับสิ่งที่ได้ลงทุนลงแรงไป
ดิฉันเห็นว่าเราต้องเพิ่มมูลค่าให้กับผลไม้ด้วยการผูกเรื่องราวที่น่าสนใจของผลไม้หรือสินค้าเกษตรเข้ากับสิ่งรอบตัวในท้องถิ่นค่ะ พร้อมกันนี้อยากฝากไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นประสานหาตลาดใหม่ๆ และทำงานร่วมกับเกษตรกรในการพัฒนาพันธุ์ ป้องกันโรคระบาด อีกทั้งต้องมีการวางแผนการผลิตล่วงหน้า ซึ่งจะทำให้รู้ปริมาณผลผลิต ขณะเดียวกันต้องสร้างกลไกการแลกเปลี่ยนสินค้ากับจังหวัดอื่น พร้อมร่วมกับภาคเอกชนในพื้นที่ให้นำผลไม้บางส่วนไปแปรรูป สิ่งเหล่านี้ทุกฝ่ายต้องวางแผนร่วมกันเพื่อช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกรค่ะ ไม่ไช่ปล่อยไปตามยถากรรม
ดิฉันขอชื่นชมเกษตรกรที่พัฒนาตนเอง เช่น ทุเรียนและมังคุดจากสวนจิตนิยม ปราจีนบุรี ที่มีคนส่งมาให้ เป็นผลไม้ที่มีคุณภาพดีมากค่ะ ทราบมาว่าทำกันมา 4 ชั่วอายุคนแล้ว ใส่ใจในทุกรายละเอียด มุ่งมั่นทำให้สวนเป็นเกษตรอินทรีย์ 100% มีการคัดเลือกพันธุ์ที่ดี ปลูกพืชผสมผสาน ให้ความสำคัญกับน้ำที่ใช้ มีการบำรุงรักษาทุกต้นอย่างใกล้ชิด เพราะผลไม้ที่มาจากต้นที่มีอายุมากเท่าไหร่รสชาติก็จะยิ่งอร่อยมากเท่านั้นค่ะ อย่างเช่นทุเรียนกบชายน้ำของที่นี่มาจากต้นที่มีอายุกว่า 50 ปี สามารถเก็บรักษาไว้ได้นานโดยที่ไม่เสีย แม้ทิ้งไว้นานเนื้อก็จะไม่เละ ไม่เป็นปลาร้า ทำให้ทุเรียนผลแรกของฤดูกาล หรือที่เรียกว่าทุเรียนนางพญา จองกันข้ามปี ราคาลูกละแสนกว่าบาทเลยค่ะ
แต่ไม่ใช่เกษตรกรทุกรายที่จะขายสินค้าเกษตรรายได้ดี ดิฉันจึงอยากให้ทุกคนมีส่วนร่วมในการสนับสนุนผลไม้และสินค้าจากเกษตรกรไทยกันนะคะ อาจจะซื้อไปรับประทานเองหรือนำไปฝากญาติมิตรเพื่อนฝูงก็ถือว่าช่วยเกษตรกรได้ทางหนึ่ง ในภาวะที่สถานการณ์โรคระบาดยังไม่คลี่คลาย ใครที่ยังพอไหวอาจจะช่วยกันคนละไม้คนละมือเพื่อให้ทุกคนผ่านวิกฤติครั้งนี้ไปได้
ดิฉันเองแม้ตัวอยู่ไกลแต่ก็พร้อมสนับสนุนและเป็นสื่อกลางในการช่วยประชาสัมพันธ์พืชผลทางการเกษตรให้กับพี่น้องประชาชนทุกจังหวัดค่ะ ท่านสามารถใช้ช่องแสดงความเห็นข้างล่างเพื่อโพสต์ผลิตภัณฑ์การเกษตรของท่านได้เลยนะคะ
https://www.facebook.com/Y.Shinawatra/posts/4500304850013935
'วัคซีน' ฝุ่นตลบ 'อัยการ' โต้ถูกโยนบาป ยันไม่ได้ยื้อสัญญาโมเดอร์นา อภ. เพิ่งส่งให้ตรวจ
https://www.matichon.co.th/covid19/news_2808722
‘วัคซีน’ ฝุ่นตลบ ‘อัยการ’ โต้ถูกโยนบาป ยันไม่ได้ยื้อสัญญาโมเดอร์นา องค์การเภสัชฯ เพิ่งส่งเอกสารให้ตรวจ
