รีวิวจากผู้รับบริการจริง หลังผ่าตัด ตกแต่งเลเบีย หรือ ตกแต่งแคมเล็ก และ ตกแต่งหนังหุ้มคลิตอริส เข้ารับการผ่าตัด วันที่ 2 เม.ย. 2564
• คุณแนน, จากประเทศไทย..สวัสดีทุกคนค่ะ..เราอายุ35ปี เรามีความกังวลใจเรื่อง เลเบีย หรือ แคมเล็ก มาตั้งแต่สมัยเรียนเพศศึกษาตอนเด็กๆ เพราะจากการเรียนทำให้เราเข้าใจว่าแคมเล็กต้องเล็กๆและอยู่ข้างใน แต่ของเรามันไม่เป็นอย่างนั้นค่ะ มันยาวและยื่นออกมานอกแคมใหญ่ค่ะ เราไม่เคยมีเพศสัมพันธ์กับใครเลย และไม่เคยช่วยตัวเองด้วยค่ะ
• ตั้งแต่โตเป็นสาวพอรู้ความ ก็จำได้ว่ามันมีขนาดใหญ่เท่านี้แล้วค่ะ เรื่องนี้เป็นความกังวลใจลึกๆที่เราไม่กล้าคุยกับใคร ไม่กล้าคุยกับแม่ น้องสาว หรือเพื่อนๆ เราก็มีหาอ่านบทความตามอินเตอร์เน็ทบ้างว่าสิ่งที่เราเป็นมันผิดปกติไหม ซึ่งบทความส่วนใหญ่ก็จะบอกว่ามันเป็นเรื่องปกติ อาจเกิดจากพันธุกรรม แต่ถ้าผู้หญิงคนใดไม่พอใจในลักษณะของแคมเล็กตนเอง ก็สามารถทำการผ่าตัดตกแต่งส่วนนี้ได้
• เราเองมีการอ่านรีวิวตามคลีนิคต่างๆบ้าง รวมถึงได้เจอ Website ของคุณหมอวิทัศศนา เขตต์กลาง มีการเข้าไปอ่านประวัติผลงานของคุณหมอ แต่แล้วก็ยังลังเลใจว่าควรทำดีหรือไม่ และก็ยังปล่อยเวลาให้มันผ่านไปปีแล้วปีเล่า
• เพราะถึงจะมีความกังวลใจมากเพียงใด แต่อีกใจหนึ่งก็กลัวการผ่าตัดมาก กลัวว่าผ่าตัดไปแล้วมีผลข้างเคียงอย่างอื่น อาจจะเสียใจภายหลังถ้าได้ผลลัพธ์ที่ไม่พึงพอใจ แต่ก็ยังคิดว่าถ้าวันหนึ่งตัดสินใจผ่าตัดก็คงเลือกทำกับ คุณหมอวิทัศศนา เพราะว่าคุณหมอเป็นผู้หญิง สำหรับเรา เรารู้สึกว่าเราสะดวกใจมากกว่าคุณหมอผู้ชาย และอีกหนึ่งสิ่งสำคัญคือคุณหมอได้ผ่านการผ่าตัดเคสประเภทนี้มานับหมื่นเคส เลยค่อนข้างรู้สึกว่าเชื่อมั่นในประสบการณ์การผ่าตัดอันมากมายของคุณหมอ
• แต่ละปีที่ผ่านไป ก็จะมีคิดถึงเรื่องนี้ไปๆ มาๆ เป็นพักๆ ว่าเราควรทำไหม ในที่สุดปีนี้ เราก็ตัดสินใจที่จะทำจริงๆแล้ว เพราะว่าบางครั้งที่เราใส่กางเกงรัดๆ เรารู้สึกเจ็บ หรือบางครั้งนั่งทำงานนานๆ หรือขับรถนานๆ ก็รู้สึกไม่สบายตัว บวกกับคิดว่าถ้าเรามีความกังวลใจกับเรื่องนี้มานานขนาดนี้ ก็คงถึงเวลาที่เราควรจะทำให้ความกังวลใจของเราหายไป กลางเดือนมีนาคม 2564 เราตัดสินใจโทรเข้าไปหาคุณหมอ ตามเบอร์ที่โชว์ใน Website
• ผู้ช่วยคุณหมอ ชื่อ คุณติ๊ก เป็นคนรับสาย เรามีการพูดคุยเพื่อต้องการจะนัดวันเข้าไปผ่าตัดกับคุณหมอ ทำให้ทราบว่าคุณหมอประจำอยู่ที่ MasterWork Clinic ซึ่งหลังจากสอบถาม ทราบว่าเครื่องมือที่ใช้ในการผ่าตัดที่คลีนิคนี้เหมือนที่โรงพยาบาลทุกอย่างเลยค่ะ คุณติ๊กผู้ซึ่งทำงานเป็นผู้ช่วยคุณหมอมาเป็นเวลานานหลายปีให้ข้อมูลทุกอย่างอย่างสุภาพและใจเย็น สุดท้ายเราก็ตัดสินใจจองการผ่าตัดเป็นต้นเดือนเมษายน 2564