วันที่ 3 กรกฎาคม สัญญาซื้อวัคซีนป้องกันโควิดทางเลือกยังล่าช้า หลายฝ่ายออกมาตั้งคำถามว่าติดขัดตรงไหน อย่างไร กระทั่งมีข่าวปล่อยโยนบาปให้ไปสำนักอัยการสูงสุดว่า ร่างสัญญาจัดซื้อวัคซีนโมเดอร์นาค้างอยู่ที่สำนักงานอัยการฯนานหลายเดือนแล้ว ทางสำนักงานอัยการฯจึงต้องออกมาชี้แจงว่า ไม่เป็นความจริง
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม นายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวว่า ตามที่มีข่าวว่าองค์การเภสัชกรรม(อภ.) ยังไม่ได้เซ็นสัญญาซื้อวัคซีนโมเดอร์นากับผู้ขายได้ เพราะการตรวจร่างสัญญาจัดซื้อค้างอยู่ที่สำนักงานอัยการฯหลายเดือนแล้วนั้น ขอชี้แจงว่า 1.ข่าวดังกล่าวไม่มีมูลความจริง เพราะไม่เคยมีหน่วยงานใดหรือองค์กรใดส่งร่างสัญญาเกี่ยวกับการจัดซื้อวัคซีนโมเดอร์นาให้กับสำนักงานอัยการสูงสุดพิจารณาตรวจร่างแต่อย่างใด
นายประยุทธกล่าวว่า
2. ที่ผ่านมาสำนักงานอัยการสูงสุดเคยได้รับการร้องขอจาก อภ. ให้ตรวจร่างสัญญาจัดซื้อวัคซีนซิโนแวค ซึ่งสำนักงานอัยการสูงสุดได้พิจารณาตรวจร่างสัญญาให้แล้วเสร็จภายใน 1 วัน และสำนักงานอัยการสูงสุดได้รับการร้องขอจากสถาบันวัคซีนแห่งชาติ และกรมควบคุมโรค ให้ตรวจร่างสัญญาจัดซื้อวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า ซึ่งทั้งสองสัญญาสำนักงานอัยการสูงสุดพิจารณาตรวจร่างสัญญาแล้วเสร็จภายใน 5 วัน โดยสำนักงานอัยการสูงสุดพิจารณาตรวจร่างสัญญาอย่างรอบคอบ รัดกุมและรวดเร็ว เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับประเทศชาติ และประชาชน
ต่อมา นายประยุทธให้สัมภาษณ์อีกครั้งว่า หลัง อภ.เเถลงว่าส่งร่างสัญญาจัดซื้อวัคซีนโมเดอร์นา ให้สำนักงานอัยการฯช่วงบ่ายวันเดียวกันนี้ ก็คาดว่า สำนักงานอัยการฯจะได้รับร่างดังกล่าวช่วงเช้าวันที่ 5 กรกฏาคมซึ่งทางสำนักงานอัยการฯ จะพิจารณาตรวจร่างสัญญาโดยเร็วและรอบคอบ
นายประยุทธกล่าวว่า ส่วนสัญญาจัดซื้อวัคซีนไฟเซอร์จากกรมควบคุมโรค เมื่อวันที่ 29 มิถุนายนที่ผ่านมา สำนักงานอัยการฯได้รับร่างสัญญาจัดซื้อจำนวน 20 ล้านโดส โดยวันเดียวกันนี้ทางอัยการตรวจร่างสัญญาเสร็จเเล้ว และแจ้งให้กรมควบคุมโรคมารับร่างสัญญาในวันที่ 5 กรกฎาคมนี้