• วันผ่าตัด เราต้องงดน้ำงดอาหารมาก่อน และทางคลีนิคแนะนำว่าไม่ควรขับรถมา เพราะขากลับอาจมีอาการมึนหัวจากยาสลบ เราเลยนั่งแท็กซี่มา มาถึงคลีนิค มีเจ้าหน้าที่ต้อนรับอย่างดี คลีนิคใหม่ สะอาด ดูน่าเชื่อถือ คุณติ๊ก ผู้ช่วยคุณหมอ มาช่วยดูเรื่องกรอกประวัติ หลังจากนั้นคุณติ๊กก็ให้ไปเปลี่ยนชุด เพื่อให้คุณหมอตรวจร่างกาย
• คุณหมอหน้าตาดูดุนิดหน่อย แต่คุณหมอใจดีมาก คุณหมอทำให้เราผ่อนคลายขึ้น พอคุณหมอดูลักษณะอวัยวะเราเสร็จ คุณหมอก็บอกว่าแคมเล็กเราใหญ่จริงๆ แต่ไม่เป็นไร เดี๋ยวคุณหมอจะทำให้สวยเลย เดี๋ยวทำเสร็จคนไข้ต้องชอบแน่ๆ แล้วคุณหมอก็ให้พี่เจ้าหน้าที่พาไปทำความสะอาดและโกนขน เจ้าหน้าที่ที่นี่ทุกคนน่ารักมาก ไม่มีใครพูดให้เรารู้สึกไม่ดีหรืออายเลย
• จากนั้นก็ไปเตรียมตัวรอคุณหมอในห้องผ่าตัด พอเดินเข้าห้องผ่าตัด ตกใจนิดหน่อย ที่มีเจ้าหน้าที่เยอะมาก น่าจะ7-8คน (ไม่แน่ใจจำนวนเท่าไหร่) แต่ทุกคนเป็นผู้หญิง และบรรยากาศในห้องดูสบายๆ ทุกคนดูใจดี และทุกคนก็กำลังเตรียมอุปกรณ์ต่างๆ ทำหน้าที่ของตัวเองกันไป แต่ถึงแม้บรรยากาศจะผ่อนคลายขนาดไหน ตอนเราไปนอนขึ้นขาหยั่ง เราก็เกร็ง และมือเย็นมากอยู่ดี จำได้ว่าช่วงที่เจ้าหน้าที่กำลังจะให้ยาสลบ มีผ้ามาปิดตาเรา แต่เราคงเกร็งมากๆ จนรู้สึกว่า มีคนมานวดมือให้เราผ่อนคลาย (เราเดาว่าน่าจะเป็นคุณติ๊ก ขอบคุณมากๆนะคะ)
• หลังจากนั้นเราก็สลบไม่รู้เรื่องเลยค่ะ น่าจะ 2 ชั่วโมงผ่านไป เราฟื้นขึ้นจากยาสลบ ความทรงจําแรก คือรู้สึกว่ามีเจ้าหน้าที่กำลังเช็ดทำความสะอาดที่อวัยวะเพศเราอยู่ เหมือนเราจะถามว่าเสร็จแล้วหรอคะ แล้วเจ้าหน้าที่บอกว่าเสร็จแล้วค่ะ แต่ฤทธิ์ยาสลบ เราก็มึนๆ จำอะไรไม่ค่อยได้มาก จำได้แค่ว่าทุกคนออกไปจากห้องผ่าตัด มีเจ้าหน้าที่เหลืออยู่ในห้อง1-2 คน เพื่อคอยดูอาการเราหลังจากฟื้นว่ามีอะไรผิดปกติไหม
• ประมาณอีก1ชั่วโมงถัดมา เจ้าหน้าที่ก็ถามว่า เราลุกไหวไหม เราบอกว่าไหว แล้วคุณติ๊กก็เอาเสื้อผ้ามาให้เราเปลี่ยน เราเปลี่ยนเสื้อผ้าได้เอง และคุณติ๊กบอกให้เราลองไปปัสสาวะดูว่าปัสสาวะได้ไหม มีปัญหาอะไรไหม ตอนแรกกลัวมากว่าเพิ่งผ่าตัดมาต้องเจ็บแน่ๆเลย แต่ปรากฏปัสสาวะได้ปกติเลยค่ะ ไม่รู้สึกเจ็บใดๆ หลังจากนั้นทางคลีนิคเรียกแท็กซี่ให้เรากลับบ้าน และคุณติ๊กเดินมาส่งเราขึ้นแท็กซี่ด้วยค่ะ น่ารักมากๆ
• ระหว่างทางกลับบ้านเราไม่เจ็บปวดใดๆ แค่รู้สึกง่วงๆเพลียๆเฉยๆค่ะ ถึงบ้านก็เดินเข้าบ้านได้ปกติ โดยที่ที่บ้านไม่มีใครทราบค่ะว่าไปทำอะไรมา ทานข้าวเย็นและทานยาที่ทางคลีนิคให้มาและเข้านอนค่ะ ทางคลีนิคแนะนำว่าไม่ให้อาบน้ำ1คืนค่ะ แต่ปัสสาวะ อุจจาระได้ปกติ ทุกครั้งเราก็จะใช้ทิชชู่เปียกเช็ดทำความสะอาด และซับแห้งด้วยทิชชู่ปกติค่ะ
• คืนแรกผ่านไปด้วยดี นอนหลับได้ปกติค่ะ แค่มีการเอา Cool Pack ประคบแก้ปวดตามที่คลีนิคแนะนำค่ะ (คลีนิคเตือนว่าอย่าใช้น้ำแข็งประคบนะคะ น้ำที่ละลายจากน้ำแข็งอาจทำให้แผลติดเชื้อได้ค่ะ) แต่เราไม่ได้ปวดอะไรมากนัก ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะยาแก้ปวดที่คลีนิคให้มาไหม ช่วยได้เยอะเลยค่ะ
• วันที่ 2 ตื่นมา ลุก เดิน ได้ปกติ แต่แค่จะช้าๆหน่อย เพราะรู้สึกปวดๆเจ็บๆตึงๆ แต่ไม่ได้มากอะไรค่ะ ปวดประจำเดือนยังปวดมากกว่าจริงๆค่ะ แค่จะรู้สึกไม่สบายแผลตรงที่ถูกผ่าตัด แต่เราไม่มีเลือดไหลหรือซึมเสื้อผ้าอะไรเลย ช่วงอาทิตย์แรก เราเลือกใส่เป็นชุดนอนกระโปรง จะได้ไม่ต้องมีตะเข็บกางเกงมาถูกับแผลผ่าตัด คืนที่2 เราอาบน้ำสระผม ล้างทำความสะอาดอวัยวะเพศด้วยน้ำเปล่าตามปกติ แล้วเอาไดร์เป่าสัก10-15นาที ให้แห้งค่ะ ทางคลีนิคแนะนำให้ทำอย่างนี้หลังอาบน้ำในช่วง2สัปดาห์แรกค่ะ
• วันที่ 2-4 เราก็ไม่ได้ออกจากบ้านไปไหนเลย ทานข้าวก็สั่ง Delivery มาที่บ้าน ทานอาหารได้ นั่งทำงานได้ เดินช้าๆได้อย่างปกติเลยค่ะ และทุกวันก็จะไม่ลืมทานยาที่คลีนิคให้มาค่ะ เรานอนหลับได้ปกติเลยค่ะ ไม่ปวดใดๆ ใช้ชีวิตได้สบายมากๆค่ะ แค่ทุกครั้งที่เข้าห้องน้ำจะพยายามเช็ดทำความสะอาดให้ดี เพราะกลัวติดเชื้อค่ะ
• วันที่ 5 เราชะล่าใจนิดหน่อยค่ะ คิดว่าไม่เป็นอะไรแล้ว เราขับรถออกไปทำธุระข้างนอกเลยค่ะ แล้วมีเหตุให้ต้องเดินไปเดินมาหลายที่ คือเดินได้นะคะ ไม่ปวด แค่รู้สึกเหมือนมีเลือดซึมๆ และวันนั้นอาจจะเดินเยอะไปหน่อย กลับบ้านมาพบว่ามีเลือดซึมออกมาจริงๆ บวกกับรู้สึกค่อนข้างปวดๆบริเวณแผลผ่าตัด เลยตัดสินใจเอา Cool Pack กลับมาประคบอีกที แล้วทานยาแก้ปวดค่ะ ซึ่งก็ทำให้รู้สึกดีขึ้นค่ะ เรามีการไลน์ไปถามคุณติ๊ก เรื่องเลือดที่ซึมๆ ออกมานิดหน่อย คุณติ๊กบอกว่า เป็นไปได้ เป็นปกติ ไม่ต้องกังวลเรื่องแผลฉีกขาด แต่อยากจะแนะนำเพื่อนๆ ท่านอื่นว่า หลังจากผ่าตัดใหม่ๆ ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ ไม่ควรออกไปเดินเยอะๆ ขนาดเรานะคะ
• วันที่ 6 เราเข็ดจากเมื่อวานมากค่ะ ก็เลยอยู่บ้าน ไม่ออกไปไหนแล้วค่ะ ค่อยๆเดิน ทานยาแก้ปวด แล้วอาการปวดจากเมื่อวานก็ดีขึ้นค่ะ นั่งทำงานที่บ้านได้ ไม่มีปัญหาค่ะ
• หลังจากนั้น อีก1อาทิตย์ เราก็ดูแลตัวเองเหมือนอาทิตย์ที่ผ่านมา ในเรื่องการทำความสะอาดหลังเข้าห้องน้ำ กับไดร์ตรงส่วนแผลผ่าตัดให้แห้งหลังอาบน้ำ อาการปวดต่างๆก็แทบจะไม่มีเลยค่ะ มีแค่คันๆนิดหน่อย เดาว่าเป็นจากไหมละลายที่คุณหมอเย็บไว้ แต่เรียกว่าใช้ชีวิตได้อย่างปกติค่ะ