ด้าน นพ.วิฑูรย์ ด่านวิบูลย์ ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม (อภ.) กล่าวถึงการจัดหาวัคซีนทางเลือกวัคซีนโมเดอร์นา ว่า เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม ได้ประชุมหารือร่วมกันระหว่าง อภ. กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) สมาคมโรงพยาบาลเอกชน และ บริษัท ซิลลิค ฟาร์มา จํากัด ซึ่งเป็นตัวแทนของโมเดอร์นาในต่างประเทศเพียงผู้เดียวทำหน้าที่เป็นผู้นำเข้าและขึ้นทะเบียนวัคซีนโมเดอร์นาในประเทศไทย
“ได้รับคำยืนยันจากบริษัทว่า ในช่วงแรกวัคซีนที่จะนำเข้ามาในไตรมาส 4/2564 และไตรมาสที่ 1/2565 รวม 5 ล้านโดส ส่วนร่างสัญญาจัดหาสินค้า (Supply Agreement) ได้ส่งให้อัยการสูงสุดแล้วเมื่อบ่ายวันที่ 2 กรกฎาคม หลังจากนั้นจะลงนามสัญญาจัดหาสินค้ากับบริษัท ซิลลิคฯ ตามกำหนดเดิมต้นเดือนสิงหาคม โดยช่วงเดือนกรกฎาคมนี้ ให้โรงพยาบาลเอกชน แจ้งจำนวนวัคซีน พร้อมงบประมาณให้กับ อภ.” นพ.วิฑูรย์ กล่าว
ด้าน นพ.บุญ วนาสิน ประธานกรรมการ บริษัท ธนบุรี เฮลท์ แคร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ THG เปิดเผยผ่านรายการ เรื่องเล่าเช้านี้ กรณีการนำเข้าวัคซีนโมเดอร์นา และไฟเซอร์ ที่ล่าช้า ว่า เครือโรงพยาบาลธนบุรี วางแผนตั้งแต่เดือนตุลาคม 2563 เพื่อนำเข้าวัคซีน 4-5 ชนิด 50 ล้านโดส แต่รัฐบาลบอกว่าต้องซื้อขายผ่านรัฐต่อรัฐ และห้ามซื้อวัคซีน 5 ชนิดที่รัฐบาลจะสั่งซื้อ จึงเหลือเพียง 3 ยี่ห้อที่เอกชนซื้อได้ คือ โมเดอร์นา ไฟเซอร์ และโนวาแวกซ์ แต่ต้องซื้อผ่าน อภ. แต่ก็สงสัยว่าทำไมจึงล่าช้า
“ผมโทรไปต่อว่าประธานบริษัทผู้ผลิตที่สนิทกัน โทรไปหาทูตสหรัฐ ว่าคุณเห็นประเทศไทยเป็นอย่างไร เราเป็นเพื่อนที่ดีกับคุณมาตลอด ทำไมคุณให้เราช้า ขณะที่ประเทศอื่น ในเอเชียอย่างฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย มาเลเซีย สิงคโปร์ ได้แล้ว แต่ไทยไม่มีสักโดส เขาตอบว่าทางเราไม่เซ็นสัญญา” นพ.บุญกล่าวและว่า อยากฟังความชัดเจนจากรัฐบาลว่าทำไมการสั่งวัคซีน mRNA ถึงได้ช้า ทั้งที่ไฟเซอร์และโมเดอร์นา ได้ผลดีที่สุด ผลข้างเคียงน้อยสุด
บุคลากรการแพทย์-ประชาชน ร่วมลงชื่อ ร้องรัฐบาลซื้อวัคซีน mRNA เร่งด่วน ทะลุแสนคน
https://www.matichon.co.th/politics/news_2808651
ล่าชื่อร้องรัฐบาลซื้อวัคซีน mRNA เร่งด่วน ทะลุแสนชื่อ บุคลากรการแพทย์ร่วมด้วยทั่วประเทศ