• วันที่ 13 หลังการผ่าตัด ประจำเดือนเรามา เราก็ไม่ได้ทำอะไรต่างไปจากเดิม อาบน้ำปกติ แค่หยุดการไดร์ให้แห้งไปเอง เพราะรู้สึกไม่สะดวกที่จะทำช่วงมีประจำเดือน ทำแค่เช็ดให้แห้ง หลังทำความสะอาด ส่วนตัวรู้สึกว่าการผ่าตัดไม่ได้ส่งผลให้รู้สึกผิดปกติใดๆทั้งสิ้นเลยในช่วงมีประจำเดือน ทุกอย่างปกติ ไม่เจ็บ ไม่ปวด ใดๆเลยค่ะ
• ครบ 3 อาทิตย์ คุณหมอนัดดูแผล แผลเราแห้งปกติดี แต่เรารู้สึกคันมาก เราสงสัยไปเองว่าเป็นเพราะขนที่ถูกโกนมันขึ้นมาใหม่หรือเปล่า เลยทำให้คันมาก ก็ปรึกษาคุณหมอว่าขอเลเซอร์ขนออกได้ไหม คุณหมอไม่แนะนำ บอกว่าควรจะรอสัก1เดือน แต่ช่วงอาทิตย์ที่ 3 เราคันมากจริงๆ จนต้องไลน์ไปถามคลีนิคว่าอาการคันเกิดจากขนที่ขึ้นใหม่ หรือเกิดจากไหมละลายกันแน่ ควรจะทำอย่างไร คลีนิคสันนิษฐานว่าน่าจะเป็นเพราะไหมละลายมากกว่า
• คุณหมอแนะนำให้ไปซื้อยาแก้แพ้ชนิดที่ไม่ง่วงนอนจากร้านขายยามาทาน หลังจากทานยา อาการคันก็ดีขึ้นมากๆ จนหายไปเองใน 2วัน แต่เราก็ยังทานติดต่อกันอยู่ประมาณ 5 วัน จนแน่ใจว่าไม่คันอีกแล้ว จึงหยุดทานยา
• หลังจากนั้น ชีวิตก็คือปกติ 100 เปอร์เซ็นต์เลยค่ะ ไม่ปวด ไม่เจ็บ ไม่คันใดๆ อีกต่อไป ตอนนี้ผ่านมาทั้งหมด 7สัปดาห์กว่าๆ รู้สึกมีความสุขกับตัวเอง และพอใจในผลลัพธ์ของการผ่าตัดครั้งนี้มากค่ะ
• ค่าใช้จ่ายในการผ่าตัดของเราอยู่ที่ 48,000 บาท เราได้ส่วนลด10% จากโปรโมชั่นของทางคลีนิคในช่วงนั้น แต่ของเพื่อนๆ คนใดที่แคมเล็กไม่ได้มีขนาดใหญ่เท่าเรา ราคาก็น่าจะถูกกว่านี้ค่ะ ลองเข้าไปปรึกษากับทางคลีนิคก่อนได้ค่ะ
• การผ่าตัด ผลลัพธ์คงจะต่างกันออกไปในแต่ละคน เราไม่สามารถการันตีใดๆ ได้ แต่สำหรับเรา เราพึงพอใจและมีความสุขมาก เราจะได้ไม่ต้องมาคิดถึงเรื่องนี้ซ้ำๆ วนไปวนมาสักที เราไม่เคยทำศัลยกรรมใดๆ เลยในชีวิต เพราะเราพอใจในรูปร่างและหน้าตาของเรา แต่ถ้าเราไม่พอใจในแคมเล็กของเรา เราก็คิดว่าเราคิดไม่ผิดที่เราตัดสินใจผ่าตัดตกแต่งแคมเล็กของเราในครั้งนี้ค่ะ
• การรีวิวครั้งนี้ เราไม่ได้รับค่าจ้างใดๆทั้งสิ้น เราแค่ต้องการขอบคุณ คุณหมอวิทัศศนา เขตต์กลาง กับเจ้าหน้าที่ทุกๆท่านที่ MasterWork Clinic ค่ะ ขอบคุณทุกคนมากๆ นะคะที่ดูแลคนไข้ขี้กลัวคนนี้อย่างดีในทุกขั้นตอน ประทับใจจริงๆ ค่ะ
• นอกจากนี้ เราก็แค่อยากแบ่งปันเรื่องราวของเรา เผื่อจะมีประโยชน์ในการตัดสินใจของเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ท่านใด ที่มีความกังวลใจเหมือนที่เราเคยเป็นมาโดยตลอดนะคะ หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับท่านที่เข้ามาอ่านรีวิวของเราไม่มากก็น้อยนะคะ
[CR] เข้าใจผิดมาตลอดเจ็บน้องสาว เพราะคิดว่ากางเกงรัดแต่จริงๆมันซับซ้อนมากค่ะมาลองอ่านกัน
• คุณแนน, จากประเทศไทย..สวัสดีทุกคนค่ะ..เราอายุ35ปี เรามีความกังวลใจเรื่อง เลเบีย หรือ แคมเล็ก มาตั้งแต่สมัยเรียนเพศศึกษาตอนเด็กๆ เพราะจากการเรียนทำให้เราเข้าใจว่าแคมเล็กต้องเล็กๆและอยู่ข้างใน แต่ของเรามันไม่เป็นอย่างนั้นค่ะ มันยาวและยื่นออกมานอกแคมใหญ่ค่ะ เราไม่เคยมีเพศสัมพันธ์กับใครเลย และไม่เคยช่วยตัวเองด้วยค่ะ
• ตั้งแต่โตเป็นสาวพอรู้ความ ก็จำได้ว่ามันมีขนาดใหญ่เท่านี้แล้วค่ะ เรื่องนี้เป็นความกังวลใจลึกๆที่เราไม่กล้าคุยกับใคร ไม่กล้าคุยกับแม่ น้องสาว หรือเพื่อนๆ เราก็มีหาอ่านบทความตามอินเตอร์เน็ทบ้างว่าสิ่งที่เราเป็นมันผิดปกติไหม ซึ่งบทความส่วนใหญ่ก็จะบอกว่ามันเป็นเรื่องปกติ อาจเกิดจากพันธุกรรม แต่ถ้าผู้หญิงคนใดไม่พอใจในลักษณะของแคมเล็กตนเอง ก็สามารถทำการผ่าตัดตกแต่งส่วนนี้ได้
• เราเองมีการอ่านรีวิวตามคลีนิคต่างๆบ้าง รวมถึงได้เจอ Website ของคุณหมอวิทัศศนา เขตต์กลาง มีการเข้าไปอ่านประวัติผลงานของคุณหมอ แต่แล้วก็ยังลังเลใจว่าควรทำดีหรือไม่ และก็ยังปล่อยเวลาให้มันผ่านไปปีแล้วปีเล่า
• เพราะถึงจะมีความกังวลใจมากเพียงใด แต่อีกใจหนึ่งก็กลัวการผ่าตัดมาก กลัวว่าผ่าตัดไปแล้วมีผลข้างเคียงอย่างอื่น อาจจะเสียใจภายหลังถ้าได้ผลลัพธ์ที่ไม่พึงพอใจ แต่ก็ยังคิดว่าถ้าวันหนึ่งตัดสินใจผ่าตัดก็คงเลือกทำกับ คุณหมอวิทัศศนา เพราะว่าคุณหมอเป็นผู้หญิง สำหรับเรา เรารู้สึกว่าเราสะดวกใจมากกว่าคุณหมอผู้ชาย และอีกหนึ่งสิ่งสำคัญคือคุณหมอได้ผ่านการผ่าตัดเคสประเภทนี้มานับหมื่นเคส เลยค่อนข้างรู้สึกว่าเชื่อมั่นในประสบการณ์การผ่าตัดอันมากมายของคุณหมอ
• แต่ละปีที่ผ่านไป ก็จะมีคิดถึงเรื่องนี้ไปๆ มาๆ เป็นพักๆ ว่าเราควรทำไหม ในที่สุดปีนี้ เราก็ตัดสินใจที่จะทำจริงๆแล้ว เพราะว่าบางครั้งที่เราใส่กางเกงรัดๆ เรารู้สึกเจ็บ หรือบางครั้งนั่งทำงานนานๆ หรือขับรถนานๆ ก็รู้สึกไม่สบายตัว บวกกับคิดว่าถ้าเรามีความกังวลใจกับเรื่องนี้มานานขนาดนี้ ก็คงถึงเวลาที่เราควรจะทำให้ความกังวลใจของเราหายไป กลางเดือนมีนาคม 2564 เราตัดสินใจโทรเข้าไปหาคุณหมอ ตามเบอร์ที่โชว์ใน Website
• ผู้ช่วยคุณหมอ ชื่อ คุณติ๊ก เป็นคนรับสาย เรามีการพูดคุยเพื่อต้องการจะนัดวันเข้าไปผ่าตัดกับคุณหมอ ทำให้ทราบว่าคุณหมอประจำอยู่ที่ MasterWork Clinic ซึ่งหลังจากสอบถาม ทราบว่าเครื่องมือที่ใช้ในการผ่าตัดที่คลีนิคนี้เหมือนที่โรงพยาบาลทุกอย่างเลยค่ะ คุณติ๊กผู้ซึ่งทำงานเป็นผู้ช่วยคุณหมอมาเป็นเวลานานหลายปีให้ข้อมูลทุกอย่างอย่างสุภาพและใจเย็น สุดท้ายเราก็ตัดสินใจจองการผ่าตัดเป็นต้นเดือนเมษายน 2564