จากกรณีที่ ภาคีบุคลากรสาธารณสุข และ บุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้า ร่วมกันเปิดแคมเปญล่าชื่อ เรียกร้องไห้รัฐบาลนำเข้าวัคซีน mRNA อย่างเร่งด่วน เพราะกังวลว่าสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิดในประเทศไทยจะแย่ลง วัคซีนที่มีไม่รองรับสายพันธุ์เดลต้า โดยเฉพาะบุคลากรทางการแพทย์ด้านหน้าซึ่งต้องแบกรับความเสี่ยงมากที่สุด และอาจเป็นผู้กระจายเชื้อได้
ล่าสุดวันที่ 2 มิถุนายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แคมเปญดังกล่าวมีบุคลากรทางการแพทย์ และประชาชน เข้าร่วมลงชื่อมากกว่า 100,000 รายชื่อ เพื่อเรียกร้องข้อเสนอต่อรัฐบาล โดยเป็นบุคลากรทางการแพทย์จากทั่วประเทศด้วย แต่ทั้งนี้ยังไม่มีการเปิดเผยจำนวนว่ามีจำนวนเท่าใด
ทั้งนี้แคมเปญดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 29 มิถุนายน ที่ผ่านมา โดย กลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้า ภาคีบุคลากรสาธารณสุข ได้ร่วมกันเปิดแคมเปญรณรงค์รวบรวมรายชื่อบุคลากรทางการแพทย์จากทั่วประเทศ เพื่อส่งเสียงเรียกร้องไปยังรัฐบาล เร่งจัดหาวัคซีนที่มีประสิทธิภาพสูง ทั้งในการป้องกันการเสียชีวิตและป้องกันการแพร่ระบาด ในการต่อสู้กับโควิดเป็นการเร่งด่วน
แถลงการณ์ของบุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้าเพื่อเรียกร้องการนำเข้า mRNA วัคซีนสำหรับโรคโควิด 19 เป็นกรณีเร่งด่วน ระบุว่า
เนื่องจากสถานการณ์การติดเชื้อของโรคโควิด 19 ในประเทศไทย มีความน่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง จำนวนการคนติดเชื้อและการเสียชีวิตมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ นอกจากนี้ทางบุคลากรทางการแพทย์มีความเป็นห่วงว่าสถานการณ์อาจจะแย่ลงได้เนื่องจากสายพันธ์เดลต้า มักจะมีการแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็วกว่าสายพันธ์อื่นๆ
ในมุมมองทางการแพทย์ ในขณะนี้ประเทศไทยจำนวนบุคลากรจำกัด วัสดุอุปกรณ์รวมถึงสถานที่จำเป็นในการรองรับผู้ป่วยโดยเฉพาะผู้ป่วยวิกฤตมีความจำกัด ทางบุคลากรทางการแพทย์ได้ตระหนักถึงความสำคัญในการเร่งการนำเข้า mRNA วัคซีน ซึ่งในทางการแพทย์ถือว่าเป็นวัคซีนที่มีประสิทธิภาพสูง** จะมีประโยชน์อย่างยิ่ง ในแง่การป้องการเสียชีวิต การป้องกันการแพร่ระบาดได้สูง ซึ่งจะนำมาซึ่งประโยชน์ต่อการควบคุมโรคโควิด 19
ทางกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้าขอเรียกร้องให้รัฐบาล รวมถึงองค์การเภสัชกรรมมีการนำเข้า mRNA vaccine (Pfizer และ Moderna) เข้ามาเป็นการเร่งด่วน เพื่อทำการสร้างภูมิคุ้มกันให้กับประชาชนต่อไป