• วันผ่าตัด เราต้องงดน้ำงดอาหารมาก่อน และทางคลีนิคแนะนำว่าไม่ควรขับรถมา เพราะขากลับอาจมีอาการมึนหัวจากยาสลบ เราเลยนั่งแท็กซี่มา มาถึงคลีนิค มีเจ้าหน้าที่ต้อนรับอย่างดี คลีนิคใหม่ สะอาด ดูน่าเชื่อถือ คุณติ๊ก ผู้ช่วยคุณหมอ มาช่วยดูเรื่องกรอกประวัติ หลังจากนั้นคุณติ๊กก็ให้ไปเปลี่ยนชุด เพื่อให้คุณหมอตรวจร่างกาย
• คุณหมอหน้าตาดูดุนิดหน่อย แต่คุณหมอใจดีมาก คุณหมอทำให้เราผ่อนคลายขึ้น พอคุณหมอดูลักษณะอวัยวะเราเสร็จ คุณหมอก็บอกว่าแคมเล็กเราใหญ่จริงๆ แต่ไม่เป็นไร เดี๋ยวคุณหมอจะทำให้สวยเลย เดี๋ยวทำเสร็จคนไข้ต้องชอบแน่ๆ แล้วคุณหมอก็ให้พี่เจ้าหน้าที่พาไปทำความสะอาดและโกนขน เจ้าหน้าที่ที่นี่ทุกคนน่ารักมาก ไม่มีใครพูดให้เรารู้สึกไม่ดีหรืออายเลย
• จากนั้นก็ไปเตรียมตัวรอคุณหมอในห้องผ่าตัด พอเดินเข้าห้องผ่าตัด ตกใจนิดหน่อย ที่มีเจ้าหน้าที่เยอะมาก น่าจะ7-8คน (ไม่แน่ใจจำนวนเท่าไหร่) แต่ทุกคนเป็นผู้หญิง และบรรยากาศในห้องดูสบายๆ ทุกคนดูใจดี และทุกคนก็กำลังเตรียมอุปกรณ์ต่างๆ ทำหน้าที่ของตัวเองกันไป แต่ถึงแม้บรรยากาศจะผ่อนคลายขนาดไหน ตอนเราไปนอนขึ้นขาหยั่ง เราก็เกร็ง และมือเย็นมากอยู่ดี จำได้ว่าช่วงที่เจ้าหน้าที่กำลังจะให้ยาสลบ มีผ้ามาปิดตาเรา แต่เราคงเกร็งมากๆ จนรู้สึกว่า มีคนมานวดมือให้เราผ่อนคลาย (เราเดาว่าน่าจะเป็นคุณติ๊ก ขอบคุณมากๆนะคะ)
• หลังจากนั้นเราก็สลบไม่รู้เรื่องเลยค่ะ น่าจะ 2 ชั่วโมงผ่านไป เราฟื้นขึ้นจากยาสลบ ความทรงจําแรก คือรู้สึกว่ามีเจ้าหน้าที่กำลังเช็ดทำความสะอาดที่อวัยวะเพศเราอยู่ เหมือนเราจะถามว่าเสร็จแล้วหรอคะ แล้วเจ้าหน้าที่บอกว่าเสร็จแล้วค่ะ แต่ฤทธิ์ยาสลบ เราก็มึนๆ จำอะไรไม่ค่อยได้มาก จำได้แค่ว่าทุกคนออกไปจากห้องผ่าตัด มีเจ้าหน้าที่เหลืออยู่ในห้อง1-2 คน เพื่อคอยดูอาการเราหลังจากฟื้นว่ามีอะไรผิดปกติไหม
• ประมาณอีก1ชั่วโมงถัดมา เจ้าหน้าที่ก็ถามว่า เราลุกไหวไหม เราบอกว่าไหว แล้วคุณติ๊กก็เอาเสื้อผ้ามาให้เราเปลี่ยน เราเปลี่ยนเสื้อผ้าได้เอง และคุณติ๊กบอกให้เราลองไปปัสสาวะดูว่าปัสสาวะได้ไหม มีปัญหาอะไรไหม ตอนแรกกลัวมากว่าเพิ่งผ่าตัดมาต้องเจ็บแน่ๆเลย แต่ปรากฏปัสสาวะได้ปกติเลยค่ะ ไม่รู้สึกเจ็บใดๆ หลังจากนั้นทางคลีนิคเรียกแท็กซี่ให้เรากลับบ้าน และคุณติ๊กเดินมาส่งเราขึ้นแท็กซี่ด้วยค่ะ น่ารักมากๆ
• ระหว่างทางกลับบ้านเราไม่เจ็บปวดใดๆ แค่รู้สึกง่วงๆเพลียๆเฉยๆค่ะ ถึงบ้านก็เดินเข้าบ้านได้ปกติ โดยที่ที่บ้านไม่มีใครทราบค่ะว่าไปทำอะไรมา ทานข้าวเย็นและทานยาที่ทางคลีนิคให้มาและเข้านอนค่ะ ทางคลีนิคแนะนำว่าไม่ให้อาบน้ำ1คืนค่ะ แต่ปัสสาวะ อุจจาระได้ปกติ ทุกครั้งเราก็จะใช้ทิชชู่เปียกเช็ดทำความสะอาด และซับแห้งด้วยทิชชู่ปกติค่ะ
• คืนแรกผ่านไปด้วยดี นอนหลับได้ปกติค่ะ แค่มีการเอา Cool Pack ประคบแก้ปวดตามที่คลีนิคแนะนำค่ะ (คลีนิคเตือนว่าอย่าใช้น้ำแข็งประคบนะคะ น้ำที่ละลายจากน้ำแข็งอาจทำให้แผลติดเชื้อได้ค่ะ) แต่เราไม่ได้ปวดอะไรมากนัก ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะยาแก้ปวดที่คลีนิคให้มาไหม ช่วยได้เยอะเลยค่ะ
• วันที่ 2 ตื่นมา ลุก เดิน ได้ปกติ แต่แค่จะช้าๆหน่อย เพราะรู้สึกปวดๆเจ็บๆตึงๆ แต่ไม่ได้มากอะไรค่ะ ปวดประจำเดือนยังปวดมากกว่าจริงๆค่ะ แค่จะรู้สึกไม่สบายแผลตรงที่ถูกผ่าตัด แต่เราไม่มีเลือดไหลหรือซึมเสื้อผ้าอะไรเลย ช่วงอาทิตย์แรก เราเลือกใส่เป็นชุดนอนกระโปรง จะได้ไม่ต้องมีตะเข็บกางเกงมาถูกับแผลผ่าตัด คืนที่2 เราอาบน้ำสระผม ล้างทำความสะอาดอวัยวะเพศด้วยน้ำเปล่าตามปกติ แล้วเอาไดร์เป่าสัก10-15นาที ให้แห้งค่ะ ทางคลีนิคแนะนำให้ทำอย่างนี้หลังอาบน้ำในช่วง2สัปดาห์แรกค่ะ
• วันที่ 2-4 เราก็ไม่ได้ออกจากบ้านไปไหนเลย ทานข้าวก็สั่ง Delivery มาที่บ้าน ทานอาหารได้ นั่งทำงานได้ เดินช้าๆได้อย่างปกติเลยค่ะ และทุกวันก็จะไม่ลืมทานยาที่คลีนิคให้มาค่ะ เรานอนหลับได้ปกติเลยค่ะ ไม่ปวดใดๆ ใช้ชีวิตได้สบายมากๆค่ะ แค่ทุกครั้งที่เข้าห้องน้ำจะพยายามเช็ดทำความสะอาดให้ดี เพราะกลัวติดเชื้อค่ะ
• วันที่ 5 เราชะล่าใจนิดหน่อยค่ะ คิดว่าไม่เป็นอะไรแล้ว เราขับรถออกไปทำธุระข้างนอกเลยค่ะ แล้วมีเหตุให้ต้องเดินไปเดินมาหลายที่ คือเดินได้นะคะ ไม่ปวด แค่รู้สึกเหมือนมีเลือดซึมๆ และวันนั้นอาจจะเดินเยอะไปหน่อย กลับบ้านมาพบว่ามีเลือดซึมออกมาจริงๆ บวกกับรู้สึกค่อนข้างปวดๆบริเวณแผลผ่าตัด เลยตัดสินใจเอา Cool Pack กลับมาประคบอีกที แล้วทานยาแก้ปวดค่ะ ซึ่งก็ทำให้รู้สึกดีขึ้นค่ะ เรามีการไลน์ไปถามคุณติ๊ก เรื่องเลือดที่ซึมๆ ออกมานิดหน่อย คุณติ๊กบอกว่า เป็นไปได้ เป็นปกติ ไม่ต้องกังวลเรื่องแผลฉีกขาด แต่อยากจะแนะนำเพื่อนๆ ท่านอื่นว่า หลังจากผ่าตัดใหม่ๆ ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ ไม่ควรออกไปเดินเยอะๆ ขนาดเรานะคะ
• วันที่ 6 เราเข็ดจากเมื่อวานมากค่ะ ก็เลยอยู่บ้าน ไม่ออกไปไหนแล้วค่ะ ค่อยๆเดิน ทานยาแก้ปวด แล้วอาการปวดจากเมื่อวานก็ดีขึ้นค่ะ นั่งทำงานที่บ้านได้ ไม่มีปัญหาค่ะ
• หลังจากนั้น อีก1อาทิตย์ เราก็ดูแลตัวเองเหมือนอาทิตย์ที่ผ่านมา ในเรื่องการทำความสะอาดหลังเข้าห้องน้ำ กับไดร์ตรงส่วนแผลผ่าตัดให้แห้งหลังอาบน้ำ อาการปวดต่างๆก็แทบจะไม่มีเลยค่ะ มีแค่คันๆนิดหน่อย เดาว่าเป็นจากไหมละลายที่คุณหมอเย็บไว้ แต่เรียกว่าใช้ชีวิตได้อย่างปกติค่ะ
• วันที่ 13 หลังการผ่าตัด ประจำเดือนเรามา เราก็ไม่ได้ทำอะไรต่างไปจากเดิม อาบน้ำปกติ แค่หยุดการไดร์ให้แห้งไปเอง เพราะรู้สึกไม่สะดวกที่จะทำช่วงมีประจำเดือน ทำแค่เช็ดให้แห้ง หลังทำความสะอาด ส่วนตัวรู้สึกว่าการผ่าตัดไม่ได้ส่งผลให้รู้สึกผิดปกติใดๆทั้งสิ้นเลยในช่วงมีประจำเดือน ทุกอย่างปกติ ไม่เจ็บ ไม่ปวด ใดๆเลยค่ะ
• ครบ 3 อาทิตย์ คุณหมอนัดดูแผล แผลเราแห้งปกติดี แต่เรารู้สึกคันมาก เราสงสัยไปเองว่าเป็นเพราะขนที่ถูกโกนมันขึ้นมาใหม่หรือเปล่า เลยทำให้คันมาก ก็ปรึกษาคุณหมอว่าขอเลเซอร์ขนออกได้ไหม คุณหมอไม่แนะนำ บอกว่าควรจะรอสัก1เดือน แต่ช่วงอาทิตย์ที่ 3 เราคันมากจริงๆ จนต้องไลน์ไปถามคลีนิคว่าอาการคันเกิดจากขนที่ขึ้นใหม่ หรือเกิดจากไหมละลายกันแน่ ควรจะทำอย่างไร คลีนิคสันนิษฐานว่าน่าจะเป็นเพราะไหมละลายมากกว่า
• คุณหมอแนะนำให้ไปซื้อยาแก้แพ้ชนิดที่ไม่ง่วงนอนจากร้านขายยามาทาน หลังจากทานยา อาการคันก็ดีขึ้นมากๆ จนหายไปเองใน 2วัน แต่เราก็ยังทานติดต่อกันอยู่ประมาณ 5 วัน จนแน่ใจว่าไม่คันอีกแล้ว จึงหยุดทานยา
• หลังจากนั้น ชีวิตก็คือปกติ 100 เปอร์เซ็นต์เลยค่ะ ไม่ปวด ไม่เจ็บ ไม่คันใดๆ อีกต่อไป ตอนนี้ผ่านมาทั้งหมด 7สัปดาห์กว่าๆ รู้สึกมีความสุขกับตัวเอง และพอใจในผลลัพธ์ของการผ่าตัดครั้งนี้มากค่ะ
• ค่าใช้จ่ายในการผ่าตัดของเราอยู่ที่ 48,000 บาท เราได้ส่วนลด10% จากโปรโมชั่นของทางคลีนิคในช่วงนั้น แต่ของเพื่อนๆ คนใดที่แคมเล็กไม่ได้มีขนาดใหญ่เท่าเรา ราคาก็น่าจะถูกกว่านี้ค่ะ ลองเข้าไปปรึกษากับทางคลีนิคก่อนได้ค่ะ
• การผ่าตัด ผลลัพธ์คงจะต่างกันออกไปในแต่ละคน เราไม่สามารถการันตีใดๆ ได้ แต่สำหรับเรา เราพึงพอใจและมีความสุขมาก เราจะได้ไม่ต้องมาคิดถึงเรื่องนี้ซ้ำๆ วนไปวนมาสักที เราไม่เคยทำศัลยกรรมใดๆ เลยในชีวิต เพราะเราพอใจในรูปร่างและหน้าตาของเรา แต่ถ้าเราไม่พอใจในแคมเล็กของเรา เราก็คิดว่าเราคิดไม่ผิดที่เราตัดสินใจผ่าตัดตกแต่งแคมเล็กของเราในครั้งนี้ค่ะ
• การรีวิวครั้งนี้ เราไม่ได้รับค่าจ้างใดๆทั้งสิ้น เราแค่ต้องการขอบคุณ คุณหมอวิทัศศนา เขตต์กลาง กับเจ้าหน้าที่ทุกๆท่านที่ MasterWork Clinic ค่ะ ขอบคุณทุกคนมากๆ นะคะที่ดูแลคนไข้ขี้กลัวคนนี้อย่างดีในทุกขั้นตอน ประทับใจจริงๆ ค่ะ
• นอกจากนี้ เราก็แค่อยากแบ่งปันเรื่องราวของเรา เผื่อจะมีประโยชน์ในการตัดสินใจของเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ท่านใด ที่มีความกังวลใจเหมือนที่เราเคยเป็นมาโดยตลอดนะคะ หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับท่านที่เข้ามาอ่านรีวิวของเราไม่มากก็น้อยนะคะ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้
ข้อมูลเพิ่มเติม